ตอนที่ 7-20 เรื่องราวทั้งหมด
ภายในร้านอาหาร
เมื่อเห็นโยคีกลุ่มใหญ่ออกไปจากคฤหาสน์ของเคลย์ ลินลี่ย์ดีใจแทบคลั่งแค่ชำเลืองมองลินลี่ย์สามารถบอกได้เลยว่าโยคีในกลุ่มนี้มีจำนวนเกินกว่าห้าสิบคน สำหรับคนกลุ่มใหญ่ขนาดนั้นเมื่อจากไปก็มีแนวโน้นว่าพวกเขาอาจจากไปกันทั้งหมด
“เป็นเวลาหกหรือเจ็ดวันได้แล้ว ตอนนี้มีแนวโน้มแน่นอนว่าชาร์คคงบอกเคลย์เรื่องการพบกันของเราและเป็นไปไปได้ว่าเคลย์คงเดาได้ว่าเราอยู่ใกล้ๆ นี้”
ลินลี่ย์โยนเหรียญทองสองสามเหรียญทิ้งไว้ ทันใดนั้นลมกระโชกรุนแรงเริ่มห้อมล้อมตัวเขาและเคลื่อนที่เหมือนลมพัด ลินลี่ย์บินออกไปจากร้านอาหารอย่างคล่องแคล่ว
แม้จะแบกดาบหนักไว้บนหลังแต่ด้วยความช่วยเหลือของเวทสายลม เขายังก็เคลื่อนไหวได้อย่างง่ายดาย แต่นี่เป็นเพราะลินลี่ย์กลายเป็นจอมเวทระดับเจ็ด ถ้าเป็นจอมเวทระดับสามร่ายเวทนี้ย่อมไม่ได้ผลรับที่ดีเท่าที่ควร “บีบี, จับตาดูประตูหลังไว้” ลินลี่ย์สั่งบีบีทางจิต
“รับทราบแล้ว, เจ้านาย”
ขณะที่ลินลี่ย์พุ่งมาถึงด้านนอกกำแพงคฤหาสน์ของเคลย์ เขาเริ่มร่ายเวทวายุตรวจสอบ
“วูบบบ”
โดยที่ตัวของลินลี่ย์เป็นศูนย์กลาง พลังสายลมกระจายออกไปทุกตำแหน่ง ลินลี่ย์หลับตาก็สามารถรู้สึกได้ถึงทุกสิ่งที่วายุตรวจสอบทำการตรวจเจอ
“หืม? รวมตัวกันอยู่ใกล้ประตูหลังหรือ?”
เวทสายลมตรวจสอบทำได้เพียงตรวจสอบเฉพาะร่างกายกับวัตถุ ไม่สามารถตรวจหน้าได้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม แม้เพียงด้วยการใช้ลมตรวจสอบลินลี่ย์ก็สามารถพบได้ว่าคนภายในคฤหาสน์นั้นรีบเร่งไปรวมตัวกันที่หลังคฤหาสน์กันหมด ชัดเจนแล้วว่าพวกเขาทุกคนเตรียมตัวหนี
“ฮึ่ม...เป็นไปตามที่คาดไว้” ลินลี่ย์เคลื่อนไหวอย่างเงียบกริบ ลอยตัวเข้าไปในคฤหาสน์ของเคลย์ มุ่งไปที่ลานด้านหน้าด้วยความเคลื่อนไหวแผ่วเบาดุจสายลม เขาผ่านเข้าไปอย่างเงียบและรวดเร็วตั้งแต่หน้าคฤหาสน์จนถึงท้ายคฤหาสน์
“เร็วๆ เข้า!” เคลย์ตะโกนอย่างโกรธเคือง
“รีบออกไปทางประตูหลัง เราจะออกไปกันทันที เราจะออกไปจากเมืองเฮส” เคลย์พูดตรงๆ
พระสนมสับสน “ฝ่าบาทเราทุกคนอยู่ที่นี่กันหมดก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไม...”
“เผียะ!”
เคลย์ตบนางทันที
“พูดเหลวไหลพอแล้ว” เคลย์แค่นเสียง
“เร็วเข้า ลืมเรื่องม้าไปซะ พวกเจ้าทั้งสองเจ้ารับผิดชอบคุ้มครององค์หญิงกับพระสนม” เคลย์ออกคำสั่งอัศวินของเขา จากนั้นให้คนที่สามเปิดประตูหลัง
ลินลี่ย์ซ่อนตัวอยู่หลังเนินเขาจำลองมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดขณะที่หัวเราะอย่างเยือกเย็น
“เป็นอย่างที่คิดไม่มีโยคีเหลืออยู่แม้แต่คนเดียว” ด้วยการกระโจนเพียงครั้งเดียวลินลี่ย์ก็ถอยหลังเคลื่อนที่ไปอยู่ในจุดที่เคลย์กับไกเซอร์ไม่สามารถมองเห็นเขาได้ จากนั้นเขาแนบตัวกับกำแพงลินลี่ย์เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงไปที่ประตูหลัง แต่ขณะที่ลินลี่ย์เลี้ยวที่หัวมุม เขาก็ต้องชะงักทันที
บีบีอยู่ติดกับประตูหลัง
“แอ๊ดดดด” ประตูหลังเริ่มเปิดออก
บีบีวิ่งด้วยความเร็วสูงไปที่พงหญ้าใกล้ๆเนื่องจากบีบียังมีขนาดเท่ากำปั้นจึงใช้พงหญ้าบดบังซ่อนร่างของมันได้
“บีบี, เมื่อเคลย์ออกมาช่วยบอกข้าทันทีด้วย” ลินลี่ย์ซ่อนตัวอยู่หลังมุมและตลอดทั้งร่างของเขาเริ่มปกคลุมด้วยเกล็ดดำ“แครก” หน้าผาก, หลัง, ศอกและเข่าเริ่มมีหนามแหลมงอกออกมา
และหางเหล็กมังกรก็ยืดยาวออกมาด้วยเช่นกัน
ตาดำของลินลี่ย์กลายเป็นสีทองเข้มสีเดียวกับตาของมังกรเกราะหนาม
ร่างมังกรเต็มพิกัด “เวทสายลม – ความเร็วเสียง”ขณะเดียวกันลินลี่ย์เสริมพลังตนเองด้วยเวทสายลม หลังจากแปลงเป็นร่างมังกรเต็มที่ลินลี่ย์รู้สึกว่าร่างของเขาเต็มไปด้วยพลังไม่มีขีดจำกัด
ตอนนี้ดาบหนักอาดาเมนเทียมไม่ส่งผลต่อลินลี่ย์แม้แต่น้อย
สำหรับนักรบที่เก่งกาจสามารถยกของหนักเป็นแสนปอนด์ได้ง่ายๆน้ำหนัก 3600 ปอนด์จะนับว่ากระไรได้? เมื่อพูดโดยเปรียบเทียบก็เหมือนกับขอให้คนธรรมดาที่สามารถยกน้ำหนัก 100ปอนด์ได้ ช่วยถือของที่หนักแค่ปอนด์เดียวให้เขา จะส่งผลอะไรกับเขาได้?
เคลย์ยังคงเร่งรัดคนของเขาและอัศวินพายุสายฟ้าคนหนึ่งเริ่มออกมาจากประตูหลัง
เคลย์เดินผ่านประตูโดยมีชาร์คเดินคู่และจากนั้นก็เป็นองค์หญิงและพระสนมภายใต้การคุ้มกันของอัศวินพายุสายฟ้านำหน้าออกมาเช่นกัน ขณะที่ไกเซอร์คอยรั้งท้าย ทำหน้าที่ระวังภัยและคุ้มกันด้วย
“เจ้านาย, เคลย์ออกมาแล้ว”
แค่เพียงเคลย์ก้าวเท้าออกมาจากคฤหาสน์ เสียงของบีบีดังขึ้นในใจของลินลี่ย์ ดวงตาของลินลี่ย์ซึ่งหลบมุมซ่อนตัวอยู่ตลอดเวลาพลันเปล่งประกาย
“ควั่บ!”
เขากระโจนไปข้างหน้าสุดกำลังผสานกับพลังลมรอบๆตัวพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง
“ควั่บ”
ในพริบตาร่างเงาเลือนรางขนาดเท่ามนุษย์ตัดผ่านระยะไกลเจ็ดสิบเมตรพุ่งตรงมายังประตูหลังของคฤหาสน์เคลย์ ความรู้สึกว่าบางอย่างไล่ตามทำให้เคลย์หันไปมองเขาเห็นว่าร่างเลือนรางขนาดมนุษย์นี้มาถึงข้างตัวเขาเรียบร้อยแล้ว ร่างที่คุ้นเคยนั่นทำให้เคลย์เสียขวัญ ก่อนที่เขาจะมีโอกาสร้องหรือตั้งหลักพลังที่แข็งแกร่งตรึงเขาไว้ทันที
“อย่าขยับ มิฉะนั้น เจ้าตาย” เสียงของลินลี่ย์ดังเข้าหูของเคลย์โดยตรง
“กรี๊ดดดดด!”พระสนมก้าวเท้าออกมาจากประตู เมื่อเห็นลินลี่ย์ นางกลัวจัดจนกรีดร้องทันที แต่ทันใดนั้นเสียงฉับดังขึ้น ศีรษะของพระสนมขาดกระเด็น
ลินลี่ย์รั้งกรงเล็บกลับ
ศีรษะพระสนมที่ถูกตัดมีเลือดฉีดกระจายไปทุกที่ ขณะที่ร่างของนางล้มลงกับพื้น
“ปะ...ปีศาจ!” องค์หญิงกลัวและเดินถอยหลัง
“ปล่อยฝ่าบาท!” อัศวินพายุสายฟ้าผู้อยู่กับชาร์คพุ่งเข้ามาทันที แต่ขณะที่เขาทำเช่นนั้นเงาร่างดำเลือนรางพุ่งตรงมาที่พวกเขา หนูเงาน้อยบีบีแปลงร่างจนมีขนาดครึ่งเมตรแล้วกระโดดลงมาที่พื้น ขณะที่มันลงมาบนพื้น นักรบที่กำลังจะบุกจู่โจมล้มลงทันที ที่คอของพวกเขาถูกฟันไปครึ่งหนึ่ง
“พวกเจ้าไม่มีใครต้านทานได้ การต่อต้านเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์” เสียงเยือกเย็นของลินลี่ย์ดังขึ้น
ขณะเดียวกันไกเซอร์ก็พุ่งตรงเข้ามาเช่นกัน
“ใต้เท้าไกเซอร์ นั่น..สัตว์ประหลาดอะไร?” องค์หญิงถูกขู่ขวัญหวาดกลัว แต่ชาร์คได้รับคำอธิบายจากเคลย์ทุกอย่างแล้วรู้ว่าอสุรกายตนนี้ก็คือลินลี่ย์
ใบหน้าที่ไม่ปกตินั้นมีเกล็ดดำครอบคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้าและมีหนามแหลมงอกจากหน้าผาก เข่า ศอกและหลัง เกล็ดของมันปกคลุมเท้าและกรงเล็บของมันคมกริบ
ที่ยิ่งกว่านั้นมันมีหางมังกรแส้เหล็ก
ตอนนี้หางมังกรรัดรอบตัวเคลย์ทำให้เขาเคลื่อนไหวไม่ได้แค่หางมังกรของลินลี่ย์เคลื่อนไหวเล็กน้อย ตัวของเคลย์ก็ซวนเซตามไปด้วย
ภาพต่อหน้าครั้งนี้ทำให้ทุกคนตะลึง
“ไกเซอร์ ครั้งนี้ ท่านไม่มีโอกาสแล้ว” เสียงเยือกเย็นของลินลี่ย์ดังขึ้น
แววเจ็บปวดปรากฏบนสีหน้าไกเซอร์ เขารู้ว่าถ้าเขาสู้กันตัวต่อตัวกับลินลี่ย์ชัยชนะยังเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน ยิ่งกว่านั้นลินลี่ย์ยังมีคู่หูเป็นอสูรเวทที่บ้าคลั่งซึ่งมีพลังระดับเดียวกับเขา
ไกเซอร์ไม่มั่นใจในความสามารถของเขาว่าจะจัดการลินลี่ย์หรืออสูรเวทบีบีได้หรือไม่
และตอนนี้เคลย์ถูกลินลี่ย์จับตัว ไกเซอร์ไม่มีโอกาสเลยแม้แต่น้อย
“ลิน...ลินลี่ย์! ปล่อยพระบิดาข้า!” ชาร์คตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
ลินลี่ย์ชำเลืองมองชาร์คด้วยดวงตาสีทองเย็นชา ชาร์คตัวสั่นไม่กล้าพูดอีกต่อไป ตอนนี้ลักษณะของลินลี่ย์ทำให้ทุกคนอับจนปัญญา พวกอัศวินพายุสายฟ้าที่ติดตามเคลย์และได้รบและถูกลินลี่ย์กับบีบีฆ่าตายที่ผ่านมา พวกเขารู้ว่าลินลี่ย์และอสูรเวทคู่หูของเขาแข็งแกร่งน่ากลัวเพียงไหน
“ลินลี่ย์”ขณะที่เคลย์กำลังจะร้องขอความเมตตา...
“กร๊อบ” “แครก!”
ลินลี่ย์ฉีกนิ้วนางและนิ้วชี้จากนั้นโยนไปที่กลุ่มของเจ้าหญิงและไกเซอร์
“อ๊า....” เคลย์ไม่อาจอดกลั้นได้ เขาส่งเสียงร้องโหยหวนจากการถูกตัดนิ้ว
“เคลย์, ข้าจะบอกเจ้าในตอนนี้เลยก็ได้ เจ้าจะต้องตายแน่นอน” ลินลี่ย์พูดตามปกติ
เคลย์มีสีหน้าดุร้ายเหมือนเสือขณะจ้องมองลินลี่ย์
แต่สิ่งที่ปรากฏในสายตาเขาก็คือดวงตาสีทองที่ไร้ความรู้สึกของลินลี่ย์
“ตอนนี้เจ้ามีเพียงสองทางเลือก ประการแรกถูกทรมานจนตาย ประการที่สอง เล่าเรื่องท่านแม่ให้ข้าฟัง ใครฆ่านาง และจากนั้นข้าจะยอมให้เจ้าตายสบาย” ลินลี่ย์พูดอย่างสงบ
ลินลี่ย์รู้ดีว่าวิธีที่ดีที่สุดสำหรับใช้จัดการคนอย่างเคลย์ก็คือวางเงื่อนไขที่ชัดเจนกับเขา
มิฉะนั้นเคลย์จะคิดว่ายังมีความหวังจะรอดอยู่ได้ เขาคงจะกัดฟันและปฏิเสธที่จะตอบเพื่อรักษาความหวังนั้นไว้
“ไม่! ถ้าเจ้าไม่ไว้ชีวิตข้า อ๊า!!!” ลินลี่ย์ฉีกนิ้วของเคลย์อีกนิ้วหนึ่ง “เจ้าจะตายแน่ คำถามเพียงอย่างเดียวคือจะบอกความจริงเร็วๆและทำให้ตัวเจ้าไม่ต้องเจ็บปวดทรมานหรือไม่?”
“ฝ่าบาท!”
ไกเซอร์เตรียมวิ่งเข้ามาทันที
“ไกเซอร์! ท่านต้องการให้ทุกคนตายใช่ไหม?” นัยน์ตาสีทองเข้มของลินลี่ย์จ้องมองไกเซอร์ ไกเซอร์ชะงักทันที เขาเข้าใจว่าลินลี่ย์และบีบีมีพลังมากพอฆ่าทุกคนได้แน่นอน
แม้ว่าเขา,ไกเซอร์จะมีเพียงความสามารถหนีได้ แต่เมื่อเผชิญพลังโจมตีร่วมกันของทั้งลินลี่ย์และบีบี เขาไม่มีโอกาสชนะแม้แต่น้อย “อา...” ไกเซอร์ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ
ลินลี่ย์หันกลับไปมองเคลย์
หน้าของเคลย์ซีดขาว เหงื่อเม็ดโตเท่าเม็ดถั่วผุดขึ้นที่หน้าผาก ตอนนี้ลินลี่ย์เชี่ยวชาญในการใช้พลังที่หางสูงมาก
“คิดต่อไปเถอะ ยิ่งเจ้าคิดนานขึ้นเท่าใด ความเจ็บปวดก็จะเพิ่มขึ้น” ลินลี่ย์ยื่นมือที่เต็มไปด้วยเกล็ดคว้าที่หูของเคลย์
เมื่อเดาได้ว่าลินลี่ย์เตรียมจะทำอะไรเคลย์ร้องเสียงหลง “ไม่!”
“ควาก”
หูซ้ายของเคลย์ถูกลินลี่ย์ฉีกขาดเขาร้องโหยหวนพลางสบถด่า “ลินลี่ย์ เจ้าบัดซบ เจ้ามันเป็นปีศาจร้าย!”
“ถ่วงเวลาต่อไปได้เลย!” ลินลี่ย์ค่อยๆ ยื่นกรงเล็บไปที่หน้าของเคลย์
“คราวนี้จะเป็นดวงตาเจ้าบ้าง บอกข้ามา จะให้ข้าควักตาซ้ายหรือตาขวาดี?” หน้าของลินลี่ย์เฉยชา เมื่อเคลย์มองดูลินลี่ย์ ด้วยความหวังจะค้นหาอะไรบางอย่างจากดวงตาหรือสีหน้าของลินลี่ย์ แต่ทั้งหมดที่เขาเห็นก็คือใบหน้าที่มีเกล็ดปกคลุมไม่หวั่นไหวและเยือกเย็น และดวงตาทองเข้มไร้ปราณี
“ถ้าเจ้าไม่ตัดสินใจ ข้าจะตัดสินใจให้เจ้าเอง,จากหูซ้ายของเจ้าไปแล้ว ตอนนี้ข้าจะควักตาขวาของเจ้า” ลินลี่ย์ยื่นกรงเล็บเข้ามาใกล้
“ไม่!, ข้าจะบอก, ข้าจะบอก” เคลย์ร้องโหยหวนสุดเสียง
ลินลี่ย์รั้งกรงเล็บกลับ “งั้นพูดไป”
“ข้าจะพูด ข้าจะพูด” เคลย์น้ำตาคลอเบ้าพลังใจของเขาพังทลาย ลินลี่ย์ไม่มีเจตนาจะไว้ชีวิตเขา ไม่ว่าเขาจะทำยังไงก็ตามเขาจะต้องตาย ถ้าเขาพูดอย่างน้อยเขาก็ตายสบาย ถ้าไม่ทำอย่างนั้นเขาจะตายอย่างทุกข์ทรมาน
ไม่มีอัศวินพายุสายฟ้าที่ยืนอยู่ห่างไกลกล้าพูดสักคำ ลินลี่ย์และบีบี หนึ่งคนหนึ่งอสูรน่ากลัวเกินไป
เคลย์กำลังคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวในใจ “ศาสนจักรเจิดจรัสครั้งนี้พวกเจ้าไม่ได้ช่วยอะไรข้า กลับทิ้งข้าไว้เบื้องหลัง อย่าตำหนิข้าก็แล้วกันที่สร้างศัตรูซึ่งจะกลายเป็นศัตรูที่น่ากลัวตามจัดการพวกเจ้าในอนาคต!”
“ลินลี่ย์, ข้าจะบอกเจ้าให้ก็ได้,ในแต่ละปีศาสนจักรเจิดจรัสจะต้องบูชายัญเป็นวิญญาณที่บริสุทธิ์มากแก่มหาเทพเจิดจรัส มหาเทพเจิดจรัสต้องการเพียงสองสิ่งคือศรัทธาของเหล่าสาวกและวิญญาณที่บริสุทธิ์” เคลย์พูดตามตรง
ลินลี่ย์จ้องมองเคลย์ด้วยสายตาเฉยชา “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรด้วยกับท่านแม่ข้า?”
เคลย์พูดต่อ “ยิ่งบูชายัญด้วยวิญญาณบริสุทธิ์มากแก่มหาเทพเจิดจรัส องค์มหาเทพก็จะประทานของขวัญที่ยิ่งใหญ่แก่ศาสนจักร..แพตเตอร์สันน้องข้าและข้าเพิ่งจะออกมาจากโบสถ์เจิดจรัส พอข้าเห็นมารดาเจ้าข้าตะลึงทันที นางดูบริสุทธิ์สดใส เพียงแค่ชำเลืองดูมารดาเจ้าเพียงวับเดียวข้าก็ตัดสินใจได้ทันที ข้ารู้สึกว่าวิญญาณมารดาเจ้าต้องบริสุทธิ์มาก” หลังจากได้ยินเรื่องนี้ลินลี่ย์สามารถคาดเดาเรื่องที่เหลือได้
“ข้าสามารถบอกได้ว่าบิดาของเจ้าเป็นเพียงสามัญชนธรรมดา ดังนั้นข้าจึงสั่งแพตเตอร์สันให้ไปชิงตัวมารดาเจ้า วันต่อมาข้าส่งตัวมารดาเจ้าให้กับศาสนจักรเจิดจรัส”
เคลย์สูดหายใจลึก “แน่นอนวิญญาณของมารดาเจ้าบริสุทธิ์อย่างเหลือเชื่อ เมื่อศาสนจักรเจิดจรัสฆ่ามารดาของเจ้าส่งวิญญาณนางเป็นเครื่องบูชายัญให้แก่มหาเทพเจิดจรัส มหาเทพฯ ได้ประทานพรพร้อมกับของขวัญที่ยิ่งใหญ่กว่าที่พวกเขาเคยได้รับครั้งก่อนๆ”
“และนี่คือสาเหตุที่ทางโบสถ์เจิดจรัสตัดสินใจให้รางวัลข้าด้วยพรของเทพเจ้าอย่างที่พวกเขาไม่เคยให้ผู้ใดมาก่อน พรที่ช่วยยกระดับข้าจากนักรบระดับเจ็ดขึ้นเป็นนักรบระดับเก้าโดยตรง แม้ว่าจะทำให้ความก้าวหน้าในอนาคตของข้ามิอาจเป็นไปได้อีก แต่ข้าก็ยังพอใจ นอกจากนี้วิหารเจิดจรัสยังได้มอบเกราะชะตาระดับเซียนให้กับข้า”
เคลย์มองดูลินลี่ย์ “วิญญาณของมารดาเจ้าโดดเด่นมากจริงๆ โบสถ์เจิดจรัสมอบของขวัญให้ข้ามากมายก็เพราะนาง จากจุดนี้ เจ้าคงนึกภาพออกว่ามหาเทพเจิดจรัสได้ให้รางวัลพวกเขามากมายเพียงไหน เมื่อพวกเขาบูชายัญด้วยวิญญาณมารดาเจ้าให้กับพระองค์”