ตอนที่ 170 พยัคฆ์ร้ายในฝูงแกะ
“หยุดนะ!”
มีร่างๆหนึ่งพุ่งเข้ามาหาถังเทียน เขาคือหลู่ชิง เขาไม่ต้องการพัวพันเรื่องนี้ตั้งแต่แรก เพราะสภาพที่น่าอนาถของจี่เทียนทำให้เขารู้สึกหนาว แต่เขาไม่เคยนึกเลยว่าแม้แต่ผู้เฒ่าหวีก็ยังไม่ใช่คู่มือของถังเทียน
เป็นธรรมดาเขาไม่สามารถทนเห็นผู้เฒ่าหวีตายอย่างน่าอนาถในเงื้อมมือถังเทียน เมื่อเห็นว่าสถานการณ์วิกฤติ เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้นและพุ่งเข้าหาถังเทียน
ฝีมือของหลู่ชิงพอๆ กับจี่เทียน เพื่อช่วยผู้เฒ่าหวี เขาไม่มีการยั้งออมมือแต่อย่างใดหมัดของเขาเหมือนกับดาวตกพุ่งตรงใส่ถังเทียน วิทยายุทธที่ขึ้นชื่อของหลู่ชิงก็คือหมัดดาวตก เป็นวิทยายุทธระดับหก พลงหมัดหนักหน่วงและรวดเร็วมีพลังน่าทึ่ง
เขารู้ว่าถังเทียนน่ากลัว ดังนั้นเขาจึงใช้ท่าสังหารรวดเดียว
ดาวตกถล่มฟ้า
หมัดที่ดูเหมือนดาวตกฉายรังสีสิบสองสาย เสียงหวีดหวิวน่าตกใจแสงสว่างเจิดจ้าเหมือนสร้อยคอ พุ่งตรงเข้าหาถังเทียน
ถังเทียนสังเกตหลู่ชิงอยู่นานแล้ว ตาของเขาเป็นประกายเยือกเย็น และด้วยการบิดตัวเพียงเล็กน้อยหมัดสองสามหมัดดูเหมือนจะแกว่งส่าย เขาฉวยโอกาสหลบในแนวนอน ท่านี้ไวเหมือนสายฟ้า และหมัดสองสามหมัดนั้นก็เฉียดผ่านร่างของเขาไป
บึ้ม บึ้ม บึ้ม
หมัดปะทะเข้ากับผนังหินสีฟ้ากระเด็นไปทั่วฝุ่นธุลีฟุ้งกระจาย
ถังเทียนกระดิกนิ้วมือ วังวนกระเรียนขาวก็เป็นเหมือนกับฝูงนกกระเรียนขาวเต้นระบำทันที หมัดที่กระแทกใส่ถูกสะบัดและถูกปั่นออกไปด้วยวังวนที่หมุนด้วยความเร็วสูง
พอถึงตอนนี้เรื่องเกินกว่าจะควบคุมได้ หมัดดาวตกที่ถูกสะบัดออกไป พุ่งปะทะใส่ฝูงคนและความวุ่นวายก็เกิดขึ้น
“บุก!”
“ทุกคนบุกโจมตีพร้อมกัน!”
บริวารของผู้เฒ่าหวีดูเหมือนเพิ่งจะตื่น และวิ่งเข้าใส่ถังเทียน ห้องโถงเป็นโครงสร้างที่แคบมาก แม้ว่าถังเทียนจะน่ากลัว แต่พวกเขาจะท่วมทับถังเทียนในทะเลฝูงคน
“ปิง, ปกป้องอาเสวี่ยและซิ่วซิ่วน้อย!”
ถังเทียนคำรามในอากาศและร่างบรอนซ์ร่างหนึ่งกวาดผ่านห้องโถงและคว้าตัวหลิงซิ่วไว้
“ปล่อยข้านะ!” หลิงซิ่วเหมือนกับแมวโกรธจริงๆต้องบอกว่าแพนด้า เขาไม่พอใจมากกับความจริงที่เขาตกต่ำจนต้องให้คนอื่นปกป้องเขาดิ้นรนอยู่ในมือปิงอย่างดุร้าย แต่ฝ่ามือปิงเหมือนกับคีมเหล็ก
ปิงแบกหลิงซิ่วและวางลงข้างๆ กู้เสวี่ย ร่างขนาดใหญ่ของเขาเป็นเหมือนกำแพงป้องกันอยู่หน้ากู้เสวี่ย
ถังเทียนตอนนี้ควบคุมตนเองไม่ได้อย่างสิ้นเชิงและเข้าสู่สภาพพร้อมสู้เต็มที่ เขาวิ่งเข้าหาหลู่ชิงราวกับสายฟ้าและความเร็วที่น่าเหลือเชื่อของเขาทำให้หลู่ชิงตกใจ อย่างไรก็ตามเขาเหลือบเห็นว่าสหายของเขาได้ช่วยเหลือผู้เฒ่าหวีแล้วจึงถอนหายใจโล่งอกทันที เขาตั้งท่าขวางหมัดป้องกันและพยายามหลบหนีเข้าไปในกลุ่มคน
“คิดหนีหรือ?” ถังเทียนแค่นเสียงเย็นชาไม่พอใจที่เหยื่อของเขาหนีไป
ประทับหัตถ์ใหญ่ร่วงลงมาจากอากาศพร้อมกับเสียงดังทุ้มต่ำ
หลู่ชิงกระโดดด้วยความตกใจ เขาเห็นมากับตาตนเองว่าผู้เฒ่าหวีต้องกระอักเลือดออกมาอย่างไรหลังจากโดนประทับหัตถ์ใหญ่ของถังเทียน เขาไม่สนใจภาพลักษณ์ของตนเองต่อไป รีบขดตัวเป็นลูกบอลและกลิ้งหายปะปนไปในกลุ่มคน
บึ้ม
ประทับหัตถ์ใหญ่เหมือนกับแท่งหินใหญ่กระแทกลงพื้นเหมือนกับดาวตก ทุกคนล้มลงกับพื้นระเนระนาด ฝุ่นควันฟุ้งขึ้นไปในอากาศอยู่รอบๆนักสู้ มีอยู่สองสามคนที่หลบไม่ทันนอนร้องครวญครางบางคนร้องโหยหวนได้ยินแล้วทำให้เสียวสันหลัง
ถังเทียนฉวยโอกาสวิ่งเข้าใส่และหลบกระบี่และหมัดที่ลอบเข้ามาทำร้ายเบื้องหลัง เขาโคจรพลังไปที่ขาและพุ่งเข้าไปในกลุ่มคนอีก พื้นที่คับแคบสำหรับถังเทียนแล้วเหมาะให้เขาแสดงพลังที่น่ากลัวได้
พลังภายในของถังเทียนมากกว่านักสู้ปกติถึงห้าเท่าอยู่แล้วรวมกับพลังสายเลือดคนแคระในตอนนี้แล้ว พลังของเขาเป็นสิบเท่าของนักสู้ปกติ
นี่คือสถิติน่าสยดสยองมากที่ยังสูงกว่าหัวซาผู้กระตุ้นสายเลือดคนเดิมเสียอีก
ทันใดนั้นถังเทียนลากพลองเขี้ยวสุนัขป่าหัวท้ายซึ่งเป็นอาวุธประจำตัวของหัวซาหนักถึงสามร้อยหกสิบกิโลกรัม เป็นอาวุธสังหารที่หนักมาก
เมื่อเห็นฝูงคนต่อหน้าเขา ถังเทียนฉีกยิ้ม
เขาควงกระบองเสียงหวีดหวิวน่ากลัวทำลายขวัญและความกล้าของนักสู้จนหนาวยะเยือกในใจ
พวกนักสู้คนหนึ่งที่บุกเข้ามาข้างหน้าตกใจ แต่การสนองตอบของเขารวดเร็ว เขายกโล่มือป้องกันย่อตัวต่ำและถ่ายปราณทั้งหมดข้าไปในแขนทั้งสอง
กระบองฟาดใส่โล่เหล็กหนา 10 มม. อย่างแรง
บึ้ม!
โล่เหล็กแตกเป็นเสี่ยงทันที และชิ้นส่วนกระเด็นไปทุกทิศทางมีชิ้นหนึ่งฝังเข้าไปในร่างของนักสู้คนหนึ่ง นักสู้ที่ตั้งท่าป้องกันนั้นไม่มีโอกาสทันได้ร้องก็ปลิวกระเด็นออกไปกระแทกนักสู้อีกสามคนต่อเนื่องก่อนจะนอนนิ่งกับพื้น นักสู้อีกสามคนนั้นไม่มีใครลุกขึ้นมาได้อีกเลย
“หนุ่มชาวฟ้า, ลุย ลุย ลุย!”
ถังเทียนรู้สึกเบิกบานใจและโห่ร้องต่อเนื่อง เขาไม่เคยเรียนวิชากระบอง และใช้แต่แรงเถื่อนล้วนๆแต่ละครั้งเขายกกระบองฟาดใส่อย่างต่อเนื่อง แต่พลังป่าเถื่อนเช่นนั้นกลับเกิดประสิทธิภาพดีอย่างไม่น่าเชื่อ นักสู้เหล่านั้นตอนแรกคิดว่าพื้นที่คับแคบจะสามารถจำกัดความเคลื่อนไหวของถังเทียนได้ ทำให้พวกเขาได้เปรียบจากจำนวนคนที่มากกว่าแต่ไม่มีใครคิดเลยว่าถังเทียนจะจู่โจมใส่ด้วยท่าทางไร้เหตุผลและก้าวร้าวเพียงนั้น
เมื่อกระบองเขี้ยวหมาป่ากวัดแกว่ง ก็กลายเป็นอาวุธไร้ผู้ต่อต้าน และพลังของถังเทียนไม่ใช่แค่สามารถควงมันได้เท่านั้น แต่เขากวัดแกว่งมันได้ราวกับกังหันลมเมื่อใครถูกฟาด ก็จะปลิวกระเด็นออกมา
หลิงซิ่วตกตะลึง ถังเทียนคล้ายพยัคฆ์ในฝูงแกะ ทุกแห่งที่ผ่านไป ผู้คนถูกกวาดไปจากเท้าได้อย่างง่ายดาย
ฝ่ายตรงข้ามเป็นเหมือนรวงข้าวสาลีที่กำลังถูกเก็บเกี่ยวล้มลงทีละคนๆเป็นภาพที่งดงามจริงๆ
“เจ้าหมอนี่....โหดเหลือเกิน!” หลิงซิ่วพึมพำ “ไม่ได้คำนึงคุณธรรมแม้แต่น้อย...แต่เท่ห์เป็นบ้า!”
เขาชักจะอิจฉา
※※※※※
เยี่ยนเซี่ยและพวกแอบหลบมุมอยู่ พวกเขาตกตะลึงกับท่าทีของถังเทียนเช่นกัน หน้าของอูหนานและสั่วกวงขาวซีดมองดูถังเทียนที่อาละวาดอยู่ในห้องโถงอย่างหวาดหวั่น
“เจ้าบ้านี่มีพลังน่ากลัวเหลือเกิน” เสียงของอูหนานสั่น เขารู้กำลังตนเองดี แต่หลังจากเห็นพลังผิดมนุษย์ของถังเทียนแล้ว เขากังวลทันที
ไม่จำเป็นต้องพูดถึงสั่วกวงที่แทบจะเพ้อไปแล้ว “นอกจากความเร็วของเขาแล้วเจ้าหมอนี่ยังบ้าดีเดือดอีกด้วย.. จะเหลือรอดสักกี่คนกันนี่!”
อันดับของสั่วกวงไม่สูงนัก แต่เขาได้ตำแหน่งในกลุ่มคณะปกครองก็เพราะความเร็วผิดธรรมดาของเขา อย่างไรก็ตาม ความเร็วของถังเทียนที่อยู่ต่อหน้าเขา ทำให้เขาได้สติและรู้สึกละอาย
“สีหน้าของเยี่ยนเซี่ยน่าเกลียดน่ากลัวมาก ตาของเขาเป็นประกายประหลาด เขาลดเสียง”เป็นพลังสายเลือดสองชนิด ถังเทียนต้องกระตุ้นพลังสายเลือดพร้อมกันสองชนิดแน่ พลังสายเลือดแคระและสายเลือดเทพของพี่น้องตระกูลหัวต้องตกไปในเงื้อมมือของเขาแน่ พลังและความเร็วขนาดนั้นเป็นไปได้เพียงประการเดียว เขาดูดกลืนพลังสายเลือดทั้งสองไปแล้ว”
“ไม่... ไม่มีทาง....” ฟันของสั่วกวงกระทบกัน
สีหน้าของอูหนานแข็งค้าง ชั่วเวลาต่อมา เขาหันหน้ามาทั้งที่คอยังแข็ง หน้าเขาซีดขาว “เป็นพลังสายเลือดสองชนิดจริงๆ หรือ?”
การค้นคว้าวิจัยพลังสายเลือดขององค์การวิญญาณมืดมีประวัติศาสตร์ยาวนาน ในองค์การวิญญาณมืด พลังสายเลือดสำคัญยิ่งกว่าวิทยายุทธตามทฤษฎีคนเราสามารถเปิดใช้พลังสายเลือดได้ แต่ในความเป็นจริง มีการค้นพบว่าไม่ใช่ทุกกรณี หลายคนมีพลังสายเลือดธรรมดาและร่างของเขาไม่สามารถรองรับพลังพิเศษที่นำมาจากสายเลือดของคนอื่นได้
แต่ยังมีคนกลุ่มอื่นอีก ไม่เพียงแต่ทนรับสายเลือดของคนอื่นได้เท่านั้น พวกเขายังทนต่อพลังสายเลือดได้มากกว่าหนึ่งชนิด เช่นพลังสายเลือดคู่เป็นต้น
แต่คนที่มีพลังสายเลือดสองชนิดหาได้ยากมาก แทบทุกคนที่มีพลังสายเลือดคู่ถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะ เพื่อจะรองรับพลังสายเลือดได้สองรูปแบบพวกเขาเริ่มต้นได้ดีกว่าคนอื่น
“นั่นก็ถูกแล้ว” สีหน้าของเยี่ยนเซี่ยก็ดูไม่ดีในช่วงที่ผ่านมาเขาลังเลก่อนที่จะลงมือ “โชคดีที่สายเลือดแคระและสายเลือดเทพที่เขาดูดซับไป ไม่ใช่สุดยอดสายเลือดชั้นเงิน ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงยากจะรับมือได้”
สั่วกวงจ้องมองไปในห้องโถงและถามเหมือนกับเพ้อ“ตอนนี้เราไม่สามารถรับมือเขาได้”
เยี่ยนเซี่ยชะงัก เขาคิดหนักขึ้นนอกจากรับผิดชอบเรื่องประจำในดาวไพรมายาแล้วผู้ว่าการดวงดาวยังมีงานอื่นให้ทำ งานหลักของเขาก็คือแนะนำผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์สามารถพัฒนาได้ขึ้นมาและนี่คือสาเหตุให้มีการทดสอบเพื่อผ่านประตูดวงดาว
พลังสายเลือดสองชนิด อายุของเจ้าเด็กนี่... สิบหก? สิบห้า?เขาคงมีอนาคตสดใสแน่นอน
แต่น่าเสียดาย ถ้าใครบางคนได้ขัดเกลาเขาและดูดซับสายเลือดสองชนิดคู่ที่โดดเด่นได้ ความสำเร็จในอนาคตของเขาคงจะยิ่งใหญ่ขึ้น
เยี่ยนเซี่ยอิจฉาเล็กน้อยและเสียใจเล็กน้อย
ทันใดนั้นกงอี้ซิ่วส่งเสียงตื่นเต้นปลุกคนอื่นตื่นจากภวังค์ “เร็วเข้า ดูนั่น อาวุธจักรกล อาวุธจักรกลของกองทัพดาวกางเขนใต้ เสือเขี้ยวดาบ! ข้าคิดถูกจริงๆ มันคือของจริง!”
ระหว่างเวลาที่กงอี้ซิ่วกำลังคุยกันปิงจับคอนักสู้ที่พยายามเข้ามาทำร้ายกู้เสวี่ยเหวี่ยงออกไปเหมือนจับลูกไก่เหวี่ยง
สั่วกวงถึงกับจับคอตนเองโดยไม่รู้ตัว
สีหน้าของเยี่ยนเซี่ยและอูหนานเขียวคล้ำ
“น่ากลัวกว่าที่เราคาดไว้มากจริงๆ” อูหนานรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดที่เขาได้เห็นในวันนี้แปลกประหลาดมากเกินไป “นักสู้จักรกลที่น่ากลัวขนาดนั้นโผล่ออกมาจากไหน?”
“แข็งแกร่งทรงพลังมาก” สายตาของเยี่ยนเซี่ยเป็นประกายชื่นชมและอัศจรรย์ “ความเคลื่อนไหวที่มีชีวิตชีวาของเขาดูเหมือนไม่ใช่คนในยุคนี้”
กงอี้ซิ่วพึมพำ “เสือเขี้ยวดาบ.... เสือเขี้ยวดาบ....”
เยี่ยนเซี่ยตบไหล่ของกงอี้ซิ่ว เขารู้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะชิงเสือเขี้ยวดาบมาได้ในตอนนี้ ไม่ว่ายังไงหลิงซิ่วและถังเทียนก็คือผู้บุกรุก ผู้ว่าการดวงดาวคงไม่ว่าอะไรประกอบกับยอดฝีมืออาวุธจักรกลมีพลังขนาดไหนก็ไม่รู้ พวกเขารวมกลุ่มกันอย่างนั้นต่อให้ท่านหัวหน้าคณะมาที่นี่เอง ก็คงไม่อาจทำอะไรได้
ตอนนี้เขาเริ่มไตร่ตรองแล้ว ตอนนี้จะทำอย่างไรให้ถังเทียนกับคนอื่นยกโทษและเลิกราต่อกัน เขาสามารถกลายเป็นผู้นำคณะปกครองได้ ไม่ใช่เพราะฝีมือของเขาเท่านั้น แต่เป็นเพราะสมองของเขา
“ท่านรู้สึกไหมว่าเขาคลับคล้ายกับใคร?” จู่ๆ อูหนานก็พูดขึ้น
“ใคร?” เยี่ยนเซี่ยถามตามปกติ
“ไซอา!” หน้าของอูหนานเป็นประกายตื่นเต้น “ถังเทียนในวันนี้ ดูเหมือนไซอาตอนนั้นไม่ใช่หรือ ตอนนั้นเขาปรากฏเข้ามาไม่มีปี่มีขลุ่ย?”
“ไซอา?” เยี่ยนเซี่ยตะลึง เขาส่ายศีรษะ “ไซอาในตอนนั้นน่ากลัวมากยิ่งว่าถังเทียน เขาขึ้นไปถึงระดับสุดยอดได้”
ในปียุคมืดนั้น พลังของไซอาไม่เคยพบเห็นมาก่อน ภายในปีเดียวเขาเอาชนะยอดฝีมือทั่วดาวไพรมายาทุกกคนและได้ตำแหน่งสุดยอดฝีมือในดาวไพรมายา แม้ว่าถังเทียนจะเปล่งประกาย แต่เขาก็ยังเปราะบางเมื่อเทียบกับไซอาในตอนนั้น
“แต่....”
อูหนานลังเลใจ ก่อนจะพูดต่อว่า “ใครจะยืนยันได้บ้างว่านี่คือศักยภาพสูงสุดของถังเทียน?”
เยี่ยนเซี่ยตะลึง