886 - ความล้มเหลวที่น่าเสียดาย
886 - ความล้มเหลวที่น่าเสียดาย
“บูม”
ความว่างเปล่าพังทลายลงและโลกก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ในช่วงครึ่งหลังของคืนฮั่วอวิ๋นเฟยและหลี่เสี่ยวม่านต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส
จนถึงตอนนี้ฮั่วอวิ๋นเฟยไม่กล้าที่ใช้ทักษะฟื้นฟูของเขาอีกต่อไป มิฉะนั้นต้นกำเนิดของเขาจะเหือดแห้งและเขาจะต้องพบเจอกับหายนะอย่างแน่นอน
หลี่เสี่ยวม่านเสียเลือดไปมาก นางได้รับบาดเจ็บสาหัสและพลังต่อสู้ของนางก็ได้รับความเสียหายไม่น้อย กระแสน้ำวนสีทองสามร้อยหกสิบห้าดวงก็จางลงทั้งหมด
เย่ฟ่านก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน แต่พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาไม่เคยเหือดแห้ง พลังการต่อสู้ของเขาไม่เคยลดลง เขาต่อสู้อย่างกล้าหาญมากขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดก็สามารถเตะคนทั้ง 2 ให้กระเด็นออกไปด้านข้าง
“แครก”
ฮั่วอวิ๋นเฟยลอยละลิ่วออกไปเหมือนหุ่นไล่กา ไหล่ขวาและแขนทั้งหมดของเขากลายเป็นหักเสียรูป กระดูกอกยุบลงและซี่โครงก็หักไปหลายท่อน
“ปัง”
ดอกบัวสีน้ำเงินพุ่งออกมาจากแผนภาพหยินหยาง ซึ่งมีต้นกำเนิดจากทะเลแห่งความทุกข์ของเย่ฟาน และพุ่งเข้าใส่ร่างของหลี่เสี่ยวม่านโดยต้องการจะบดขยี้กระดูกหน้าอกของหญิงสาวให้แหลกละเอียด
“ถึงเวลาที่พวกเจ้าต้องตายแล้ว”
เย่ฟ่านมั่นใจมากว่าเขาสามารถฆ่าทั้งสองคนได้ แต่หากทั้งสองคนหลบหนีไปคนละทางเขาคงทำได้เพียงไล่ล่าคนใดคนหนึ่งเท่านั้น
“รักษาร้างกายนี้ไว้ให้ดี วันข้างหน้าข้าจะเอาร่างศักดิ์สิทธิ์ของเจ้ามากลั่นมันในหม้ออย่างแน่นอน!” ฮั่วอวิ๋นเฟยส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธและพุ่งทะยานกลับไปทางด้านหลังทันที
หลี่เสี่ยวม่านไม่ได้กล่าวอะไร กระแสน้ำวนสีทองบนพื้นผิวร่างกายของนางกำลังหมุนวนเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีทองกะพริบ นางจ้องมองเย่ฟ่านเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นจึงหันหลังและจากไปเช่นกัน
อย่างไรก็ตามมีหรือที่เย่ฟ่านจะปล่อยให้พวกเขารอดชีวิตได้ เขาไล่ล่าไปโดยไม่มีความเมตตาแม้แต่น้อย
บูม!
การต่อสู้คงดำเนินต่อไป ฮั่วอวิ๋นเฟยกระอักเลือดอีกครั้ง ชุดเกราะดอกบัวของหลี่เสี่ยวม่านก็ถูกทำลาย และร่วงหล่นกลายเป็นฝุ่น
เย่ฟ่านยังคงเฉยเมย เขาไม่กล่าวอะไรมากและพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง
การไล่ล่านับพันลี้ทำให้เกิดการผันผวนของพลังศักดิ์สิทธิ์ ทั้งสามคนต่อสู้ขณะที่อีกฝ่ายกำลังจะหนี อีกฝ่ายก็ตามประชิด เหตุการณ์เช่นนี้ดำเนินไปอย่างยาวนานและแทบจะคว่ำดินแดนรกร้างให้กลายเป็นที่ราบทั้งหมด
เส้นผมของฮั่วอวิ๋นเหยยุ่งเหยิงไร้ความสง่างาม เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส กระดูกของเขาหักหลายแห่ง เช่นเดียวกับหลี่เสี่ยวม่านอวัยวะภายในทั้งห้าของนางบาดเจ็บ และร่างกายของนางเต็มไปด้วยเลือดสีแดง
ในทางกลับกัน เย่ฟ่านก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันมากนัก เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส และเขาต้องจ่ายราคาที่สูงมากสำหรับการต่อสู้ครั้งนี้
ฮั่วอวิ๋นเฟยใช้ทักษะเฟิ่งหวงสามครั้งเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บอย่างต่อเนื่องและหลบหนีข้ามความว่างเปล่าไปหลายครั้ง
แต่เย่ฟ่านก็มีทักษะการเคลื่อนไหวที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน เขาจึงไล่ตามทันตลอดทาง และเป็นการยากที่จะสลัดคนคนนี้ให้พ้นทางได้
ในเวลานี้ฮั่วอวิ๋นเฟยสูญเสียความสงบไปแล้ว หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปต้นกำเนิดของเขาจะเหือดแห้งและชีวิตอาจจะถึงจุดจบได้ในไม่ช้า
ยกเว้นเก้าญาณวิเศษลึกลับ เย่ฟ่านไม่มีทักษะลับระดับจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่อื่นใด เพราะสิ่งเหล่านี้ถูกบันทึกไว้ในบทต้องห้ามของคัมภีร์โบราณหลายเล่ม และเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะได้รับมันมา
อย่างไรก็ตามเพียงแค่เก้าญาณวิเศษลึกลับของเขาก็เพียงพอที่จะทำให้เย่ฟ่านอยู่ยงคงกระพันแล้ว!
“บูม”
ร่างของเขากลายเป็นสายรุ้งสีทอง นี่เป็นโอกาสที่ดีในการโจมตี ปลิดชีวิตของฮั่วอวิ๋นเฟย ไม่ว่าคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังจะต่อสู้อย่างไรเขาก็ไม่สามารถหยุดได้แล้วในตอนนี้
“แค่ก”
ฮั่วอวิ๋นเฟยกระอักเลือดออกมา ร่างกายของเขาเกือบจะแตกสลายด้วยนิมิตลึกลับ จากนั้นเย่ฟานก็เคลื่อนไหวมุ่งเข้าสังหารอย่างต่อเนื่อง ขับเคลื่อนนิมิตลึกลับให้เดินหน้าโจมตีต่อ
“ปัง”
ครึ่งร่างของฮั่วอวิ๋นเฟยถูกบดขยี้เป็นเนื้อบด ชิ้นส่วนกระดูกกระเซ็นออกไป ฉากนี้เต็มไปด้วยเลือด เขาคำรามด้วยความเจ็บปวดและถอยห่างออกไปหลายพันจั้ง
เย่ฟ่านเริ่มโจมตีหลี่เสี่ยวม่านซึ่งอยู่ใกล้แค่เอื้อม อย่างไรก็ตามในช่วงเวลานั้นหญิงสาวได้เรียกกระแสน้ำวนสีทองออกมาและก้าวเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว
“ปัง” “ปัง”
เย่ฟ่านไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย เขาโจมตีอย่างต่อเนื่องและในที่สุดก็ทะลวงผ่านการป้องกันได้กระแสน้ำวนสีทองด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้
“อา”
ร้างของหลี่เสี่ยวม่านลอยละลิ่วกลับไปทางด้านหลัง หน้าอกและท้องของนางถูกฝ่ามือกระแทกอวัยวะภายในและละเอียด อย่างไรก็ตามดวงตาของนางยังคงเบิกกว้างเต็มไปด้วยความโกรธแค้นอย่างถึงที่สุด
“บูม”
หลังจากที่เย่ฟ่านริเริ่มโจมตีอย่างหนักโดยไม่คำนึงถึงอาการบาดเจ็บของตัวเองกระแสการสู้รบก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและคู่ต่อสู้ทั้งสองก็แทบจะไม่สามารถประคองร่างกายของตัวเองต่อไปได้
“บูม”
ฮั่วอวิ๋นเฟนถูกโจมตีอีกครั้งร่างของเขาปลิวออกไปราวกับหุ่นไล่กา หลังจากสูญเสียร่างกายไปครึ่งหนึ่ง พลังการต่อสู้ของเขาก็ไม่ดีเท่าเมื่อก่อน และเขาไม่กล้าที่จะใช้ทักษะการฟื้นฟูอีกต่อไป
สถานการณ์ของหลี่เสี่ยวม่านยิ่งเลวร้ายมากกว่า หลังจากโดนฝ่ามือของเย่ฟ่านกระแทกที่บริเวณหน้าท้องกระแสน้ำวนสีทองของนางก็มืดสลัวลงทันที
ถ้าไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของราชาคอยคุ้มครอง ชีวิตของคนสองคนนี้คงตกอยู่ในอันตรายและยากจะรอดพ้นจากหายนะได้ ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังคงถูกโจมตีซ้ำๆ และไม่มีทีท่าว่าจะหนีรอดได้เลย
เย่ฟ่านใช้ทุกทักษะทุกวิถีทางของเขา เท้าสีทองขนาดใหญ่ก้าวลงมาจากท้องฟ้า เกือบจะเหยียบฝ่ายตรงข้ามให้แนบสนิทลงกับพื้น
ทั้งสองรู้สึกอัปยศอย่างมาก ในที่สุดฮั่วอวิ๋นเฟยก็พบโอกาสอีกครั้ง และกล่าวว่า
“ไป!”
พวกเขาข้ามความว่างเปล่าและหายไปในเทือกเขานี้ เย่ฟ่านยังคงเฉยเมย ไล่ตามพวกเขาไปอย่างใกล้ชิดโดยใช้ค่ายกลที่จักรพรรดิดำมอบให้ติดตามคู่ต่อสู้ทั้งสองอย่างไม่ลดละ
ที่แห่งนี้เป็นเทือกเขาที่เงียบสงบอีกลูกหนึ่งโดยมีดวงจันทร์สว่างไสวห้อยอยู่สูง การตามล่าเริ่มขึ้นอีกครั้งแต่ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติ
ทันใดนั้น มีกลิ่นอายแปลก ๆ ปรากฏขึ้น เย่ฟ่านรีบมองกลับไปอย่างระแวดระวัง
ในเวลาเดียวกันฮั่วอวิ๋นเฟยและหลี่เสี่ยวม่านก็หน้าซีดลง พวกเขาถอยกลับเพราะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เป็นอันตราย
ในระยะไกล ภูเขาโบราณแยกออก ร่างสีม่วงสูงไม่เกินหนึ่งจั้งขับรถศึกสีทองออกมาจากทิศทางอื่น นักบวชชราที่ปกคลุมไปด้วยผิวหนังและกระดูกราวกับว่าหล่อด้วยทองคำก็บินผ่านไปเช่นกัน
เย่ฟ่านเป็นคนแรกที่หันหลังจากไปอย่างรวดเร็ว เขาเคยเห็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวทั้งสองนี้มาก่อน ไม่คิดว่าหลังจากที่เขาปล้นไขกระดูกของปีศาจเฒ่าเหล่านี้ฝ่ายตรงข้ามจะยังแกะรอยเขามาถึงที่นี่ได้
ฮั่วอวิ๋นเฟยและหลี่เสี่ยวม่านก็หนีไปเช่นกัน ก็เขารู้จักสัตว์ประหลาดโบราณเหล่านี้เช่นกัน ดังนั้นเพียงปรากฏกลิ่นอายของพวกมันขึ้นทั้งสองคนก็รีบหลบหนีด้วยความหวาดกลัว
“บูม!”
นักบวชชราส่งเสียงคำราม ในขณะที่ยื่นฝ่ามืออันเหี่ยวย่นของตัวเองไล่ล่าเย่ฟ่านโดยตัดผ่านความว่างเปล่าราวกับสายฟ้า
เย่ฟ่านไม่รู้ว่าเขากระโดดข้ามภูเขาไปกี่ลูก เขาเดินทางหลายหมื่นลี้จนในที่สุดก็สามารถหลีกเลี่ยงการไล่ล่าของนักบวชร่างสีทองคนนั้นได้สำเร็จ
หลังจากวิ่งมาเป็นเวลาครึ่งคืนในที่สุดเขาก็ค้นพบถ้ำโบราณแห่งหนึ่งที่มีกลิ่นในลึกลับถูกปลดปล่อยออกมา เย่ฟ่านรีบบินเข้าไปในถ้ำและเริ่มรักษาอาการบาดเจ็บของตัวเองอย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนยากที่จะฟื้นคืนได้ อย่างไรก็ตามเขามีร่างกายที่แข็งแกร่งทั้งยังมีไขกระดูกมังกรระดับสูงสุดอีกมากมาย ดังนั้นด้วยทุกสิ่งทุกอย่างเขาจึงสามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อแสงอาทิตย์ส่องสว่างขึ้นอีกครั้ง เย่ฟ่านก็ลืมตาตื่นขึ้นและอาการบาดเจ็บมากมายบนล่างของเขาได้ถูกลบล้างออกไปโดยสิ้นเชิง
ในเช้าที่เงียบสงบเย่ฟ่านยืนอยู่บนภูเขา ขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากการต่อสู้ครั้งใหญ่ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถฮั่วอวิ๋นเฟยและหลี่เสี่ยวม่านได้สำเร็จซึ่งทำให้เขาโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด
“อีกสิบปีข้างหน้าจะมีกี่คนที่สามารถควบคุมพวกเขาได้”
นี่เป็นศัตรูที่ไม่เคยมีมาก่อน เขารู้สึกว่าคนเหล่านี้จะกลายเป็นศัตรูอันยิ่งใหญ่ของเขาอย่างแน่นอน
“ไม่ว่าพวกเข้าจะทรงพลังเพียงใดข้าก็ต้องฆ่าพวกเขาให้ได้!” เย่ฟานกล่าวกับตัวเอง
“พวกเขาเดินตามรอยของจักรพรรดิกลืนสวรรค์ดังนั้นการจะแกะรอยค้นหาพวกเขาก็ไม่นับเป็นปัญหาอย่างไรเลย”
เย่ฟ่านเชื่อว่าแม้ว่าขอเพียงเขาติดตามร่องรอยของยอดฝีมือระดับแปรงมังกรที่หายสาบสูญอย่างไร้ร่องรอยในช่วงนี้เขาย่อมสามารถติดตามคนทั้งสองได้!