ตอนที่ 176 – ตอนที่ 170 ภูมิปัญญาโบราณ
“เจ้า….” ปีศาจตัวปลอมที่มีลักษณะคล้ายกับเจ้าเมืองโล่วฮัว ร้องลั่น “เจ้า..อำมหิตยิ่งนัก!”
“ขอบคุณที่ชมเชยกัน!” เย่ว์หยางโยนหัวใจปีศาจในมือของเขาไปอีกทางหนึ่ง ฮุยไท่หลางรีบเข้าตะครุบและดมมันทันที อย่างไรก็ตาม ฮุยไท่หลางที่ปกติจะละโมบกลับไม่กินมันทันที
“งั้นตายด้วยกันเสียเถอะ!” ปีศาจปลอมตัวตนนั้นร้องอย่างเดือดดาล
“รีบมานี่เร็วๆ! นางกำลังจะระเบิด!” เจ้าเมืองโล่วฮัวสังเกตว่ามีบางอย่างผิดปกติและเรียกให้เย่ว์หยางกลับเข้ามาทันที เย่ว์หยางโบกมือส่งสัญญาณให้นางทราบว่าไม่เป็นไร ขณะที่ยังมองดูปีศาจปลอมตัวอยู่นั้น ร่างของปีศาจปลอมตัวเปลี่ยนรูปไปทันที และมีประกายไฟสีดำเปล่งออก รูปลักษณ์ที่งดงามของเจ้าเมืองโล่วฮัวหายไป กลับแทนที่ด้วยรูปหญิงที่น่าเกลียดมีหน้าตาเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น นางดูแก่มาก หนังห้อยย้อย ตากลวงลึก คอพอกเหมือนกับมีก้อนเนื้อขนาดใหญ่อยู่ภายใน หน้าอกนางหดลงเหี่ยวย่นเหมือนถุงผ้าน่าเกลียด ดูแล้วน่าขยะแขยงเป็นอย่างมาก
ก๊าซในกระเพาะของนางก่อนนี้ยังมีเบาบางมันกลับโป่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนดูเหมือนลูกบอล มีจุดสีดำแปลกเริ่มปรากฏให้เห็นจางๆ ที่ท้องของนาง
ขาทั้งสองของนางแห้งลงอย่างเร็ว กลายเป็นกระดูกเหี่ยวแห้ง
ฮุยไท่หลางกระโจนออกมาด้วยความกลัว แต่ยังไม่สามารถหลบพื้นที่สีดำไม่พ้นไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม
พอเห็นว่าเย่ว์หยางไม่เข้ามาในโล่ป้องกัน และยังไม่กล้าหาที่ป้องกัน ในที่สุดมันเข้ามาซ่อนตัวอยู่หลังเย่ว์หยางอย่างน่าสงสาร หัวทั้งสองของมันหมอบลงกับพื้น มันยกขาหน้าทั้งสองปิดตามันไว้ อย่างไรก็ตาม มันทำได้เพียงปิดตาของหัวซ้าย ปล่อยหัวขวาไว้โดยไม่ป้องกัน มันยอมเจ็บตัว
ทันทีที่เมื่อปีศาจปลอมตัวกรีดร้องตั้งใจจะระเบิดไปพร้อมกับเย่ว์หยาง เย่ว์หยางรีบเตะก้นฮุยไท่หลางเข้าไปในโล่ของเจ้าเมืองโล่วฮัวทันที ก่อนที่เขาจะตามไปติดๆ
ด้านหลังของเขา มีเสียงระเบิดดังกึกก้อง
ท้องฟ้าทั้งหมดเต็มไปด้วยเลือดเนื้อกระจัดกระจาย
อวัยวะบางส่วนกระเด็นใส่โล่แสง แต่มันกระดอนออกไปทันที และตกร่วงอยู่บนพื้นแทน
พื้นที่สีดำหายไปโดยไม่เหลือร่องรอย นอกจากเศษเนื้อและรอยเลือดสาดกระจายอยู่บนพื้น คล้ายกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน เย่ว์หยางสำรวจรอบๆ ชั่วขณะก่อนจะขมวดคิ้ว
“มีอะไรผิดปกติหรือ?” เจ้าเมืองโล่วฮัวถามอย่างกังวล “มีบางอย่างไม่ถูกงั้นหรือ?”
“ไม่มีปีศาจชั้นดินติดตามเรามา…” เย่ว์หยางเสียงเครียดขณะที่ถอนหายใจด้วยความผิดหวังเล็กน้อย
“เด็กโง่ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” เจ้าเมืองโล่วฮัวหัวเราะลั่นทันที บางทีอาจมากเกินไป ขณะที่นางทุบหน้าอกของเย่ว์หยางเบาๆ และพูดว่า “เด็กโง่! ข้าจะบอกเจ้าให้ก็ได้ ไม่มีใครจู่โจมทันทีหรอก หลังจากที่แผนการณ์ของพวกเขาล้มเหลว พวกมันจะไม่มาอย่างแน่นอน คิดดูสิ ถ้าพวกมันไม่มีความมั่นใจเต็มร้อยที่จะฆ่าเราได้ ทำไมพวกมันถึงต้องใช้อุบายด้วยเล่า? ยิ่งไปกว่านั้น เราก็ยังไม่มั่นใจว่าปีศาจรับใช้นี้เป็นคนที่วังปีศาจส่งมา แม้ว่าพวกวังปีศาจจะก้าวร้าวและบ้าบิ่นพอที่จะทำแบบนี้ แต่พวกมันไม่โง่…”
“อย่างนั้นเจ้าคิดว่าปีศาจที่สามารถปลอมเป็นคนอื่นได้ถูกส่งตัวมาจากวังปีศาจหรือ?” เย่ว์หยางคาดไว้แล้ว ความเป็นไปได้นี้จะเป็นไปได้ต่อเมื่อเขาสำรวจรอบๆ พื้นที่ในตอนนี้ แต่เขาคาดไม่ถึงว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวก็ยังคิดอย่างเดียวกับเขา
“ปีศาจตนนี้ ปกติจะถูกเรียกว่า”ทาสปีศาจ“พวกมันไม่ค่อยแข็งแกร่งนัก อย่างเก่งที่สุด พวกมันก็แข็งแกร่งพอๆ กับนักสู้ระดับ 5 อย่างไรก็ตาม พวกมันมีเหตุผลมาก พวกมันยินดีเสี่ยงทำอะไรๆ ด้วยความเชื่อมั่นของพวกมัน แม้ด้วยชีวิตตนเอง ทาสปีศาจจะถูกสร้างโดยนักรบวิบัติที่มีความแข็งแกร่ง ระดับสูง ด้วยความช่วยเหลือเรื่องพลังจากแดนปีศาจ มีทาสปีศาจทั้งชายและหญิง พวกมันทุกคนมีความภักดีสูง พวกมันยังกล้าหาญมาก ไม่กลัวตายอีกด้วย ยินดีตายเพื่อเจ้านายของพวกมันเมื่อใดก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังชำนาญในการปลอมตัว แม้ว่าจะมีทาสปีศาจไม่มากที่สามารถใช้วิชาปลอมแปลงรายละเอียดอย่างนั้นเหมือนที่เราเพิ่งเจอมาตอนนี้ แต่พวกมันก็ยังนับว่ามีน้อย ทาสปีศาจเหล่านี้ ไม่ได้มีเฉพาะเจาะจงแค่วังปีศาจเท่านั้น ประเทศอื่นๆ ในทวีปมังกรทะยานมีคนแบบนี้อยู่” สีหน้าของเจ้าเมืองโล่วฮัวกลายเป็นเคร่งเครียด “พวกมันส่วนใหญ่จะไม่เปิดเผยสถานะของตน แต่มีข้อจำกัดในวิชาปลอมตัวของพวกมันอยู่ บางทีพวกมันสามารถปลอมตัวได้เพียง 12 ครั้ง เพราะต่อมต่างๆ ในร่างกายของพวกมันทำงานอย่างหนัก พอเห็นทาสปีศาจร่างเหือดแห้งอย่างตอนนี้ เหมือนกับว่ามันใกล้ตาย นั่นคือสาเหตุที่นางทำท่าเหมือนคนบ้า นางตั้งใจจะตายพร้อมกับเรา”
“ทำไมท่านคิดว่านางไม่ได้ถูกวังปีศาจส่งตัวมา?” เย่ว์หยางพยักหน้า ก่อนจะถามอีกครั้ง
“เจ้าพยายามทดสอบข้าหรือ?” เจ้าเมืองโล่วฮัวส่งสายตาให้เย่ว์หยาง นางรู้แล้วว่าเจ้าเด็กนี่ยังคงสังเกตออกและว่าเขาสงสัยว่านางรู้จักมันได้อย่างไร นางทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ทุบเขาเบาๆ อีกครั้ง “ถ้าข้ามองไม่เห็นเรื่องแค่นี้ แล้วข้าจะเป็นเจ้าเมืองได้อย่างไร ถ้านางเป็นคนที่ถูกวังปีศาจส่งมาจริงๆ นางคงจะไม่อ้างถึงวังปีศาจแน่นอน เนื่องจากนางพูดถึงมัน นั่นก็หมายความว่านางตั้งใจป้ายความผิดให้วังปีศาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่แผนของนางล้มเหลว ถ้านางคือคนที่มาจากวังปีศาจ นางก็คงป้ายความผิดไปให้คนอื่น!”
“อย่างนั้น ใครในโลกนี้ที่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับพวกวังปีศาจ?” เย่ว์หยางคาดไว้แต่แรกแล้ว แต่เขาไม่สามารถคาดถึงคนที่ต้องการทำอย่างนั้น
“นั่นก็พูดยาก บางทีอาจจะ อาจจะเป็น..” เจ้าเมืองโล่วฮัวลังเลเล็กน้อยขณะที่นางยื่นนิ้วออกมาเขียนคำ 2 คำบนฝ่ามือของเย่ว์หยาง ถึงกับทำให้เย่ว์หยางอึ้ง
เย่ว์หยางขยับปากเล็กน้อย แต่เขาไม่ถามอะไรอีกจนในที่สุด
เขาเพียงแต่พยักหน้าอย่างเงียบงัน
พอเห็นสีหน้าสงสัยของเขา เจ้าเมืองโล่วฮัวย้อนถามเขา “แล้วตอนนี้เจ้าคาดเดาว่าไง? เด็กโง่?”
เจ้าเมืองโล่วฮัวนางเป็นคนบ้าจี้ จึงไม่ยอมให้เขาทำอย่างนั้น ในความเป็นจริง ท่าทางของเย่ว์หยางที่พยายามจะเขียนฝ่ามือนางก็ทำไปอย่างนั้นเอง เขาแค่ต้องการจับมือหญิงงามและถือโอกาสทำกำไรจากสถานการณ์ มือของเจ้าเมืองโล่วฮัวอ่อนนุ่มมากจนเย่ว์หยางไม่อยากปล่อยมือ อย่างไรก็ตาม ถ้าเจ้าเมืองโล่วฮัวตามทันความตั้งใจเลวร้ายของเจ้าเด็กนี่ได้ เขาคงหลีกเลี่ยงข้อหาไม่พ้น
เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าเมืองโล่วฮัว เย่ว์หยางรีบบอกความคิดเห็นของตนเองหลังจากสังเกตถึงสถานการณ์แล้ว “ข้าเห็นเครื่องหมายบ่งบอกสถานะบนตัวของปีกดำถันอู่ฟั่งและปีศาจเรืองแสงติ่งซ่างทั้งคู่ ดูเหมือนว่าจะเป็นสัญลักษณ์วังปีศาจ”
“ใช่แล้ว นั่นเป็นตราประจำตำแหน่งวังปีศาจ มีอยู่บนตัวของนักรบวิบัติทุกคน” เจ้าเมืองโล่วฮัวถูกเย่ว์หยางเบี่ยงเบนความสนใจจนได้
“อย่างไรก็ตาม บนร่างของทาสปีศาจผู้นั้น ข้าไม่เห็นตราที่เหมือนกัน จากนั้นข้าจึงเริ่มสงสัยว่านางไม่ได้มาจากวังปีศาจ นอกจากนี้ยังมีจุดอื่น สมาชิกวังปีศาจทุกคน ไม่ว่าจะเป็นปีกดำถันอู่ฟั่ง ปีศาจเรืองแสงติ่งซ่างหรือนักรบวิบัติคนอื่น ทุกคนไม่มีหัวใจปีศาจ หัวใจปีศาจนี้มีเพียงแต่ขุนพลปีศาจและปีศาจระดับสูงกว่าในแดนปีศาจ.. เรื่องที่แปลกก็คือ ฮุยไท่หลางนั้นจะชอบกินหัวใจปีศาจ มันกลับไม่สนใจ สงสัยว่าหัวใจปีศาจนี้ก็ยังเป็นของปลอม มันไม่มีพลังหัวใจปีศาจที่แท้จริง นั่นคือสาเหตุที่ฮุยไท่หลางปฏิเสธที่จะกินมัน จุดที่สามก็คือปีศาจนั้นมีหัวใจปีศาจ 2 ดวง ปกติก็จะเป็นระดับแม่ทัพปีศาจ แม่ทัพปีศาจอย่างหม่าเหลียงที่เราเคยต่อสู้ด้วยมีหัวใจปีศาจถึง 2 ดวงและเขาก็แข็งแกร่งมาก อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวปลอมนี้มีหัวใจปีศาจ 2 ดวงแต่ยังอ่อนแอมาก หัวใจปีศาจในตัวนางเป็นลักษณะปลอมเพื่อทำให้คนอื่นๆ คิดว่านางมีพลังมาก ทั้งที่ความเป็นจริงนางคือสวะ นั่นคือเหตุผลที่ข้ารู้สึกว่านางไม่ได้มาจากวังปีศาจ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าวังปีศาจต้องการซุ่มทำร้ายเราจริงๆ พวกมันสามารถทำที่นี่ได้แทนที่จะฆ่าเราหลังจากเทเลพอร์ตไปที่อื่น…” เย่ว์หยางยังคงกุมมือของเจ้าเมืองโล่วฮัวแน่นขณะที่ เขาอธิบายความเห็นของเขา
“สถานที่ข้าเขียนบอกเจ้าเป็นที่บ่มเพาะทาสปีศาจมานานแล้ว ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาต้องทำอย่างนั้นด้วย แต่ข้าแน่ใจได้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องดี ไม่ว่าจะเป็นวังปีศาจหรือที่ๆ เจ้าผู้นั้นมา ต่างก็มีเป้าหมายที่เราต้องระมัดระวังให้มาก ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว เนื่องจากอันตรายผ่านไปแล้ว ปล่อยมือข้าได้แล้ว”
เจ้าเมืองโล่วฮัวพยายามดึงมือนางออก แต่เย่ว์หยางจับมือนางแน่ไม่คิดจะปล่อย
เขากลับดึงนางขึ้นไปขี่หลังของเขา ตั้งใจจะแบกนางใส่หลังอีกครั้ง
นางพยายามตำหนิเขาเรื่องความหยาบกร้าน และยืนยันจะลงยืนกับพื้นด้วยตัวนางเอง และปฏิเสธไม่ให้เขาแบกนาง อย่างไรก็ตาม ขณะที่มือของเขาพยายามถ่างขานางออก นางรู้สึกว่าการกระทำของเขาไม่เหมาะสมและน่าละอายมาก ถ้านางยังคงขัดขืนเขา นางคงจะเสียหน้า หากว่าใครมาเห็นพวกเขาในสภาพนี้ ดังนั้น นางยอมผ่อนเท้าและยันขึ้นหลังเย่ว์หยางทันที
มือของนางเขกหัวเย่ว์หยางเบาๆ นางพยายามแสดงว่านางโกรธและต้องการจะลงโทษเขา แต่แรงทุบของนางตบยุงยังไม่ตายด้วยซ้ำ
อีกทางหนึ่งนางยังส่งเสียงดังลั่น “ล้มเหลว! หัวหน้าองครักษ์ส่วนตัวแบบนี้ ไร้ความสามารถเกินไป”
เย่ว์หยางยิ้มพูดหน้าตาเฉย “งั้นหักเงินเดือนข้าได้เลย! ข้าไม่ต้องรับเงินเดือนก็ได้ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เจ้าเมืองโล่วฮัวรู้ว่ามือร้อนๆ ของเขายังคงอยู่ไม่สุขอีกครั้ง นางเอื้อมมือนางลงปัดมือเขาออกไป “เฮ้, ควบคุมตนเองไม่ได้ครั้งหนึ่งก็พอแล้ว เจ้าตั้งใจจะทำเรื่องไม่ดีกลางวันแสกๆ หรือ?”
“เข้าใจแล้ว ครั้งต่อไปข้าจะลอบและแอบทำสิ่งไม่ดีก็ได้!” คำตอบของเย่ว์หยางทำให้เจ้าเมืองโล่วฮัวหัวเราะไม่หยุดอีกครั้ง
เจ้าเด็กบ้านี่ทะลึ่งและกะล่อนจริงๆ นางทำอะไรเขาไม่ได้เลย
พอเห็นว่าเจ้านายมันมีความสุขและอารมณ์โรแมนติค ฮุยไท่หลางรีบเข้ามาใกล้ๆ จิ้งจอกหิมะ 3 หางด้วย ตั้งใจจะเอาชนะใจมันให้ได้
มันแค่พยายามเลียนแบบเจ้านายมัน!
อนิจจา! ใครจะรู้กันว่าจิ้งจอกหิมะ 3 หางก็มีมาตรฐานในการเลือกเพื่อนสูง และมันไม่สนใจฮุยไท่หลางเลยแม้แต่น้อย? มันสะบัดหางนุ่มอย่างภูมิใจ ก้าวเดินเชิดหน้าอย่างสง่างามขณะติดตามเจ้านายมันอยู่ข้างหลัง มันไม่ยอมแม้แต่จะชายตาให้ฮุยไท่หลาง อย่างไรก็ตาม พอเห็นท่าทีที่สูงส่งนั้น ฮุยไท่หลางยิ่งน้ำลายหกแทน ตาหมาป่าของมันเป็นประกาย เรื่องตามจีบสาวๆ ก็เป็นการไล่ตามความภูมิใจอย่างนี้ ฮุยไท่หลางรีบไล่ตามมันและเดินเคียงข้างกับจิ้งจอกหิมะสามหาง จากนั้นก็ใช้ทักษะภาษาหมาต่างสายพันธุ์จีบหมาสาวสวย “อะฮู้ว, โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง!”
“……” จิ้งจอกหิมะสามหางหันหัวมา แสดงว่าไม่เข้าใจภาษานี้และบอกฮุยไท่หลางไม่ให้เปลืองลมหายใจของมัน
“เมี้ยววว!” ฮุยไท่หลางพยายามใช้ภาษาอื่นอีกครั้ง
“….” จิ้งจอกหิมะสามหางก็ยังห่างเหินกับมันหลังจากได้ยินแล้ว ภาษาต่างสายพันธุ์ของฮุยไท่หลางล้มเหลวหมด จิ้งจอกหิมะน้อยตัวนี้เป็นสุนัขจิ้งจอก ไม่ใช่แมว มันคงน่าแปลกถ้ามันเข้าใจภาษาหมาและแมว
“เงียบ, อย่ากวนใจได้ไหม ข้าจะจีบสาว!” เย่ว์หยางพบว่าอารมณ์โรแมนติคของเขากับเจ้าเมืองโล่วฮัวต้องพังครืนเพราะเสียงเห่าของฮุยไท่หลาง เขาเลยโกรธมาก
พอเห็นว่าเจ้านายโกรธ ฮุยไท่หลางทำเป็นเชื่อฟังแต่โดยดี
ในที่สุด เจ้าเมืองโล่วฮัวก็เริ่มหัวเราะหลังจากดูมันทำท่าทางตลก แม้แต่จิ้งจอกหิมะสามหางดูเหมือนยังแอบหัวเราะ
สองวันต่อมา ณ เชิงเขาที่ตั้งทะเลสาบเทียมเมฆในเหวสิ้นหวัง
ดูเหมือนว่าไม่สะดวกที่จะปีนหน้าผา เย่ว์หยางปล่อยให้ฮุยไท่หลางและจิ้งจอกหิมะสามหางรออยู่ที่เชิงเขา เขาย้ำกับฮุยไท่หลางซ้ำแล้วซ้ำอีกให้ปกป้องจิ้งจอกหิมะสามหางขณะที่เขาและเจ้าเมืองโล่วฮัวปีนหน้าผา นางพญากระหายเลือดสามารถบินได้สูงพันเมตร แต่นางไม่สามารถอุ้มเจ้าเมืองโล่วฮัวหรือเย่ว์หยางขึ้นหน้าผาได้ มีพลังที่มองไม่เห็นในหน้าผานี้ซึ่งแม้แต่เจ้าเมืองโล่วฮัวก็รู้สึกได้ เพื่อไปให้ถึงยอดเขาให้ได้ แม้แต่นางพญากระหายเลือดที่เดิมทีบินได้สูงพันเมตรก็ต้องหยุดบินที่ระยะความสูง 500 เมตร จากความสูงของหน้าผา 3000 เมตร นางต้องใช้มือและเท้าของนางปีนขึ้นเขาแทนที่จะบินขึ้นไป
ถ้านางไปจากทะเลสาบเทียมเมฆ ความสามารถในการบินของนางก็จะกลับคืนสู่สภาพปกติทันที
ดูเหมือนจะมีพื้นที่ๆ แตกต่างออกไป มีข้อจำกัดที่มองไม่เห็น
เจ้าเมืองโล่วฮัวเหน็ดเหนื่อยหลังจากปีนขึ้นไปแล้ว ดังนั้นเย่ว์หยางใช้เชือกมัดนางกับหลังเขา นางตัวเบามากอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นตัวถ่วงเย่ว์หยางแม้แต่น้อย เขาปีนไปสูงราวๆ 2000 เมตร ก่อนที่จะมองเห็นนางพญากระหายเลือดรออยู่ใกล้กับชะง่อนผาข้างบน นางกรีดร้องไม่หยุดพลางชี้ไปที่เมฆหมอกด้านบน
เย่ว์หยางรีบปีนขึ้นไปอยู่บนแนวแท่นยืนเล็กๆ และแหงนมอง เขาตระหนักได้ว่ามีตัวหนังสือใหญ่ 2-3 คำเขียนไว้ด้านบน
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถอ่านได้เลย
“นี่คือผนึกอัญเชิญอย่างหนึ่ง นี่ต้องเป็นเวทจำกัดจากอักขระอัญเชิญโบราณแน่ แดนล่มสลายแห่งทวยเทพคงลงด้วยอักขระแบบนี้” เจ้าเมืองโล่วฮัวควักผ้าเช็ดหน้าไหมออกมาเช็ดเหงื่อให้เย่ว์หยางและพูดอย่างอ่อนหวานว่า “พักสักเดี๋ยวก่อนเถอะ ขณะที่ข้าบันทึกผนึกอัญเชิญเหล่านี้ไว้ บางทีข้าอาจเข้าถึงเวทนี้ในภายหลังก็ได้!”
“มันมีแค่อักขระไม่กี่ตัว แต่สามารถจำกัดพื้นที่ได้ทั้งหมดนี้หรือ?” เย่ว์หยางรู้สึกว่าพลังอัญเชิญน่ากลัวมาก มันไม่ใช่จำกัดเฉพาะพืชหรือสัตว์ แต่มันมีผลต่อมิติ แสง พลังจิตและวิญญาณ มีทั้งคัมภีร์และคาถา.. อย่างตอนนี้ ทวีปมังกรทะยานสามารถเข้าใจวิชาอัญเชิญได้เพียงผิวเผิน
“กล่าวกันว่านี่คือสิ่งที่ันักรบฝ่ายมนุษย์ในยุคโบราณทิ้งเอาไว้ อาณาจักรโบราณแข็งแกร่งจริงๆ เราเพียงแอบเห็นรอยเท้าของพวกท่านในตอนนี้” เจ้าเมืองโล่วฮัวพยักหน้ามั่นใจ “นี่ยังคงเป็นส่วนภูมิปัญญาที่บรรพบุรุษโบราณของพวกเราทิ้งไว้ให้เรา น่าเสียดายที่ไม่มีหนึ่งในพวกเราสามารถทำมันให้สำเร็จ”
เย่ว์หยางพยายามจะพูดบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าใจของเขาสั่นสะท้าน เหมือนกับว่ามีบางอย่างออกมาจากตัวของเขา
ภายใต้สายตาของเจ้าเมืองโล่วฮัว นางเห็นสิ่งอัศจรรย์ที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน
เรื่องอัศจรรย์ปรากฏอยู่ต่อหน้าต่อตาของนาง
************************