ตอนที่ 7-15 ตระกูลนักรบเพลิงม่วง
ชุดจอมเวทสีท้องฟ้าและไม้เท้านักเวทที่อยู่ในมือ
นี่คือรูปแบบการแต่งตัวลินลี่ย์ในตอนนี้ขณะที่เขาเดินไปตามถนน
การออกมาครั้งนี้ บีบียังคงรั้งอยู่ในบ้านหลังน้อยบนถนนคีน ลินลี่ย์แนะนำให้บีบีบอกเขาทันทีที่เคลย์ปรากฏตัว ด้วยการเชื่อมโยงทางจิตวิญญาณระหว่างลินลี่ย์กับบีบีไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างไกลแค่ไหน พวกเขาก็สามารถรู้สึกถึงความคิดของอีกฝ่ายได้
วันนี้ ลินลี่ย์ออกมาข้างนอกเพื่อหาดาบหนักไว้ใช้งาน
“หืม?” ลินลี่ย์สังเกตเห็นร้านอาวุธใกล้ๆ แล้วเดินเข้าไปทันที
ธุรกิจร้านอาวุธโดยเฉลี่ยค่อนข้างมีมาก มีลูกค้าเพียงสองคนกำลังเดินดูอาวุธต่างๆ ลินลี่ย์ตรงเข้าไปที่เคาน์เตอร์และถามอย่างใจเย็น “ในเมืองเฮสมีช่างทำอาวุธที่ดีที่สุดแถวนี้บ้างไหม?”
พนักงานร้านเหลือบมองลินลี่ย์ เมื่อตระหนักว่าเป็นจอมเวท เจ้าของร้านกล่าวอย่างสุภาพทันที “ท่านจอมเวท ช่างทำอาวุธผู้เชี่ยวชาญของร้านเราก็ฝีมือดีมากไม่มีอาวุธใดที่เขาทำไม่ได้”
“คำถามของข้าก็คือ ในเมืองเฮส ใครคือช่างเหล็กฝีมือดีที่สุด?” ลินลี่ย์หน้าเย็นชา “ถ้านายช่างเหล็กที่เจ้าบอกว่าฝีมือดีไม่สามารถสร้างอาวุธที่ข้าต้องการได้เมื่อข้าพังร้านเจ้าก็อย่ามาว่ากันล่ะ”
พนักงานร้านกลัวคำพูดของลินลี่ย์ ก่อนหน้านี้ เขาต้องการลองดีและเอาชนะลูกค้า แต่ตอนนี้เขาไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอีกต่อไป “เรียนท่านจอมเวท ช่างตีเหล็กอันดับหนึ่งของเมืองเฮสพักอยู่ในด้านตะวันตกของเมืองเฮส เขาชื่อว่าอาจารย์เคอร์บีและร้านอาวุธของเขาอยู่ติดกับโบสถ์เจิดจรัส”
“เคอร์บี?” ลินลี่ย์จดจำชื่อนี้ไว้ เขาออกไปทันที
“แต่ท่านจอมเวท” พนักงานผู้นั้นพูดเสียงเบา
“หืม?” ลินลี่ย์หันหน้ามองดูพนักงานร้านและสงสัยว่าเขาต้องการจะพูดอะไร
พนักงานร้านกล่าวด้วยความเคารพ “ท่านจอมเวท ถ้าท่านต้องการไม้เท้าจอมเวทดีๆ ท่านน่าจะไปที่ร้านอาวุธวิเศษ อาวุธเหล่านี้มีแต่พวกนักรบใช้กันทั้งนั้น” ในสายตาของพนักงานร้านนี้เป็นเรื่องแปลกอย่างมากที่จอมเวทไม่เพียงแต่ต้องการอาวุธเท่านั้น แต่ยังต้องการอาวุธที่สร้างโดยช่างตีเหล็กฝีมือดี
อาวุธของจอมเวทก็คือไม้เท้านักเวทของเขา
และกว่าจะผลิตไม้เท้าจอมเวทออกมาได้ ผู้สร้างต้องใช้ทักษะในการเล่นแร่แปรธาตุ
ลินลี่ย์ยิ้มและออกไปจากร้านขายอาวุธ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ลินลี่ย์มาถึงที่ใกล้ๆโบสถ์เจิดจรัสในฝั่งตะวันตกของเมือง จากการสืบสวนของลินลี่ย์ จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แห่งศาสนจักรเจิดจรัสและนักสู้ระดับเซียนคนอื่นไม่ได้มาที่เมืองเฮส และตามที่คะเนไว้มีแต่คาร์ดินัลคนเดียวที่มาถึงที่นี่ แต่เพื่อช่วยพระราชาแห่งอาณาจักรเฮสให้ดีขึ้น เขาพักอยู่กับทหารที่ชายแดน
สำหรับสถานที่กลุ่มนักสู้ระดับเซียนของศาสนจักรเจิดจรัสไป ไม่มีผู้ใดรู้
“ข้าหวังไว้จริงๆว่าราชันย์เทือกเขาอสูรวิเศษจะฆ่านักสู้ระดับเซียนเหล่านั้นได้สักคนหรือสองคน” ลินลี่ย์รำพึงกับตัวเอง จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ไฮเดนส์ใช้การอาบแสงศักดิ์สิทธิ์กับลินลี่ย์ แม้ว่าลินลี่ย์จะไม่รู้ว่าคืออะไรแน่ แต่ที่ทำลงไปแล้วนั้นเขารู้ว่าพลังเทพของเจ้าสิ่งนั้นพยายามจะแทรกเข้าไปในวิญญาณของเขา
วิญญาณของเขา
นี่คือแก่นที่สำคัญที่สุดของคน ลินลี่ย์มั่นใจว่าไฮเดนส์ไม่มีความตั้งใจที่ดี
“นี่คือร้านอาวุธของช่างตีเหล็กอันดับหนึ่งของเมืองเฮสหรือนี่?” ลินลี่ย์มองดูร้านอาวุธร้านกว้างราวๆ สิบเมตรและที่ข้างประตูจะมีนักรบร่างแข็งแรงกำยำสองคนอยู่ในชุดเกราะสวยงามยืนคุ้มกันพวกเขาถืออาวุธในมือ
นี่คือร้านอาวุธที่ดูเหมือนจะน่าประทับใจมาก เห็นได้ชัดว่าดีกว่าร้านที่ลินลี่ย์ได้ไปมาก่อนนั้นมาก
เมื่อเข้าไปในร้านอาวุธ ลินลี่ย์เห็นว่าพนักงานต้อนรับเป็นสตรีงาม นัยน์ตาของสตรีนางนั้นเป็นประกายเมื่อนางเห็นลักษณะการแต่งตัวของลินลี่ย์ และนางพูดอย่างสุภาพ “ท่านจอมเวทท่านต้องการอาวุธแบบไหนหรือ? เชิญมากับข้า เรามีอาวุธสวยงามทุกประเภท”
ลินลี่ย์หัวเราะเบาๆ อย่างจนใจ
ดูเหมือนว่าสตรีนางนี้คิดว่าเขาไม่มีอะไรมากไปกว่าจอมเวทผู้ต้องการอาวุธชิ้นหนึ่งไว้อวดเท่านั้น
“ข้าได้ยินมาว่าอาจารย์เคอร์บีอยู่ที่นี่ใช่ไหม?” ลินลี่ย์พูดกับนางตามตรง
พนักงานหญิงพยักหน้า “ใช่แล้ว อาจารย์เคอร์บี้คือหัวหน้าช่างตีเหล็กที่นี่และเขาเป็นช่างตีเหล็กอันดับหนึ่งในเมืองเฮส ข้าไม่เคยได้ยินเลยว่าอาจารย์เคอร์บีไม่สามารถทำอาวุธชนิดไหนได้”
“โอว? เชิญอาจารย์เคอร์บีออกมาได้ไหม ข้าอยากให้เขาสร้างอาวุธให้ข้าอย่างหนึ่ง” ลินลี่ย์กล่าวทันที
“จะ..จะให้อาจารย์เคอร์บีออกมาข้างนอกน่ะหรือ?” พนักงานต้อนรับหัวเราะอย่างไม่สบายใจ “ท่านจอมเวท อาจารย์เคอร์บีไม่เคยออกมาพบกับลูกค้าเลย ถ้าท่านต้องการพบกับอาจารย์เคอร์บี ท่านจะต้องไปหาเขาเอง และ..ถ้าท่านต้องการพบกับอาจารย์เคอร์บี ท่านจำเป็นต้องจ่ายเงินจำนวนหนึ่ง มิฉะนั้นเขาจะไม่พบกับท่าน”
ลินลี่ย์ต้องยอมรับว่าคนผู้นี้ รู้วิธีฉวยโอกาสจริงๆ
“ได้เลย ข้าต้องจ่ายเท่าใดจึงจะได้พบเขา?” ลินลี่ย์ถามโดยตรง
“ก็ไม่มาก ห้าสิบเหรียญทอง” พนักงานต้อนรับกล่าว
ห้าสิบเหรียญทองไม่มีอะไรสำหรับพวกคนรวย แต่ราคานี้เพียงพอให้คนทั่วไปรอดชีวิตได้ถึงปีหนึ่งหรือสองปี
“ห้าสิบ?” ลินลี่ย์ดึงถุงใส่ทองออกมาจากชุดของเขา ถุงใส่ทองนี้เหลือทองอยู่ร้อยชิ้น ลินลี่ย์เทออกมาห้าสิบเหรียญจากนั้นกล่าว “นำทางได้” ปกติลินลี่ย์จะพกทองร้อยเหรียญไว้กับตัว เขามีบัตรเครดิตเวทอยู่กับตัว ถ้าเขาต้องการเงินเพิ่ม เขาก็แค่ไปถอนออกมา
“ได้ค่ะ, ท่านจอมเวท” พนักงานต้อนรับมีความสุขมาก
….
ห้านาทีต่อมา โดยการนำทางของพนักงานต้อนรับ ลินลี่ย์มาถึงที่พักที่ดูเรียบง่าย ยามเฝ้าบ้านคุ้นเคยกับพนักงานต้อนรับหญิงอย่างเห็นได้ชัดจึงปล่อยให้พวกเขาเข้าไปทันที
เมื่อลินลี่ย์เห็นอาจารย์เคอร์บี บุรุษผู้นั้นกำลังเอนตัวอยู่บนเก้าอี้ขณะยกถ้วยชาขึ้นจิบ ผมของเคอร์บีผู้นี้ขาวโพลน แต่มัดกล้ามเนื้อทรงพลังจากร่างกายเขาแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นนักรบที่ทรงพลังคนหนึ่ง
ช่างเหล็กทำอาวุธส่วนใหญ่จะเป็นนักรบที่ทรงพลังมาก
“อาจารย์เคอร์บี ท่านจอมเวทผู้นี้ต้องการจะพบท่าน” พนักงานหญิงเรียนด้วยความเคารพ
เคอร์บีมองดูลินลี่ย์และหัวเราะ “พ่อหนุ่ม, ค่าจ้างของข้าสูงมากนะ ถ้าเจ้าต้องการให้ข้าสร้างอาวุธให้เจ้า อย่างน้อยที่สุดเจ้าจะต้องจ่ายหมื่นเหรียญทอง”
ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ถึงระดับพลังคร่าวๆ ของอาจารย์เคอร์บีนี้ได้
ถ้าเขาไม่เป็นนักรบระดับเจ็ด อย่างนั้นเขาก็เป็นนักรบระดับแปดคนหนึ่ง
“ก็ได้” ลินลี่ย์พยักหน้า “แต่อาวุธนี้จะต้องใช้วัสดุพิเศษใช่แล้ว ให้คนอื่นออกไปก่อนได้ไหม?”
“แน่นอน” อาจารย์เคอร์บีพยักหน้าให้กับคนใช้ของเขา คนใช้ของเขาจากไปอย่างรวดเร็ว
อาจารย์เคอร์บีมองดูลินลี่ย์อย่างสงสัย “พ่อหนุ่ม,เจ้าเอาวัสดุพิเศษอะไรมากันแน่?”
“อดาแมนเทียม” ลินลี่ย์พูดตามตรง
อาจารย์เคอร์บีก่อนนั้นนั่งอย่างเกียจคร้าน ลุกพรวดพราดขึ้นยืนทันที เขาจ้องมองลินลี่ย์อย่างอัศจรรย์ “เจ้าเพิ่งพูดอะไรนะ? อดาแมนเทียม? ข้าฟังถูกหรือเปล่า?” อดาแมนเทียมคือวัสดุที่ปรากฏแต่ในตำนานเท่านั้น เคอร์บีเป็นช่างทำอาวุธมาตลอดชีวิตแต่ยังไม่เคยเห็นเลย
“ใช่แล้ว ข้าตั้งใจใช้อดาแมนเทียมสร้างอาวุธ ท่านสามารถสร้างได้หรือไม่?” ลินลี่ย์มองดูอาจารย์เคอร์บีอย่างคาดหวัง
อาจารย์เคอร์บีลังเลเล็กน้อย แต่ในที่สุด เขาถอนหายใจกล่า “พ่อหนุ่มความจริงข้าไม่มีความสามารถสร้างอาวุธจากอดาเมนเทียมได้” เมื่อได้ยินเช่นนี้ลินลี่ย์อดรู้สึกผิดหวังมิได้
“พ่อหนุ่ม, เจ้าเจ้าให้ข้าดูอดาแมนเทียมได้ไหม?” เคอร์บีกล่าวอย่างหวาดๆ
ลินลี่ย์สามารถเข้าใจถึงความปรารถนาของช่างตีเหล็กผู้เชี่ยวชาญอย่างเคอร์บีได้ว่าอยากเห็นอดาแมนเทียมกับตา เขาเอาอดาแมนเทียมออกมาจากถุงของเขาทันทีและยื่นส่งให้อาจารย์เคอร์บี นี่คืออดาแมนเทียมหนักพันปอนด์ แต่ดูลินลี่ย์แล้วเหมือนกับไม่หนักเลย
อย่างไรก็ตาม เมื่ออาจารย์เคอร์บียังไม่ทันได้เตรียมตัวและรับอดาแมนเทียมมามือของเขาตกลงอย่างช่วยไม่ได้
“มันหนักจริงๆ” อาจารย์เคอร์บีค่อยรู้สึกตัวและยกขึ้นมาได้ง่าย
แต่เคอร์บีชำเลืองมองลินลี่ย์ด้วยความรู้สึกแปลกใจ เพราะลินลี่ย์นี้สามารถยกอดาแมนเทียมหนักขนาดนี้ได้อย่างง่ายดาย ก็หมายความว่าอย่างน้อยเขาเป็นนักรบระดับหก
“อดาแมนเทียม แค่ได้เห็นข้าก็พอใจแล้ว” เคอร์บีจ้องมองก้อนอดาแมนเทียมอย่างหลงใหล แต่ในที่สุดเขาก็คืนให้ลินลี่ย์ ความจริงเคอร์บีรู้สึกโลภและอยากได้เหมือนกัน แต่เขารู้ว่าเพราะลินลี่ย์ยื่นให้เขาดูอย่างง่ายดายก็หมายความว่าลินลี่ย์ไม่กังวลใจว่าจะเอาคืนมาไม่ได้
ยิ่งกว่านั้น เคอร์บียังรู้ว่าเขาไม่มีความสามารถตีโลหะอดาแมนเทียมได้
“อาจารย์เคอร์บี ท่านรู้บ้างไหมว่าใครสามารถสร้างอาวุธจากอดาแมนเทียมได้?” ลินลี่ย์ถาม
เคอร์บีไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง “เท่าที่ข้ารู้ศาสนจักรเจิดจรัสมีช่างอาวุธที่เชี่ยวชาญเป็นพิเศษ ศาสนจักรเจิดจรัสมีประวัติศาสตร์ยาวนานน่าจะมีเทคนิคที่จำเป็นสร้างของจากอดาแมนเทียมได้ ข้าคิดว่าผู้เชี่ยวชาญอาวุธของสี่จักรวรรดิใหญ่และของลัทธิเงาก็คงมีเทคนิคเช่นนั้นเหมือนกัน”
ลินลี่ย์พยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้น ข้าขอตัวก่อน” ลินลี่ย์ออกมาจากร้านด้วยความรู้สึกผิดหวัง
ลินลี่ย์รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าอดาแมนเทียมใช่ว่าจะหลอมกันง่ายๆดังนั้นเขาจึงเตรียมโลหะไว้บางส่วน ออกจากตรงนี้ไป เขามุ่งหน้ากลับไปยังที่พักของเขา แต่เมื่อกลับมาได้ครึ่งทางทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงที่คุ้นเคย
“น้องสาม”
ลินลี่ย์หันหน้าไปมองทันที
เยล, จอร์จและเรย์โนลด์กำลังมองมาที่เขาอย่างประหลาดใจ
“พี่ใหญ่, พี่รอง, น้องสี่” ลินลี่ย์วิ่งเข้าไปหาอย่างตื่นเต้น เขาคาดไม่ถึงว่าจะได้พบกับพี่น้องสนิทของเขาอีกครั้ง ภายใต้การคะยั้นคะยอของเยลลินลี่ย์ตัดสินใจไปที่ฐานที่ทำการของหอการค้าดอว์สันเพื่อทานอาหารร่วมกับพี่น้องของเขา
ภายในคฤหาสน์ที่เงียบสงบ
ลินลี่ย์ เยล เรย์โนลด์และจอร์จทุกคนแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ผ่านมาเร็วๆนี้อย่างมีความสุข
“เจ้าต้องการหาผู้เชี่ยวชาญสร้างอาวุธ? อืม.. ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”เยลส่ายหัว
เรย์โนลด์กล่าวอย่างสงสัย “พี่สามเจ้าพูดถึงอดาแมนเทียมใช่ไหม? อดาแมนเทียมคืออะไร?”
ไม่ว่าทั้งเรย์โนลด์ ทั้งเยล และจอร์จไม่เคยได้ยินเรื่องอดาแมนเทียมทั้งนั้น
อดาแมนเทียมคือของที่หาได้ยากมาก และทรงคุณค่ามาก
“ลินลี่ย์, เราเพิ่งได้มีโอกาสได้พบกันครั้งเดียวเร็วๆ นี้เอง วันนี้ถือเป็นโอกาสดีจะได้สนทนากับอัจฉริยะอย่างเจ้า” มอนโรดอว์สันเดินเข้ามาจากห้องโถงใหญ่พลางเอามือลูบพุงและหัวเราะเบาๆ “เฮ้, เจ้าเพิ่งพูดถึงอดาแมนเทียมกันใช่ไหม?”
ลินลี่ย์พยักหน้า “ท่านผู้อำนวยการ,ข้าเพิ่งได้อดาแมนเทียมมาและตั้งใจจะใช้มันสร้างเป็นอาวุธ แต่ข้าไม่สามารถหาช่างทำอาวุธฝีมือดีที่สามารถสร้างมันขึ้นมาได้”
“โอว”
คนอย่างมอนโรเป็นคนแบบไหนกัน? มีหรือที่เขาจะไม่รู้จักว่าอดาแมนเทียมคืออะไร?“เจ้าเรียกข้าเป็นท่านผู้อำนวยการหรือ? เจ้ากับเยลก็เหมือนพี่น้องกัน เรียกข้าว่าลุงก็พอเจ้าบอกว่าเจ้าต้องการหาช่างอาวุธผู้เชี่ยวชาญที่สามารถหลอมอดาแมนเทียมได้ใช่ไหม?บังเอิญข้ารู้จักอยู่คนหนึ่ง”
ความจริงลินลี่ย์ไม่รู้สึกตื่นเต้นเท่าใดนักเมื่อได้ยินเช่นนี้
เพราะแม้ว่ามอนโร ดอว์สันจะรู้จักคนๆหนึ่ง คนผู้นั้นมีแนวโน้มว่าจะไม่อยู่ในเมืองเฮส
“ลุงมอนโร, ช่างอาวุธผู้เชี่ยวชาญผู้นั้นคือใคร?” ลินลี่ย์ถาม
มอนโร ดอว์สันยิ้ม “ช่างอาวุธผู้เชี่ยวชาญนั้นชื่อว่าอาจารย์วินเซนต์เป็นประมุขของตระกูลไฮด์”
“วินเซนต์?” ลินลี่ย์สงสัยเล็กน้อย
ทันใดนั้น ลินลี่ย์สะดุ้ง “ลุงดอว์สัน ท่านเพิ่งบอกว่าเขาเป็นคนตระกูลใดนะ?”
“ตระกูลไฮด์” มอนโร ดอว์สันตอบหนักแน่น
ลินลี่ย์จำได้ว่าหนังสือที่เขาเคยอ่านที่คฤหาสน์ตระกูลของเขาได้แนะนำตระกูลสุดยอดนักรบสี่ตระกูลตระกูลนักรบเพลิงม่วง..ก็คือตระกูลไฮด์! อย่างไรก็ตามมีมากกว่าหนึ่งตระกูลที่ใช้ชื่อว่า ไฮด์ดังนั้นตระกูลไฮด์นี้อาจไม่ใช่ตระกูลนักรบเพลิงม่วงก็ได้
“เจ้าคิดว่าเป็นพวกเขาใช่ไหม? ฮ่าฮ่าถูกแล้ว ตระกูลไฮด์นี้ก็เหมือนกับตระกูลบาลุคของเจ้า พวกเขาคือตระกูลสุดยอดนักรบตระกูลไฮด์อาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ ในอาณาจักรฮั่นอาณาจักรหนึ่งของสหภาพศักดิ์สิทธิ์ หลังจากมหาภัยพิบัติครั้งนี้พวกเขาหนีมาที่เมืองเฮสนี้” มอนโร ดอว์สันพูดพลางหัวเราะพลาง
“พวกเขาอยู่ในเมืองเฮสนี้หรือ?” ลินลี่ย์ประหลาดใจ
“และพวกเขาอยู่ถัดจากคฤหาสน์ข้าไป ข้าจัดการให้พวกเขาได้พักอยู่ที่นั่น” มอนโร ดอว์สันพูดต่อ
ลินลี่ย์จ้องมองมอนโร ดอว์สันอย่างประหลาดใจ
ความจริง มอนโร ดอว์สันรู้จักคนมากมายที่สามารถหลอมอดาแมนเทียมได้ช่างอาวุธผู้เชี่ยวชาญของหอการค้าดอว์สันก็สามารถหลอมอดาแมนเทียมได้เช่นกัน แต่ไม่มีคนอื่นที่มอนโรดอว์สันรู้จักอยู่ในเมืองเฮสนี้ ดังนั้นมอนโร ดอว์สันจึงเอ่ยคนผู้นี้คนเดียวเท่านั้น