ตอนที่ 166 ฆ่า!
ร่างของชายหนุ่มยืนโดดเด่นที่ประตูทางเข้าห้องโถง หลิงซิ่วรู้สถานะของเขาและยืนโอบหอกเงินปลีกตัวไปยืนด้านข้างเขาจ้องมองดูถังเทียนที่โกรธจนเกินควบคุมตนเองอย่างพูดไม่ออก
เจ้าผู้นี้เป็นคนจริง...
สายตาของถังเทียนกวาดมองทุกคนในห้องโถง ดวงตาเขาดูราวกับจะมีไฟลุกด้วยความโกรธที่ใดก็ตามที่สายตาเขากวาดผ่าน ดูเหมือนอุณหภูมิจะร้อนแรงเพิ่มสูงขึ้น
ครั้งนี้ถังเทียนโมโหเต็มที่จริงๆ
เขารู้สึกเลือดลมพลุกพล่านอยู่ภายในตัว เผาผลาญผิวเขาจนรู้สึกเจ็บปวด ความโมโหทำให้เขาสั่นด้วยความโกรธเหมือนกับว่ามีบางอย่างจะปะทุออกมาจากภายในตัวของเขา
อุบายทั้งหมดที่เด็กหญิงบอกเขาในตอนนี้เขาลืมไปอย่างสิ้นเชิง นัยน์ตาสีแดงของเขาจับจ้องอู๋เจ๋อสิง
“ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าฝูงห่านแก่จะทำเรื่องไร้ยางอายขนาดนั้น!” จู่ๆ ถังเทียนก็ฉีกยิ้มแม้แต่ลมหายใจที่เขาระบายออกมา ดูเหมือนจะร้อนแรงเหมือนเปลวไฟ
เขาสาวเท้ายาวเดินเข้าไปในห้องโถง
ความเร็วของเขาไม่เร็วมาก
อู๋เจ๋อสิงม่านตาหดฉับพลัน เพราะแต่ละย่างก้าวของถังเทียนทิ้งรอยเท้าไว้บนพื้นหินอย่างชัดเจน
“ข้าได้ยินมานานแล้วว่าแม่นางกู้มีสหายที่น่ากลัวสามคนได้พบเห็นพวกเจ้าในวันนี้แล้ว พวกเจ้านับว่าโดดเด่นแน่นอน” ผู้เฒ่าหวีหัวเราะร่าเริง ดูเหมือนจะไม่สนใจ “อย่างไรก็ตามเรื่องของตระกูลเสวี่ยจะต้องตัดสินโดยครอบครัวของตระกูลเสวี่ย เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ควรเข้ามาเกะกะเรื่องของผู้ใหญ่ ผู้อาวุโสตระกูล! ออกมาคุยกันเถอะ พวกท่านเป็นผู้อาวุโสของตระกูลกู้ รู้สึกอย่างไรก็พูดออกมา”
ผู้อาวุโสตระกูลทั้งสามคนเดินออกมา ทันทีที่พวกเขามองดูถังเทียนก็มีสีหน้าหวาดกลัว พวกเขาได้เห็นมาด้วยตาตนเองแล้วว่าถังเทียนร้ายกาจเพียงไหนใจของพวกเขาจึงเต็มไปด้วยความกลัวต่อถังเทียน
เมื่อสามผู้อาวุโสของตระกูลกู้เดินออกมา กู้เสวี่ยถึงกับหน้าซีดไม่มีสีเลือด นางมองดูผู้อาวุโสตระกูลทั้งสามอย่างไม่เชื่อถือ
“อย่ากลัวไปเลย” ผู้เฒ่าหวียิ้มอบอุ่น “ข้าอยู่นี่แล้วมีจอมยุทธมากมายอยู่ที่นี่ ข้าจะไม่ยอมให้พวกเจ้าคับแค้นใจแน่นอน ดังนั้นพวกท่านมีอิสระที่จะพูดตามที่ใจต้องการได้เลย”
เขาสังเกตความเปลี่ยนแปลงในตัวกู้เสวี่ยขณะเดียวก็ดูสีหน้าที่หวาดกลัวของอีกฝ่ายด้วย เขารู้ว่าวิธีการที่ไร้ยางอายของถังเทียนได้คุกคามคนเหล่านี้ แม้ว่าพวกเขาจะน่ากลัวมากในเรื่องวิทยายุทธ แต่อยู่ต่อหน้าเขา พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้
ผู้อาวุโสของตระกูลคนหนึ่งพึมพำ “เสวี่ยเอ๋อถึงวัยที่ควรจะแต่งงานได้แล้ว....”
หน้าของกู้เสวี่ยซีดมากกว่าเดิม ทำให้หัวใจอีกฝ่ายตึงเครียด
ผู้เฒ่าหวี่ยิ้มกว้าง
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ทันใดนั้นมีเสียงหัวเราะดังลั่นไปทั่วห้องโถง ทุกคนหันไปดูและเห็นถังเทียนระเบิดเสียงหัวเราะ เหมือนกับว่าเขาได้ยินเรื่องที่ตลกมาก
ผู้เฒ่าหวีหรี่ตามองในสายตาที่ขุ่นเคืองของเขาฉาบไปด้วยรังสีฆ่าฟัน แต่เพื่อเห็นแก่ภาพรวมในใจ เขาไม่กังวลใจแม้แต่น้อยและเขาลอบดึงผู้อาวุโสทั้งสามมาเป็นพวกเงียบๆ
ถังเทียนหยุดหัวเราะทันทีและจ้องมองสามผู้อาวุโสโดยไม่พูดสักคำ ผมของผู้อาวุโสตระกูลทั้งสามถึงกับตั้งชันใบหน้าแสดงความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
ขณะที่ผู้เฒ่าหวีเตรียมตัวจะพูด ถังเทียนก็หัวเราะขัดจังหวะ
“อย่างตระกูลกู้ไม่คู่ควรให้อาเสวี่ยปกป้องต่อไปอีกแล้ว” ถังเทียนส่ายศีรษะและพูดตามปกติ “เมื่อเป็นอย่างนั้นก็ให้ข้ากวาดล้างละเลงเลือดตระกูลกู้เสียดีกว่า”
น้ำเสียงของถังเทียนราบเรียบ แต่เหมือนกับว่าเขาโยนระเบิดลงในใจของทุกคน
ทุกคนตะลึงมองบุรุษหนุ่มผู้นี้ ประโยคนี้พูดอย่างปกติเหมือนกับว่ากำลังสั่งอาหารมื้อค่ำแต่คละคลุ้งไปด้วยรังสีฆ่าฟันและกลิ่นคาวเลือด ในทันใดนั้นทุกคนดูเหมือนจะเห็นถนนที่ละเลงเลือดกับบุรุษหนุ่มที่ดูคล้ายกับอสูรยืนตระหง่านด้วยความพอใจ
ลมหายใจของผู้อาวุโสทั้งสามแทบขาดห้วง หน้าถอดสีทันที ร่างของพวกเขาเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้เสียงฟันกระทบกันได้ยินชัดเจน ในห้องโถงเงียบเป็นป่าช้า
ผู้เฒ่าหวีคาดไม่ถึงเลยว่าถังเทียนจะกล้าพูดกรรโชกขู่เข็ญต่อหน้าคนมากมาย
เขาตกใจและโกรธ เขาตระหนักได้ว่าเขาประมาณการผิด คู่ต่อสู้ของเขาไม่ใช่คนวัยกลางคนที่มีความคิด แต่เป็นคนเยาว์วัยผู้ไม่มีความกลัว ห้าวและใจร้อน!
ถ้าเขาไม่รีบกำราบอย่างรวดเร็ว ศักดิ์ศรีของเขา...
จี่เทียนอยู่ต่อหน้าผู้เฒ่าหวี่ไม่สามารถสะกดกลั้นตัวเองได้เขาตวาดออกไป “บังอาจนัก...”
หือ!
ถังเทียนระเบิดเสียงหัวเราะอีกครั้งจนเห็นฟันขาว
อาเสวี่ยตอนนี้ ต้องเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและเศร้าโศก..
นางคงรู้สึกเหมือนอยู่ในภาวะจำยอม...
นางต้องรู้สึกหนาวสะท้าน...
ความโกรธความขุ่นเคืองในตัวของเขาเหมือนกับพายุหมุนที่ปั่นป่วนอยู่ภายในตัวถังเทียน
เจ้าพวกบัดซบเหล่านี้ทำไมพวกเจ้าถึงกล้าคุกคามนางขนาดนั้น...
ทำไมพวกเจ้าต้องให้นางเสียสละ ทอดทิ้งนาง....
เพื่อโลกสกปรกของพวกเจ้าทุกคน... เพื่ออนาคตของพวกเจ้าทุกคน...
พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรที่จะทำเช่นนั้น?
ข้า.. ไม่มีทางยอมรับ...
ถังเทียนดีดขาออก และพุ่งเข้าหาจี่เทียนอย่างเดือดดาล
ไม่มีใครคาดว่าถังเทียนจะเริ่มสู้จริงๆ เขาไม่รู้ว่าคู่ต่อสู้แข็งแกร่งกว่าเขามากหรือ? เมื่อเด็กหนุ่มที่กำลังโมโหนั้นนำความยุ่งยากเข้ามา ก็สร้างความตกตะลึง มีเสียงอุทานระงมจากผู้คน
เด็กหนุ่มกระโดดขึ้นไปในอากาศเหมือนกับร่างกำลังเผาไหม้และกู้เสวี่ยพลันรู้สึกสายตาพร่าเลือน
ทันใดนั้น น้ำตาไหลนองแก้มของนาง ใบหน้าที่สิ้นหวังเหน็บหนาวรู้สึกอบอุ่นจากสายน้ำตา
อาเทียน...
ทันใดนั้น แสงเขียวปรากฏออกมาไม่มีปี่มีขลุ่ย ภายในสายตาของนางมันเหมือนกับใบไผ่เขียวที่ซ่อนอยู่ในความมืด เล็งและหาโอกาสยิงอย่างมั่นเหมาะ
“อาเทียนระวัง!
กู้เสวี่ยกรีดร้องทันทีโดยไม่รู้ตัว หัวใจของนางรู้สึกเหมือนถูกมือบีบไว้แน่น ความกลัวความผิดหวังเต็มตัวนางและมันพรากความอบอุ่นสุดท้ายที่อยู่ในตัวนางไป
อู๋เจ๋อสิงสะดุ้ง
ตั้งแต่เริ่มแรกเขาไม่เคยพูด แต่ตอนนี้พอเขาโจมตี กระบี่นี้เขาไม่มีการยั้งมือแต่อย่างใด เพราะเขาเห็นชัดว่ากู้เสวี่ยมองถังเทียนยังไง ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าหัวใจของเขาเจ็บปวดเป็นครั้งแรกเจ็บปวดจนพูดไม่ออกและโกรธขึ้นมาทันใด
กู้เสวี่ยชอบเขา!
รังสีฆ่าฟันมากมายท่วมไปทั้งตัวเขาทุกตารางนิ้ว ตบะที่เขาบำเพ็ญมาด้วยตัวเองตามปกติถูกทิ้งไว้เบื้องหลังจิตใจ
เสียงกรีดร้องตื่นตระหนกของกู้เสวี่ยเข้าหูเขาในตอนนี้ ทำให้เขามีความสุขอย่างมิอาจอธิบายได้เข้ามาแทน
ฆ่าเขา!
และกู้เสวี่ยจะเป็นของข้า!
เสียงหนึ่งยังคงดังอยู่ในใจของเขา กระบี่นี้เขาตั้งใจมากกว่าแต่ก่อนเขายังมีความรู้สึกอีกว่า กระบี่นี้เขาตั้งใจใช้ออกมากกว่าครั้งใดในประวัติศาสตร์
ไม่มีผู้ใดสามารถหลบท่าแทงนี้ได้!
ไม่มีที่ไหนที่ถังเทียนสามารถยืมสภาวะจากในกลางอากาศได้ ขณะที่เขาหมิ่นเหม่จะถูกแทงตายร่างของเขาก็งอตัวฉับพลัน เพราะเขาได้คาดการณ์ถึงกระบี่นี้ไว้นานแล้ว ปลายกระบี่เฉียดผ่านเขาไป
อู๋เจ๋อสิงกำด้ามกระบี่รู้สึกถึงความว่างเปล่าจากปลายกระบี่ ความรู้สึกเช่นนั้นยังคงเหลือเชื่อ
อู๋เจ๋อสิงเหมือนกับถูกฟ้าผ่า ร่างของเขาแข็ง จิตใจว่างเปล่า นัยน์ตาเขาพร่าเลือนด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ พลาด.... ท่ากระบี่ที่เขามั่นใจที่สุดพลาดเป้า
นี่มันเป็นไปไม่ได้... เป็นไปไม่ได้!
เมื่อพวกเขาเห็นอู๋เจ๋อสิงลอบแทงก็แทบจะทำให้ทุกคนเชื่อว่า ถังเทียนจะต้องตายแน่ เพราะก่อนหน้านี้ พวกเขาเห็นกับตาตนเอง ว่าท่าลอบแทงของอู๋เจ๋อสิงสามารถทำลายพลังสายเลือดจ้าวแสงสว่างของหลี่ซิ่นได้
แต่ในขณะนี้ อู๋เจ๋อสิงยังลงมืออย่างคาดไม่ถึง และลงมือโดยไม่มีคำเตือนใดๆ!
ต้องตายอย่างแน่นอน!
แต่....ถังเทียนหลบได้จริงๆ ...........เขาหลบท่าแทงนี้ได้จริงๆ......
ทุกคนไม่ได้เตรียมใจสำหรับเรื่องนี้ ไม่แม้แต่จี่เทียน หน้าของจี่เทียนแสดงความทึ่งออกมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นท่าแทงที่เหมือนภูตพรายของอู๋เจ๋อสิง
นั่นคือท่าแทงที่ยอดเยี่ยมไร้เสียง แม้ว่าเขาจะเห็นกับตาตนเองแต่เขาไม่รู้สึกถึงการคุกคามแต่อย่างใด
การใช้กระบี่ของอู๋เจ๋อเทียนอยู่ในระดับที่เหลือเชื่อขนาดนั้น!
จี่เทียนคล้ายกับได้เห็นศิลปะที่งดงาม หน้าของเขาดูพอใจและทึ่งเพราะจุดจบของถังเทียน เขาจึงไม่ได้คิดเรื่องอะไรอื่น
แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง หลังจากการหลบนั้น ราวกับว่าเขาคาดหวังมานานแล้ว
ความเปลี่ยนแปลงนี้ฉับพลันเกินไป แทบไม่น่าเชื่อ
จี่เทียนงง
ในที่สุดเมื่อเขาเรียกความรู้สึกกลับมา เด็กหนุ่มผู้เหมือนมีเพลิงลุกโชนพุ่งวืดเข้ามาราวกับอุกกาบาตและปรากฏอยู่ต่อหน้าของเขาแทบจะทันที
โอวไม่!
หมัดๆหนึ่งบดบังทัศนวิสัยเขาอย่างรวดเร็ว
เขายกพลองสั้นในมือเขาอย่างตื่นเต้นและบังไว้ที่หน้าอกของเขา
ไม่มีผู้ใดสังเกตว่าตาของถังเทียนแดงดุจสายเลือด
สภาวะคลั่ง!
ถังเทียนโกรธและรู้สึกแต่เพียงว่ามีสัตว์ประหลาดจำนวนมากร้องโหยหวนและขู่คำรามอยู่ภายในตัวของเขา เหมือนมีพายุตั้งเค้าอยู่ภายในอกเขา เขารู้สึกเหมือนจะแตกระเบิดเป็นเสี่ยง ทันใดนั้นเมื่อเขายกหมัดพลังจากส่วนลึกในตัวของเขาก็ระเบิดออกคล้ายภูเขาไฟ
“อ๊า อ๊า อ๊า อ๊า!”
เสียงโหยหวนระคนไปด้วยความโกรธ กดดัน สิ้นหวัง เขาต้องการระบายอารมณ์ทั้งหมดนี้ของเขา ความโกรธ ความอัดอั้นตันใจในอกรวมอยู่ในหมัดนี้!
จี่เทียนมีสีหน้าหวาดผวา พลาดที่จะหยุดถังเทียน เขาเป็นเหมือนนักล่าที่มีสายตากำลังจ้องมองเหยื่อ เป็นดวงตาที่ไม่แยแสอะไรทั้งนั้น ประหลาดมากแต่คุ้นๆ
หมัดของถังเทียนกระแทกใส่พลองสั้นของจี่เทียน
พลังปั่นป่วนทะลักเข้ามาเหมือนกับกระแสน้ำที่ฉีดพุ่งออกมาจากประตูน้ำไม่สามารถหยุดได้ พลองสั้นของจี่เทียนเหมือนกับทำด้วยกระดาษ หมัดของถังเทียนทะลุผ่านพลองสั้นกระแทกใส่เนื้อของจี่เทียน พลังที่น่าหวาดหวั่นขวัญผวาทำให้จี่เทียนไม่มีเวลาคิดและเหมือนกับถูกแรดขวิด เขาปลิวกระเด็นออกไปราวกับกระสุนปืนใหญ่และกระแทกเข้ากับเสาห้องโถง
บึ้ม!
ทุกคนรู้สึกว่าห้องโถงใหญ่สั่นสะเทือน เสาขนาดสองสามคนโอบมีจี่เทียนจมลึกอยู่ภายใน
เลือดค่อยๆ ไหลออกมาจากหน้าผากของจี่เทียนตาของเขาปิดสนิทและเขาบาดเจ็บสาหัส
ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ!
ผู้อาวุโสตระกูลทั้งสามคนกุมคอที่ผิดรูปหวาดกลัวขวัญผวาและลงไปกองกับพื้น
มาถึงตอนนี้ในอากาศมีขาคู่หนึ่งสวมรองเท้าทองแดงร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรงจนจมถึงเข่า พื้นหินดินดานที่แข็งนี้ตอนนี้กลายเป็นเหมือนเต้าหู้
ปัง!
เสียงดังต่ำลึกเหมือนกลองดังตามมาทำให้ทุกคนตื่นตระหนก
จากนั้นเกิดแรงระเบิดจากใต้ขาขยายเป็นวงออกไปชิ้นส่วนหินปลิวออกไปทั่วทิศ
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
เศษหินแตกจมลึกเข้าไปในกำผนังเหมือนลูกธนู นักสู้คนอื่นในห้องโถงดูเหมือนจะสะดุ้งตื่นและเริ่มป้องกันตนเอง แต่พลังรุนแรงของเศษหินนั้นทำให้ทุกคนตกตะลึง
นี่เป็นแค่เศษหินกระเด็น...
หลังจากความสับสนวุ่นวายสงบลง ทั้งห้องโถงก็ตกอยู่ในความเงียบราวป่าช้า
มีแต่เพียงเสียงกู่ร้องคำรามของถังเทียนที่คล้ายกับสัตว์ป่า ก้องอยู่ในห้องโถงเหมือนกับสายฟ้ากระหึ่ม
“ยังมีใครอีกไหม?หา.. ยังมีใครอีก?”