ตอนที่แล้วตอนที่ 7-22 พลัดพราก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 7-24 นิ่งเงียบ

ตอนที่ 7-23 บ้าคลั่ง


“บึ้ม!  บึ้ม!  บึ้ม! บึ้ม!”

…..

อุกกาบาตยักษ์ทั้งหกกระแทกใส่มือปราบพิเศษทั้งหกคนอย่างโหดเหี้ยมมือปราบพิเศษทั้งหกร่วมมือกันขุดตัดพื้นใต้ตัวพวกเขาและพยายามจะขุดอุโมงค์ลึกลงไป

อุกกาบาตยักษ์ทั้งหกก้อนปะทะกับพื้นทำให้โลกสั่นสะเทือนจากแรงระเบิดอย่างรุนแรงขณะที่คลื่นเสียงเหมือนฟ้าคำรามดังออกมาจากพื้นทันที

“บึ้มมมม!”

ก้อนหินขนาดใหญ่ปรากฏอยู่บนพื้น  แต่ละก้อนกว้างถึงสิบเมตร  พลังคลื่นอัดกระแทกแผ่กระจายไปทั่วทุกทิศและพื้นดินสะเทือนเป็นระลอกคลื่นม้วนตัวพังบ้านและต้นไม้ไปตลอดทาง

พื้นที่ภายในรัศมีร้อยเมตรกลายเป็นฝุ่นกระจายไปทุกแห่ง

แรงระเบิดที่น่ากลัวนี้ทำให้คนทั่วทั้งเมืองเฮสสังเกตได้  ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโยคีที่เพิ่งย่างเท้าออกจากประตูเมืองเฮสหรือคนของหอการค้าดอว์สัน, ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งทรงพลังอื่นทุกคนรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่มาจากสถานที่นี้ได้

…..

คลื่นพลังม้วนตัวมาถึงลินลี่ย์ด้วยเช่นกัน แต่ลินลี่ย์เอาแต่ยืนอยู่ที่เดิมเหมือนคนโง่ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย  เขาปล่อยให้คลื่นพลังจัดการเขาได้ตามแต่จะพอใจ

ลินลี่ย์เอาแต่ยืนอยู่เหมือนคนโง่  หลั่งน้ำตาไม่หยุด

“อ๊า... อ๊า... อ๊า....”  ดูเหมือนลินลี่ย์จะลืมวิธีพูดไปแล้ว  และเขาสั่นไปทั้งตัว ตื่นกลัวและหัวใจแหลกสลายขณะกู่ร้องก้องท้องฟ้า

ลินลี่ย์ทิ้งตัวคุกเข่า

ความรู้สึกเจ็บปวดใจราวกับหัวใจถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆกัดกินใจลินลี่ย์

ภาพความทรงจำที่เขากับเดลินโคเวิร์ทอยู่ด้วยกันผุดขึ้นมาในใจเขา

…..

ครั้งแรกนั้นเขาได้เห็นรัศมีแสงเปลี่ยนสภาพไปเป็นชายชราชุดยาวสีขาวผมเคราขาวโพลน หนูน้อยลินลี่ย์ตกใจตะโกนขึ้น “ท่าน... ท่านเป็นใคร?”

“หวัดดี, เด็กน้อย... ข้าชื่อเดลิน โคเวิร์ทข้าคือปรมาจารย์จอมเวทระดับเซียนแห่งจักรวรรดิพูเอนท์!”  นั่นคือครั้งแรกเริ่มของสายสัมพันธ์ที่เดลินโคเวิร์ทมีต่อลินลี่ย์

….

“ปู่เดลิน, ทำไมปู่ไม่บอก?ความถนัดทางสายธาตุดินของข้าเป็นยังไงบ้าง?” ครั้งแรกที่ลินลี่ย์ทดสอบพรสวรรค์ในฐานะจอมเวทคนหนึ่ง

“ดี ยอมเยี่ยมมาก  สัมพันธ์สายธาตุของเจ้าที่มีต่อแก่นธาตุดินอยู่ในระดับสูงมาก”  หน้าของเดลิน โคเวิร์ทมีรอยยิ้ม  “เท่าที่ข้ารู้บางทีอาจมีเพียงหนึ่งในพันของนักเวทที่จะมีสัมพันธ์สายธาตุดินแข็งแกร่งเท่ากับเจ้าอย่างแท้จริง”    การยกย่องจากเดลินโคเวิร์ททำให้หนูน้อยลินลี่ย์ตื่นเต้นอย่างมิอาจอธิบายได้

….

ปรมาจารย์จอมเวทชั้นเซียนแห่งยุคของจักรวรรดิพูเอนท์  เด็กน้อยคนหนึ่งที่อยู่ภายใต้การอบรมสั่งสอนของปรมาจารย์จอมเวทแห่งจักรวรรดิพูเอนท์นี้  เด็กน้อยผู้นั้นจึงเข้าสู่เส้นทางการเป็นจอมเวท

…..

รูปแกะสลักต้องใช้วิธีของเหล็กสกัดตรง  การฝึกฝนในเทือกเขาอสูรเวท  ภายใต้การสั่งสอนจากเดลินโคเวิร์ทผู้มีประสบการณ์ ลินลี่ย์ก้าวหน้าเติบโตในระดับที่น่าอัศจรรย์

แต่เมื่อลินลี่ย์กลายเป็นศูนย์กลางความสนใจของทุกคน...

...กลับไม่มีใครรู้เลยว่าเบื้องหลังของเขาเป็นวิญญาณของปรมาจารย์จอมเวทชั้นเซียนแห่งยุคของจักรวรรดิพูเอนท์

….

“ลินลี่ย์, ต่อไปในอนาคต เจ้าจะต้องพึ่งพาตนเอง” ปู่เดลินลูบศีรษะของลินลี่ย์เป็นครั้งสุดท้าย

หลังจากร่ายเวทต้องห้ามที่สั่นสะท้านโลก“ดาวตกถล่มสวรรค์” ปู่เดลินก็จางหายไป

“ลินลี่ย์...ลาก่อน”

“จำไว้ จงใช้ชีวิตให้ดี”

…..

ใจของลินลี่ย์วนเวียนอยู่กับวันเวลาที่เขาใช้ร่วมกับปู่เดลิน ชายชราใจดีและอดทนผู้สั่งสอนลินลี่ย์มามากมายและยาวนาน  ลินลี่ย์คงทนไม่ได้หากต้องแยกจากท่าน

“...ไม่ .. ไม่...”

ลินลี่ย์ส่ายศีรษะซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เขาไม่อยากเชื่อ  ปู่เดลินจากไปแล้วจริงๆ  ที่ยิ่งกว่านั้นวิญญาณของเขาสลายไปเมื่อเขาตาย

“เป็นไปไม่ได้ ปู่เดลิน ออกมาเถอะ  ออกมา”  ลินลี่ย์จ้องมองแหวนมังกรขนดร้องคร่ำครวญไม่หยุดในตอนแรกเสียงเรียกโหยหาของเขาดังออกมาพร้อมกับน้ำตาที่หยดใส่เกล็ดที่แข็งเยือกเย็นของเขา

เลือดยังคงไหลออกจากร่างของลินลี่ย์แต่ลินลี่ยไม่รู้สึกอะไรเลย

“ปู่เดลิน”

ลินลี่ย์หวังอย่างสุดซึ้งอีกครั้งว่าจะมีแสงรังสีขาวฉายออกมาจากแหวนมังกรขนดและเปลี่ยนสภาพเป็นปู่เดลินผู้มีหนวดเคราผมขาวชุดขาว ลินลี่ย์ไม่อยากเชื่อว่าปู่เดลินตาย ปู่จะไม่อยู่เคยงข้างเขาอีกต่อไป

เขาอยู่ด้วยกันกับปู่เดลินมาตั้งแต่เขายังเด็ก

ตั้งแต่นั้นลินลี่ย์ไม่เคยแยกจากปู่เดลินเลย ไม่เคยสักครั้ง

ในส่วนลึกของหัวใจลินลี่ย์  เขาคุ้นเคยอย่างแท้จริงกับการแสดงตัวของปู่เดลินมานานแล้ว แม้แต่ตอนที่ลินลี่ย์ถูกจองจำอยู่ในวิหารเจิดจรัสเขาก็ยังไม่รู้สึกว่าเดียวดายหรือจนใจเหมือนตอนนี้

จิตใจของเขามั่นคงเสมอมา...เพราะเบื้องหลังเขามีปู่เดลินคอยสนับสนุน

แต่ตอนนี้....

ปู่เดลินจากไปตลอดกาล,  ตลอดกาล

“ทำไม, ทำไม” เสียงของลินลี่ย์สั่น  “สวรรค์ท่านแม่ข้าตายก่อน  จากนั้นก็เป็นท่านพ่อทำไม ทำไมท่านต้องพรากปู่เดลินไปจากข้าด้วย?”

“ทำไม!!” ลินลี่ย์เงยหน้ากู่ร้องใส่ท้องฟ้า

เสียงของเขาสะท้อนก้องอยู่ในท้องฟ้า

“อ๊า.... อ๊า.....”  ลินลี่ย์คุกเข่า, หมดเรี่ยวแรงเขาเริ่มสะอึกสะอื้น ไม่ว่าลินลี่ย์จะร้องไห้มากเพียงไหน ชายชราใจดีผู้นั้นจะไม่ปรากฏตัวขึ้นอีก

เขาตายแล้วและจากไปตลอดกาล

“ปู่เดลิน”

ลินลี่ย์รู้สึกอ่อนแอและเปราะบางยิ่งกว่าเคยเป็นมาก่อน  เป็นความเปราะบางอ่อนแอทางสภาวะจิตใจไม่มีพ่อ  ไม่มีแม่และตอนนี้แม้แต่ปู่เดลินผู้อยู่ข้างตัวเขาเสมอมาก็จากไปอีก

ผู้ที่เหลืออยู่ข้างกายลินลี่ย์ก็คือบีบีซึ่งไม่เคยรู้เรื่องความคงอยู่ของปู่เดลินมาก่อน

“เจ้านาย, เฮ้ เจ้านายลินลี่ย์!”  บีบีสะกิดลินลี่ย์  มันค่อนข้างจะกลัว

ลินลี่ย์หันหน้ามองดูบีบี

“บีบี” ลินลี่ย์ดึงบีบีเข้ามาไว้ในอ้อมแขนทันที

“เจ้านาย เมื่อสักครู่ท่านเรียกชื่อปู่เดลินออกมา  ปู่เดลินเป็นใครกัน? เมื่อสักครู่ข้ารู้สึกถึงพลังวิญญาณที่กลัวระเบิดออกมา  นั่นคืออะไร?” บีบีงงไปหมด

หัวใจของลินลี่ย์รู้สึกระทมทุกข์อีกครั้งเมื่อได้ยินชื่อของปู่เดลินอีกครั้ง

เขาก้มหน้ามองดูแหวนมังกรขนดในนิ้วของเขา  แต่...ปู่เดลินจะไม่ออกมาจากในแหวนอีกแล้ว

“ครืนนนน”ทันใดนั้นเสียงเบามากดังต่อเนื่องสามารถได้ยินได้ ลินลี่ย์หน้าไปดู

ภายในหลุมอุกกาบาตที่เกิดขึ้นจากดาวตกร่างของคนชุดม่วงกำลังดิ้นรนคลานออกมา ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น บุรุษอีกห้าคนค่อยๆ ดิ้นรนคลานออกมาด้วยเช่นกัน

ดาวตกถล่มสวรรค์ –เวทต้องห้ามสายธาตุดิน

ถ้าปรมาจารย์จอมเวทระดับเซียนใช้เวทนี้จริง  ทั้งหกคนจะต้องตายอย่างมิต้องสงสัย  แต่เดลิน โคเวิร์ทเป็นปรมาจารย์จอมเวทที่ไม่มีพลังเวทแม้แต่เสี้ยวเดียว

ตามกฎการใช้เวท  พลังเวทเป็นเหมือนขุนพลสั่งการ  แก่นพลังธาตุซึ่งเปรียบเสมือนกองทหาร  เมื่อมีทั้งพลังเวทและพลังจิตก็จะสามารถสั่งการทหารเหล่านี้ผ่านการร่ายเวทที่ทรงพลังได้

สิ่งที่เดลินโคเวิร์ททำลงไปก็คือการเอาพลังจิตวิญญาณซึ่งอยู่ลึกในวิญญาณของเขา ใช้พลังจิตวิญญาณสร้างระเบิดพลังงานที่ทรงอานุภาพควบคุมแก่นธาตุโดยตรงและใช้คาถาต้องห้ามดาวตกถล่มสวรรค์

แต่เพราะเขาไม่มีพลังเวท  แม้ว่าจะต้องใช้พลังจิตของตัวเองทั้งหมด  พลังคาถาของเดลินโคเวิร์ทจึงมีเพียงหนึ่งหรือสองในสิบของเวทดาวตกถล่มสวรรค์ตามปกติ แม้ว่าจะเป็นแค่เพียงหนึ่งหรือสองในสิบของพลังคาถาต้องห้าม  แต่ก็บดกระแทกมือปราบพิเศษจนแทบตายในพริบตา

เมื่อเห็นคนในชุดม่วงทั้งหกคลานออกมา  หัวใจของลินลี่ย์เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวเดือดดาลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

“อ๊าาา!!!”  พร้อมกับเสียงกู่ร้องยาว  ลินลี่ย์พุ่งเข้าหาบุรุษชุดม่วงคนหนึ่งราวกับสายฟ้าฟาด  มือปราบพิเศษเมื่อเห็นลินลี่ย์พุ่งเข้าจู่โจมเขาก็หวาดกลัวจนตาเหลือกกลับเหมือนกับดวงจันทร์

“อ๊า...” ลินลี่ย์ใช้กำลังแขนของเขาฉีกร่างของมือปราบพิเศษเป็นสองเสี่ยงด้วยมือเปล่า

“ตาย”ลินลี่ย์ใช้กำลังฉีกศีรษะของมือปราบพิเศษอีกคน

“ฮ่า....”กรงเล็บแหลมคมของลินลี่ย์เสียบเข้าที่อกของมือปราบพิเศษคนที่สามฉีกบดหัวใจของเขาเป็นเสี่ยงๆ

“จงตายซะ!”  ลินลี่ย์งับคอของมือปราบพิเศษคนที่สี่ใช้ฟันฉีกลำคอของเขาออก

เขาต้องการกินเลือดและดื่มเลือดของพวกเขา

“อ๊า!!!”  ร่างของลินลี่ย์มาปรากฏข้างๆมือปราบพิเศษคนที่ห้า  มือปราบผู้นั้นบาดเจ็บหนักอยู่แล้วไม่สามารถป้องกันตนเองได้จึงได้แต่มองดูอย่างหวาดผวาขณะที่จับขาเขาฉีกร่างขาดครึ่ง

สำหรับมือปราบคนที่หก...

“เจ้า...เจ้า...”มือปราบคนที่หกซึ่งบาดเจ็บสาหัส เมื่อเห็นฉากภาพที่น่ากลัวต่อหน้าเขาและเห็นลินลี่ย์ตรงเข้ามาหาเหมือนกับปีศาจจากอเวจี เขาหวาดกลัวจนตัวสั่นและล้มลงขาดใจตายเพราะความกลัวทันที

แม้ว่ามือปราบพิเศษคนที่หกจะตายไปแล้วแต่ลินลินลี่ย์ก็ยังระดมหมัดต่อยศีรษะของเขาจนแตกกระจาย

เมื่อเห็นเช่นนี้บีบีหวาดกลัวมาก

นักรบที่มองดูอยู่แต่ไกลตกตะลึงหวาดกลัวเช่นกัน  พวกเขาไม่เคยคิดว่ามนุษย์คนหนึ่งจะโหดเหี้ยมอำมหิตน่ากลัวมากขนาดนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาพของลินลี่ย์ที่ปรากฏให้เห็นเกล็ดที่คลุมร่างทั้งหมดแตกหัก โลหิตไหลย้อมตัวแดงฉาน  แม้แต่ประกายตาสีทองเข้มก็มีประกายสีแดงจางๆ

“เจ้านาย ท่าน ท่าน  เป็นอะไรไป?”  บีบีเป็นห่วง

หลังจากลินลี่ย์สังหารมือปราบพิเศษทั้งหกคนอย่างโหดเหี้ยม  เขาทรุดตัวนั่งลงกับพื้นทันที  พลังของเขาหมดสิ้นเขานั่งอยู่กับที่เหม่อมองอย่างว่างเปล่า ไม่มีร่องรอยทีท่าว่าเขากำลังคิดอะไร

“เจ้านาย” บีบีพยายามเขย่าตัวลินลี่ย์

ลินลี่ย์เงยหน้าทันที แต่เขาไม่สามารถกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลได้อีกครั้ง จากนั้นเขาก้มหน้ากอดเข่าและเริ่มร้องไห้อีกครั้ง

…..

อุกกาบาตยักษ์ทั้งหกเปลี่ยนสภาพโดยรอบระยะร้อยเมตรจนเหลือแต่ซากหักพัง บุรุษชุดม่วงทั้งหกถูกปีศาจประหลาดนั้นฆ่าตายทั้งหมด

แต่หลังจากนั้นปีศาจประหลาดนั้นก็ซบหน้ากอดเข่าและเริ่มสะอึกสะอื้น

……

ตอนนี้มีคนดูเกือบหมื่นคนในระยะห่างออกไปเกินกว่าร้อยเมตร  คนพวกนี้ไม่อาจทำความเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาเห็น

“ปีศาจนั่นกำลังร้องไห้?”

ทุกคนประหลาดใจกันหมด

“ปีศาจนั่น..ดูเหมือนกำลังเศร้าจริงๆ”  เด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดกับสหายที่อยู่ใกล้ๆอย่างไม่แน่ใจ  สหายผู้นั้นสะดุ้งจากนั้นพยักหน้าช้าๆ

ไม่มีผู้ชมดูกล้าเข้าไปใกล้  พวกเขาเพิ่งเห็นภาพเหตุการณ์ที่น่าสยดสยองมาหยกๆ ต่อให้เป็นนักสู้ระดับแปดก็ยังรู้ตัวว่าคนที่อยู่ต่อหน้าพวกเขานี้แข็งแกร่งมากกว่าเขาเพียงไหน

“ปีศาจกำลังร้องไห้?”  เยล,จอร์จและเรย์โนลด์เพิ่งมาถึงเพราะอยู่ค่อนข้างไกล เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ทุกคนพากันสะดุ้ง

“หลีกทางหน่อย!  หลีกทางหน่อย!”  เยลตะโกนอย่างเสียอารมณ์ไม่ได้

ทันใดนั้นนักสู้ของหอการค้าดอว์สันเริ่มผลักดันคนดูให้เปิดทาง  เยลจอร์จและเรย์โนลด์วิ่งตรงไปที่ศูนย์กลางสนามต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง

แต่เมื่อไปถึงจุดศูนย์กลางทุกคนก็ตกตะลึงกันหมด

ทุกอย่างในรัศมีหลายร้อยเมตรพังทลาย  เมื่อมองดูหลุมอุกกาบาตทั้งหกทุกคนสามารถนึกภาพได้เลยว่าอุกกาบาตทั้งหกลูกนั้นทรงพลังน่ากลัวขนาดไหน  และเพียงมองดูศพของบุรุษทั้งหกก็แทบจินตนาการได้ว่าคนที่ฆ่าพวกเขานั้นโหดเหี้ยมอำมหิตเพียงไหน

ร่างของปีศาจปกคลุมไปด้วยเกล็ดที่แตกหักกำลังนั่งสะอื้นอยู่ที่เดิม

เมื่อเห็นบีบีอยู่ข้างปีศาจนั้นและดาบหนักอดาแมนเทียมถูกโยนไว้กับพื้นเยลและพวกก็แน่ใจได้ทันทีว่าปีศาจนี้ก็คือลินลี่ย์

“น้องสาม” เยล, จอร์จและเรย์โนลด์วิ่งเข้ามาทันที

ถึงตอนนี้มอนโรดอว์สันเดินทางมาถึงเช่นกัน เขารีบสั่งบริวารของเขาทันที  “เร็วเข้า  กำจัดศพทั้งหกแล้วรีบออกไปเดี๋ยวนี้  อย่าให้ใครรู้ว่าหอการค้าดอว์สันมีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”  ขณะที่เขาพูด มอนโร ดอว์สันจากไปเช่นกัน

“น้องสาม” เยล, จอร์จและเรย์โนลด์ร้องเรียกด้วยความห่วงใย

นึกย้อนไปถึงเมื่อลินลี่ย์พยายามสังหารเคลย์ที่เมืองเฟนไล  เยลก็คาดได้แล้วว่าลินลี่ย์สามารถแปลงร่างเป็นนักรบเลือดมังกรได้ เขาแจ้งให้เรย์โนลด์และจอร์จทราบด้วยเช่นกัน  และตอนนี้พอเห็นบีบีและดาบหนักอดาแมนเทียมที่ถูกทิ้งอยู่ พวกเขาแน่ใจทันทีว่านี่คือลินลี่ย์

ร่างของลินลี่ย์สั่นเล็กน้อย

เมื่อเขาเงยหน้าชำเลืองมองดูข้างตัวเอง  ลินลี่ย์เห็นเยล จอร์จและเรย์โนลด์  ในที่สุดลินลี่ย์ก็พูด “พวกเจ้านั่นเอง....”

“รีบไปกันเถอะ” เยลกระตุ้นเตือนทันที  “เจ้าเพิ่งฆ่ามือปราบพิเศษไป  ถ้าศาสนจักรเจิดจรัสพบเข้า   เจ้าจะเคราะห์ร้าย”  เยลช่วยพยุงลินลี่ย์ทันที

ลินลี่ย์ยังยืนด้วยตัวเองได้

“บีบี ไปกันเถอะ” ลินลี่ย์กอดบีบีจากนั้นก็เดินออกไป

เยลสะดุ้งเพราะเขาสังเกตว่าลินลี่ย์ไม่สนใจดาบหนักอดาแมนเทียมแม้แต่น้อย  เขาอดเตือนลินลี่ย์ไม่ได้ “น้องสามแล้วดาบหนักของเจ้าเล่า”

“ดาบหนัก?” ลินลี่ย์หันหน้ามาดู หลังจากนั้นชั่วครู่ ดูเหมือนเขาเพิ่งเข้าใจ  เขาเดินกลับมาคว้าดาบหนัก

ขณะนั้นบริวารของหอการค้าดอว์สันมาถึงเช่นกันและพวกเขารีบกำจัดซากศพของมือปราบพิเศษชุดม่วงทั้งหกคน

“เกิดอะไรขึ้นกับน้องสาม?”  จอร์จพูดเบาๆ กับเยลและเรย์โนลด์

เยลส่ายศีรษะเช่นกันเขาสับสน “ไม่รู้เหมือนกัน  แต่บีบีดูเหมือนยังจะปลอดภัยดี อย่างนั้นทำไมดูเหมือนน้องสามถึงได้อาการหนักอย่างนั้นเหมือนกับคนหัวใจแหลกสลาย? เหมือนกับว่าเขาเศร้าเสียใจจนสูญเสียจิตวิญญาณไป”

ลินลี่ย์ปล่อยให้คนของหอการค้าดอว์สันพาตัวเขาไป ขณะที่พวกเขาผ่านไปตามตรอกซอกซอยเล็กจนมาถึงสถานที่ลับแห่งหนึ่ง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด