บทที่ 422: ข้ามีคำถาม
บทที่ 422: ข้ามีคำถาม
ก่อนที่ลู่เสี่ยวหรันจะทันได้พูดอะไรอีก อีกฝ่ายก็ยิ้มและพูดกับเขาว่า “ในที่สุดเราก็ได้พบกัน”
ลู่เสี่ยวหรันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เจ้าคือคนที่ฆ่าผู้อาวุโสเทียนจีใช่ไหม?”
อีกฝ่ายยิ้มกริ่ม
“ถูกต้อง ข้าคือคนที่ฆ่าเทพธิดาปี่เซียวจริงๆ อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นนางก็ได้ถูกปราชญ์ทุบตีจนถือได้ว่าตายไปตั้งนานแล้ว สิ่งที่ข้าทำนั้นไม่ได้ต่างอะไรไปจากการปลดปล่อยนางจากพันธนาการเลย”
ดวงตาของลู่เสี่ยวหรันทั้งดูเย็นชาและดูหวาดกลัวอีกฝ่ายมากขึ้น
อีกฝ่ายสามารถบอกตัวตนที่แท้จริงของผู้อาวุโสเทียนจีได้ในทันที ดังนั้นตัวตนของอีกฝ่ายจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน และเมื่อรวมเข้ากับการฝึกตนของเขาแล้ว เขาก็จะต้องเป็นตาเฒ่าลามกที่ทรงพลังอย่างแน่นอน!
นี่มันไม่สมเหตุสมผลไปหน่อยหรอ?
นี่มันไม่ใช่ตัวเอกธรรมดาแล้ว นี่มันตัวเอกในตอนจบแล้ว!
แม้แต่เต๋าสวรรค์ก็ยังไม่สามารถปิดกั้นเขาได้!
หลังจากหายใจเข้าลึกๆ ลู่เสี่ยวหรันก็พูดต่อว่า “เจ้าเป็นใครกันแน่”
ชายชรายังคงรักษารอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเอาไว้
“เจ้าไม่รู้หรอว่าหากข้าเปิดเผยตัวตนของข้า ข้าก็จะต้องถูกหมายหัวน่ะ?”
“ดังนั้นสิ่งที่ข้าควรทำมากที่สุดก็คือการฆ่าเจ้าในทันทีโดยไม่พูดอะไร!”
ลู่เสี่ยวหรัน: “…”
ชายชราผู้นี้ไม่เพียงแต่จะทรงพลังเท่านั้น แต่เขายังหัวหมอมากอีกด้วย!
หากไม่ใช่เพราะเขามีแผนสำรอง เขาก็คงจะต้องตายแน่ในวันนี้
ในขณะนี้ ซิงหยุนก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก เขารู้ว่าเขาไม่สามารถฆ่าลู่เสี่ยวหรันได้อีกต่อไปแล้ว
นี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่เขาจะสามารถเข้าร่วมได้
เขากวาดสายตามองไปทางอื่น ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนทั้งสิบได้ถูกร่างแยกของลู่เสี่ยวหรันสังหารลงจนหมดแล้ว
สำหรับลูกประคำของเขา มันก็ไม่สามารถทำอะไรหยุดหลี่เกอและคนอื่นๆ ได้เลย
เขาไม่สามารถอยู่รอความตายได้อีกต่อไปแล้ว
หลังจากหายใจเข้าลึกๆ เขาก็ป้องมือไปทางชายชรา
“ผู้อาวุโส ข้าไม่รู้ว่าลู่เสี่ยวหรันเป็นเหยื่อของท่าน ข้าประเมินตัวเองสูงเกินไป ผู้อาวุโสโปรดยกโทษให้ข้าด้วย”
“ข้าจะไปแล้ว หากผู้อาวุโสต้องการจะคุยกับข้า ท่านก็สามารถมาที่ภูเขาวิญญาณได้ พวกเราจะต้อนรับท่านเป็นอย่างดีแน่นอน”
ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็หันหลังกลับและวิ่งหนีออกไปในทันที
ในขณะเดียวกัน ชายชราก็ไม่ได้มองไปที่เขาและทำเพียงคว้าไปที่ความว่างเปล่า
เพล้ง!
ออร่าที่น่าสะพรึงกลัวจนทำให้จิตใจสั่นไหวได้ปะทุขึ้นบนท้องฟ้าในทันที มันทำลายพื้นที่มิติและความว่างเปล่าขนาดใหญ่ในทันทีและคว้าคอซิงหยุนเอาไว้!
ทุกคนตกตะลึงเมื่อเห็นฉากที่น่าสะพรึงกลัวนี้!
นี่เป็นเรื่องตลกรึเปล่า?
ซิงหยุนได้หลบหนีเข้าไปในความว่างเปล่าแล้ว แต่ถึงกระนั้น อีกฝ่ายก็ยังสามารถจับตัวเขาได้?
เป็นไปได้ไหมว่านี่คือการดำรงอยู่ที่แม้แต่เซียนเช่นพระพุทธเจ้าใหญ่ซิงหยุนก็ยังหวาดกลัว?
ในขณะนี้ ทุกคนต่างก็รู้สึกหมดหนทาง
มือใหญ่ของอีกฝ่ายจับคอของซิงหยุนเอาไว้แน่น สิ่งนี้ทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียวทีละน้อย เขาพยายามดิ้นรนในมือของอีกฝ่ายและหวาดกลัวเหมือนกับหนอน
“ผู้อาวุโส… ผู้อาวุโส… โปรดไว้ชีวิตข้า… ข้า… ข้า… ข้ามาจากนิกายพุทธ…”
แคร็ก!
ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ อีกฝ่ายก็หักคอของเขาเรียบร้อยแล้ว
ถูกต้อง เขาหักคอของซิงหยุน!
“เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวนิกายพุทธรึไง?”
จากนั้นเขาก็โยนศพของซิงหยุนทิ้งลงไป ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาก็ไม่สนใจแม้แต่จะมองอีกฝ่ายเลย
ในขณะนี้ ซิงหยุนก็หยุดหายใจแล้วและมีสภาพไม่ต่างอะไรไปจากปลาที่ตายแล้ว
เมื่อเห็นฉากนี้ หลงกวงก็พุ่งตรงไปข้างหน้าเพื่อคว้าลูกประคำมาเป็นของตน
“ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านอาจารย์ลุง ลูกประคำเหล่านี้เป็นของนิกายพุทธ พวกมันไร้ประโยชน์สำหรับท่าน ดังนั้นข้าขอมันนะ”
หยุนหลี่เกอไม่ได้สนใจจริง เขาทำเพียงแค่พยักหน้าให้อีกฝ่าย
นอกจากนี้ หลังจากปลุกความทรงจำจากชีวิตก่อนหน้านี้แล้ว สมบัติวิญญาณก่อกำเนิดก็ไม่สามารถยั่วกิเลสในใจเขาได้อีกต่อไป
ในขณะนี้ ความสนใจทั้งหมดของเขาก็พุ่งตรงไปที่ชายชรา
เขาจ้องไปที่อีกฝ่ายและกระซิบกับจื่ออู๋เซียกับคนอื่นๆ
“พวกเจ้าระวังตัวด้วย พาคนอื่นๆ ถอยไปก่อน ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา เขาไม่ง่ายที่จะรับมือ!”
ดวงตาของจื่ออู๋เซียดูเย็นชา
“แล้วท่านล่ะ?”
“ข้าไม่เป็นไร การฝึกตนของข้าได้มาถึงขอบเขตราชันเทพแล้ว นอกจากนี้ หากข้าตาย ท่านอาจารย์ก็ยังสามารถชุบชีวิตข้าได้ แต่คนอื่นๆ นั้นไม่สามารถทำได้”
จื่ออู๋เซียกัดฟัน นี่นับเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่นิกายนิรนามเคยประสบมา
อย่างไรก็ตาม เธอก็รู้ดีว่าต่อให้เธอจะอยู่ต่อ แต่เธอก็จะยังไม่สามารถช่วยอะไรลู่เสี่ยวหรันได้อยู่ดี
หลังจากหายใจเข้าลึกๆ เธอก็รีบนำคนอื่นๆ ถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว
ชายชราเคราขาวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้จื่ออู๋เซียและคนอื่นๆ หนีออกไป
เขายกมือขึ้นเล็กน้อยและโยนถั่วสีทองสองสามเม็ดมาออกจากแขนเสื้อ ในวินาทีถัดมา พวกมันก็กลายเป็นทหารสวรรค์ขอบเขตเซียนสวรรค์
ทันทีที่ทหารสวรรค์เหล่านี้ปรากฏตัวขึ้น พวกมันก็พุ่งออกไปล้อมรอบจื่ออู๋เซียและคนอื่นๆ เอาไว้ในทันที
“บัดสบ!”
ลู่เสี่ยวหรันถ่มน้ำลายและโยนยาปลอมเซียนไปให้กับหยุนหลี่โดยตรง
“หลี่เกอ! ใช้สิ่งนี้!”
“เข้าใจแล้ว!”
หลี่เกอกลืนมันเข้าไปในทันที จากนั้นระดับการฝึกตนของเขาก็ได้พุ่งขึ้นไปถึงขอบเขตเซียนในทันที
นอกจากนี้ ลู่เสี่ยวหรันก็ยังได้มอบค่ายกลดาบสังหารเซียนและดาบเซียนทั้งสี่เล่มให้กับหลี่เกอ
หลังจากได้รับค่ายกลดาบสังหารเซียนมาแล้ว ออร่าของหยุนหลี่เกอก็พุ่งสูงขึ้นไปอีก
หยุนหลี่เกอซึ่งแต่เดิมเปี่ยมล้นไปด้วยออร่าสังหารเริ่มมีเมฆหมอกสีดำเลือดห่อคลุมรอบตัวเขา
ทันทีหลังจากนั้น หยุนหลี่เกอก็ใช้ค่ายกลดาบสังหารเซียนและจัดการกับทหารสวรรค์
เมื่อเห็นฉากนี้ ลู่เสี่ยวหรันก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
สำหรับชายชราเคราขาว เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกใจเมื่อเห็นการแสดงของหยุนหลี่เกอ
อย่างไรก็ตาม ครู่ต่อมา สีหน้าของเขาก็กลับมาเป็นปกติ
“ดูจากออร่านี้แล้ว มันก็มีเพียงบรรพบุรุษอสูรราหูเท่านั้นที่สามารถปลดปล่อยพลังออกมาถึงระดับนี้ได้ ถูกไหม?”
“อย่างไรก็ตาม ข้าก็แปลกใจเล็กน้อยนะที่เขากลายมาเป็นลูกศิษย์ของเจ้าได้”
หัวใจของลู่เสี่ยวหรันสั่นสะท้าน อีกฝ่ายรู้จักตัวตนของหยุนหลี่เกออย่างงั้นหรอ?
ราวกับสัมผัสได้ถึงความประหลาดใจของลู่เสี่ยวหรัน อีกฝ่ายก็ยิ้มขึ้นอีกครั้ง
“ไม่จำเป็นต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้ พูดตามตรง ข้าเองก็ถือได้ว่าเป็นตัวเอกเหมือนกันนะ อันที่จริงแม้แต่หงจุนเองก็ยังถือว่าเป็นตัวเอกเช่นกัน”
“บนโลกใบนี้ ถ้าคนๆ หนึ่งไม่ใช่ตัวเอก มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะประสบความสำเร็จในชีวิต จริงไหม?”
“ตัวเอกทุกคนล้วนมีภารกิจเป็นของตัวเอง และเมื่อภารกิจนั้นถึงจุดสิ้นสุด นั่นก็หมายความว่าความสำเร็จของตัวเอกคนนั้นจะหยุดอยู่แค่นั้น”
“ถ้าเจ้าต้องการที่จะเดินหน้าต่อไป เจ้าก็จำเป็นจพต้องกลืนกินโชคของตัวเอกคนอื่นๆ”
ในขณะที่เขาพูด เขาก็ได้ดูดเอาพลังแห่งโชคออกมาจากร่างกายของซิงหยุน
ลู่เสี่ยวหรันจ้องไปที่อีกฝ่ายอย่างแน่วแน่
“ข้ามีข้อสงสัย ในเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ทำไมเจ้าถึงไม่ไปดูดเอาโชคของคนอื่นมาล่ะ? ทำไมเจ้าถึงต้องมุ่งเป้ามาที่ข้าด้วย?”
ชายชราเคราขาวยิ้มกว้างเล็กน้อย
“เจ้ากำลังพยายามหลอกเอาข้อมูลจากข้าหรอ? แต่ก็เอาเถอะ มันไม่มีอะไรเสียหายที่จะบอกเจ้า ตัวเอกของโลกเบื้องล่างและโลกศักดิ์สิทธิ์นั้นล้วนถูกสร้างขึ้นมาโดยบรรพบุรุษเต๋า โชคของพวกเขานั้นเป็นสิ่งที่แตกต่างจากเรา ดังนั้นข้าจึงต้องเล็งเป้าหมายมาที่เจ้า”
“นอกจากนี้ ด้วยโชคของข้าในตอนนี้ ความสำเร็จของข้าก็จะยังไม่มีทางเหนือกว่าบรรพบุรุษเต๋าได้ ข้าไม่สามารถกลายเป็นปราชญ์ได้!”
“ อย่างไรก็ตาม เจ้านั้นก็แตกต่างออกไป!
“เจ้าคือการกลับชาติมาเกิดของผานกู่ ถ้าข้าสามารถกลืนกินโชคของเจ้าได้ แล้วใครบนโลกใบนี้จะสามารถหยุดข้าได้อีก?”
“แม้แต่หงจุนก็จะยังเป็นเพียงมดเมื่ออยู่ต่อหน้าข้า!”
“เจ้าเองไม่คิดแบบนั้นหรอ?”
ลู่เสี่ยวหรันเงียบไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเตรียมพร้อมที่จะโจมตี หัวใจของเขาก็รู้สึกราวกับว่ามีพายุกำลังก่อตัวขึ้น
เขายื่นมือขึ้นในทันที
“ช้าก่อน ก่อนที่เจ้าจะโจมตี ข้ามีคำถามอยู่ข้าหนึ่ง”
อีกฝ่ายอึ้งเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า
“ว่ามา”
“ข้าอยากจะถามว่าแม้แต่ถงเทียนก็ยังไม่รู้จักตัวตนของข้าและคิดเพียงว่าข้าเป็นอัจฉริยะที่เขาสร้างขึ้น แบบนั้นแล้ว เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าเป็นการกลับชาติมาเกิดของผานกู่?”
อีกฝ่ายยิ้มกริ่ม
“น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม ทำไมเจ้าไม่ลองเดาดูก่อนล่ะว่าเจ้าคิดว่าข้าจะบอกเรื่องนั้นให้เจ้ารู้หรือไม่?”