ตอนที่ 7-18 มือที่ขาดหาย?
ลินลี่ย์แบกดาบหนักอดาแมนเทียมไว้บนหลังวิ่งไปตามถนนอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามจากลักษณะที่ปรากฏไม่มีผู้ในสามารถบอกได้ว่าแท้จริงแล้วดาบหนักมากแค่ไหน ดังนั้นลินลี่ย์จึงไม่ดึงดูดสายตาคนผู้เห็นเหตุการณ์
“ในที่สุดเคลย์ก็มา, ข้ารอมานานมากทีเดียว!” ลินลี่ย์ข่มความตื่นเต้นที่เขารู้สึก “ใจเย็นไว้ ตอนนี้ไม่ว่ายังไงก็ตาม ข้าไม่อาจผิดพลาดได้อีก”
ครั้งแรกเขาคิดว่าเขามีโอกาสทำสำเร็จถึงเก้าในสิบ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าเกราะชะตาระดับเซียนปรากฏออกมาจากที่ใดไม่ทราบทำให้แผนการของลินลี่ย์ล้มเหลวพังทลาย ครั้งนี้ลินลี่ย์ไม่ต้องการก่อข้อผิดพลาด
“ลินลี่ย์” เสียงแหบแห้งของเดลินโคเวิร์ทดังขึ้น “จำให้ดีก่อนนั้นเจ้าใช้เวลาช่วงหนึ่งเที่ยวไปกับชาร์คและคนของเขา เมื่อเคลย์กลับไปชาร์คอาจรายงานความจริงกับเขาได้”
“เข้าใจแล้ว”
ลินลี่ย์คิดถึงความเป็นไปได้นี้มานานแล้ว แต่เพื่อให้สามารถหาสถานที่ของเคลย์เจอ เขาต้องเที่ยวไปกับชาร์ค เป็นเหตุให้พวกเขามาถึงเมืองเฮสพร้อมกัน เขาไม่สามารถฆ่าชาร์คได้แน่นอน เพราะเมื่อชาร์คและกลุ่มคนของเขาตาย อย่างนั้นบางทีเคลย์อาจไม่ปรากฏตัวอย่างแน่นอน
“ข้าต้องทำแบบนี้...แต่..แม้ว่าเคลย์จะรู้ว่าข้าเดินทางไปกับชาร์คชั่วเวลาหนึ่ง เขาก็ทำอะไรไม่ได้เพราะ... ข้ารู้ที่ซ่อนตัวของเขา ไม่มีทางที่เขาจะหลบหนีได้” ลินลี่ย์มั่นใจ ขณะเดียวกันบีบีที่เชื่อมโยงจิตใจกับเขากำลังจับตาเคลย์และคนของเขา
ขณะที่พวกเขาคุยกัน ลินลี่ย์มาถึงถนนคีน
เพื่อป้องกันไม่ให้คนของเคลย์มองเห็นเขา ลินลี่ย์มุ่งหน้าไปยังที่พักของเขาผ่านซอกซอยด้านหลังหลายแห่งทันที
ทันใดนั้นร่างสีดำเลือนรางวิ่งเข้ามาในระยะหลายสิบเมตรและกระโจนมาอยู่บนแขนลินลี่ย์
“บีบี” ลินลี่ย์หัวเราะมองดูหนูเงาน้อยที่แขนเขา
ตาของบีบีเป็นประกายแวววาวขณะที่มันสนทนาทางจิตกับเขา“เจ้านาย, ข้าเห็นเคลย์มาที่นี่ยังไม่นานเท่าใดนัก แต่ข้าเห็นหน้าเพียงครึ่งเดียวก่อนที่เขาจะเข้าไปในคฤหาสน์ เจ้านาย, สองคนที่ท่านจ้างไว้ไร้ประโยชน์เสียจริง พวกเขาไม่ได้สังเกตเขาเลยแม้แต่น้อย”
“หืม?”
ลินลี่ย์รู้สึกสงสัยบางอย่าง เขาสั่งสองคนนั้นให้จับตาดูระวังไว้ พูดตามเหตุผล ทันทีที่เคลย์ปรากฏตัว พวกเขาน่าจะสังเกตเห็นได้
“นายท่าน, นายท่าน!”
ซีเนียร์กับจูเนียร์วิ่งออกมาและเรียนด้วยความเคารพ “นายท่าน, เราเพิ่งเห็นคนกลุ่มใหญ่เข้าไปในคฤหาสน์เมื่อไม่นานนี้เอง”
“คนกลุ่มใหญ่?” ลินลี่ย์ถามทันที “หนึ่งในนั้นมีคนมือขาดบ้างหรือเปล่า?”
จูเนียร์สั่นศีรษะ“ไม่นะ, นายท่าน, นายท่านสั่งเราให้คอยจับตาดูกลุ่มคนที่เข้าไปในคฤหาสน์และนายท่านยังบอกให้เราคอยดูบุรุษที่มือขาดให้ดี แต่เราไม่เห็นใครที่มือขาดในคนกลุ่มนั้น”
“เป็นไปไม่ได้” ลินลี่ย์พูดอย่างมั่นใจ “ต้องมีคนที่มือขาดแน่ๆ”
บีบีได้เห็นหน้าครึ่งหนึ่งของเคลย์แล้ว และด้วยสายตาของบีบี มันคงไม่เข้าใจผิด เนื่องจากบีบีเคยเห็นเขามาแล้ว อย่างนั้นเคลย์ต้องอยู่ในกลุ่มนั้นแน่นอน
“แน่ใจนะ?” เมื่อได้ยินลินลี่ย์ถามยืนยัน เขารู้สึกอึดอัด “นายท่าน บางที...บางที.. เพราะในกลุ่มมีคนมาก ดังนั้นพี่ชายข้าจึงไม่เห็นเขา”
ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว
คนมากเกินไปหรือ?
ก่อนนั้นเมื่อเขาสู้กับกองทหารของเคลย์ที่วังหลวง ลินลี่ย์และบีบีฆ่าคนไปมาก น่าจะเหลือคนราวๆ สิบคน และเมื่อจำนวนอสูรเวทที่พบอยู่ในหนทางจนมาถึงนี่ ค่อนข้างจะพิเศษที่คนของเคลย์สิบคนยังรอดชีวิตอยู่ได้ อย่างนี้จะนับว่าคนมากเกินไปได้อย่างไร?
“คนมาก? มากเท่าใด?” ลินลี่ย์ถาม
“เยอะมาก อย่างน้อยก็เจ็ดสิบหรือแปดสิบ” บุรุษนั้นกล่าวเหมือนกับจะไม่แน่ใจ “ช่างเถอะ มีมากก็แล้วกัน จู่ๆกลุ่มนั้นก็ปรากฏตัวและเข้าไปในคฤหาสน์ เราสองพี่น้องไม่อาจเห็นทุกคนในกลุ่มได้ชัดบางทีอาจมีคนที่มือขาดรวมอยู่ในกลุ่มพวกเขาก็เป็นได้”
ลินลี่ย์สับสน
เจ็ดสิบ หรือแปดสิบคน?
แม้แต่ตอนที่เขาพยายามสังหารเคลย์ในราชวัง หน่วยพายุสายฟ้าของเคลย์ก็มีคนราวๆ สามสิบคนเองนอกจากนี้หลังจากที่เขากับบีบีเข่นฆ่าจนลดจำนวนลงคนตั้งมากมายโผล่มาอย่างไม่มีปีมีขลุ่ยได้อย่างไร?
ลินลี่ย์ไม่เข้าใจ
“เจ้านาย, มีคนมากจริงๆ” เสียงของบีบียังคงดังขึ้นมาในใจของลินลี่ย์ “เมื่อเวลาที่ข้าสังเกตเคลย์เขาแค่กำลังจะเข้าไปในคฤหาสน์ ข้าแค่มีโอกาสเห็นหน้าเขาครึ่งหนึ่ง แต่ด้านหลังของเขามีคนราวๆ ห้าสิบคน แต่มีคนเข้าไปในคฤหาสน์ก่อนหน้าเคลย์เท่าไหร่นั้น ข้าไม่แน่ใจเช่นกัน”
ลินลี่ย์เชื่อบีบีแน่นอน
“นั่นหลายคนเชียวหรือ?” ลินลี่ย์สงสัยกับตัวเอง
“เอาล่ะ ตอนนี้พวกเจ้าไปได้แล้วนี่คือรางวัลสำหรับเจ้ากับน้อง คอยจับตาดูให้ข้าด้วย” ลินลี่ย์โยนถุงทองครึ่งถุงซึ่งมีทองอยู่ห้าสิบเหรียญในนั้น
เมื่อรับถุงทองมาแล้วเขาเหลือบมองในถุงที่เปิดออก ข้างในเต็มไปด้วยทองเป็นประกายทองครึ่งถุงนี้เกือบห้าสิบเหรียญทอง หัวใจเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อเขาลี้ภัยมาที่เมืองเฮสนี้ เขาไม่สามารถหาอาหารเลี้ยงตัวได้เลย ตอนนี้ หลังจากทำงานให้ลินลี่ย์สองสามวัน บุรุษคนนั้นโยนถุงทองที่มีทองห้าสิบเหรียญให้เขา แล้วเขาจะไม่ตื่นเต้นดีใจได้อย่างไร?
“ขอบคุณ, นายท่าน, ขอบคุณนายท่าน” เขาตั้งใจว่าเขากับพี่ชายของเขาจะคอยจับตาดูคนในคฤหาสน์อย่างใกล้ชิด เขาแยกจากมาทันที จากนั้นวิ่งขึ้นไปชั้นบนใกล้ๆร้านอาหารที่เขากับพี่ชายคอยจับตาดู
ภายในลานบ้าน
ลินลี่ย์อยู่ตามลำพังกำลังไตร่ตรองว่าเขาควรจะทำยังไงต่อไป
ขณะนั้นแสงส่องวาบจากแหวนมังกรขนดกลายสภาพเป็นเดลินโคเวิร์ทในชุดขาว ผมขาว หนวดเคราขาวโพลน เดลิน โคเวิร์ทลูบเคราของเขา หัวเราะเบาๆ เขากล่าว “ลินลี่ย์, เป็นอะไรไป? อารมณ์ไม่ดีหรือ?”
ลินลี่ย์เงยหน้าขึ้นมองเดลินโคเวิร์ท เมื่อเห็นปู่เดลินของเขา ลินลี่ย์รู้สึกว่าใจของเขาสงบลงเล็กน้อย มีผู้เฒ่าประสบการณ์สูงอยู่ข้างตัว อย่างน้อยลินลี่ย์ไม่รู้สึกคลั่งหรือไม่แน่ใจในตนเอง
“ปู่เดลิน,ข้ากำลังใคร่ครวญว่ากลุ่มคนที่อยู่กับเคลย์มาจากไหนกัน” ลินลี่ย์กล่าว
เดลินโคเวิร์ทหัวเราะ “แทนที่เจ้าจะเสียเวลาครุ่นคิดเรื่องนี้ทำไมเจ้าถึงไม่ลงมือแทนเล่า?ซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งของกำแพงคฤหาสน์และจับตาดูด้วยตนเอง จากนั้นเจ้าจะได้รู้แน่ว่าคนที่อยู่กับเคลย์คือใคร?”
ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะ
ใช่แล้วทำไมเขาต้องมัวเสียเวลา?
“แบกดาบหนักนี้ไปด้วยยังคงมีผลต่อความเร็วของข้า” ลินลี่ย์ปลดดาบหนักอดาแมนเทียมลงจากนั้นเดินเข้าไปในห้องนอน แล้ววางดาบไว้ใต้เตียงแล้วคว้าผ้าคลุมเตียงของเขามาคลุมไว้
บีบียืนอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์จ้องมองดาบหนักอดาแมนเทียมด้วยความสงสัย มันถามลินลี่ย์ “เจ้านายดาบหนักเล่มนี้คือสมบัติที่เจ้านายสร้างโดยใช้แร่อดาแมนเทียมเหรอ?”
ลินลี่ย์หัวเราะและพยักหน้า
“ดาบเล่มนี้หนักเท่าไหร่?” บีบีถามด้วยความสงสัย
“สามพันหกร้อยปอนด์” ลินลี่ย์บอกตามตรง
บีบีใช้อุ้งเท้าลูบจมูกน้อยของมันด้วยความประหลาดใจ ขณะที่ดวงตาน้อยๆของมันกรอกไปมาอย่างตกใจขณะจ้องมองดาบหนักอดาแมนเทียม
“พอเถอะ, เจ้ายังมีเวลาอีกมากไว้ดูทีหลังเถอะ” ลินลี่ย์ปูผ้าคลุมเตียงซ่อนดาบหนักไว้
“อา, เจ้านาย, จู่ๆ ข้าก็จำอะไรบางอย่างได้ บางทีเคลย์นั้นรู้แล้วว่าท่านอยู่ที่นี่” บีบีมองดูแหวนมิติเก็บสมบัติในนิ้วมือลินลี่ย์และร้องเตือน
“อะไร? ทำไม?” ลินลี่ย์ตกใจมาก “เจ้านาย, ท่านครอบครองและทำสัญญากับเทพกระบี่เลือดม่วงของท่านโดยใช้หยดเลือด ข้าจำได้ว่าท่านพูดว่าเมื่อท่านถูกจองจำอยู่ในโบสถ์เจิดจรัส แม้ว่ากระบี่เลือดม่วงจะถูกยึดไป ท่านก็ยังรู้สึกได้ว่ามันอยู่ที่ใด แหวนมิติเก็บสมบัติก็ทำสัญญาครอบครองโดยใช้เลือด อย่างนั้นเคลย์จะไม่รู้สึกถึงตำแหน่งของแหวนมิติเก็บสมบัติหรือ?”บีบีรีบถ่ายทอดความคิดของมันให้ลินลี่ย์ทราบ
ลินลี่ย์ได้ยินเช่นนี้ก็ได้แต่เริ่มหัวเราะ
“ฮ่าฮ่า” เดลินโคเวิร์ทที่ยืนถัดจากพวกเขาเริ่มหัวเราะเช่นกันเพียงแต่บีบีไม่สามารถได้ยินเสียงหัวเราะของเดลิน โคเวิร์ท
เมื่อออกจากเมืองเฟนไลทันทีลินลี่ย์ก็ได้ถามเดลิน โคเวิร์ทเกี่ยวกับแหวนมิติเก็บสมบัติที่เขาได้ไว้แล้ว
“บีบี” ลินลี่ย์หัวเราะขณะอธิบาย “แหวนมิติเก็บสมบัตินี้แตกต่างจากต่างสมบัติชั้นเทพอื่นอย่างเทพกระบี่เลือดม่วง ถ้าพูดกันโดยเทคนิคแล้วแหวนมิติเก็บสมบัติไม่ใช่สมบัติประดิษฐ์ชั้นเทพ มันเป็นแค่สมบัติเวทที่มีค่ามาก พื้นฐานการทำงานคล้ายๆกับการ์ดเครดิตเวทซึ่งใช้ลายนิ้วมือและมันก็จะจำเจ้าของ ขณะที่แหวนมิติเก็บสมบัติใช้เลือดเพื่อให้แหวนจำเจ้าของได้ มีแต่เจ้าของแหวนมิติเก็บสมบัติเท่านั้นที่เปิดและเอาของข้างในออกมาได้ อย่างไรก็ตามเมื่อสมบัติเวทถูกชิงไปก็ไม่มีทางที่เจ้าของจะรู้สึกถึงตำแหน่งของที่ถูกชิงไปได้เจ้าคิดว่าเทพสมบัติธรรมดาขนาดนั้นหรือ? แม้แต่ดาบเบลดเลสที่สร้างจากอดาแมนเทียมก็ยังไม่ถึงชั้นเป็นสมบัติชั้นเทพ”
สมบัติเทพ
เป็นไปไม่ได้ที่สมบัติเทพจะถูกหล่อสร้างขึ้นด้วยวัสดุที่เกิดขึ้นในทวีปยูลานแห่งนี้ ของหลายอย่างเช่นแหวนมังกรขนดและเทพกระบี่เลือดม่วงทั้งสองนี้เป็นสมบัติเก่าแก่โบราณมาก
“แหวนมังกรขนดจู่ๆก็ปลดปล่อยพลังระเบิดที่น่ากลัวเมื่อที่อยู่โบสถ์เจิดจรัสและช่วยข้าไว้ได้ นอกจากนี้เมื่อใช้เวทผ่านแหวนจะช่วยลดความสิ้นเปลืองพลังจิตและพลังเวทได้มากมายถึงหนึ่งในหก กระบี่เลือดม่วงมันสามารถกลายสภาพเป็นยืดหยุ่นและแข็งได้ดังใจผู้ใช้และไม่สามารถทำลายได้”
ลินลี่ย์มีทฤษฎีบางอย่าง
เป็นความจริงข้อหนึ่งว่าแหวนมังกรขนดมีความลับซ่อนอยู่ภายในที่เขายังค้นไม่พบ แรงระเบิดที่น่ากลัวที่โบสถ์เจิดจรัสคือข้อพิสูจน์เป็นอย่างดี
สำหรับเทพกระบี่เลือดม่วงเล่า?
เพราะมันถูกใช้เป็นผนึกสำหรับข้อมูลของวิเศษลึกลับนั้น ก็หมายความว่ามันเป็นของที่มีคุณภาพพิเศษอย่างแน่นอน เพียงแต่ตอนนี้ลินลี่ย์ยังอ่อนแอเกินไปและยังไม่สามารถค้นพบความพิเศษเกี่ยวกับมันได้มากนัก
“กระบี่เลือดม่วง” ลินลี่ย์ชำเลืองมองดูกระบี่ซึ่งคาดเอวเขาเหมือนเข็มขัด ความสามารถที่แท้จริงของกระบี่ยืดหยุ่นอย่างกระบี่เลือดม่วงคืออะไรกันแน่
“บีบี, ตอนนี้เจ้าเฝ้าอยู่ตรงนี้ก่อน”ลินลี่ย์สั่งการ
“รับทราบ” บีบีอยู่โยงในบ้านอย่างเชื่อฟังขณะที่ลินลี่ย์ลอบออกจากที่พักเขามุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์ของเคลย์และชาร์คอย่างเงียบงัน
ลินลี่ย์แนบตัวกับกำลังคฤหาสน์ด้านหนึ่งที่ชาร์คจ่ายเงินซื้อ
“ชิ้ง”
ลินลี่ย์ปลดปล่อยพลังกรงเล็บคมตัดเปิดช่องเล็กในกำแพงได้อย่างง่ายดายจากนั้นเปลี่ยนแขนกลับคืนสู่สภาพเดิมขณะที่เขามองผ่านเข้าไปในช่องที่เปิด
คืนก่อนๆนั้นที่ลินลี่ย์พักอยู่ในที่พักกับชาร์ค เขาจดจำรูปแบบในบ้านได้ทั้งหมดรวมทั้งเนินเขาจำลองและห้องแต่ละห้องลินลีย์เลือกตัดเปิดช่องในตำแหน่งเฉพาะอย่างยิ่งซึ่งช่วยให้เขาสามารถมองเห็นลานด้านหน้าและลานด้านหลังทั้งสองโดยไม่มีอะไรบดบังสายตา
“พระบิดา”
โสตประสาทของลินลี่ย์ว่องไวมากสามารถจับการสนทนาระหว่างชาร์คกับเคลย์ที่ลานหลังคฤหาสน์ได้ ลินลี่ย์มองดูตำแหน่งนั้นอย่างระวัง แน่นอนเคลย์กับชาร์คกำลังเดินเคียงไหล่อยู่ภายใต้การจับตามองของลินลี่ย์
“เป็นเคลย์นั่นเอง” ลินลี่ย์เฝ้ามองดูอย่างระวัง
แต่สิ่งที่ทำให้เขาเห็นแล้วตะลึง“มือของเคลย์...มือของเขา....”
ตอนนี้มือทั้งสองของเคลย์อยู่ในสภาพสมบูรณ์แล้ว แต่ลินลี่ย์เห็นชัดว่ามือของเคลย์ถูกตัดขาดไปแล้ว เขายังได้ชิงเอาแหวนมิติเก็บสมบัติมาจากมือนั้นมาไม่ผิดพลาดแน่
“การฟื้นฟูมือที่หายไปจำเป็นต้องได้ความช่วยเหลือจากจอมเวทสายธาตุแสงระดับเก้าเป็นอย่างน้อย”ลินลี่ย์ประหลาดใจ
เมื่อเคลย์หนีออกไปเขาไม่เห็นจอมเวทสักคนที่อยู่กับเขา แล้วเขาไปได้จอมเวทระดับเก้ามาจากไหน?
“พระบิดา!ท่านเผชิญหน้ากับกองกำลังของศาสนจักรเจิดจรัสแล้วลงเอยอย่างไร?คนพวกนั้นน่ากลัวมากทุกคน” ชาร์คพูดด้วยเสียงประหลาดใจ
เคลย์พยักหน้า“แน่นอนว่าพวกเขาน่ากลัว คนพวกนี้เป็นกลุ่มผู้นำที่น่ากลัวที่สุดของศาสนจักรเจิดจรัสแล้ว โยคีที่นำโดยท่านใบไม้ร่วงก็มีนักสู้ระดับเก้าที่น่ากลัวรวมอยู่ในนั้นได้เดินทางร่วมกับพวกเขาทำให้ปลอดภัยตลอดเวลา”
เคลย์พูดด้วยน้ำเสียงปกติ การพูดกันอย่างธรมดาคนจากกำแพงฝั่งตรงข้ามจะไม่สามารถได้ยินเขา แต่ลินลี่ย์ในฐานะนักรบเลือดมังกรมีพลังโสตประสาทที่ผิดมนุษย์ธรรมดาสามารถได้ยินชัดทุกถ้อยคำ
“กลุ่มโยคี? นำโดยท่านใบไม้ร่วง?” สีหน้าของลินลี่ย์เปลี่ยน
ท่านใบไม้ร่วงเป็นนักสู้ระดับเซียนขั้นสูงและเขามีกลุ่มโยคีที่แข็งแกร่งผิดธรรมดาอยู่ด้วยมีเพียงไม่กี่คนที่พลังมีถึงระดับเก้า