ตอนที่แล้วตอนที่ 7-18 มือที่ขาดหาย?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 7-20 เรื่องราวทั้งหมด

ตอนที่ 7-19 กับความอดกลั้นที่ลดลง


ลินลี่ย์ออกมาเงียบๆ กลับไปที่คฤหาสห์ของเขาเอง

ในเส้นทางกลับจากที่พักของเคลย์เพื่อไปยังที่พักของเขาหน้าของลินลี่ย์ไม่มีความสบายใจ  ข่าวที่เขาเพิ่งได้รับนี้ทำให้ลินลี่ย์คิดว่าตอนนี้หลายๆอย่างจะยากลำบากมากขึ้น

“ลินลี่ย์  เจ้าตัดสินใจอะไรไว้บ้าง?”  เดลิน โคเวิร์ทปรากฏตัวออกมาจากในแหวนมังกรขนด

มีระยะองศาเยื้องห่างระหว่างที่พักของลินลี่ย์และคฤหาสน์ของเคลย์  เดลินโคเวิร์ทเป็นภูตผีที่เคยเป็นนักสู้ระดับเซียนชั้นสูงเมื่อห้าพันปีที่แล้วจึงไม่กลัวว่าท่านใบไม้ร่วงจะเห็นเขาที่นี่

“ข้า?”

ลินลี่ย์กำหมัดของเขา  “อดทนไว้  ข้าทำได้แต่เพียงอดทนและรอคอย”

เดลิน โคเวิร์ทพยักหน้าด้วยความพอใจ เขามองดูการเดินทางทุกย่างก้าวและการเติบโตของลินลี่ย์อยู่ตลอด  เดลิน โคเวิร์ทรู้สึกรักและเอ็นดูลินลี่ย์เหมือนกับว่า เขาป็นหลานชายคนหนึ่ง

เขาไม่ต้องการให้ลินลี่ย์ใจร้อนเกินไป

“ลินลี่ย์ อย่าห่วงไปเลย” เดลิน โคเวิร์ทลูบเคราแล้วพูดต่อ  “ท่านใบไม้ร่วงนั้นก็แค่ให้เคลย์ติดตามไปด้วยเพราะว่าไม่ได้สร้างความลำบากให้เขา แน่นอนว่าเขาคงไม่อยู่กับเคลย์นานนักหรอก ในอดีต เมื่อเคลย์ยังเป็นพระราชาปกครองอาณาจักร  สถานะของเขาก็ต่ำกว่าท่านใบไม้ร่วงมากอยู่แล้ว  ยิ่งสถานะของเคลย์ในปัจจุบันนี้... อาณาจักรเฟนไลถูกทำลายไปแล้วก็ยิ่งทำให้เขามีความสำคัญน้อยลง  นอกจากนี้ตามที่ข้าประเมินไว้เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์แห่งใหม่ซึ่งศาสนจักรเจิดจรัสจะเลือกใช้ก็คงไม่ใช่เมืองเฮส  ดังนั้นท่านใบไม้ร่วงคงไม่อยู่ที่นี่นานเท่าใดแน่”

ลินลี่ย์พยักหน้า

เมืองเฟนไลเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เก่าถูกทำลายด้วยพลังของกองทัพอสูรเวทจากเทือกเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์   เหลือแต่เพียงเศษซากหักพัง ศาสนจักรเจิดจรัสคงไม่ยอมให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นอีกแน่  ตามปกติ พวกเขาจะไม่เลือกเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ใหม่ที่ตั้งแบบเมืองเฮสซึ่งอยู่ใกล้กับชายแดนใหม่ของพวกเขามากเกินไป

ที่สำคัญคือ ราชันย์แห่งเทือกเขาสัตว์วิเศษไดลินได้พูดไว้ก่อนแล้วว่าอสูรวิเศษภายใต้อาณาเขตของเขาอาจขยายอาณาเขตกินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของสหภาพศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นได้ ตอนนี้พวกมันชิงพื้นที่ไปสามในสิบของพื้นที่สหภาพศักดิ์สิทธิ์  ถ้าพวกมันจะชิงพื้นที่ให้เกินครึ่งอย่างนั้นเมืองเฮสจะตกไปอยู่ในพื้นที่ของพวกมันด้วยเช่นกัน

ไฮเดนส์และสมาชิกระดับสุดยอดคนอื่นๆของศาสนจักรเจิดจรัสไม่มีความมั่นใจว่าความสามารถของพวกเขาเพียงพอต่อต้านนักสู้ระดับเทพอย่างไดลินได้หรือไม่

แม้ว่าศาสนจักรเจิดจรัสยังมีพลังที่ไม่ได้นำออกมาใช้แต่เมื่อพวกเขาเอาพลังนั้นมาใช้ต่อต้านไดลินก็เท่ากับนำทรัพยากรทั้งหมดที่เก็บไว้เป็นหมื่นปีมาใช้เพียงเพราะการต่อสู้ครั้งเดียว

ไฮเดนส์ไม่กล้าใช้วิธีนั้น

“ก็แค่รอต่อไป”  ลินลี่ย์สูดหายใจลึกข่มตนเองให้ใจเย็น  เขารู้แล้วว่าเคลย์อยู่ที่ใด  ดังนั้นตราบเท่าที่เขาไม่ทำอะไรผิดพลาดเคลย์คงไม่สามารถหลบหนีได้แน่นอน

ภายในร้านอาหารตรงข้ามคฤหาสน์ของชาร์คเป็นร้านเดียวกับที่ผู้รับใช้ทั้งสองของลินลี่ย์รั้งอยู่เพื่อคอยจับตาดูชาร์คและเคลย์

ตอนเที่ยงวันนั้น

ลินลี่ย์สวมเสื้อคอกลมแขนกุดธรรมดา กล้ามเนื้อหน้าอกที่แข็งแรงของลินลี่ย์ปรากฏเป็นรูปชัดเจน กล้ามแขนเป็นมัดแข็งแรงและดาบหนักบนหลังของเขาให้ความรู้สึกว่าเป็นบุรุษผู้แข็งแกร่งมาก

นักรบดาบหนักคนหนึ่ง!

ลักษณะในปัจจุบันของลินลี่ย์สามารถพบเห็นได้โดยทั่วไป พวกนักรบจะให้ความสำคัญกับการฝึกกล้ามเนื้อมากที่สุด ดังนั้นหลายๆคนจึงมีร่างกายที่แข็งแรง และมีน้อยคนที่ใช้ดาบหนักได้ดี

“เนื้อย่างสองจาน, เหล้ากระทิงสองขวด” ลินลี่ย์พูดเสียงต่ำ

“ขอรับ, เชิญนั่งก่อน” เมื่อเห็นลินลี่ย์ผู้แข็งแกร่งปรากฏตัวบริกรปฏิบัติต่อเขาด้วยความเกรงใจ ลินลี่ย์เลือกที่นั่งด้านในร้านอาหารซึ่งเป็นจุดที่สามารถมองผ่านประตูและหน้าต่างเห็นคฤหาสน์ของเคลย์ได้

บริกรดึงเก้าอี้ออกเพื่อให้ลินลี่ย์ได้นั่งทันที

“โปรดรอสักครู่นะขอรับ”  บริกรพูดพลางยิ้มพลาง ถึงตอนนี้บริกรอีกคนหนึ่งเข้ามาเสริฟเหล้ากระทิงสองขวด  เหล้ากระทิงเป็นเหล้าชนิดที่แรงมากพวกนักรบที่แข็งแกร่งส่วนใหญ่ชมชอบกันมาก

พอเหลือบเห็นดาบหนักบนหลังลินลี่ย์ บริกรลอบตกใจ “โอวพระเจ้า,ดาบทั้งหนาทั้งยาว และดูจากสีของมันแสดงว่าต้องทำมาจากวัสดุพิเศษนี่ต้องหนักอย่างน้อยสองสามร้อยปอนด์เป็นแน่ สุภาพบุรุษท่านนี้ต้องเป็นนักรบที่แข็งแกร่งแน่”

ที่ร้านอาหารนี้ เมื่อพวกบริกรเบื่อ พวกเขาจะลอบมองลูกค้าต่างๆ ของพวกเขาหลังจากทำนิสัยเช่นนี้มาเป็นเวลานาน สายตาพวกเขาค่อนข้างคมและคาดเดาได้ถูกต้อง เมื่อเห็นอาการที่ลินลี่ย์แบกดาบหนักนี้มาด้วย พวกเขาสามารถบอกได้เลยว่าลินลี่ย์เป็นนักรบที่แข็งแกร่ง

สองพี่น้องที่ลินลี่ย์จ้างให้ประจำอยู่ที่ร้านอาหารนี้เดินมาถึงในเวลานี้

“เอาเนื้อย่างนี้กลับไปให้บีบีด้วย” ลินลี่ย์ออกคำสั่งเขาโดยไม่ให้โอกาสเขาพูด “ขอรับท่าน”

สองพี่น้องไม่ได้ทำอะไรที่สำคัญแต่อย่างใด พวกเขาทำตามคำสั่งของลินลี่ย์ทันทีถือเนื้อย่างกลับไป

จากนั้นลินลี่ย์แค่นั่งดื่มเหล้าเงียบๆ อยู่ในร้านอาหาร

ลินลี่ย์ดื่มเหล้าช้ามากเหล้าขวดหนึ่งพอจะทำให้เขาอยู่ได้สองหรือสามชั่วโมง  เขาแค่ดื่มต่อไปขณะจับตามองที่คฤหาสน์ของเคลย์

คืนนั้น

ในชั้นบนๆ ของร้านอาหาร กวีคนหนึ่งกำลังขับเพลง ทั่วทั้งบาร์มีแต่เสียงอึกทึกนักรบสองสามคนต่างคนต่างตะโกนหัวเราะ

เป็นเพราะภัยพิบัติ เมืองเฮสจึงมีชีวิตชีวามากกว่าที่เคยเป็น

นักรบที่แข็งแกร่งหลายคนมาอุดหนุนที่ร้านนี้ และพวกเขาทุกคนตื่นตัวบ้าพลัง พวกเขาชอบแข่งงัดข้อกัน

“หมื่นเหรียญทอง!  ผู้ชนะจะได้รับหมื่นเหรียญทอง”ผู้จัดการแข่งขันตะโกนลั่น

นักรบผู้แข็งแกร่งหลายคนหนีภัยพิบัติมาที่นี่ แม้ว่าทองหมื่นเหรียญจะไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อย  แต่ก็ไม่ใช่เงินจำนวนมากเช่นกัน

“ข้าจะร่วมด้วย  ทองหนึ่งหมื่นจะเป็นของข้า”  นักรบผมน้ำตาลสูง 2.2 เมตร  อกใหญ่เหมือนถังบ่มเหล้านั่งลง  แขนทั้งสองของเขาหนากว่าขาของคนส่วนใหญ่

“ฮึ่ม.. ข้าเจอเอง”

บุรุษผมแดงตัวพอๆ กับลินลี่ย์เดินไปนั่งลงด้วยเช่นกัน  ทั้งสองคนยื่นแขนออกมาและประกบมือกันทันที  หลังจากนั้นกล้ามแขนของพวกเขาก็เริ่มปูดโปน

นักรบที่นั่งดื่มอยู่ใกล้ๆ พวกเขาทุกคนเริ่มตะโกนลั่นส่งเสียงเชียร์

“ใช้ชีวิตแบบนี้ก็ไม่นับว่าเลว” ลินลี่ย์รู้ว่าการรอให้ท่านใบไม้ร่วงจากไปคงเป็นเรื่องน่าเบื่อมาก ใครจะรู้กันว่าท่านใบไม้ร่วงจะอยู่อีกนานเท่าใด?  วันเดียว? สองวัน?  สิบวัน?

ลินลี่ย์หันไปมองด้วยความสนใจเช่นกัน

“สองคนนี้ไม่มีใครอ่อนแอ พวกเขาอย่างน้อยก็เป็นนักรบระดับหก” ลินลี่ย์ผงกศีรษะให้กับตนเอง ตอนนี้ยอดฝีมือสามารถพบเห็นได้ทุกที่ในเมืองเฮส

แขนทั้งสองของพวกเขางัดใส่กันเอง นักรบทั้งสองคนนี้ต่างทุ่มเทเรี่ยวแรงถึงหมื่นปอนด์ต้านทานกันและกัน

“กรรรร!” นักรบผมน้ำตาลซึ่งมีแขนหนากว่าขาของคนส่วนใหญ่ตะโกนสุดเสียงและเส้นเลือดบนแขนของเขาเริ่มปูดโปนเด่นชัดเหมือนหนอนที่ชอนไชอยู่ใต้ผิวหนังเขา ทุกคนที่มองเห็นคิดตรงกันว่าเส้นเลือดของเขาอาจแตกออกมาได้ทุกเมื่อ

หน้าของบุรุษผมแดงเปลี่ยนเป็นสีแดงเช่นกัน เนื่องจากว่าเขาก็ไม่ยินดีตกเป็นรองแม้แต่น้อย

“เอี๊ยด  เอี๊ยด”  โต๊ะใต้แขนเขาเริ่มสั่นเช่นกัน

โต๊ะและเก้าอี้ในร้านอาหารนี้ทุกตัวสร้างจากเหล็ก มีความทนทานมาก  กล่าวโดยทั่วไปนักรบผู้มีพลังแข็งแกร่งสามารถแข่งประลองและควบคุมพลังที่ปล่อยออกมาจากข้อมือขณะที่พวกเขางัดข้อกันเหนือโต๊ะ  แต่เพราะโต๊ะเริ่มสั่นเนื่องจากพลังของพวกเขาส่งสัญญาณว่าบุรุษทั้งสองถึงขีดจำกัดของพวกเขาแล้ว

“ฮ่าฮ่า, เอาเลยฮาโรลด์”

“เจ้าบ้าฮาโรลด์, พยายามขึ้นอีก!”

“น้องรอง, อย่าแพ้ต่อหน้าข้านะ”

นักรบทุกคนที่กำลังดื่มกินอยู่รอบๆ พวกเขาต่างส่งเสียงเชียร์ลั่น  อย่างช้าๆบุรุษตัวโตแขนมหึมานามว่าฮาโรลด์เริ่มได้เปรียบทำให้นักรบผมแดงรีบเร่งพยายามต่อต้าน

“ฮ่า....”

ด้วยเสียงคำรามที่ดังลั่น ฮาโรลด์กดแขนของคู่ต่อสู้ของเขากับโต๊ะ  ทำให้เกิดรอยประทับทิ้งไว้บนโต๊ะเหล็ก

“ฮ่าฮ่า,  ข้าชนะ!” ฮาโรลด์หัวเราะลั่น

“บ้าเอ๊ย, น้องรอง, เอาชนะมัน  ให้ข้าเองเจ้างี่เง่าตัวโตนี่ต้องการชนะได้หมื่นเหรียญทองใช่ไหม? หือ”นักรบผมแดงตาเดียวเดินเข้ามา

ร้านอาหารมีเสียงอึกทึกมาก และนักรบที่มีพลังเหล่านั้นร้องตะโกนใส่กัน  ขณะที่ชั้นบนนักกวียังคงขับบทเพลงเสียงดังต่อไป เพื่อที่ว่าจะได้รับค่าจ้างเป็นทองเล็กน้อยตามที่ทางร้านอาหารสัญญาไว้

เสียงดัง

แต่ในสภาพแวดล้อมที่เสียงดังอึกทึกนี้ มีคนสามสี่คนที่ยังเงียบ นักรบที่อยู่รอบๆ พวกเขาไม่ค่อยระรานหาเรื่องพวกเขา  นักรบทั้งหมดเหล่านี้มีประสบการณ์จากภายนอกมากและพวกเขามีการตัดสินใจที่ดี พวกเขารู้ว่าใครที่พวกเขารุกรานได้ ใครรุกรานไม่ได้

เช้าวันต่อมาหลังจากลินลี่ย์นั่งลงได้ไม่นาน

“หืม?”

ทันใดนั้นลินลี่ย์เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ท่านใบไม้ร่วง

ท่านใบไม้ร่วงร่างผอมดุจขอทานเดินออกมาจากคฤหาสน์เคลย์และเตรียมแยกทางกันพร้อมกับโยคีเท้าเปล่าสองคนที่อยู่ในชุดผ้ากระสอบข้างๆ เขา

“เขาไปแล้ว? แต่มีเพียงแค่ท่านใบไม้ร่วงและโยคีสองคนที่จากไป”  ลินลี่ย์ไตร่ตรองชั่วครู่  เขารู้ว่ามีโยคีหลายคนที่ร่วมเดินทางในครั้งนี้  และยอดฝีมือหลายคนก็รวมอยู่ในนี้  ตอนนี้ มีเพียงจากไปสามคน

“รอคอยต่อไป” ลินลี่ย์จิบเหล้าต่อ เขายังคงจับตารอคอย

เคลย์ ชาร์คและคนอื่นส่งท่านใบไม้ร่วงมองดูเขาออกไปจากประตู

“พระบิดา, มีบางเรื่องที่ข้าลืมบอกท่าน” ชาร์คตบหัวตัวเอง  “พระบิดา,ใต้เท้าลินลี่ย์เดินทางร่วมกับเรามาระยะเวลาหนึ่ง แต่เมื่อสองวันก่อนเขาจากไปแล้ว มุ่งหน้าขึ้นเหนือ”

“ลินลี่ย์”

เมื่อได้ยินชื่อนี้ เคลย์แทบตะโกนลั่นด้วยความประหลาดใจ

ลินลี่ย์นี้เกือบจะเอาชีวิตเขาได้ถึงสองครั้งสองโอกาส

“มีอะไรหรือพระบิดา?”  ชาร์คสงสัย  เท่าที่ชาร์คสามารถบอกได้ นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่สำคัญอาณาจักรเฟนไลล่มสลายไปแล้ว ราชวงศ์ของพวกเขาเป็นแค่ตระกูลกษัตริย์ในนามเท่านั้น ไม่มีอาณาจักรอยู่จริง  คงเป็นเรื่องน่าประหลาดใจถ้าลินลี่ย์ยังคงจงรักภักดีต่อพวกเขาจริงๆ

“เขาเดินทางร่วมกับเจ้า และเขารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ด้วยใช่ไหม?” เคลย์ถามขึ้นทันที

“ถูกแล้ว เขาพักอยู่ที่นี่หนึ่งคืน” ชาร์คตอบอย่างสับสน

หัวใจของเคลย์เริ่มสั่นสะท้าน “เจ้าลินลี่ย์นี่ยังคงอยู่ในเมืองเฮสแน่นอน”  เคลย์รู้ว่าลินลี่ย์ต้องการฆ่าเขา  และคงไม่ยอมจากไปในลักษณะนั้นแน่นอน

“ไม่ต้องห่วง ยังคงมีโยคีกลุ่มใหญ่พักอยู่ที่นี่” เคลย์ปลอบใจตนเอง

“แต่เมื่อพวกโยคีจากไป ข้าจะไปพร้อมกับพวกเขาด้วย” เคลย์ตัดสินใจ ขอเพียงเดินทางไปพร้อมกับกลุ่มโยคีเขาจะรู้สึกปลอดภัย

เคลย์มองดูทุกจุดตำแหน่งอย่างระมัดระวัง

เขายังมีความรู้สึกแปลกๆ นี้ว่าลินลี่ย์กำลังมองดูเขาจากที่ใกล้ๆแห่งใดแห่งหนึ่ง

ผ่านไปหนึ่งวัน วันที่สองผ่านไปอีก นอกจากกลับมานอนตอนกลางคืน ลินลี่ย์ใช้เวลาทั้งหมดอยู่ที่ร้านอาหาร ครั้งหนึ่งมีคนโง่คนหนึ่งพยายามหาเรื่องลินลี่ย์ แต่ลินลี่ย์ถีบเขาปลิวตั้งแต่หลังร้านมาที่หน้าร้านด้วยการถีบครั้งเดียว จากนั้นมาก็ไม่มีใครหาเรื่องลินลี่ย์อีก

พริบตาเดียวผ่านไปหกวัน

ช่วงเวลาหกวันที่ผ่านไปนี้ นอกจากท่านใบไม้ร่วงและโยคีอีกสองคนแล้ว ไม่มีพวกโยคีอื่นจากไป

ภายในคฤหาสน์ของเคลย์

“ทุกท่าน, ทำไมพวกท่านถึงได้เร่งรีบจากไปนักเล่า?” เคลย์มองดูตัวแทนโยคีทั้งสามข้างหน้าเขาพยายามจะโน้มน้าวหน่วงเหนี่ยวพวกเขา

บุรุษชราผมทองกล่าวอย่างใจเย็น  “เคลย์เราต้องไปที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์แห่งใหม่เดี๋ยวนี้ ต้องขอโทษด้วยที่รบกวนท่านในช่วงหลายวันมานี้  ตอนนี้เราจะไปกันแล้ว”

โยคีทั้งสามนี้ไม่สนใจคำเชิญชวนของเคลย์ขณะที่พวกเขาเตรียมตัวจากไปทันที

“ใต้เท้า, ท่านจะไปเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ใหม่ใช่ไหม?  ข้าก็ปรารถนาจะไปด้วยเช่นกันจะเป็นยังไงถ้าข้าจะขอไปพร้อมกับพวกท่าน?” เคลย์พูดขึ้นทันที  ขณะเดียวกันเขาสั่งชาร์คโอรสเขาทันที “ชาร์ค เตรียมสัมภาระ เราจะออกเดินทางกันเดียวนี้”

มาถึงตอนนี้แล้ว เคลย์ไม่รู้สึกปลอดภัยแม้แต่น้อย

ถ้ามีแต่เพียงไกเซอร์ออกไปพร้อมกับเขาเคลย์ไม่มั่นใจว่าไกเซอร์จะสามารถปกป้องเขาจากลินลี่ย์และอสูรเวทที่ร้ายกาจของเขาได้

“จะเดินทางไปพร้อมกับเราน่ะหรือ?” บุรุษชราผมทองขมวดคิ้ว

ความจริงพวกเขาไม่คิดจะเดินทางไปเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์แห่งใหม่เลย  พวกเขามีภารกิจลับ

“เป็นไปไม่ได้ เราได้รับคำสั่งมาจากศาสนจักรอย่างเข้มงวด”  โยคีชราผมทองพูดเย็นชา

อีกสองคนก็มองเคลย์อย่างเย็นชาด้วยเช่นกัน “ถ้าท่านลอบติดตามเรา ท่านคงจะรู้ว่าผลออกมาจะเป็นเช่นไร” หลังจากพวกเขาพูดจบ ทั้งสามก็หันกายเดินจากไปปล่อยให้เคลย์ยืนตะลึงงันอยู่ข้างหลัง

เคลย์คาดไม่ถึงเลยว่าโยคีเหล่านี้จะห้ามมิให้เขาร่วมเดินทางไปด้วย

“ใต้เท้า!”  เคลย์ตามออกมาจากห้องโถง  แต่โยคีราวห้าสิบคนออกไปจากประตูคฤหาสน์แล้วไม่มีแม้แต่คนเดียวที่หันหน้ากลับมามองเขา

เคลย์ไตร่ตรองว่าจะทำเช่นไรต่อไป  เขาไม่กล้าติดตามโยคีพวกนั้นต่อไป  แม้ว่าทางศาสนจักรเจิดจรัสจะสอนให้คนทำดี  แต่เมื่อพวกเขาตัดสินใจต่อต้านใครบางคน  พวกเขาจะไม่มีความเมตตาปราณีให้  ตอนนี้ เคลย์ไม่มีความคุ้นเคยกับศาสนจักรเจิดจรัสอีกต่อไป  พวกโยคีคงไม่กลัวที่จะฆ่าเขาแน่นอน

“พระบิดา”ชาร์คเดินเข้ามาหาและมองดูเคลย์

เคลย์ขมวดคิ้ว เขาเงียบอยู่ชั่วขณะ จากนั้นออกคำสั่ง “ไปที่ประตูหลัง  เราจะออกไปทันที  ใช่แล้ว ไปกันเดี๋ยวนี้ อันตรายจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปในแต่ละวินาที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด