ตอนที่ 7-24 นิ่งเงียบ
ภายในที่พักที่มืดเงียบ มีแต่เพียงเรย์โนลด์, เยล, จอร์จ สาวรับใช้หลายสิบและพนักงานคุ้มกันอีกหลายสิบคน ทุกคนมาที่นี่เพื่อลินลี่ย์
ใต้ร่มเถาองุ่น จอร์จ เยลและเรย์โนลด์กำลังยืนอยู่รอบๆ โต๊ะศิลา
“พี่ใหญ่เยล เจ้าคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่สาม?” เรย์โนลด์มีสีสับสนขณะถามอย่างจนใจ
เยลส่ายหน้า “ข้าไม่รู้เหมือนกันน้องสามมาอยู่ที่นี่ถึงสิบวันแล้ว และช่วงสิบวันที่ผ่านมานี้ น้องสามไม่ใช้พลังตามปกติของเขาเลย เขาไม่ฝึกฝน ไม่หยอกเย้าไม่เล่นหัวกับเราอีกเลยเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับตัวเอง”
จอร์จพยักหน้าเช่นกัน “ในอดีตไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น น้องสามจะไม่หยุดฝึกฝนเลย แต่ตอนนี้ดูเหมือนเขาเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่งอย่างสิ้นเชิง”
“แล้วใครจะบอกข้าได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่สามกันแน่?” เรย์โนลด์ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “คงจะดีมากถ้าข้าได้รับรู้” เยลถอนหายใจจนใจ
สิ่งที่ทำร้ายพวกเขาทำให้คิดจนปวดหัวไปหมดก็คือ พวกเขาไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุทำให้ลินลี่ย์กลายเป็นเช่นนี้ เขาไม่ฝึกไม่ร่าเริงไม่เสวนากับทั้งสองคนอีกเลย เขามักจะหมกมุ่นอยู่กับตนเองเหม่อมองข้างหน้าราวกับคนสูญเสียวิญญาณ
เขากลายเป็นอย่างนี้โดยไม่มีเหตุผลชัดเจน
พี่น้องที่รักลินลี่ย์จะไม่ห่วงกังวลเขาได้อย่างไร?
“น้องสามต้องประสบกับความสะเทือนใจที่ทำให้ทุกข์ทรมานแน่” เยลถอนหายใจอย่างเงียบงัน จอร์จและเรย์โนล์ตะลึงอยู่ชั่วขณะ จากนั้นพวกเขาเงียบ พวกเขาอดนึกย้อนไปถึงสิ่งที่เขาเห็นวันนั้นไม่ได้
คนสังเกตการณ์ดูรายล้อมพื้นที่ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างในระยะหลายร้อยเมตรโดยรอบพังพินาศ ภายในพื้นที่ภัยพิบัตินั้นมีหลุมที่เกิดจากอุกกาบาตพุ่งชนถึงหกแห่ง
ลินลี่ย์อยู่ในร่างแปลงมังกรได้สังหารมือปราบพิเศษเหล่านั้นทุกคนอย่างโหดเหี้ยม จากนั้นนั่งลงกับพื้นและเริ่มร้องไห้ เขาร้องสะอื้นไห้เหมือนเด็ก “ข้าไม่เคยเห็นน้องสามใจสลายและเปราะบางอย่างนี้มาก่อน” เยลพูดเบาๆ
จอร์จพยักหน้าเห็นด้วย “น้องสามเข้มแข็งอดทนมาก แม้แต่เมื่อตอนที่อลิซเลิกคบกับเขา หลังจากสลักรูปสลักตื่นจากฝันเสร็จเขาก็มุ่งหน้าเข้าเทือกเขาอสูรเวทเพื่อฝึกหนัก”
“ใช่แล้ว แม้แต่ตอนที่บิดาของเขาเสียชีวิต น้องสามก็ยังอดทนได้ แต่ครั้งนี้...” เรย์โนลด์ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
พวกเขาทุกคนเชื่อว่าพี่น้องซึ่งเป็นที่รักของพวกเขาอยู่ในช่วงเปราะบางในตอนนี้ แต่ไม่มีผู้ใดค้นหาสาเหตุพบ
ข้างๆ ลำธารด้านหลังลานบ้านพัก ลินลี่ย์กำลังนั่งอยู่บนหินขัดที่ตกแต่งไว้ เขาจ้องมองลำธารไม่ขยับ
บีบียืนอยู่บนหินข้างๆ ตัวลินลี่ย์เช่นกัน
เงียบสงัด มีแต่เสียงน้ำไหลริน
แม้ว่าตาของลินลี่ย์เหม่อมองลำธาร แต่ความคิดของเขายังคงจดจ่ออยู่กับเรื่องปู่เดลินและช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน
เขามักจะเล่นวนเวียนกับปู่เดลินเหมือนกับตัวเองเป็นเด็กน้อย
วิธีที่ปู่เดลินแนะนำและฝึกฝนให้เขาอย่างเข้มงวด ตอนที่เขาเป็นเด็กหนุ่ม
ในเทือกเขาอสูรเวทปู่เดลินได้สั่งสอนเขาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างระมัดระวังไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ยิ่งความทรงจำผุดขึ้นมาในแต่ละครั้ง ลินลี่ย์ยิ่งรู้สึกปวดใจขึ้นทุกที
“หลังจากท่านพ่อตาย ข้าคิดว่าข้าโดดเดี่ยวเดียวดายมากพอแล้ว แต่ข้าไม่รู้เลยว่าในความเป็นจริงแล้วข้าโชคดีมากเพียงไหน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นปู่เดลินมักจะอยู่เบื้องหลังข้า คอยสนับสนุนข้า ปลอบโยนข้า ให้กำลังใจข้า.....”
“แต่ทำไมข้าถึงไม่รู้สำนึกถึงสิ่งที่ผ่านมานี้เลย? ทำไมข้าไม่รักษาเวลาที่มีค่าช่วงเวลาที่อยู่กับปู่เดลินให้ดี?” ลินลี่ย์คร่ำครวญร่ำไห้ในใจ
ปู่เดลินไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเขามากเกินไปเลย แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าปู่เดลินจะรู้สึกอย่างไรเขาไม่ได้ให้คุณค่าเวลาที่เขาได้ใช้ร่วมกันกับปู่เดลินอย่างแท้จริง บางทีอาจเป็นเพราะจิตใต้สำนึกของเขาเชื่อว่าปู่เดลินจะอยู่ภายในแหวนมังกรขนดอยู่กับเขาตลอดไป
“แหวนมังกรขนาด? ปู่เดลินอยู่ในแหวนมังกรขนดมาด้วยตัวเองต้องเป็นเรื่องที่เจ็บปวดและทุกข์ทรมานสำหรับเขาที่ต้องอยู่ในนั้นตามลำพังมาโดยตลอด บางทีปู่เดลินหวังว่าข้าจะคุยกับเขาได้บ่อยขึ้นกระมัง?” ตอนนี้ลินลี่ย์วนเวียนคิดแต่เรื่องเหล่านี้
แต่....
ในอดีต ลินลี่ย์มักจะทำแค่ขอคำแนะนำปู่เดลินเมื่อเขาพบกับความยากลำบากที่แก้ไม่ตกยากนักที่เขาจะเรียกหาปู่เดลินเพื่อสนทนากัน
เขาเอาแต่รับอย่างเดียวโดยไม่สนองตอบกลับ
“ทำไมหลังจากที่ข้าสูญเสียไปแล้ว ข้าเพิ่งมาเข้าใจในตอนนี้ว่าสิ่งนั้นน่าหวงแหนเพียงไหน?” ร่างของลินลี่ย์เริ่มสั่นสะท้าน เขาหวังว่าปู่เดลินอาจจะกลับมาและมาอยู่ข้างตัวเขาอีกครั้ง
น่าเสียดาย...........
เป็นไปไม่ได้
ปู่เดลินตายแล้ว ตายและจากไปอย่างถาวร
ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ว่าหัวใจของเขาบีบรัดเหมือนมันกำลังทรมาน เขาสั่นไปทั้งตัวด้วยความรู้สึกเจ็บปวด แต่ไม่มีร่องรอยความเจ็บปวดให้เห็นบนใบหน้าของลินลี่ย์
ลึกลงไปในใจของลินลี่ย์ เขาเริ่มคิด...
ถ้าเขาเพียงแต่ตายไปเพราะความเจ็บปวดในตอนนี้ อย่างนั้นเขาคงจะหลีกหนีจากเรื่องทั้งปวงได้
“เจ้านาย” เสียงของบีบีดังขึ้นในหัวของลินลี่ย์ ลินลี่ย์หันไปมองบีบี ดวงตาน้อยๆเท่าลูกปัดของบีบีกำลังจ้องมองลินลี่ย์ มีแต่ความกังวลห่วงใยเต็มอยู่ในดวงตานั้น
“ท่าน...ท่านกำลังคิดถึงปู่เดลินคนนั้นอีกแล้วใช่ไหม?” แม้แต่บีบีก็เพิ่งรู้หลังจากเดลินโคเวิร์ทตายไปแล้วว่าก่อนหน้านี้ลินลี่ย์มีวิญญาณปรมาจารย์จอมเวทระดับเซียนอยู่ข้างตัวของเขา
ลินลี่ย์พยักหน้า
บีบีคุยกับลินลี่ย์ทางใจ “เจ้านาย, ท่าน...ท่านเล่าเรื่องปู่เดลินให้ข้าฟังทั้งหมดได้ไหม?”
เมื่อเห็นบีบี ลินลี่ย์พยักหน้าช้าๆ จากนั้นอ้าแขนกอดบีบีไว้ ลินลี่ย์เริ่มต้นเล่าเรื่องเดลินโคเวิร์ทให้บีบีฟัง “ปีนั้น ข้าอายุแปดขวบมีนักสู้ระดับเซียนสองคนปรากฏตัวที่เมืองน้อยอู่ซาน..”
เรย์โนลด์และพวกพ้องยืนอยู่นอกประตูหลังลานบ้านมองดูอยู่เงียบๆ ขณะที่ลินลี่ย์กอดบีบีนั่งอยู่บนหินที่ขัดเรียบ
“ข้ารู้สึกว่าทรมานใจตัวเองจริงๆ ที่เห็นพี่สามเป็นแบบนี้”เรย์โนลด์ถอนหายใจเบาๆ
เยลและจอร์จต่างนิ่งเงียบ
“เราต้องคิดหาวิธี” ตาของจอร์จเป็นประกายคมกล้า และดุร้ายขึ้น “ไม่ว่ายังไง เราจะปล่อยให้น้องสามพังทลายแบบนี้ไม่ได้”
เยลและเรย์โนลด์พยักหน้าทั้งคู่
“พี่รอง, เจ้ามีความคิดดีๆบ้างไหม?” เรย์โนลด์กับเยลมองดูจอร์จ
จอร์จกล่าว “เราไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุให้น้องสามเป็นแบบนี้ แต่มีเรื่องสองสามประการที่เราคาดได้ จอร์จกล่าวอย่างหนักแน่น ”ตระกูลของน้องสามคือตระกูลนักรบเลือดมังกรในฐานะที่เป็นตระกูลเคยรุ่งเรืองครอบงำได้ทั้งโลก สมาชิกของตระกูลก็ย่อมปรารถนาจะฟื้นฟูความรุ่งเรืองเก่าๆของพวกเขากลับคืนมาเป็นธรรมดา”
ตาของเยลเป็นประกาย “ใช่แล้ว น้องสามมีค่าต่อตระกูลเขาอย่างมาก เพื่อให้ได้รับดาบศึกที่เป็นมรดกตระกูลกลับคืนมา เขาถึงกับยอมเปิดประมูลงานสลักตื่นจากฝันได้
“แน่นอน”
จอร์จพยักหน้า “ตามที่ข้าสันนิษฐาน เหตุผลที่น้องสามยอมฝึกฝนตนเองอย่างหนักเป็นเพราะเขามีสิ่งสำคัญที่เป็นแรงผลักดันเขา มีแนวโน้มว่าคงจะเป็นเรื่องฟื้นฟูตระกูลสู่ความรุ่งเรืองแต่เก่าก่อนที่เป็นแรงผลักดัน น้องสามฝึกหนักมาหลายปีจนกระทั่งบัดนี้ เขาจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แน่ เราต้องใช้จุดนี้เพื่อปลุกปั่นกระตุ้นให้เขากลับคืนมา”
“ปลุกปั่นเขา? นั่นจะใช้ได้หรือ?” เยลสงสัยเล็กน้อย
จอร์จพูดอย่างจนใจ “เรามีวิธีที่ดีกว่าใช้ช่วยเขาได้บ้างไหมเล่า?”
“เราจะใช้วิธีนี้” เรย์โนลด์พึมพำ “ข้าทนดูพี่สามทำท่าทางอย่างนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว ไปกันเถอะ เราจะไปคุยกับเขา ดูซิว่ามีอะไรเกิดขึ้นกันแน่”
“น้องสี่, ให้น้องรองคุยเถอะ เจ้ายิ่งคุยมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งก่อกวนเรื่องราวมากเท่านั้น” เยลตำหนิ
เขารู้อารมณ์นิสัยตัวเองดี เรย์โนลด์พยักหน้า จอร์จ,เยลและเรย์โนลด์มองหน้ากันเอง จากนั้นเดินไปหาลินลี่ย์
หลังจากได้ยินเรื่องราวของลินลี่ย์ บีบีเงียบด้วยเช่นกัน เขาเองก็ไม่สบายใจมากเช่นกันเศร้าใจกับความตายของเดลิน โคเวิร์ท ทันใดนั้นบีบีรู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้พวกเขาจากด้านหลัง มันกระโจนเกาะแขนลินลี่ย์และมองดูที่ตำแหน่งนั้น
เป็นเยล, จอร์จและเรย์โนลด์
แต่ตอนนี้ เขาเพิ่งฟังเรื่องของเดลิน โคเวิร์ทจบ ลินลี่ย์กลับหลงลืมความรู้สึกอีกครั้งและไม่ตระหนักว่ามีคนเข้ามาใกล้เขา
เยล, จอร์จและเรย์โนลด์มองหน้ากันเองและลอบถอนหายใจทุกคน ลินลี่ย์คือยอดฝีมือคนหนึ่งปกติลินลี่ย์จะสังเกตเห็นพวกเขาทั้งสามก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาในลานหลังบ้านด้วยซ้ำ แต่เดี๋ยวนี้ เมื่อทั้งสามคนยืนอยู่ด้านหลังลินลี่ย์ ลินลี่ย์ก็ยังไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย
“น้องสาม” เยลกล่าว
ลินลี่ย์สั่น จากนั้นค่อยๆ หันหน้ามองพวกเขาทั้งสาม ตาของเขาสงบเสงี่ยมมาก “พวกเจ้ามากันแล้ว” หลังจากทักทายแค่นั้นลินลี่ย์หันกลับไปมองลำธารจ้องมองดูสายน้ำต่อไป
เยล, จอร์จและเรย์โนลด์เดินไปหยุดยืนอยู่ข้างโขดหินที่ลินลี่ย์กำลังนั่ง
“น้องสาม” เยลคว้าไหล่ลินลี่ย์ทันทีบังคับให้ลินลี่ย์มองหน้าเขา “น้องสาม,เจ้าจำเรื่องราวหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดในสถาบันเอินส์ได้ไหมและสิ่งที่เจ้าพูดกับข้าบ่อยๆ?”
“ลืมแล้ว” ลินลี่ย์พูดอย่างใจเย็น
เยลจ้อง “ลืม? น้องสาม เจ้ามักทำให้ข้าห่อเหี่ยวเจ้าชอบพูดว่าข้าฝึกฝนไม่หนัก หรือไม่ก็บอกว่าฝึกให้หนัก และนั่นคือหอพักของเรา ข้ามักอ่อนแอที่สุดในกลุ่มพวกเราทั้งสี่แม้ว่าข้าจะตัวโตที่สุด”
นึกย้อนไปเมื่อทั้งสี่คนยังเป็นเพื่อนร่วมหอพักปกติพวกเขามักจะสนุกสนานด้วยกัน
แต่ลินลี่ย์ยังคงเงียบ
จอร์จมองดูเยลและพยักหน้าให้เบาๆ เยลปล่อยไหล่ลินลี่ย์และเมื่อจอร์จเดินมาหยุดอยู่หน้าลินลี่ย์และพูดอย่างจริงจัง “น้องสาม ข้าอยากจะถามเจ้า เจ้าฝึกฝนตัวเองอย่างยากลำบากตลอดหลายปีมานี้ ทั้งหมดนี้ทำไปเพื่ออะไร?”
ลินลี่ย์สะดุ้ง
เขาอดคิดไม่ได้ถึงวิธีที่ตั้งใจฝึกฝนตัวเองอย่างหนักมาตั้งแต่เยาว์วัย
“เพื่อตระกูล” ลินลี่ย์ตอบในที่สุด
เยลกับเรย์โนลด์ที่อยู่ข้างๆเขามีสีหน้าเป็นประกาย จอร์จกล่าวต่อทันที“อย่างนั้นข้าขอถามเรื่องนี้กับเจ้า สภาพเจ้าที่เป็นอยู่ตอนนี้ถือว่าเป็นว่าเป็นการรับผิดชอบต่อตระกูลเจ้าหรือเปล่า?”
เมื่อมองดูจอร์จแล้ว ลินลี่ย์ยิ้มจนใจ เขาพูดด้วยเสียงเหนื่อยหน่ายอ้างว้าง “ท่านพ่อข้าตายแล้ว ท่านแม่ก็ตายแล้ว บอกข้าทีข้ายังจะพยายามอย่างหนักเพื่อตระกูลไปทำไม?”
ลินลี่ย์สาวเท้าเดินไปที่สวนหลังบ้าน
เยล จอร์จและเรย์โนลด์จ้องมองหลังของลินลี่ย์ทุกคน จากนั้นทุกคนมีท่าทีตะลึง
“เปล่าประโยชน์ ทุกคนตายแล้ว ข้ายังพยายามอย่างดีที่สุดไปเพื่ออะไร?” ลินลี่ย์พูดด้วยความรู้สึกอ้างว้างเดียวดายก่อนจะเดินผ่านประตูหายลับไป
สิบห้าวันต่อมา
ลินลี่ย์เอาแต่อยู่ในที่พักมาตลอดสิบห้าวัน และช่วงสิบห้าวันนี้ เยลและพวกพยายามทุกวิธีที่พวกเขาคิดออก แต่ไม่ว่าพวกเขาพยายามเพียงใดลินลี่ย์ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
จอร์จ เรย์โนลด์และเยลนั่งกินดื่มด้วยกันอย่างไม่สบายใจ
“เราควรจะทำยังไงดี? เราควรทำยังไงดี? เราทำได้แค่ดูพี่สามหดหู่อยู่ในความสิ้นหวังแบบนี้หรือ” เรย์โนลด์โมโหขว้างแก้วเหล้าลงกับพื้น
เยลและจอร์จส่ายศีรษะทั้งคู่เช่นกัน
สองสามวันที่ผ่านมานี้พวกเขาลองดูทุกวิถีทางแล้ว พวกเขาถามถึงสาเหตุที่ทำให้ลินลี่ย์กลายเป็นแบบนี้ แต่ลินลี่ย์ไม่พูดสักคำ เอาแต่นิ่งเงียบ
พวกเขาจะทำอะไรได้?
“เมื่อข้าเห็นน้องสามเอาแต่นิ่งเงียบแบบนี้ ข้าเป็นห่วงเขา ใจข้าปวดร้าวจริงๆ น้องสาม โธ่เอ๊ย...” เยลคว้าขวดเหล้าจ่อใส่ปากและดื่มอึกใหญ่
พวกเขาเติบโตมาพร้อมกับลินลี่ย์และมีความรักกลมเกลียวกันยิ่งกว่าพี่น้องที่แท้จริง พวกเขาจะทนดูลินลี่ย์พังทลายลงไปแบบนี้ได้ยังไงกัน?
ภายในห้องนั้นลินลี่ย์นั่งอยู่บนเก้าอี้มองดูแหวนมังกรขนดในมือของเขา ลินลี่ย์ยังจำได้ดีทุกครั้งถึงวิธีที่ปู่เดลินออกมาจากแหวนในแต่ละครั้ง
แต่ฉากภาพเช่นนั้น จะไม่มีวันปรากฏให้เขาเห็นอีก
บนมืออีกข้างหนึ่งของลินลี่ย์ เขาสวมแหวนวงที่สองไว้ในมือเป็นแหวนมิติเก็บสมบัติ หลังจากที่เคลย์ตายแหวนกลายสภาพเป็นวัตถุไร้เจ้าของ เมื่อเขาต่อสู้กับมือปราบพิเศษทั้งหกเลือดจากร่างของลินลี่ย์อาบย้อมแหวนอยู่นาน แหวนนั้นจึงทำสัญญาและกลายเป็นของเขาโดยปริยาย
แต่...
สิบห้าวันที่ผ่านมานี้ลินลี่ย์ไม่ค่อยได้ดูแหวนมิติหรือรายการของในแหวนเลย ใจของเขาไม่ได้จดจ่ออยู่กับมัน และเขาไม่ได้คิดกระตุ้นให้มันทำงานในเวลานั้น ความคิดของเขาจดจ่ออยู่กับเรื่องที่เขาใช้ชีวิตอยู่กับปู่เดลินมาตลอดวิธีที่ปู่เดลินดูแลเขาขณะที่เขาลูบเคราหรือท่าทางที่เขาสอนลินลี่ย์อย่างเคร่งขรึม ความทรงจำเหล่านี้กระจ่างชัดมาก
“ทำไม ทำไม ทำไม แม้แต่ปู่เดลินคนสนิทคนสุดท้ายที่ข้ามี ถึงได้ถูกพรากไป?”
หลังจากสูญเสียปู่เดลินไป ลินลี่ย์สูญเสียผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุด เขารู้สึกเปราะบางและโดดเดี่ยวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ลินลี่ย์กอดบีบีไว้ในอ้อมแขนแน่น เขายังคงนั่งอย่างเดียวดายอยู่กับที่ในห้องน้อยต่อไป.....