ตอนที่ 7-19 กับความอดกลั้นที่ลดลง
ลินลี่ย์ออกมาเงียบๆ กลับไปที่คฤหาสห์ของเขาเอง
ในเส้นทางกลับจากที่พักของเคลย์เพื่อไปยังที่พักของเขาหน้าของลินลี่ย์ไม่มีความสบายใจ ข่าวที่เขาเพิ่งได้รับนี้ทำให้ลินลี่ย์คิดว่าตอนนี้หลายๆอย่างจะยากลำบากมากขึ้น
“ลินลี่ย์ เจ้าตัดสินใจอะไรไว้บ้าง?” เดลิน โคเวิร์ทปรากฏตัวออกมาจากในแหวนมังกรขนด
มีระยะองศาเยื้องห่างระหว่างที่พักของลินลี่ย์และคฤหาสน์ของเคลย์ เดลินโคเวิร์ทเป็นภูตผีที่เคยเป็นนักสู้ระดับเซียนชั้นสูงเมื่อห้าพันปีที่แล้วจึงไม่กลัวว่าท่านใบไม้ร่วงจะเห็นเขาที่นี่
“ข้า?”
ลินลี่ย์กำหมัดของเขา “อดทนไว้ ข้าทำได้แต่เพียงอดทนและรอคอย”
เดลิน โคเวิร์ทพยักหน้าด้วยความพอใจ เขามองดูการเดินทางทุกย่างก้าวและการเติบโตของลินลี่ย์อยู่ตลอด เดลิน โคเวิร์ทรู้สึกรักและเอ็นดูลินลี่ย์เหมือนกับว่า เขาป็นหลานชายคนหนึ่ง
เขาไม่ต้องการให้ลินลี่ย์ใจร้อนเกินไป
“ลินลี่ย์ อย่าห่วงไปเลย” เดลิน โคเวิร์ทลูบเคราแล้วพูดต่อ “ท่านใบไม้ร่วงนั้นก็แค่ให้เคลย์ติดตามไปด้วยเพราะว่าไม่ได้สร้างความลำบากให้เขา แน่นอนว่าเขาคงไม่อยู่กับเคลย์นานนักหรอก ในอดีต เมื่อเคลย์ยังเป็นพระราชาปกครองอาณาจักร สถานะของเขาก็ต่ำกว่าท่านใบไม้ร่วงมากอยู่แล้ว ยิ่งสถานะของเคลย์ในปัจจุบันนี้... อาณาจักรเฟนไลถูกทำลายไปแล้วก็ยิ่งทำให้เขามีความสำคัญน้อยลง นอกจากนี้ตามที่ข้าประเมินไว้เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์แห่งใหม่ซึ่งศาสนจักรเจิดจรัสจะเลือกใช้ก็คงไม่ใช่เมืองเฮส ดังนั้นท่านใบไม้ร่วงคงไม่อยู่ที่นี่นานเท่าใดแน่”
ลินลี่ย์พยักหน้า
เมืองเฟนไลเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เก่าถูกทำลายด้วยพลังของกองทัพอสูรเวทจากเทือกเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ เหลือแต่เพียงเศษซากหักพัง ศาสนจักรเจิดจรัสคงไม่ยอมให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นอีกแน่ ตามปกติ พวกเขาจะไม่เลือกเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ใหม่ที่ตั้งแบบเมืองเฮสซึ่งอยู่ใกล้กับชายแดนใหม่ของพวกเขามากเกินไป
ที่สำคัญคือ ราชันย์แห่งเทือกเขาสัตว์วิเศษไดลินได้พูดไว้ก่อนแล้วว่าอสูรวิเศษภายใต้อาณาเขตของเขาอาจขยายอาณาเขตกินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของสหภาพศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นได้ ตอนนี้พวกมันชิงพื้นที่ไปสามในสิบของพื้นที่สหภาพศักดิ์สิทธิ์ ถ้าพวกมันจะชิงพื้นที่ให้เกินครึ่งอย่างนั้นเมืองเฮสจะตกไปอยู่ในพื้นที่ของพวกมันด้วยเช่นกัน
ไฮเดนส์และสมาชิกระดับสุดยอดคนอื่นๆของศาสนจักรเจิดจรัสไม่มีความมั่นใจว่าความสามารถของพวกเขาเพียงพอต่อต้านนักสู้ระดับเทพอย่างไดลินได้หรือไม่
แม้ว่าศาสนจักรเจิดจรัสยังมีพลังที่ไม่ได้นำออกมาใช้แต่เมื่อพวกเขาเอาพลังนั้นมาใช้ต่อต้านไดลินก็เท่ากับนำทรัพยากรทั้งหมดที่เก็บไว้เป็นหมื่นปีมาใช้เพียงเพราะการต่อสู้ครั้งเดียว
ไฮเดนส์ไม่กล้าใช้วิธีนั้น
“ก็แค่รอต่อไป” ลินลี่ย์สูดหายใจลึกข่มตนเองให้ใจเย็น เขารู้แล้วว่าเคลย์อยู่ที่ใด ดังนั้นตราบเท่าที่เขาไม่ทำอะไรผิดพลาดเคลย์คงไม่สามารถหลบหนีได้แน่นอน
ภายในร้านอาหารตรงข้ามคฤหาสน์ของชาร์คเป็นร้านเดียวกับที่ผู้รับใช้ทั้งสองของลินลี่ย์รั้งอยู่เพื่อคอยจับตาดูชาร์คและเคลย์
ตอนเที่ยงวันนั้น
ลินลี่ย์สวมเสื้อคอกลมแขนกุดธรรมดา กล้ามเนื้อหน้าอกที่แข็งแรงของลินลี่ย์ปรากฏเป็นรูปชัดเจน กล้ามแขนเป็นมัดแข็งแรงและดาบหนักบนหลังของเขาให้ความรู้สึกว่าเป็นบุรุษผู้แข็งแกร่งมาก
นักรบดาบหนักคนหนึ่ง!
ลักษณะในปัจจุบันของลินลี่ย์สามารถพบเห็นได้โดยทั่วไป พวกนักรบจะให้ความสำคัญกับการฝึกกล้ามเนื้อมากที่สุด ดังนั้นหลายๆคนจึงมีร่างกายที่แข็งแรง และมีน้อยคนที่ใช้ดาบหนักได้ดี
“เนื้อย่างสองจาน, เหล้ากระทิงสองขวด” ลินลี่ย์พูดเสียงต่ำ
“ขอรับ, เชิญนั่งก่อน” เมื่อเห็นลินลี่ย์ผู้แข็งแกร่งปรากฏตัวบริกรปฏิบัติต่อเขาด้วยความเกรงใจ ลินลี่ย์เลือกที่นั่งด้านในร้านอาหารซึ่งเป็นจุดที่สามารถมองผ่านประตูและหน้าต่างเห็นคฤหาสน์ของเคลย์ได้
บริกรดึงเก้าอี้ออกเพื่อให้ลินลี่ย์ได้นั่งทันที
“โปรดรอสักครู่นะขอรับ” บริกรพูดพลางยิ้มพลาง ถึงตอนนี้บริกรอีกคนหนึ่งเข้ามาเสริฟเหล้ากระทิงสองขวด เหล้ากระทิงเป็นเหล้าชนิดที่แรงมากพวกนักรบที่แข็งแกร่งส่วนใหญ่ชมชอบกันมาก
พอเหลือบเห็นดาบหนักบนหลังลินลี่ย์ บริกรลอบตกใจ “โอวพระเจ้า,ดาบทั้งหนาทั้งยาว และดูจากสีของมันแสดงว่าต้องทำมาจากวัสดุพิเศษนี่ต้องหนักอย่างน้อยสองสามร้อยปอนด์เป็นแน่ สุภาพบุรุษท่านนี้ต้องเป็นนักรบที่แข็งแกร่งแน่”
ที่ร้านอาหารนี้ เมื่อพวกบริกรเบื่อ พวกเขาจะลอบมองลูกค้าต่างๆ ของพวกเขาหลังจากทำนิสัยเช่นนี้มาเป็นเวลานาน สายตาพวกเขาค่อนข้างคมและคาดเดาได้ถูกต้อง เมื่อเห็นอาการที่ลินลี่ย์แบกดาบหนักนี้มาด้วย พวกเขาสามารถบอกได้เลยว่าลินลี่ย์เป็นนักรบที่แข็งแกร่ง
สองพี่น้องที่ลินลี่ย์จ้างให้ประจำอยู่ที่ร้านอาหารนี้เดินมาถึงในเวลานี้
“เอาเนื้อย่างนี้กลับไปให้บีบีด้วย” ลินลี่ย์ออกคำสั่งเขาโดยไม่ให้โอกาสเขาพูด “ขอรับท่าน”
สองพี่น้องไม่ได้ทำอะไรที่สำคัญแต่อย่างใด พวกเขาทำตามคำสั่งของลินลี่ย์ทันทีถือเนื้อย่างกลับไป
จากนั้นลินลี่ย์แค่นั่งดื่มเหล้าเงียบๆ อยู่ในร้านอาหาร
ลินลี่ย์ดื่มเหล้าช้ามากเหล้าขวดหนึ่งพอจะทำให้เขาอยู่ได้สองหรือสามชั่วโมง เขาแค่ดื่มต่อไปขณะจับตามองที่คฤหาสน์ของเคลย์
คืนนั้น
ในชั้นบนๆ ของร้านอาหาร กวีคนหนึ่งกำลังขับเพลง ทั่วทั้งบาร์มีแต่เสียงอึกทึกนักรบสองสามคนต่างคนต่างตะโกนหัวเราะ
เป็นเพราะภัยพิบัติ เมืองเฮสจึงมีชีวิตชีวามากกว่าที่เคยเป็น
นักรบที่แข็งแกร่งหลายคนมาอุดหนุนที่ร้านนี้ และพวกเขาทุกคนตื่นตัวบ้าพลัง พวกเขาชอบแข่งงัดข้อกัน
“หมื่นเหรียญทอง! ผู้ชนะจะได้รับหมื่นเหรียญทอง”ผู้จัดการแข่งขันตะโกนลั่น
นักรบผู้แข็งแกร่งหลายคนหนีภัยพิบัติมาที่นี่ แม้ว่าทองหมื่นเหรียญจะไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่เงินจำนวนมากเช่นกัน
“ข้าจะร่วมด้วย ทองหนึ่งหมื่นจะเป็นของข้า” นักรบผมน้ำตาลสูง 2.2 เมตร อกใหญ่เหมือนถังบ่มเหล้านั่งลง แขนทั้งสองของเขาหนากว่าขาของคนส่วนใหญ่
“ฮึ่ม.. ข้าเจอเอง”
บุรุษผมแดงตัวพอๆ กับลินลี่ย์เดินไปนั่งลงด้วยเช่นกัน ทั้งสองคนยื่นแขนออกมาและประกบมือกันทันที หลังจากนั้นกล้ามแขนของพวกเขาก็เริ่มปูดโปน
นักรบที่นั่งดื่มอยู่ใกล้ๆ พวกเขาทุกคนเริ่มตะโกนลั่นส่งเสียงเชียร์
“ใช้ชีวิตแบบนี้ก็ไม่นับว่าเลว” ลินลี่ย์รู้ว่าการรอให้ท่านใบไม้ร่วงจากไปคงเป็นเรื่องน่าเบื่อมาก ใครจะรู้กันว่าท่านใบไม้ร่วงจะอยู่อีกนานเท่าใด? วันเดียว? สองวัน? สิบวัน?
ลินลี่ย์หันไปมองด้วยความสนใจเช่นกัน
“สองคนนี้ไม่มีใครอ่อนแอ พวกเขาอย่างน้อยก็เป็นนักรบระดับหก” ลินลี่ย์ผงกศีรษะให้กับตนเอง ตอนนี้ยอดฝีมือสามารถพบเห็นได้ทุกที่ในเมืองเฮส
แขนทั้งสองของพวกเขางัดใส่กันเอง นักรบทั้งสองคนนี้ต่างทุ่มเทเรี่ยวแรงถึงหมื่นปอนด์ต้านทานกันและกัน
“กรรรร!” นักรบผมน้ำตาลซึ่งมีแขนหนากว่าขาของคนส่วนใหญ่ตะโกนสุดเสียงและเส้นเลือดบนแขนของเขาเริ่มปูดโปนเด่นชัดเหมือนหนอนที่ชอนไชอยู่ใต้ผิวหนังเขา ทุกคนที่มองเห็นคิดตรงกันว่าเส้นเลือดของเขาอาจแตกออกมาได้ทุกเมื่อ
หน้าของบุรุษผมแดงเปลี่ยนเป็นสีแดงเช่นกัน เนื่องจากว่าเขาก็ไม่ยินดีตกเป็นรองแม้แต่น้อย
“เอี๊ยด เอี๊ยด” โต๊ะใต้แขนเขาเริ่มสั่นเช่นกัน
โต๊ะและเก้าอี้ในร้านอาหารนี้ทุกตัวสร้างจากเหล็ก มีความทนทานมาก กล่าวโดยทั่วไปนักรบผู้มีพลังแข็งแกร่งสามารถแข่งประลองและควบคุมพลังที่ปล่อยออกมาจากข้อมือขณะที่พวกเขางัดข้อกันเหนือโต๊ะ แต่เพราะโต๊ะเริ่มสั่นเนื่องจากพลังของพวกเขาส่งสัญญาณว่าบุรุษทั้งสองถึงขีดจำกัดของพวกเขาแล้ว
“ฮ่าฮ่า, เอาเลยฮาโรลด์”
“เจ้าบ้าฮาโรลด์, พยายามขึ้นอีก!”
“น้องรอง, อย่าแพ้ต่อหน้าข้านะ”
นักรบทุกคนที่กำลังดื่มกินอยู่รอบๆ พวกเขาต่างส่งเสียงเชียร์ลั่น อย่างช้าๆบุรุษตัวโตแขนมหึมานามว่าฮาโรลด์เริ่มได้เปรียบทำให้นักรบผมแดงรีบเร่งพยายามต่อต้าน
“ฮ่า....”
ด้วยเสียงคำรามที่ดังลั่น ฮาโรลด์กดแขนของคู่ต่อสู้ของเขากับโต๊ะ ทำให้เกิดรอยประทับทิ้งไว้บนโต๊ะเหล็ก
“ฮ่าฮ่า, ข้าชนะ!” ฮาโรลด์หัวเราะลั่น
“บ้าเอ๊ย, น้องรอง, เอาชนะมัน ให้ข้าเองเจ้างี่เง่าตัวโตนี่ต้องการชนะได้หมื่นเหรียญทองใช่ไหม? หือ”นักรบผมแดงตาเดียวเดินเข้ามา
ร้านอาหารมีเสียงอึกทึกมาก และนักรบที่มีพลังเหล่านั้นร้องตะโกนใส่กัน ขณะที่ชั้นบนนักกวียังคงขับบทเพลงเสียงดังต่อไป เพื่อที่ว่าจะได้รับค่าจ้างเป็นทองเล็กน้อยตามที่ทางร้านอาหารสัญญาไว้
เสียงดัง
แต่ในสภาพแวดล้อมที่เสียงดังอึกทึกนี้ มีคนสามสี่คนที่ยังเงียบ นักรบที่อยู่รอบๆ พวกเขาไม่ค่อยระรานหาเรื่องพวกเขา นักรบทั้งหมดเหล่านี้มีประสบการณ์จากภายนอกมากและพวกเขามีการตัดสินใจที่ดี พวกเขารู้ว่าใครที่พวกเขารุกรานได้ ใครรุกรานไม่ได้
เช้าวันต่อมาหลังจากลินลี่ย์นั่งลงได้ไม่นาน
“หืม?”
ทันใดนั้นลินลี่ย์เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ท่านใบไม้ร่วง
ท่านใบไม้ร่วงร่างผอมดุจขอทานเดินออกมาจากคฤหาสน์เคลย์และเตรียมแยกทางกันพร้อมกับโยคีเท้าเปล่าสองคนที่อยู่ในชุดผ้ากระสอบข้างๆ เขา
“เขาไปแล้ว? แต่มีเพียงแค่ท่านใบไม้ร่วงและโยคีสองคนที่จากไป” ลินลี่ย์ไตร่ตรองชั่วครู่ เขารู้ว่ามีโยคีหลายคนที่ร่วมเดินทางในครั้งนี้ และยอดฝีมือหลายคนก็รวมอยู่ในนี้ ตอนนี้ มีเพียงจากไปสามคน
“รอคอยต่อไป” ลินลี่ย์จิบเหล้าต่อ เขายังคงจับตารอคอย
เคลย์ ชาร์คและคนอื่นส่งท่านใบไม้ร่วงมองดูเขาออกไปจากประตู
“พระบิดา, มีบางเรื่องที่ข้าลืมบอกท่าน” ชาร์คตบหัวตัวเอง “พระบิดา,ใต้เท้าลินลี่ย์เดินทางร่วมกับเรามาระยะเวลาหนึ่ง แต่เมื่อสองวันก่อนเขาจากไปแล้ว มุ่งหน้าขึ้นเหนือ”
“ลินลี่ย์”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ เคลย์แทบตะโกนลั่นด้วยความประหลาดใจ
ลินลี่ย์นี้เกือบจะเอาชีวิตเขาได้ถึงสองครั้งสองโอกาส
“มีอะไรหรือพระบิดา?” ชาร์คสงสัย เท่าที่ชาร์คสามารถบอกได้ นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่สำคัญอาณาจักรเฟนไลล่มสลายไปแล้ว ราชวงศ์ของพวกเขาเป็นแค่ตระกูลกษัตริย์ในนามเท่านั้น ไม่มีอาณาจักรอยู่จริง คงเป็นเรื่องน่าประหลาดใจถ้าลินลี่ย์ยังคงจงรักภักดีต่อพวกเขาจริงๆ
“เขาเดินทางร่วมกับเจ้า และเขารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ด้วยใช่ไหม?” เคลย์ถามขึ้นทันที
“ถูกแล้ว เขาพักอยู่ที่นี่หนึ่งคืน” ชาร์คตอบอย่างสับสน
หัวใจของเคลย์เริ่มสั่นสะท้าน “เจ้าลินลี่ย์นี่ยังคงอยู่ในเมืองเฮสแน่นอน” เคลย์รู้ว่าลินลี่ย์ต้องการฆ่าเขา และคงไม่ยอมจากไปในลักษณะนั้นแน่นอน
“ไม่ต้องห่วง ยังคงมีโยคีกลุ่มใหญ่พักอยู่ที่นี่” เคลย์ปลอบใจตนเอง
“แต่เมื่อพวกโยคีจากไป ข้าจะไปพร้อมกับพวกเขาด้วย” เคลย์ตัดสินใจ ขอเพียงเดินทางไปพร้อมกับกลุ่มโยคีเขาจะรู้สึกปลอดภัย
เคลย์มองดูทุกจุดตำแหน่งอย่างระมัดระวัง
เขายังมีความรู้สึกแปลกๆ นี้ว่าลินลี่ย์กำลังมองดูเขาจากที่ใกล้ๆแห่งใดแห่งหนึ่ง
ผ่านไปหนึ่งวัน วันที่สองผ่านไปอีก นอกจากกลับมานอนตอนกลางคืน ลินลี่ย์ใช้เวลาทั้งหมดอยู่ที่ร้านอาหาร ครั้งหนึ่งมีคนโง่คนหนึ่งพยายามหาเรื่องลินลี่ย์ แต่ลินลี่ย์ถีบเขาปลิวตั้งแต่หลังร้านมาที่หน้าร้านด้วยการถีบครั้งเดียว จากนั้นมาก็ไม่มีใครหาเรื่องลินลี่ย์อีก
พริบตาเดียวผ่านไปหกวัน
ช่วงเวลาหกวันที่ผ่านไปนี้ นอกจากท่านใบไม้ร่วงและโยคีอีกสองคนแล้ว ไม่มีพวกโยคีอื่นจากไป
ภายในคฤหาสน์ของเคลย์
“ทุกท่าน, ทำไมพวกท่านถึงได้เร่งรีบจากไปนักเล่า?” เคลย์มองดูตัวแทนโยคีทั้งสามข้างหน้าเขาพยายามจะโน้มน้าวหน่วงเหนี่ยวพวกเขา
บุรุษชราผมทองกล่าวอย่างใจเย็น “เคลย์เราต้องไปที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์แห่งใหม่เดี๋ยวนี้ ต้องขอโทษด้วยที่รบกวนท่านในช่วงหลายวันมานี้ ตอนนี้เราจะไปกันแล้ว”
โยคีทั้งสามนี้ไม่สนใจคำเชิญชวนของเคลย์ขณะที่พวกเขาเตรียมตัวจากไปทันที
“ใต้เท้า, ท่านจะไปเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ใหม่ใช่ไหม? ข้าก็ปรารถนาจะไปด้วยเช่นกันจะเป็นยังไงถ้าข้าจะขอไปพร้อมกับพวกท่าน?” เคลย์พูดขึ้นทันที ขณะเดียวกันเขาสั่งชาร์คโอรสเขาทันที “ชาร์ค เตรียมสัมภาระ เราจะออกเดินทางกันเดียวนี้”
มาถึงตอนนี้แล้ว เคลย์ไม่รู้สึกปลอดภัยแม้แต่น้อย
ถ้ามีแต่เพียงไกเซอร์ออกไปพร้อมกับเขาเคลย์ไม่มั่นใจว่าไกเซอร์จะสามารถปกป้องเขาจากลินลี่ย์และอสูรเวทที่ร้ายกาจของเขาได้
“จะเดินทางไปพร้อมกับเราน่ะหรือ?” บุรุษชราผมทองขมวดคิ้ว
ความจริงพวกเขาไม่คิดจะเดินทางไปเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์แห่งใหม่เลย พวกเขามีภารกิจลับ
“เป็นไปไม่ได้ เราได้รับคำสั่งมาจากศาสนจักรอย่างเข้มงวด” โยคีชราผมทองพูดเย็นชา
อีกสองคนก็มองเคลย์อย่างเย็นชาด้วยเช่นกัน “ถ้าท่านลอบติดตามเรา ท่านคงจะรู้ว่าผลออกมาจะเป็นเช่นไร” หลังจากพวกเขาพูดจบ ทั้งสามก็หันกายเดินจากไปปล่อยให้เคลย์ยืนตะลึงงันอยู่ข้างหลัง
เคลย์คาดไม่ถึงเลยว่าโยคีเหล่านี้จะห้ามมิให้เขาร่วมเดินทางไปด้วย
“ใต้เท้า!” เคลย์ตามออกมาจากห้องโถง แต่โยคีราวห้าสิบคนออกไปจากประตูคฤหาสน์แล้วไม่มีแม้แต่คนเดียวที่หันหน้ากลับมามองเขา
เคลย์ไตร่ตรองว่าจะทำเช่นไรต่อไป เขาไม่กล้าติดตามโยคีพวกนั้นต่อไป แม้ว่าทางศาสนจักรเจิดจรัสจะสอนให้คนทำดี แต่เมื่อพวกเขาตัดสินใจต่อต้านใครบางคน พวกเขาจะไม่มีความเมตตาปราณีให้ ตอนนี้ เคลย์ไม่มีความคุ้นเคยกับศาสนจักรเจิดจรัสอีกต่อไป พวกโยคีคงไม่กลัวที่จะฆ่าเขาแน่นอน
“พระบิดา”ชาร์คเดินเข้ามาหาและมองดูเคลย์
เคลย์ขมวดคิ้ว เขาเงียบอยู่ชั่วขณะ จากนั้นออกคำสั่ง “ไปที่ประตูหลัง เราจะออกไปทันที ใช่แล้ว ไปกันเดี๋ยวนี้ อันตรายจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปในแต่ละวินาที