ตอนที่แล้วตอนที่ 164 เด็กหญิงอัจฉริยะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 166 ฆ่า!

ตอนที่ 165 ความอัปยศ


ตระกูลกู้ตอนนี้กำลังคึกคักไปด้วยยอดฝีมือมารวมตัวกัน

แต่กู้เสวี่ยไม่สบายใจอย่างมาก นางรู้ชัดเจนว่าทุกคนที่มาที่นี่มีแรงจูงใจแอบแฝงเร้น  พวกเขามีเจตนาส่วนตัว  ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น  ตระกูลกู้ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดเหมือนกับเหยียบแผ่นน้ำแข็งบางๆ  ถ้ามีข้อผิดพลาดอาจเกิดภัยพิบัติใหญ่ตามมา แต่เมื่อเผชิญหน้ากับความก้าวร้าวของกลุ่มสวี่ซื่อ  ตระกูลกู้ไม่มีทางเลือกอื่น

ขณะที่นางเดินเข้าห้องโถง กู้เสวี่ยจัดเรียงความคิดของนาง สายตาของนางเด็ดเดี่ยวอีกครั้ง และรอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏอยู่บนใบหน้าของนาง

ขณะที่นางเดินเข้ามาในห้องโถง นางได้ยินเสียงที่อบอุ่นของผู้เฒ่าหวี่เอ่ยขึ้น “มา มา มา คุณหนูกู้,  อัจฉริยะเยาว์วัยผู้นี้เจ้าต้องมาทำความรู้จักเขาไว้  กระบี่ลมยะเยือกอู๋เจ๋อสิง  เมื่อตอนผู้อาวุโสอู๋ยังอยู่ด้วยเขาคือสหายสนิทของข้า แต่เวลานี้เมื่อบอกกล่าวไปทางตระกูลอู๋ เจ๋อสิงหลานรักของเราจึงรีบมาให้โดยเฉพาะ และนั่นทำให้ข้าโล่งอกทันที!”

อู๋เจ๋อสิงอายุราวๆ สามสิบปี ดูเป็นผู้ใหญ่แล้ว ร่างสูงใหญ่บึกบึนหน้าเหลี่ยมคิ้วหนาฝ่ามือใหญ่ เขาเป็นยอดฝีมือผู้มีชื่อเสียงในดาวไพรมายา รั้งอันดับนักสู้ที่สี่สิบเอ็ดตั้งแต่ห้าปีที่แล้ว  เขาอุทิศตัวให้กับวิถีวิทยายุทธ ไม่สนใจเรื่องราวทางโลกและความสามารถของเขาในวันนี้ยังไม่มีใครรู้  แต่แทบทุกคนเชื่อว่าอันดับของอู๋เจ๋อสิงอาจได้เลื่อนอีกครั้ง

อู๋เจ๋อสิงยิ้มให้เล็กน้อย และพูดอย่างถ่อมตัว  “ท่านยกยอข้าเกินไป  ท่านเป็นหลักให้พวกเราหากไม่ได้ท่านลุงช่วย ก็คงไม่มียอดฝีมือมารวมตัวกันที่นี่มากมาย”

สายตาผู้เฒ่าหวีหรี่ลงด้วยความพอใจ อู๋เจ๋อสิงเป็นตัวแทนของตระกูลอู๋ และตระกูลอู๋ไม่ใช่ตระกูลเล็ก แต่เป็นหนึ่งในห้าของตระกูลใหญ่ในดาวไพรมายา

กู้เสวี่ยคำนับอย่างสุภาพและหัวเราะ “จำนวนยอดฝีมือที่ข้าได้พบมาในหลายวันนี้  มากกว่าที่ข้าเคยพบเห็นตลอดสิบกว่าปีก่อนหน้านี้เสียอีก!”

เมื่อกู้เสวี่ยเงยหน้า ตาของอู๋เจ๋อสิงเป็นประกายตะลึง กู้เสวี่ยสวยงดงามอยู่เสมอ ด้วยผิวขาวราวหิมะเหมือนกับจะแตกหักได้ง่าย  แต่หลังจากผ่านความลำบากทุกข์ยากมากมาย ตอนนี้นางกลับเพิ่มความอดทนและวิสัยทัศน์ของนางเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม

ตั้งแต่กู้เสวี่ยเข้ามาในห้องโถง  สายตาสองสามคนที่จ้องดูเปลี่ยนเป็นร้อนรุ่มหลี่ซิ่นและคนอื่นๆ จ้องมองกู้เสวี่ยอย่างไม่วางตา

อู๋เจ๋อสิงยิ้ม “คุณหนูกู้ชมเกินแล้วไป ข้ายังไม่คู่ควรกับคำว่าจอมยุทธ”

“ฮ่า..” ผู้เฒ่าหวีลากเสียงยาว “ถ้าเจ๋อสิงหลานรักของข้าไม่คู่ควรกับคำว่าจอมยุทธแล้ว  ใครจะคู่ควร? อย่าบอกนะว่า  ตาแก่อย่างข้าคู่ควรเป็นจอมยุทธ?  สาวงามคู่ควรกับจอมยุทธอย่าบอกข้านะว่าคนแก่อย่างข้าจะต้องยอมสละสาวงาม, เจ๋อสิง?”

อู๋เจ๋อสิงดูเหมือนจะขัดเขินเล็กน้อย ขณะที่คนอื่นหน้าเขียวคล้ำ

เมื่อได้ยินคำพูดหยาบไม่เกรงใจ  กู้เสวี่ยยิ่งไม่สบายใจแต่หน้าของนางยังคงสงบและยิ้มเล็กน้อยเหมือนกับว่านางไม่ได้ยินอะไร

ผู้เฒ่าหวีกล่าวอย่างสบายๆ “แม่นางกู้อยู่ในตำแหน่งสำคัญและตอนนี้ยังโสดอยู่  เจ๋อสิงหลานรักของข้าก็ยังโสด  นั่นเป็นคู่ที่ฟ้าประทานมาไม่ใช่หรือ?  ตระกูลกู้ก็มีภูมิหลังที่ดีและตระกูลอู๋ก็เป็นตระกูลใหญ่โดดเด่นในดาวไพรมายาของเรา เหมาะสมกันที่สุดพ่อแม่ทั้งสองของเจ้าก็ไม่อยู่ที่นี่ต่อไปอีกแล้ว เนื่องจากข้ามาเพราะเหตุนี้ข้าจะเป็นเถ้าแก่และจัดงานแต่งงานนี้ให้เอง”

อู๋เจ๋อสิงตื่นเต้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรือภูมิหลังไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะกับกู้เสวี่ย  และสิ่งที่ทำให้เขาสบายใจที่สุดก็คือลักษณะที่สงบกู้เสวี่ยมีทุกอย่างที่เขาชอบ

หน้าของกู้เสวี่ยซีดขาว มือเท้าเย็นเฉียบ นางฝืนหัวเราะ “ผู้เฒ่าหวี ขอโทษที่ต้องทำให้ผิดหวัง พ่อแม่ของกู้เสวี่ยเสียชีวิตทั้งสองท่าน  และข้าเองก็เป็นหัวหน้าตระกูลกู้ในตอนนี้  ข้าสาบานไว้นานแล้วว่าจะไม่แต่งงานและจะปกป้องตระกูลกู้”

รอยยิ้มสลายไปจากใบหน้าของผู้เฒ่าหวี เขาหรี่ตากล่าว “โอว, นี่ก็ถูกแล้วให้เจ๋อสิงคอยดูแลเจ้า ตระกูลกู้จะต้องรุ่งเรืองแน่นอน ข้าเชื่อว่าผู้อาวุโสแต่ละคนในตระกูลกู้จะต้องเห็นด้วยแน่นอน”

ตระกูลกู้กำลังจะพังทลาย  เมื่อได้เคียงข้างกับตระกูลอู๋แล้วตระกูลกู้ก็จะเด่นขึ้นมา ถ้าผู้อาวุโสรู้ว่านางจะแต่งงานกับอู๋เจ๋อสิง  พวกเขาคงเห็นด้วยแน่นอน

แต่....

ในหัวของนางผุดภาพใบหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่โง่งมของถังเทียนนางจึงรู้สึกกระวนกระวายใจและเจ็บปวด

“ช้าก่อน ข้าหลี่ซิ่นก็ยังโสด  ตระกูลหลี่ของข้าไม่ได้มีอะไรที่ด้อยไปกว่าตระกูลอู๋ ผู้เฒ่าหวีทำอย่างนั้นดูเหมือนเป็นการลำเอียงได้นะ”  หลี่ซิ่นเดินออกมาทันที หน้าของเขาเขียวคล้ำ

“ใช่แล้ว!”  จี่เทียนก้าวออกมาเช่นกัน  และแค่นเสียง “คิดดูสิว่าเรารับใช้ผู้เฒ่าหวีด้วยความเต็มใจ  ทำอย่างนั้นแล้ว  เราจะมั่นใจได้อย่างไร”

ทันใดนั้นมีเสียงวิจารณ์เซ็งแซ่ดังขึ้นในห้องโถง  เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่จี่เทียนพูดไปกระตุ้นความรู้สึกของคนส่วนใหญ่

จู่ๆ เกิดสถานการณ์ไม่คาดคิดทำให้ผู้เฒ่าหวีประหลาดใจ  เขาทั้งโกรธทั้งตกใจ แต่ในพริบตาเขาก็เริ่มหัวเราะลั่นและยกมือทั้งสอง “คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องสนุกของข้าจะสร้างวีรบุรุษได้มากขนาดนี้  ตอนนี้คุณหนูกู้คงลำบากใจแล้วทุกคนเป็นจอมยุทธอายุเยาว์ ดูดีและฉลาด เฮ้อ.. ปัญหาความสุขในชีวิตใครๆก็ต้องการ แต่คุณหนูกู้เป็นที่ดึงดูดใจวีรบุรุษหนุ่มน้อยทั้งสามคนได้ทันที   งั้นใช้วิธีคัดเลือกเอาเถอะข้าไม่กล้าพูดอีกต่อไปแล้ว  ทุกท่าน!  ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเจ้าเอง!”

หลี่ซิ่นและจี่เทียนมีสีหน้าอ่อนลง ทั้งสองคนมองดูหน้าอู๋เจ๋อสิงอย่างท้าทาย และอู๋เจ๋อสิงถึงกับหน้าเขียวคล้ำ

หลี่ซิ่นเป็นนักสู้อันดับที่สี่สิบห้า ขณะที่จี่เทียนอันดับที่สี่สิบสาม อันดับของทุกคนเกือบจะใกล้เคียงกัน คุณสมบัติของพวกเขาเสมอกัน ดังนั้นหลี่ซิ่นและจี่เทียนจึงไม่ได้รู้สึกว่าถูกคุกคาม

หลี่ซิ่นอายุยี่สิบสอง ขณะที่จี่เทียนอายุยี่สิบเอ็ด ทั้งสองอายุเยาว์และมีอนาคตที่สดใส  อู๋เจ๋อสิงอายุสามสิบแล้ว  แม้ว่าตอนนี้จะมีฝีมือเหนือทั้งสองคน  แต่อนาคตจะเป็นเช่นไร ไม่มีใครรู้ได้แน่นอน

อู๋เจ๋อสิงสงบจิตใจลง และเดินเข้าลานสี่เหลี่ยมช้าๆ  กล่าวเสียงต่ำ “พวกเราทุกคนเป็นนักสู้ผู้ฝึกยุทธในกรณีเช่นนี้เราใช้ความสามารถตัดสินกัน ใครชนะ ผู้นั้นได้สาวงาม”

หลี่ซิ่นและจี่เทียนยังหนุ่มและแข็งแรงเห็นด้วยโดยไม่ลังเล

“ตกลงตามนั้น!”

“ใครกลัวกันเล่า!”

กู้เสวี่ยขบริมฝีปากแน่น หน้าของนางขาวซีด นางไม่เคยรู้สึกอัปยศอดสูมากขนาดนี้มาก่อน นางรู้สึกว่านางเป็นวัตถุสิ่งของถูกโยนไปมาเหมือนของเล่นและไม่มีใครถามถึงความเห็นของนาง

อู๋เจ๋อสิงถามเย็นชา “ใครก่อน?”

หลี่ซิ่นกระโดดเข้าไปในลานสี่เหลี่ยมและประกาศอย่างลำพอง  “ข้าคนแรก!”

อู๋เจ๋อสิงไม่ยอมเสียเวลาสักนิดและ ชักกระบี่ออกจากฝักและเตือนเบาๆ  “กระบี่นี้มีนามว่ากระบี่เล็บอินทรี  เป็นสมบัติระดับบรอนซ์แห่งหมู่ดาวอินทรีฟ้าเจ้าต้องระวังให้ดี”

เป็นธรรมดาที่ทุกคนเห็นว่ากระบี่ในเมือของเขาไม่ใช่ธรรมดา  กระบี่ขาวเปล่งแสงเรืองรองด้ามกระบี่เป็นเหมือนมีกรงเล็บอินทรีกำลังเกาะตัวกระบี่

หลี่ซิ่นคำรามและชักห่วงคู่ทองแดงมาถือกระชับในมือ  “ใครไม่มีสมบัติบ้างเล่า?  สมบัติชั้นบรอนซ์แห่งหมู่ดาวปลาวาฬห่วงคู่กลืนปลาวาฬ”

“ดี!” อู๋เจ๋อสิงร้องตะโกนและทันใดนั้น เขาพุ่งตัวขึ้นสูงแล้วไสกระบี่ไปข้างหน้าทันที

รังสีเขียวมากมายราวกับใยแมงมุม พุ่งเข้าไปในกระบี่เล็บอินทรีในมือของเขาและกรงเล็บอินทรีที่กำตัวกระบี่ไว้แน่น ระเบิดแสงออกมาทันที กรงเล็บอินทรีทั้งสามยิงแสงออกมาสามสายไปตามตัวกระบี่และถ่ายเข้าไปที่ปลายกระบี่

กระบี่กรงเล็บอินทรีหายไปในอากาศบางเบา

หลี่ซิ่นรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกแทงเข้าใส่คอของเขาและในช่วงเวลาที่น่าหวาดหวั่นนี้ห่วงกลืนปลาวาฬของเขาช่วยปกป้องเขาให้พ้นวิกฤติได้

ติง!

ประกายสีเขียวของรังสีกระบี่ปรากฏในอากาศอย่างไม่มีเค้าลางและกระแทกใส่ห่วงกลืนปลาวาฬของหลี่ซิ่น

หลี่ซิ่นเห็นพลังปราณเที่ยงแท้ที่คาดเดาไม่ได้เข้ามาในเส้นชีพจรของเขา มันต่างจากปราณเที่ยงแท้ตามปกติซึ่งเต็มไปด้วยพลังทำลาย  แต่นี่กลับเป็นความรู้สึกว่างเปล่าที่ยากเข้าใจ

ปราณเที่ยงแท้ที่เขาป้องกันไว้ กลับกลายเป็นติดขัดและไม่สามารถปะทะได้ทำให้เขาแทบกระอักโลหิต

ก่อนที่เขาจะสามารถตอบโต้ได้ รังสีกระบี่เลือนลางปรากฏต่อสายตาเขาทันใด  และแทงใส่นัยน์ตาของเขาอย่างน่ากลัว  เขาไม่สนใจอะไรต่อไปได้แต่ย่อเอวและหงายตัวนอนราบ รังสีกระบี่เลือนลางเฉียดผ่านปลายจมูกเขาไป

หน้าของหลี่ซิ่นขาวซีดทันที เขาคาดไม่ถึงเลยว่าวิชากระบี่ของอู๋เจ๋อสิงจะร้ายกาจถึงเพียงนั้น  รังสีกระบี่อ่อนและไร้รูปร่าง คาดเดาไม่ได้โดยสิ้นเชิง ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบเป็นไปตามธรรมชาติอย่างแท้จริง เขากัดฟันและควงห่วงกลืนปลาวาฬในมืออย่างรวดเร็ว

วิ้ง วิ้ง วิ้ง!

ห่วงกลืนปลาวาฬปล่อยเสียงที่น่าฟัง แสงสีทองเปล่งออกมาจากห่วง แสงวงกลมร่วงลงมาจากเหนือศีรษะหลี่ซิ่นปกป้องเขาไว้ตรงกลาง

ติ๊ง!

รังสีกระบี่เขียวจางแทงใส่วงแหวนแสง แต่ทำอะไรไม่ได้ แค่เพียงทำให้วงแหวนสั่นเท่านั้น

ใบหน้าของอู๋เจ๋อสิงมีท่าทีเย้ยหยันแสงสีเขียวพุ่งออกมาจากแขนของเขามีความสว่างเข้มข้นกว่าเดิม  ร่างของเขาสั่นและแสงเขียวจางที่เขายิงออกไปเป็นเหมือนเมล็ดข้าวที่เปล่งแสงสีเขียวกระแทกใส่วงแหวนแสง

ปึ้ก!

วงแหวนแสงสั่นสะเทือนทันที

แต่ความสามารถของหลี่ซิ่นก็ไม่ธรรมดา เพียงชั่วอึดใจ เขาก็พบโอกาสโจมตี  จุดเรืองแสงสีแดงปรากฏบนหน้าผากของเขา  ตาของเขาเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น  หน้าของเขาสีขาว เหมือนกับเปลี่ยนเป็นคนละคน

“พลังสายเลือดจ้าวแสงสว่าง”

เสียงอุทานดังออกมาจากฝูงหมู่คนทันที ตระกูลหลี่ทรงพลังที่สุดในเรื่องสายเลือดจ้าวแสงสว่างเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีพลังสายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดในดาวไพรมายา  ตำนานบอกไว้ว่าผู้กระตุ้นพลังสายเลือดจ้าวแสงสว่างจะถูกประทับทรงในระหว่างต่อสู้ และทำให้มีพลังน่ากลัวมาก

หลังจากสายเลือดจ้าวแสงสว่างได้รับการกระตุ้นแล้วอันตรายที่คุกคามรอบตัวเขาก็หายไป

ตาของอู๋เจ๋อสิงเป็นประกายวาวดูน่ากลัว แต่ไม่ได้ตื่นตระหนกแม้แต่น้อยกระบี่เล็บอินทรีในมือของเขาดูเหมือนจะขยับเหมือนเลื้อยตามปกติรังสีกระบี่สีเขียวปรากฏที่มุมห้องโถงอีกด้านหนึ่งอย่างเหลือเชื่อ

หลี่ซิ่นควงห่วงกลืนปลาวาฬกลุ่มรัศมีสีทองสว่างเจิดจ้ารวมตัวกันคล้ายกับขวานยักษ์ฟันลงมาใส่อู๋เจ๋อสิง  วิชาห่วงที่เขาฝึกฝนเรียกว่าวิชาห่วงขวานทอง

ความเร็วของเขาว่องไวมาก รังสีรัศมีทองที่เปล่งจากห่วงและขวานแสงระยิบระยับเต็มท้องฟ้าเป็นภาพงดงามยากจะได้เห็น

ทุกคนจ้องมองหลี่ซิ่นอย่างตกตะลึง ฝีมือความสามารถของหลี่ซิ่นเก่งกล้าเกินกว่าที่พวกเขาคิดไว้  จิตใจของทุกคนตื่นเต้นขึ้น โอกาสได้เห็นยอดฝีมือประลองยุทธกันไม่ใช่เรื่องปกติที่จะเห็นได้

พวกที่มีความสามารถอ่อนแอ ไม่อาจทนต้านรับขวานแสงได้จึงรีบถอยห่างออกมา ขณะที่นักสู้เหล่านั้นเชื่อมั่นว่าตนเองไม่ได้อ่อนแอ ก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม

ทันใดนั้น  รังสีกระบี่เขียวที่บินอยู่ในแต่ละมุม  ทั้งหมดเล็งตรงมาที่หลี่ซิ่นพร้อมกัน

เสียงสั่นลึกของขวานแสงไม่สามารถครอบคลุมบดบังกระบี่แสงได้

หลี่ซิ่นฝีมือไม่ต่ำทราม ห่วงกลืนปลาวาฬในมือของเขากวัดแกว่งและปล่อยแสงสีทองออกมารังสีกระบี่แสงเขียวไม่สามารถแทงผ่านรังสีทองได้

อย่างไรก็ตาม ฉากภาพที่เป็นไปไม่ได้ก็เกิดขึ้น

กระบี่เขียวปรากฏที่คอของหลี่ซิ่นโดยไม่มีคำเตือน ความเย็นของตัวกระบี่ทำให้หลี่ซิ่นยืนอยู่กับที่ ตราบใดที่เขาขยับกระบี่จะเชือดลำคอเขาแน่นอน

หลี่ซิ่นชะงักค้าง

ทุกคนถึงกับปั่นป่วน ประหลาดใจอยู่ลึกๆไม่มีผู้ใดเห็นชัดเจนว่าอู๋เจ๋อสิงไปปรากฏตัวด้านหลังหลี่ซิ่นตั้งแต่เมื่อใด

“ข้ายอมแพ้”  หลี่ซิ่นคอแห้งผากหน้าซีด

อู๋เจ๋อสิงดึงกระบี่เล็บอินทรีกลับมาอยู่ในมืออย่างใจเย็นและกวาดตามองไปทั้งห้อง  “ยังมีใครอีกไหม?”

จี่เทียนเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ความตั้งใจต่อสู้ของเขาเหือดหายไปหมด วิชากระบี่นั้น ต่อให้เป็นตัวเขาเองก็ไม่มีทางหลบได้พ้น  ฝีมือของอู๋เจ๋อสิงบรรลุถึงระดับที่น่าทึ่ง

เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดตอบ อู๋เจ๋อสิงยิ้มแค่นหมุนตัวเดินเข้าไปหากู้เสวี่ยที่ยืนหน้าซีด

“เหลวไหล” เสียงโกรธเกรี้ยวสามารถได้ยินไปทั้งลานสี่เหลี่ยม  อู๋เจ๋อสิงชะงักฝีเท้า  ตาของเขามีรังสีประกายฆ่าฟัน

ยังมีคนที่ไม่รู้จักประมาณตัวเองอยู่จริงๆ

อย่างนั้น ข้าคงต้องทำให้เป็นตัวอย่างเสียแล้ว

เวลานี้ เสียงอีกคนพูดขึ้นอย่างสบายๆ

“นี่, หนุ่มชาวฟ้า มีคนกล้าชิงตัวน้องสาวของเจ้าหรือ?  คนอื่นทนได้ แต่ข้าทนไม่ได้!เฮ้อ...หนุ่มน้อยผู้ฉลาดรักความเป็นธรรมไม่ใช่คนที่ชอบหาเรื่องยุ่งยากใส่ตัวเสียด้วย  อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ปล่อยให้ข้าจัดการเอง ข้าไม่ปล่อยวางเรื่องอย่างนี้อยู่แล้ว”

เมื่อได้ยินเสียงของถังเทียนโกรธ กู้เสวี่ยที่หน้าซีดขาวเชิดหน้าทันที นัยน์ตาที่สูญเสียแววที่ปรารถนาจะมีชีวิตอยู่ต่อ  ดูสว่างเป็นประกาย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด