ตอนที่แล้วตอนที่ 7-20 เรื่องราวทั้งหมด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 7-22 พลัดพราก

ตอนที่ 7-21 ชะตากรรม


เมื่อได้ยินคำพูดของเคลย์ ลินลี่ย์ได้แต่เงียบ

“ฮ่าฮ่า, ลินลี่ย์, ตอนนี้เจ้าคงรู้แล้วว่าใครคือศัตรูที่แท้จริงใช่ไหม? แต่เจ้าสามารถรับมือพวกวิหารเจิดจรัสได้ไหมเล่า?” เคลย์หัวเราะอย่างบ้าคลั่งแทบจะคล้ายคนเป็นโรคจิตประสาท  เคลย์รู้ว่าเขากำลังจะตาย และทันทีที่รู้สึกว่าใกล้ความตายเขาตัดสินใจก่อกวนปั่นป่วนโลกให้มากขึ้นเท่าที่เขาสามารถทำได้

“ที่พูดมานี่จริงหรือเปล่า?” เสียงของลินลี่ย์แหบแห้ง

ความจริงลินลี่ย์เชื่อเรื่องที่เคลย์บอกเล่าเขาแล้ว เพราะนี่คือคำอธิบายที่เป็นไปได้ถึงเหตุผลที่ทางศาสนจักรเจิดจรัสมอบเกราะชะตาระดับเซียนให้เคลย์

“ตัวเจ้าเองก็รู้ดีว่าข้าพูดจริงหรือไม่” เคลย์หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

ลินลี่ย์เงียบอีกครั้ง

“ลินลี่ย์, เจ้าควรจะคิดถึงความจริงที่ว่าเจ้าเป็นจอมเวทอัจฉริยะและเป็นนักรบเลือดมังกร  ในสายตาของศาสนจักรเจิดจรัสเจ้ามีศักยภาพมากมายกว่าข้าที่เป็นนักรบระดับเก้าด้วยวิธีการใช้เวทลับพิเศษ  ในอนาคตเจ้ามีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นทั้งสุดยอดนักรบระดับเซียนและมหาจอมเวทระดับเซียน  ถ้าไม่ใช่เพราะความลับที่ข้าเปิดเผยไปแล้วนี้  ต่อให้เจ้าฆ่าข้าศาสนจักรเจิดจรัสอาจจะยอมทนไม่ดำเนินการอะไรกับเจ้าก็ได้”  เคลย์หัวเราะลั่น

ลินลี่ย์เข้าใจเหตุผลนี้จนได้

“ที่เคลย์พูดน่าจะเป็นความจริง” เสียงของเดลิน โคเวิร์ทดังขึ้นในใจของลินลี่ย์  ประสบการณ์ของเดลิน โคเวิร์ท  ความสามารถในการตัดสินว่าสิ่งที่มีคนพูดออกมาจริงหรือไม่ยังดีกว่าลินลี่ย์มาก

ลึกๆ แล้วลินลี่ย์เชื่อถือเดลิน โคเวิร์ท

…..

ขณะเดียวกันนี้ บนถนนคีนภายในเมืองเฮส มีบุรุษหกคนลักษณะอำมหิตดุร้ายสวมชุดยาวสีม่วง  บุรุษชุดม่วงทั้งหกนี้ปลดปล่อยกลิ่นอายของยอดฝีมือที่หยิ่งเยือกเย็นทำให้คนรอบๆตัวพวกเขาต้องหลีกห่าง

พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของเคลย์

ตอนนี้พวกเขาไม่รู้เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่คฤหาสน์ของเคลย์

“วิลเลทส์(เหวยเท่อซือ), พวกโยคีอยู่ตรงนี้หรือ?” หนึ่งในบุรุษชุดม่วงพูดเสียงทุ้ม

หัวหน้าของพวกบุรุษชุดม่วงพยักหน้า “ถูกแล้ว จากที่ข้าเข้าใจ พวกโยคีทั้งหมดพำนักอยู่ที่คฤหาสน์ของเคลย์  งานที่เราได้รับมอบหมายนี้สำคัญมาก จะให้ดีที่สุดก็คือออกไปพร้อมกับพวกโยคี”

ทั้งหกคนคือมือปราบพิเศษของศาลศาสนจักร

พวกเขาเพิ่งมาถึงเมืองเฮส และนี่คือที่อยู่ที่พวกเขามีอยู่ในมือ  พวกเขาไม่รู้ว่าเมื่อไม่กี่นาทีก่อนนี้พวกโยคีเพิ่งจะออกไปกันหมด พวกเขาเพิ่งจะคลาดกัน

“หืม? ทำไมไม่มีใครอยู่ที่นี่สักคน?”

เมื่อเข้าไปในคฤหาสน์ที่ว่างเปล่าของเคลย์ พวกเขาอดมองดูรอบๆ อย่างสงสัยมิได้มือปราบพิเศษอีกห้าคนมองดูวิลเลทส์ วิลเลทส์คือหัวหน้าปฏิบัติการในครั้งนี้

“เข้าไปดูข้างในกันเถอะ” วิลเลทส์พูดอย่างใจเย็น ทั้งหกคนมุ่งหน้าเข้าไปในคฤหาสน์ แต่ภายในคฤหาสน์ว่างเปล่าไม่มีคนเช่นกัน

“ลินลี่ย์!  ปล่อยพระบิดาข้า  พระบิดาข้าบอกเจ้าไปทุกอย่างแล้ว”  เสียงดังแว่วมาจากประตูด้านหลังมือปราบพิเศษทั้งหกหันไปมองที่ลานหลังคฤหาสน์ทันที

สีหน้าของบุรุษทั้งหกเคร่งเครียดทันที

“ลินลี่ย์?”

บุรุษทั้งหกต่างมองหน้ากันเอง

“ลินลี่ย์? ชื่อของเขาขึ้นบัญชีแดงไว้, เป็นสัญลักษณ์ว่าต้องฆ่า” มือปราบพิเศษทั้งหกคนรีบตรงไปที่ประตูหลังคฤหาสน์ทันที

ศาลศาสนจักรมีบัญชีพิเศษสองประเภทคือ หนึ่งบัญชีแดงซึ่งเป็นที่รู้จักกัน  และอีกหนึ่งคือบัญชีดำ

คนที่ถูกขึ้นบัญชีแดงถูกตราไว้ว่าต้องถูกฆ่า แต่ไม่จำเป็นต้องทุ่มเทความสามารถกับเป้าหมายเช่นนั้น  ส่วนพวกที่ขึ้นบัญชีดำนั้นจะต้องฆ่าให้ได้ไม่ว่าต้องทุ่มเทเท่าใดก็ตาม

ความจริงว่ากันถึงเรื่องศักยภาพในอนาคตของลินลี่ย์แล้ว การคุกคามที่เขาสามารถแสดงออกต่อศาสนจักรเจิดจรัสในอนาคตก็เพียงพอต่อการขึ้นบัญชีดำได้  อย่างไรก็ตามขณะที่เบื้องสูงของศาสนจักรเจิดจรัสยังอยู่ในระหว่างหลบหนี  พวกเขาเชื่อว่าเนื่องจากลินลี่ย์ไม่ได้เป็นสมาชิกของศาสนจักรต่อไป  โอกาสที่เขาจะพบว่ามารดาของเขาถูกทางศาสนจักรฆ่าจึงมีน้อยมาก  ดังนั้นพวกเขาจึงเพียงแต่ขึ้นบัญชีแดงลินลี่ย์ไว้

มือปราบพิเศษของศาลศาสนจักรมีพลังที่แปลกประหลาดกันทุกคน มือปราบพิเศษทั้งหกคนนี้เป็นนักรบระดับเก้า  พวกเขาเริ่มพลางตัวโอบล้อมลินลี่ย์ไว้

…..

ในตรอกเล็กด้านประตูหลังคฤหาสน์ของเคลย์

หางมังกรแส้เหล็กของลินลี่ย์ยังคงรัดตัวเคลย์ไว้แน่น

“ปล่อยพระบิดาเจ้าน่ะหรือ?”  ลินลี่ย์จ้องมองชาร์ค  เขาหัวเราะเสียงเย็นชาและกล่าว“ข้าสามารถปล่อยพระบิดาเจ้าได้  แต่ท่านพ่อท่านแม่ข้าล่ะ? แม้ว่าศาสนจักรเจิดจรัสเป็นผู้ฆ่าท่านแม่ข้าแต่ความรับผิดชอบครึ่งหนึ่งมาจากพระบิดาของเจ้า และความรับผิดชอบเกินกว่าครึ่งหนึ่งที่ทำให้ท่านพ่อข้าตายก็เป็นของบิดาเจ้าด้วยเช่นกัน”

ขณะที่ลินลี่ย์กล่าว เขาเริ่มใช้หางบีบหนักมากขึ้น

“กร๊อบ, กร๊อบ” เสียงประหลาดดังออกมาจากทั่วตัวของเคลย์  เคลย์ตกอยู่ในความทุกข์ทรมานดังกล่าวจากพลังหางของลินลี่ย์เขาเริ่มดิ้นทุรนทุรายอีกครั้ง

“อ๊า, อ๊าคคคค ลินลี่ย์ ฆ่าข้าให้หมดจดทีเดียวซะ” เคลย์ครวญครางอย่างทรมาน

“กร๊อบ”

แขนทั้งสองข้างของเคลย์หักหลุดออก ตอนนี้ร่างของเคลย์ถูกหางลินลี่ย์รัดแน่นจนเอวเขาลีบเล็กกว่าสตรีเอวบางเสียอีก

“ตาย”

ลินลี่ย์มองดูเคลย์ จากนั้นเพิ่มแรงบีบที่หางทีละนิดๆ

“อั้ก..” เคลย์กระอักโลหิตออกจากปากมากมาย และหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง  ขณะที่กระอักโลหิตออกมาเขาไอไม่หยุดและอวัยวะภายในบางส่วนกระเด็นออกมาขณะไอ

ในตอนนี้...

เคลย์ถูกรัดเอวจนหลุดจากกัน แม้แต่กระดูกสันหลังของเขาก็แตกมีเพียงสิ่งเดียวที่ยังยึดร่างท่อนบนกับท่อนล่างไว้ก็คือชั้นผิวที่เปื้อนเลือด

เคลย์ร้องครวญครางอยู่สองสามครา  “อ๊า..อ๊า...”  เขาหน้าแดงไปทั้งหน้า  สองสามนาทีต่อมาลมหายใจเขาก็หยุดและวิญญาณหลุดลอยไปจากโลกนี้

แต่ตอนนี้ ลินลี่ย์ไม่ได้รู้สึกถึงความสุขหรือความสำเร็จเลย

สิ่งเดียวที่ยังคงเหลืออยู่ก็คือความโศกเศร้าเสียใจลึกๆ

“ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านเห็นข้าหรือไม่?” ลินลี่ย์พูดกับตนเอง

ชาร์ค ไกเซอร์ องค์หญิงและกองอัศวินพายุสายฟ้าทุกคนจ้องมองลินลี่ย์  หลายๆ คนกลัวจับจิตหลังจากเห็นว่าเคลย์ตายยังไง พวกเขาไม่กล้าลองและแก้แค้นเขา พวกเขาหวังแต่เพียงว่าลินลี่ย์จะจากไปในตอนนี้

ดวงตาสีทองเข้มเหลือบมองทุกคน

“อะแฮ่ม”  ชาร์คกระแอมในลำคอเหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นที่หน้าผากเขา พระบิดาเขาตาย แต่เขายังไม่อยากตาย

หางมังกรของลินลี่ย์สะบัดเล็กน้อย จากนั้นเขาหมุนตัวและเริ่มเดินจากไป

“บีบี, ไปกันเถอะ” เขาเรียกบีบี

ขณะที่บีบีอยู่ห่างๆ ด้านข้างมาตลอดเตรียมจะหนีไปพร้อมกับเขา จู่ๆ บีบีก็ชะงักขนในตัวของมันลุกชัน หลังจากนั้นลินลี่ย์ก็รู้สึกได้ถึงอันตรายซึ่งมาจากทุกตำแหน่งทิศขึ้นมาทันที

“ควับ”

ลมกระโชกแรงหลายสายจนได้ยินขณะที่ร่างในชุดยาวสีม่วงปรากฏตัวโอบล้อมลินลี่ย์ไว้จากหกด้าน ลินลี่ย์และบีบีติดอยู่ในวงล้อมของพวกเขา  สี่คนยืนอยู่บนหลังคาใกล้เคียงขณะที่อีกสองคนยืนอยู่ในตรอกแต่ละด้านที่ลินลี่ย์อยู่ไม่มีที่ให้ลินลี่ย์หนีได้แม้แต่น้อย

“มือปราบพิเศษจากศาลศาสนจักร”ลินลี่ย์รู้ได้ทันทีว่าคนที่อยู่ในชุดเครื่องแบบนี้เป็นใคร

เมื่อเห็นการตั้งขบวนพยุหะนี้ ชาร์คและอัศวินวายุสายฟ้าหน้าซีดกันทุกคน มือปราบพิเศษนี้ไม่เพียงแค่โอบล้อมลินลี่ย์กับบีบีเท่านั้นพวกเขายังคงโอบล้อมชาร์คและคนของเขาไว้ด้วย

“ใต้เท้า ข้าคือโอรสรองของราชวงศ์เฟนไล โปรดให้ข้าจากไปก่อน” ชาร์คขอร้องทันที

ไกเซอร์จำมือปราบพิเศษได้จากเครื่องแบบพวกเขา เขากล่าวทันทีเช่นกัน “ใต้เท้ามือปราบพิเศษ, ข้าชื่อไกเซอร์เป็นผู้รับใช้ของศาสนจักรเจิดจรัส ขอให้ข้าไปก่อนได้ไหม?”  ไกเซอร์รู้ดีเรื่องวิธีการพิเศษที่มือปราบพิเศษแห่งศาลศาสนจักรจะใช้  เมื่อว่าถึงสถานการณ์ปัจจุบันไกเซอร์คงไม่มีประโยชน์ต่อไป และเขาคงไม่แสดงอาการขัดขวางแต่อย่างใด”

“ไกเซอร์,  เจ้าไปได้”

หนึ่งในบุรุษชุดม่วงที่ยืนอยู่ท้ายตรอกพูดเสียงเย็นชา

“ขอรับ” ไกเซอร์เริ่มวิ่งไปตามตรอกด้านหนึ่ง บุรุษชุดม่วงไม่ได้ขัดขวางเขาแม้แต่น้อย ปล่อยให้เขาหนีผ่านพวกเขาไป ไกเซอร์เป็นยอดฝีมือของอาณาจักรเฟนไลก็จริง แต่เขาคืออัศวินศักดิ์สิทธิ์แห่งศาสนจักรเจิดจรัส

“ใต้เท้า แล้วข้าเล่า?”  ชาร์คพูดทันที

“ใต้เท้ามือปราบพิเศษ” เจ้าหญิงขอร้องมือปราบพิเศษด้วยเช่นกัน

แต่หกมือปราบพิเศษไม่ชำเลืองมองพวกเขาแม้แต่น้อย  หกมือปราบพิเศษมีความตั้งใจชัดเจน  เมื่อไกเซอร์จากไป  เขาเป็นคนผู้เดียวที่เป็นนักรบระดับเก้า  ลินลี่ย์ไม่สามารถหาโอกาสเล็ดลอดหนี  แต่ถ้าพวกเขาให้ชาร์คและคนอื่นๆ จากไปด้วยเมื่อคำนึงถึงพลังในปัจจุบันของลินลี่ย์ เขาอาจจะหาหนทางหลุดรอดจากห้วงวิกฤติได้แน่นอน

ลินลี่ย์จ้องมองทั้งหกอย่างเย็นชา

“พวกท่านต้องการฆ่าข้าใช่ไหม?” ลินลี่ย์พูดอย่างใจเย็น เขารู้สึกมั่นใจในตัวเอง แม้แต่ตอนที่ถูกมังกรยักษ์กลุ่มใหญ่รุมล้อมโจมตีเขาก็ยังหลบหนีรอดมาได้

สำหรับมือปราบพิเศษทั้งหกนี้ คิดจะฆ่าเขากับบีบีให้ได้ย่อมไม่ใช่งานง่ายๆเกล็ดที่ปกป้องร่างของลินลี่ย์ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

“พวกที่ถูกขึ้นบัญชีแดงจะต้องถูกฆ่าเมื่อพบเห็น”  หัวหน้ามือปราบพิเศษหัวเราะเย็นชา

มือปราบพิเศษทั้งหกจ้องมองเขากับบีบีไม่สนใจอย่างอื่นทุกสิ่ง  ในฐานะเป็นสมาชิกระดับสูงของศาลศาสนจักร  เป็นธรรมดาที่พวกเขารู้ว่าลินลี่ย์คือนักรบเลือดมังกร  นักรบเลือดมังกรคือหนึ่งในสุดยอดนักรบ  พวกเขาไม่กล้าดูถูกเขา

“โอว?  ฆ่าทันทีที่พบเห็น?”  หางมังกรของลินลี่ย์เริ่มสะบัด

“ควั่บ!” หางมังกรของลินลี่ย์ที่เหมือนกับดาบเหล็กฟาดใส่พื้นตามปกติสามารถตัดเป็นร่องลึกได้ ดวงตาสีทองเข้มของลินลี่ย์จับจ้องเขม็งอยู่ที่คนกลุ่มนี้เช่นกัน

“ใต้เท้ามือปราบพิเศษ”  ตอนนี้ชาร์คและคนของเขากลัวจริงๆ

“ไปกันเถอะ”  หนึ่งในอัศวินพายุสายฟ้าคำรามลึกๆและทันทีนั้นกลุ่มอัศวินก็พุ่งตรงออกไปทางออกในตรอกด้านหนึ่ง  อัศวินพายุสายฟ้าที่เหลืออยู่มากกว่าสิบคนเป็นนักรบระดับแปด  สำหรับพวกเขารวมพลังกันพุ่งออกไปแบบนี้  แม้แต่นักรบระดับเก้ายังยากจะหยุดพวกเขาได้

ลินลี่ย์ตาเป็นประกาย

ลินลี่ย์พุ่งตรงไปที่กำแพงด้านซ้ายเขาทันที โดยไม่ต้องสนใจว่ามีกำแพงหรือไม่ ลินลี่ย์ทลายผ่านกำแพงได้เหมือนกับว่าตัวเขาเองเป็นอสูรเวทขนาดใหญ่

“บึ้ม!” ลินลี่ย์ทลายกำแพงส่วนหนึ่ง ขณะที่หนีไปทางเหนือด้วยความเร็วสูง

“วูบบบ”

ร่างของมือปราบพิเศษทั้งหกเริ่มปล่อยแสงแสงเผาผลาญที่ร้อนแรงทันทีแสงที่เปล่งออกมาจากมือปราบพิเศษทั้งหกนี้ก่อตัวประสานกันเป็นรูปดาวหกแฉกที่แปลกประหลาดสว่างไสว

ลินลี่ย์เพิ่งปะทะเข้ากับหนึ่งในขอบดาวหกแฉก

“บึ้ม!”

ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนว่าเขาถูกหมีลายม่วงตบใส่ ตลอดทั้งร่างของเขาสั่นขณะที่เขาปลิวกระเด็นถอยหลังกลับมา  เขายังคงตกอยู่ในวงล้อมของมือปราบพิเศษทั้งหก

“อ๊า”

ร่างของอัศวินพายุสายฟ้าผู้ปะทะเข้ากับรัศมีดาวหกเหลี่ยมระเบิดทั้งหมด  พื้นย้อมไปด้วยโลหิตแดงฉาน  อัศวินพายุสายฟ้าแต่ละคนที่สัมผัสกับดาวหกเหลี่ยมที่สว่างโพลนล้วนตายกันหมด

“อะไรกันนี่?”  ลินลี่ย์ตกใจ

“ลินลี่ย์, เร็วเข้า เจ้าต้องพยายามให้สุดฝีมือหลบหนีให้ได้!  นี่น่าจะเป็นหนึ่งในวิธีรวมพลังโจมตีของศาลศาสนจักร”  เดลิน โคเวิร์ทตระหนักได้ถึงอันตรายที่ลินลี่ย์และบีบีเผชิญอยู่ตอนนี้  ถ้าพวกเขายังคงติดอยู่ในลักษณะนี้ ก็มีแนวโน้มว่าลินลี่ย์กับบีบีจะไม่มีทางหลบหนีออกไปได้เลย

มือปราบพิเศษทั้งหกเข้าโจมตีลินลี่ย์กับบีบีด้วยประสบการณ์  และขณะที่พวกเขาทำเช่นนี้พื้นที่เคลื่อนไหวภายในดาวหกเหลี่ยมเริ่มหดแคบลงอย่างรวดเร็ว

“อ๊า”  “อ๊า”  “อ๊า”  “อ๊า”

ชาร์คและอัศวินที่ยังเหลืออยู่ไม่สามารถหลบวงล้อมดาวหกเหลี่ยมที่มือปราบพิเศษบีบพื้นที่เข้ามาใกล้ขึ้นๆแต่ละคนถูกบังคับให้ต้องสัมผัสกับแสงดาวหกเหลี่ยม และเมื่อพวกเขาสัมผัส ร่างของพวกเขาจะเริ่มสั่นและระเบิด

ในพริบตาคนในกลุ่มของชาร์คไม่มีผู้ใดเหลือรอดชีวิตอยู่เลย

แต่ลินลี่ย์และบีบีติดอยู่ในพื้นที่หดแคบมากขึ้นทุกที

“เจ้านาย, เจ้าแสงสีขาวนี่มีพลังมากจริงๆ เราจะทำอย่างไรกันดี?”  บีบีแตกตื่น

ลินลี่ย์ทั้งรู้สึกได้ทั้งสัมผัสถึงพลังดาวหกเหลี่ยมสีขาว  เมื่อมันสัมผัสที่ตัวเขา  เขายังรู้สึกเจ็บปวดเหลือทน แม้ว่าพลังป้องกันในร่างกายของเขาจะมากแต่โลหิตในตัวเขาปั่นป่วน

“บีบี, เจ้าดำลงไปในดิน ข้าจะบินขึ้นฟ้า  หนีไป”  ลินลี่ย์สื่อสารทางจิตกับบีบีโดยตรง

ลินลี่ย์ปรับเกล็ดสีดำ และหนูเงาประหลาดบีบีที่เป็นเหมือนสหายของเขาลงมือพร้อมกัน  ฝ่ายหนึ่งบินขึ้นฟ้าเหมือนกับธนูหลุดออกจากแล่ง  ขณะที่อีกหนึ่งขุดลึกลงไปในพื้นดิน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด