ตอนที่แล้วตอนที่  163  ผลกระทบต่อเนื่อง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 165 ความอัปยศ

ตอนที่ 164 เด็กหญิงอัจฉริยะ


เมื่อถังเทียนและพวกปรากฏตัวอยู่ที่ประตูด้านหลังตระกูลกู้  พวกเขาพบว่าไม่มีเสียงต่อสู้  และถังเทียนได้แต่ถอนหายใจโล่งอก  พวกเขาพบทางเดินเข้าหลังบ้านที่อยู่และคุ้นเคย

ไม่มีใครสักคน

ถังเทียนถอนหายใจเฮือกใหญ่แบกไจ๋เหิงจ้านและหลบเข้าไปในห้องเหมือนกับเป็นขโมยโดยมีหลิงซิ่วตามมาด้านหลัง

“อาเทียนยังไม่กลับมาอีกเหรอ?”

เสียงของกู้เสวี่ยดังออกมาจากลานด้านนอกทันที  ถังเทียนกับหลิงซิ่วตกใจสะดุ้งโหยง พวกเขามองหน้ากันเองและถังเทียนลดเสียง“รีบๆ ซ่อนของทั้งสองก่อน”

ของ....

ไจ๋เหิงจ้านยังพอทำเนา และดูสบายๆ แต่นัยน์ตาของเด็กหญิงหวายเบิกกว้าง แทบมีไฟลุก

เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา ถังเทียนกวาดสายตาไปเห็นตู้ที่มุมห้อง และมีความคิดทันที  เขารีบเปิดออก มันใส่ได้พอดี

“ทางนี้  ทางนี้”  ถังเทียนรีบทำท่าทางกับหลิงซิ่ว

ไจ๋เหิงจ้านและเด็กหญิงหวายถูกวางไว้ข้างใน ถังเทียนเตือน “พวกเจ้าอย่าตุกติกดีกว่า ถ้าพวกเจ้ากล้าเคลื่อนไหวนะ เหอะ เหอะ” ถังเทียนสังเกตว่าตาของเด็กหญิงเมินไปทางอื่นไม่ได้สนใจคำพูดของเขา

เชลยนี่ไม่สนใจ....

ถังเทียนรื้อเอามีดที่คมกริบออกมาจากตู้อควาเรียส  มีดยังคงมีกลิ่นของเนื้อย่างอยู่  เนื่องจากถังเทียนมักใช้แล่เนื้อย่างเสมอ

มีดหั่นเนื้อก็ถือว่าเป็นมีดเช่นกัน คมมีดจ่ออยู่ใกล้คอเด็กหญิง ความเย็นกัดผิวทำให้เด็กหญิงค้างทันที

ไม่ว่าเด็กหญิงจะซุกซนแค่ไหน ตอนนี้เธอถูกขู่ขวัญอย่างสมบูรณ์แล้ว

“ถ้าเจ้ากล้าหลอกนะ ข้าจะขีดหน้าเจ้าให้เป็นรอย!”  ถังเทียนจ้อง และพูดเสียงต่ำให้ดูน่ากลัว

จนกระทั่งเด็กหญิงแสดงให้เห็นท่าทางหวาดกลัว จากนั้นถังเทียนจึงเก็บมีดด้วยความพอใจ เสียงฝีเท้าด้านนอกใกล้เข้ามา  ถังเทียนรีบปิดตู้ทันทีและโยนหน้ากากอุรังอุตังออกไป ขณะที่หลิงซิ่วก็โยนหน้ากากแพนด้าออกไปเช่นกัน

กรงเล็บภูตพรายและปิงกลับเข้าประตูดาวกางเขน

แอ๊ด... ประตูถูกเปิดออก

กู้เสวี่ยเห็นถังเทียนและหลิงซิ่ว ก็ถอนหายใจโล่งอก  แต่ก็ขมวดคิ้วทันที  หน้าของนางเย็นชา  “พวกเจ้าสองคนไปสุมหัวที่ไหนมา?”

ทันทีที่นางพูดจบประโยค นางก็ตระหนักได้ว่านางเลือกใช้คำผิด จึงหน้าแดงทันที

“อ่า.. ซิ่วน้อยกับข้าตกลงประลองกัน แต่ที่นี่เล็กเกินไป เรากลัวว่าจะสร้างความเสียหายให้กับบ้าน ก็เลยไปหาที่ไกลๆ  แล้วก็เลยหลงทางจนได้” ถังเทียนโกหกไปเรื่อย

หลิงซิ่วที่อยู่ด้านข้าง ได้แต่มองดูโดยไม่พูดอะไร

“หลงทาง?”  กู้เสวี่ยตะลึง  และถามด้วยความประหลาดใจ  “พวกเจ้าไปไกลกันขนาดไหน ถึงได้หลงทางกัน?”

ถังเทียนเกาศีรษะ แกล้งทำเป็นสับสน “เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ถ้าเรารู้แล้วเราจะหลงได้ยังไง?”

จากนั้นถังเทียนเปลี่ยนหัวข้อทันที “มีคนจากกลุ่มสวี่ซื่อแวะมาหรือเปล่า?”

“พวกเขามากันแล้ว!” กู้เสวี่ยเหลือบตาไปทางถังเทียน “พวกเขามาที่นี่สองวันแล้ว โชคดีที่ข้ายังไม่ต้องพึ่งพวกเจ้า พวกเจ้าไม่อยู่ในช่วงเวลาสำคัญ”

“แต่โชคดีที่พวกเจ้าไม่อยู่  คนพวกนั้นก้าวร้าวและไร้เหตุผล  ผู้เฒ่าหวี่และคนอื่นเดินทางมาถึงทันเวลา  ดังนั้นจึงไม่มีเรื่องแย่มากนัก” เสียงของกู้เสวี่ยกลายเป็นเศร้าหมอง  “แต่ลุงเมอเรย์ได้รับบาดเจ็บ”

“อ๋า”  ถังเทียนตกใจหน้าของเขาแสดงความโกรธออกมาโดยมิได้ตั้งใจ “บาดเจ็บหนักไหม?  ใครเป็นคนทำ?”

“เขาจำเป็นต้องพักสักระยะ” กู้เสวี่ยชักรู้สึกเสียใจที่บอกเรื่องนี้กับถังเทียน นางรู้ว่าถังเทียนจะไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปแน่น  นางกังวลว่าถังเทียนจะได้รับบาดเจ็บ  นางรีบกล่าวว่า  “ไม่ได้บาดเจ็บรุนแรง  อาเทียน...เจ้าไม่ควรออกไปในช่วงสองสามวันนี้จะดีกว่า ข้าบอกพวกเขาไปว่าพวกเจ้ากำลังเก็บตัวฝึกฝนกันอยู่  เรื่องครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นี่เป็นเรื่องการต่อสู้ระหว่างกลุ่มสวี่ซื่อและกลุ่มทั้งถิ่น  แม้ว่ากลุ่มสวี่ซื่อจะไม่อ่อนแอ แต่ว่าแต่ละตระกูลก็มีความสามารถที่แข็งแกร่งเช่นกัน  ความขัดแย้งระหว่างสองกลุ่มมีมาเป็นเวลานานแล้ว  แต่มักจะมีการบเสมอ  คราวนี้ก็ปะทุขึ้นมาอีก  สิ่งที่สำคัญสำหรับในตอนนี้ก็คือ คอยนั่งสังเกตดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป”

ถังเทียนหน้าเขียวคล้ำ

กู้เสวี่ยสังเกตเห็นความยุ่งยาก แล้วยังกังวลมากยิ่งขึ้น  “อาเทียน!  เจ้าต้องไม่พัวพันเรื่องนี้  มียอดฝีมือจากแต่ละตระกูลเดินทางมาในหลายวันนี้  สถานการณ์ที่นี่ลึกลับและซับซ้อนจริงๆ  อาเทียน!เจ้าอย่าเพิ่งสร้างความยุ่งยากอะไรจะดีกว่า!”

“คุณหนู”  เสียงพ่อบ้านตะโกนดังมาจากลานนอกบ้านทันที

กู้เสวี่ยตกใจ  สีหน้านางค่อยๆสงบลง  นางส่งเสียงตอบไป “มีอะไรหรือ?”

“ผู้เฒ่าหวี่ขอเชิญคุณหนูมาคุยกัน” พ่อบ้านรีบตอบ

“เข้าใจแล้ว”  กู้เสวี่ยตอบ

นางหันหน้ามาและลดเสียงพลางจ้องมองถังเทียน “อาเทียน, เจ้าต้องไม่ประมาท แม้ว่าเจ้าจะมีฝีมือน่ากลัว แต่เจ้าไม่สามารถต้านรับยอดฝีมือจำนวนมากได้

ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ถึงความห่วงใยลึกซึ้งในคำพูดของกู้เสวี่ยและเขารู้สึกซาบซึ้ง  สีหน้าของเขาใจเย็นลง และตอบกลับไป  “ฮืม.. ข้ารู้”

กู้เสวี่ยสงบลงเล็กน้อย และบอก “ข้าจะกลับไปดูเหตุการณ์ก่อน”

หลังจากบ่นถังเทียนแล้ว จากนั้นนางก็จากมา

ทันทีที่กู้เสวี่ยออกมาแล้ว ถังเทียนระบายอารมณ์โมโหทันที “ไอ้กลุ่มระยำนี่ ข้าจะไม่ปล่อยพวกมันลอยนวลแน่นอน!”

“ถูกแล้ว”  หลิงซิ่วก็ไม่พอใจเช่นกัน  “เพื่อรักษาความเป็นธรรม”

ถังเทียนสงบทันที และจ้องมองหลิงซิ่ว “เจ้าบาดเจ็บมากหรือเปล่า?”

“ไม่หนัก, นั่งเดินปราณสักสองชั่วโมงก็คงเป็นปกติ”  หลิงซิ่วกระตือรือร้น  “เราจะต้องสู้กันอีกใช่ไหม? เอ๊ย.!  เราจะไปพิทักษ์ความยุติธรรมกันใช่ไหม?”

“ใช่แล้ว!  เราจะไปพิทักษ์ความยุติธรรม!”  ถังเทียนพูดเสียงก้อง  ใบหน้าของเขามีแววดุร้าย  “แล้วไงเล่า ถ้าพวกเขามีคนมาก? เราต้องทนอุดอู้อยู่ในความเงียบ แค่เพราะเรามีจำนวนที่ต่างกันนี่นะ?  ต้องมีสักทาง, ปิง,  ออกมาเร็ว”

ปิงปรากฏตัว

“ลุงมีความคิดอะไรดีๆบ้างไหม?” ถังเทียนมองปิงอย่างคาดหวัง “ตอนนี้ลุงเป็นที่ปรึกษาทางทหารของเราแล้ว!”

ปิงโบกมือปฏิเสธพัลวัน “ข้าเป็นเพียงครูฝึกคนหนึ่ง เรื่องสุมหัวกันหลอกลวงอย่างนั้น  ข้าไม่ถนัดแม้แต่น้อย”

ถังเทียนผิดหวังทันทีและรำพึงกับตนเอง “แม้แต่ลุงก็ไม่มีความคิดดีๆหรือนี่? จะดีแค่ไหนกัน ถ้าเชียนฮุ่ยอยู่ที่นี่ นางจะหาแผนดีๆได้แน่นอน”

หลิงซิ่วแค่นเสียง “ในความเห็นของข้า เราก็แค่เข้าไปสู้เมื่อเวลามาถึง มีคนเคยพูดเรื่องนี้มาก่อน ความเป็นธรรมขึ้นอยู่กับกำปั้น”

“ความเป็นธรรมขึ้นอยู่กับกำปั้น...” ถังเทียนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันทวนประโยคนี้

“แจ่มมาก!”  ปิงชมเชยและมองหลิงซิ่วด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย

ทันใดนั้นมีเสียงปึงปังดังมาจากตู้

ถังเทียนขมวดคิ้ว และโถมตัวเข้าไปเปิดตู้ออกและเห็นเด็กหญิงเริ่มร้องไห้

“ส่งเสียงดังทำไมกัน? เจ้าเบื่อหน่ายชีวิตแล้วหรือ?” ถังเทียนตวาดอย่างดุร้าย

เด็กหญิงน้อยยังคงสะอื้น, ถังเทียนงง รีบเอาผ้าออกจากปากเธอ และแค่นเสียง“เจ้าอย่าเล่นลูกไม้อะไรจะดีกว่า”

เด็กหญิงสูดลมหายใจสองสามเฮือก นัยน์เบิกกว้าง และพูดอย่างไร้เดียงสา  “ข้าถนัดในเรื่องแผนการ และเรื่องล่อหลอก  ข้าช่วยพวกเจ้าได้นะ!”

ถังเทียนจ้องดูเด็กหญิงและหัวเราะลั่น “เจ้าอายุกี่ขวบแล้ว? เจ้าเรียนนับเลขได้ถึงร้อยหรือยัง? เรื่องวางแผนและล่อหลอกน่ะหรือ?”

เด็กหญิงถลึงตามองถังเทียนด้วยท่าทางดูถูก “นับเลขได้ถึงร้อยน่ะหรือ? เจ้ากำลังตัดสินข้าด้วยมาตรฐานของตัวเจ้าเองใช่ไหม?  เสียใจด้วย ข้าคงต้องทำให้เจ้าผิดหวังเสียแล้ว วิชาคณิตศาสตร์ข้าเรียนมาจากอาจารย์อาเกดะ เรียนวิชาดาราศาสตร์มาเล็กน้อย ส่วนวิชาภาษาต่างประเทศข้าเรียนมาจากอาจารย์ไรส์  พูดได้คล่องสามภาษา เชี่ยวชาญอีกหกภาษา  ส่วนวิชาศิลปะสอนโดยอาจารย์หนิงหย่วน  วิชาขับร้องนาฏศิลป์สอนโดยอาจารย์กงซุนนอกจากนี้ ข้ายังสนใจเรื่องเครื่องจักรกลและค้นคว้าแก่นพลังวิญญาณด้วย...”

ทั้งสามคน ถังเทียน หลิงซิ่วและปิงตะลึงกับสิ่งที่เขาได้ยิน

“นับเลขได้ถึงร้อย  เจ้าทำได้หรือยัง?”ถังเทียนหันไปถามหลิงซิ่ว

หลิงซิ่วทำสีหน้าฉงน  “มันอะไรกันเหรอ?  วิชาหอกใช่ไหม?”

ถังเทียนถอนหายใจโล่งอก และแตะไหล่ของหลิงซิ่ว พูดด้วยความเศร้าใจ“เจ้า..ไม่โดดเดี่ยว..เดียวดายแล้ว”

เด็กหญิงน้อยพูดด้วยความผ่อนคลายมากขึ้น “บอกตามตรงเลยนะ ชะตาของพวกเจ้าในตอนนี้อยู่ในสถานะอันตรายมาก”

“เฮอะ!”  ถังเทียนแค่นเสียง  “อย่ามาอำกันดีกว่า”

“ความยุติธรรมต้องอยู่เหนือความชั่วร้าย”  หลิงซิ่วเต็มไปด้วยความชอบธรรม

ปิงขยับตัวไปด้านข้างอย่างเงียบเชียบ เพื่อทอดระยะห่างจากทั้งสองคน

“แม้ว่าข้าจะเพิ่งได้ยินมาไม่มาก แต่ข้าก็ยังสามารถประเมินสถานการณ์ของตระกูลกู้ในตอนนี้ได้ เห็นได้ชัดว่ากลุ่มสวี่ซื่อมาที่ตระกูลกู้ด้วยแรงบันดาลใจบางอย่างแน่นอน  แต่ข้าเชื่อว่าพวกเจ้ายังไม่พบเจตนาที่แท้จริงของพวกเขา และผู้เฒ่าหวี่ก็พยายามจะวางอำนาจและศักดิ์ศรีของเขาอย่างเห็นได้ชัด  ตอนนี้ที่ทั้งสองฝ่ายตั้งเผชิญหน้ากัน  ชนวนของเรื่องทั้งหมดนี้ก็คือตระกูลกู้  ที่นี่มีอันตรายอยู่สองรูปแบบ  ประการแรกก็คือผู้เฒ่าหวีหรือใครก็ตามที่พยายามยืนหยัดเพื่อตระกูลกู้ มีเจตนาไม่ดี  ถ้าข้าเป็นผู้เฒ่าหวี  นอกจากสร้างศักดิ์ศรีให้ตนเองแล้วข้าจะฉวยโอกาสฮุบกลืนตระกูลกู้ ตระกูลกู้อ่อนแอและถูกรุมล้อมทุกด้าน เป็นแค่ห่านทองตัวหนึ่ง แล้วทำไมไม่ฉวยโอกาสนี้ฮุบกลืนพวกเขาเสียเล่า? นอกจากนี้อย่าลืมว่าเจ้าเองก็เป็นตัวจุดชนวน, คนเก่ง!  ถ้าเขาต้องการควบคุมสถานการณ์  เขาจะต้องควบคุมตระกูลกู้ให้ได้ก่อน  เผื่อว่าเกิดเหตุฉุกเฉินไม่คาดคิด”

แววเยาะเย้ยปรากฏบนใบหน้าของเด็กหญิง ทำให้หัวใจถังเทียนตกวูบ แต่เขายังทำปากแข็ง “นั่นขึ้นอยู่กับว่าเราจะเห็นด้วยหรือไม่”

“พวกเจ้าน่ะเหรอ?” เด็กหญิงยังคงเยาะเย้ยต่อไป “ไม่ใช่ว่าข้าดูถูกพวกเจ้าหรอกนะ ผู้เฒ่าหวี่มีเบื้องหลังที่แข็งแกร่ง สิ่งนี้เรียกว่าอำนาจ เจ้ารู้ไหมว่าหมายความว่าไง? เมื่อมีอำนาจมีอิทธิพล  พวกเจ้าก็ไม่มีทางหยุดเขาได้  เขาก็แค่สุ่มหาคนสองสามคนมาฆ่าเจ้า  แล้วตระกูลกู้จะทำอะไรได้?  พวกเจ้าน่ากลัวก็จริง  แต่อีกฝ่ายมีคนมาก  เมื่อมีบุคคลลึกลับเอ่อ..พวกเขาก็หาข้ออ้างผลักไสไปให้กลุ่มสวี่ซื่อ เรื่องแบบนี้ ต้องทำโดยกลุ่มสวี่ซื่ออย่างมิต้องสงสัย!  ดังนั้นนี่จะเป็นการสร้างความขัดแย้งครั้งใหม่”

ถังเทียนมือเท้าเย็นเฉียบ  แม้ว่าเขาจะไม่ฉลาดเฉียบแหลม  แต่ก็สามารถแยกแยะได้  เด็กหญิงพูดถูก  เขาสงบลง “อย่างอันตรายอย่างที่สองคืออะไร?”

เด็กหญิงรู้ว่าคำพูดของเธอทำให้ถังเทียนฉุกคิด จึงถอนหายใจโล่งอก และพูดต่ออย่างใจเย็น  อันตรายอย่างที่สองเจ้ายังไม่พบเจตนาของกลุ่มสวี่ซื่อ ถ้าเจตนาของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกัน ก็จะไม่มีเรื่องให้ขัดแย้ง ดังนั้นทั้งสองฝ่ายก็จะสมานฉันท์กันได้ แล้วจากนั้นตระกูลกู้จะตกเป็นแพะรับบาป”

ถังเทียนลิ้นแข็ง ถึงกับพูดติดอ่าง “ตะตะตระกูลกู้ มะ..มะ..มีอะไรให้กะ..กลุ่มสวี่ซื่อต้องอิจฉาเหรอ?”

เด็กหญิงหัวเราะเยาะ “ใครจะรู้กันเล่า, บางทีอาจเป็นสาวงามคนนั้น ฟังจากเสียงอย่างเดียวข้ารู้ว่านางต้องเป็นคนงาม”

หน้าของถังเทียนเขียวคล้ำ และถลึงมองเด็กหญิง “ถ้าเจ้าไม่อยากเจ็บตัว เจ้าเลิกล้อเล่นเรื่องแบบนี้ดีกว่า”

เด็กหญิงรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ถังเทียนที่อยู่ต่อหน้าเธอ เป็นเหมือนสัตว์ป่าที่อันตราย

คนผู้นี้เหมาะสมแล้วกับหน้ากากอุรังอุตัง..

เมื่อเธอรู้อย่างนี้ เธอจึงเปลี่ยนหัวข้อทันที “เจ้าต้องการรู้วิธีจัดการกับเรื่องเหล่านี้ไหม?”

ความสนใจของถังเทียนเปลี่ยนไปจริงๆ “แล้วข้าจะจัดการกับพวกเขาได้ยังไง?”

เด็กหญิงแสดงท่าทีสบายใจ “ความจริงก็ง่ายมากก็ให้ตระกูลกู้ออกมาจากการใช้ผู้เฒ่ากู้เป็นเกราะกำบังต่อสายตาของทุกคนเพื่อที่ทุกอย่างจะได้มองเห็นได้ชัด ใครก็ตามที่ต้องการสยายกรงเล็บของพวกเขาก็จะต้องมีข้อหวั่นใจ  เป็นไปไม่ได้ที่ผู้เฒ่าหวี่จะไม่ถอนตัว”

ถังเทียนกระจ่างทันทีและตบหัวตัวเองด้วยความตื่นเต้น  “วิธีง่ายๆ อย่างนี้ทำไมข้าถึงคิดไม่ออกกันนะ”

เด็กหญิงมีท่าทีหยิ่งอีก  “เรื่องง่ายๆอย่างนี้.. อู.. อู..”

เศษผ้าถูกยัดใส่ปากเธอมากกว่าเดิม ตาของเธอเบิกกว้างถลึงมองถังเทียนอย่างดุร้าย

ถังเทียนยิ้มไร้เดียวสา ลูบศีรษะเธอและพูดปะเหลาะ “สาวน้อยอัจฉริยะ  ข้าจะลองวิธีการของเจ้าก่อนถ้าพิสูจน์ว่าได้ผล ข้าจะกลับมาขอบคุณเจ้า”

“อูววว... อูว.... อู......”

เด็กหญิงร้องด้วยความโกรธก่อนจะถูกขังอยู่ในตู้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด