ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 118 ผลประโยชน์ที่น่าพอใจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 120 หอเมฆาพิรุณ

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 119 เจตนาสังหารที่ซ่อนอยู่


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 119 เจตนาสังหารที่ซ่อนอยู่

แปลโดย iPAT   

มีอาคารสองชั้นจำนวนมากอยู่บนภูเขา พวกมันกระจายตัวอยู่รอบๆทำให้อาคารเหล่านั้นกลายเป็นสถานที่เงียบสงบ นี่คือที่พักของผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์

เก้อเจี้ยนกล่าว “เมื่อพวกเจ้าเลือกที่พักและจัดการธุระเรียบร้อยแล้ว ข้าจะมารับพวกเจ้าอีกครั้งช่วงเที่ยง”

หลี่ฉิงซานเลือกที่พักที่เงียบสงบที่สุด หลังจากอำลา เก้อเจี้ยนก็เดินจากไป

พุ่มไม้และดอกไม้ถูกปลูกไว้หน้าบ้าน ผีเสื้อโบยบินอยู่รอบๆสร้างเป็นฉากที่งดงามหลังฝนหยุดตก

หลี่ฉิงซานยืนชมอยู่ชั่วครู่ก่อนจะใช้กุญแจเปิดเข้าไปในบ้าน หลังจากข้ามสวนไผ่ เขาก็พบตัวบ้านที่มีห้องรับแขกอยู่ด้านหน้า ด้านหลังเป็นห้องน้ำชาที่เงียบสงบ

ขวดกระเบื้องที่เอวของเขาสั่น หลี่ฉิงซานกล่าว “ออกมาเถอะ เสี่ยวอัน ข้าขังเจ้าไว้นานเกินไปแล้ว!” เมื่อขวดเปิด กะโหลกเล็กๆก็ลอยออกมาก่อนที่กระดูกส่วนต่างๆจะเชื่อมต่อกันเป็นร่างกาย เสี่ยวอันยืนอยู่ด้านหน้าหลี่ฉิงซานและส่ายศีรษะราวกับต้องการบอกว่าไม่เป็นไร

เสี่ยวอันวิ่งไปที่กำแพงและชื่นชมภาพวาดโบราณ

เมื่อหลี่ฉิงซานจับราวบันไดและเดินขึ้นไป เสี่ยวอันรีบติดตามไปไม่ห่าง

บนโต๊ะสี่เหลี่ยมมีกลุ่มควันลอยขึ้นมาจากกระถางธูปรูปนกกระเรียน การตกแต่งและสิ่งของในห้องหรูหราแต่ไม่มากเกินไป

หลี่ฉิงซานเปิดหน้าต่างและมองออกไปด้านนอก สายตาของเขามองผ่านยอดไม้ไปยังเมืองเจียเผิงที่อยู่ด้านล่าง อาคารบ้านเรือนเรียงต่อกันอย่างเป็นระเบียบเหมือนไม้ขีดไฟที่อยู่ในกล่อง แถบสีฟ้าส่องประกายระยิบระยับไหลไปทั่วเมือง มันเป็นแม่น้ำที่ใสสะอาด

หากเปรียบเทียบกับช่วงเวลาที่เขาอาศัยอยู่ในคอกวัว มันแตกต่างราวสวรรค์กับนรก ตอนนี้เขาสามารถใช้ชีวิตเช่นจอมยุทธ์ผู้หนี่งสมควรจะได้รับ หลี่ฉิงซานปิดเปลือกตาและสูดหายใจลึกราวกับเขาต้องการซึมซับอิสรภาพและความสุขทั้งหมดเข้าไป

เสี่ยวอันเอียงศีรษะและมองไปที่หลี่ฉิงซานด้วยเปลวไฟที่ส่องประกายอยู่ในเบ้าตา เขามีความสุขเช่นกัน

หลี่ฉิงซานบอกให้เสี่ยวอันนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นเขาก็เทสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าร้อยสมบัติทั้งสองใบออกมา เขามองผ่านพวกมันอย่างระมัดระวังก่อนจะเผยรอยยิ้มกว้างขณะลูบศีรษะเสี่ยวอัน “เมื่อข้าเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ข้าจะทำงานอย่างหนักและช่วยให้เจ้าบรรลุเป้าหมายอย่างรวดเร็วที่สุด บางทีเจ้าอาจกลายเป็นจอมยุทธ์พลังปราณเช่นกัน ข้าจะต้องทำงานให้หนักขึ้นและรวบรวมเม็ดยามาให้มากขึ้น”

เสี่ยวอันพยักหน้ารับทราบ

สัตว์ประหลาดตัวใหญ่กับโครงกระดูกน้อยวางแผนชีวิตของพวกเขาอย่างจริงจัง พวกเขาเหมือนคนธรรมดามากที่สุดในแง่นี้ ทำงานหนัก เก็บเงิน และแต่งงาน!

เขาเก็บทุกอย่างกลับเข้าไปในกระเป๋าร้อยสมบัติใบใหม่ก่อนจะมอบกระเป๋าร้อยสมบัติใบเก่าให้เสี่ยวอัน “คนละใบ อย่าห่วง ข้าจะหาใบที่ดีกว่านี้ให้เจ้าอย่างแน่นอน!” สิ่งที่ห้อยอยู่ที่เอวของจ้าวจื่อป๋อดูดีไม่น้อย หลี่ฉิงซานอดคิดไม่ได้ว่าวันหนึ่งมันจะลอยมาหาเขา

เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวอันไม่คัดค้านเรื่องนี้ เด็กน้อยรับกระเป๋าร้อยสมบัติใบเก่าและเก็บป้ายไม้บรรพกาลเอาไว้ภายใน

หลี่ฉิงซานอาบน้ำอุ่นอย่างสะดวกสบายและเปลี่ยนชุดเครื่องแบบพร้อมถือดาบวายุ เขาบอกให้เสี่ยวอันเฝ้าบ้านก่อนที่เขาจะออกไป

งานเลี้ยงจัดขึ้นในห้องโถงขนาดใหญ่

จ้าวจื่อป๋อนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหลักโดยมีโต๊ะหลายสิบตัวตั้งอยู่สองข้าง โต๊ะแต่ละตัวมีผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์สองคนประจำอยู่ ตำแหน่งของพวกเขาถูกจัดเรียงตามระดับการบ่มเพาะ

เก้อเจี้ยนตบไหล่หลี่ฉิงซาน “เจ้าต้องอดทน!” เนื่องจากเขาเป็นจอมยุทธ์ขั้นหนึ่ง ระดับการบ่มเพาะของเขาต่ำที่สุด ดังนั้นเขาจึงต้องนั่งที่ปลายสุดของแถว อย่างไรก็ตามทุกคนรู้ว่าความแข็งแกร่งของเขาไม่ด้อยกว่าจอมยุทธ์ขั้นสาม

หลี่ฉิงซานไม่รังเกียจ ทันทีที่เขานั่งลง เขาก็ได้กลิ่นหอมของเฉียนหรงจื่อที่นั่งอยู่ด้านข้าง นางพูดกับเขาด้วยท่าทางเย้ายวนว่า “ข้าอ่อนแอที่สุด มันไม่ยุติธรรมสำหรับเจ้า”

หลี่ฉิงซานสงสัยว่าเหตุการณ์ต่างๆจะเหมือนในนิยายหรือไม่ ยิ่งเขาทำตัวเย็นชา มันก็ยิ่งดึงดูดหญิงงาม อย่างไรก็ตามความคิดนี้ถูกปัดเป่าออกไปในพริบตา เขาไม่สามารถลืมวิธีการที่ทำให้นางบรรลุสิ่งที่นางต้องการได้

แต่เมื่อนางพูดกับเขาอย่างเป็นมิตร เขาก็ไม่สามารถยอมแพ้ต่อบทบาท เขาตอบกลับอย่างเฉยเมยว่า “ดูเหมือนความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งของโลกนี้ มันเหมือนกันทุกที่”

เฉียนหรงจื่อทำตัวราวกับไม่ได้ยินคำพูดเหน็บแนมของเขา นางยังยิ้มต่อไปและดูเหมือนอารมณ์ดีมาก

จ้าวจื่อป๋อมาช้ามาก หลังจากกล่าวคำทักทายตามธรรมเนียม เขาก็แสดงความยินดีกับสมาชิกใหม่ทั้งสามก่อนจะแนะนำผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ที่อยู่ด้านหน้าทีละคน เมื่อรวมกับคนใหม่ทั้งสาม สมาชิกผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ทั้งหมดในเมืองเจียเผิงก็มีสามสิบเอ็ดคน นอกจากไม่กี่คนที่กำลังปิดประตูบ่มเพาะหรือออกไปทำภารกิจ คนที่เหลือล้วนอยู่ที่นี่

จ้าวจื่อป๋อยกถ้วยสุราขึ้นและแสดงความยินดีกับคนทั้งสามอีกครั้ง ไม่ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเย็นชาและหยิ่งยโสมากเพียงใดแต่ตอนนี้ทุกคนล้วนเป็นเพื่อนร่วมงาน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถทะเลาะเบาะแว้ง อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็ไม่สามารถแสดงความขุ่นเคืองออกมามากเกินไปและต้องให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกัน แน่นอนว่าการสนับสนุนที่คลุมเครือเบื้องหลังหลี่ฉิงซานมีบทบาทค่อนข้างมาก

มิฉะนั้นคนอื่นๆคงเริ่มยั่วยุเขาไปนานแล้ว แม้หลี่ฉิงซานจะสังหารจอมยุทธ์ขั้นสองอย่างน่าประทับใจ แต่เมื่อทุกคนคิดอย่างรอบคอบ พวกเขาก็ตระหนักว่าความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ที่เสียชีวิตอยู่ในจุดต่ำสุดหลังจากต่อสู้มาหลายรอบ หลี่ฉิงซานเป็นเพียงจอมยุทธ์ขั้นหนึ่งขณะที่มีจอมยุทธ์ขั้นสามและสี่หลายคนอยู่ที่นี่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องกลัวเด็กหนุ่ม

ในความเป็นจริงหากคนใหม่ทำตัวเย่อหยิ่งเช่นนี้ บางคนจะก้าวออกมาและมอบบทเรียนให้แก่พวกเขา อย่างไรก็ตามจ้าวจื่อป๋อกำชับทุกคนว่าอย่าทำสิ่งใดโดยไม่ยั้งคิด แต่ในจังหวะที่เขากล่าวสิ่งนี้ เขากลับดูเย็นชาและเหมือนกำลังครุ่นคิดบางสิ่ง

หลี่ฉิงซานสัมผัสได้ถึงความเป็นปฏิปักต์จากจ้าวจื่อป๋ออย่างชัดเจน เมื่อผู้บัญชาการใหญ่แห่งเมืองเจียเผิงดื่มจนพอใจ เขาก็เดินไปที่โต๊ะของหลี่ฉิงซาน

เตียวเฟยและเฉียนหรงจื่อรีบลุกขึ้นยืนแต่หลี่ฉิงซานยังนั่งอยู่

เขารู้ว่าตนเองไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของจ้าวจื่อป๋อที่มีต่อเขา หากเขาทำตัวหยาบคาย ปัญหามากมายจะตามมาอย่างแน่นอน ความสงบสุขบนพื้นผิวในเวลานี้เป็นเพียงเพราะชื่อของกู่เยี่ยนหยินเท่านั้น แต่เขาไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของนางจริงๆ ดังนั้นเขาจึงเลือกทางเลือกที่ดีที่สุด นั่นคือการรักษามารยาท

ด้วยการแสดงละครฉากเล็กๆ เขาจะได้รับวันเวลาที่สงบสุขมากขึ้นอีกสองสามวัน แต่ฝ่ายใดจะเป็นเสือหรือเป็นลาที่โง่เขลายังต้องดูกันต่อไป

จ้าวจื่อป๋อยังยิ้มแย้มแต่เจตนาสังหารในใจของเขากลับเพิ่มมากขึ้น เขาชนแก้วกับหลี่ฉิงซานและพูดคุยเรื่องส่วนตัวมากมาย

“ฉิงซาน นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าออกจากบ้านงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเลย สิ่งที่เจ้าต้องทำคือปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนคนในครอบครัวของเจ้า หากเจ้ามีคำถามใด จงกล่าวออกมา ทุกคนที่นี่คือพี่น้องของเจ้า ข้าเป็นพี่ชายคนโต ข้ามีหน้าที่ดูแลเจ้า”

หลี่ฉิงซานลอบเย้ยหยันอยู่ภายใน เขาสามารถบอกได้ว่าจ้าวจื่อป๋อพยายามตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกู่เยี่ยนหยิน

หลี่ฉิงซานกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่าเขาเคยพบกู่เยี่ยนหยินเพียงครั้งเดียว นั่นทำให้จ้าวจื่อป๋อยิ่งสงสัยมากขึ้น แต่นี่คือความตั้งใจของหลี่ฉิงซาน เขาไม่ได้โง่ เขาต้องการให้จ้าวจื่อป๋อสงสัยต่อไป เขาต้องการเวลาอีกเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง เมื่อเวลาที่เหมาะสมมาถึง เขาก็ไม่จำเป็นต้องแยแสคนเช่นจ้าวจื่อป๋ออีกต่อไป

เตียวเฟยรู้สึกอิจฉามาก จ้าวจื่อป๋อไม่ได้มองเขาแม้แต่วินาทีเดียว

จ้าวจื่อป๋อชำเลืองมองเฉียนหรงจื่อก่อนจะกลับไปนั่งที่เดิม หลังจากเรื่องนี้ เฉียนหรงจื่อแสดงความกระตือรือร้นที่จะสานสัมพันธ์กับหลี่ฉิงซานมากขึ้น นางไม่รอคนรับใช้แต่รินสุราให้หลี่ฉิงซานด้วยตนเอง นางดื่มไปมากพอสมควร นั่นทำให้นางดูมีเสน่ห์เย้ายวนใจมากขึ้นไปอีก ท่าทีของนางที่มีต่อหลี่ฉิงซานทำให้ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์สองสามคนมองด้วยความอิจฉา อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขามองไปทางจ้าวจื่อป๋อ พวกเขาก็เบี่ยงสายตาไปทางอื่น

หลี่ฉิงซานไม่รอช้า เขายกถ้วยสุราขึ้นดื่มและเพลิดเพลินไปกับการดูแลของนางอย่างเฉยเมย ประสาทสัมผัสของเขาเฉียบแหลมพอที่จะตระหนักได้นานแล้วว่าเฉียนหรงจื่อมีความสัมพันธ์สกปรกกับจ้าวจื่อป๋อ

ดูเหมือนนางจะยุ่งมากในช่วงสามวันก่อนการแข่งขัน กฎไม่ได้บังคับให้ผู้เข้าแข่งขันอยู่ในที่พักของตน ขณะที่นางก็ไร้ยางอายมากพอ แต่หลี่ฉิงซานไม่สนใจเรื่องของคนอื่นมากนัก พวกเขาสามารถทำสิ่งที่ตนเองต้องการ สิ่งเดียวที่เขาพิจารณาคือศัตรูที่ซ่อนอยู่ทั้งสองนี้จะร่วมมือกันต่อต้านเขาหรือไม่