ตอนที่ 7-14 เมืองเฮส
เดลิน โคเวิร์ทอึ้งไปชั่วขณะเพราะคำถามของลินลี่ย์
“ลินลี่ย์ ข้าต้องบอกเจ้าไว้ก่อน ถ้าอาวุธชิ้นหนึ่งผสมเข้ากับอดาแมนเทียมเพียงเล็กน้อยอาวุธนั้นจะเพิ่มความทนทานอยู่ในระดับสูง ถ้าอาวุธชิ้นหนึ่งถูกสร้างขึ้นมาจากอดาแมนเทียมแล้วต่อให้เจ้าปล่อยให้นักสู้ระดับเซียนทำลายมันเขาก็ไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนให้กับมันได้เลยไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม”
เดลิน โคเวิร์ทอ่อนอกอ่อนใจ
เห็นได้ชัดว่าลินลี่ย์ไม่ได้รู้คุณค่าของอดาแมนเทียมอย่างเท่าใดนัก
“อย่างนั้น ปู่เดลินข้าจะสามารถใช้อดาแมนเทียมนี้สร้างดาบหนักได้ไหม?” หลังจากฟังเดลินโคเวิร์ทอธิบายถึงประโยชน์การใช้อาวุธหนักก่อนหน้านั้นลินลี่ย์ต้องการดาบหนักเป็นของตนเดิมทีลินลี่ย์ตั้งใจจะใช้เงินซื้ออาวุธดีๆเล่มหนึ่ง แต่ตอนนี้ที่เขาได้อดาแมนเทียมมาเขาต้องใช้มันให้ดีเป็นธรรมดา
ตอนนี้ ลินลี่ย์ไม่ได้ขาดแคลนเงิน
“สร้างดาบหนักด้วยอดาแมนเทียมน่ะหรือ? ดาบหนักมีขนาดค่อนข้างใหญ่และมีแนวโน้มต้องใช้อดาแมนเทียมนี้เพื่อใช้ผสมกับโลหะอื่น แต่แน่นอนว่าข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับงานตีเหล็ก อย่างไรก็ตามข้าได้ยินมาว่าการสร้างอาวุธจากอดาแมนเทียมทำได้ยากมาก อดาแมนเทียนมีความแข็งมากช่างทำอาวุธส่วนใหญ่ไม่สามารถหลอมและขึ้นรูปมันใหม่ได้” เดลินโคเวิร์ทหัวเราะเบาๆ
ลินลี่ย์พยักหน้ากับตัวเอง
อดาแมนเทียมเป็นวัสดุซึ่งแม้แต่นักรบระดับเทพก็ยากจะหาและยากจะทำลาย แต่เนื่องจากว่าเป็นไปได้ว่าอดาแมนเทียมสามารถสร้างเป็นอาวุธได้ตามปกติก็ต้องใช้เทคนิคพิเศษในการสร้าง เพียงแต่เทคนิคนั้นคงจะยากมาก
“เข้าใจแล้ว” ลินลี่ย์พยักหน้า
….
ลินลี่ย์และองค์ชายชาร์คยังคงเร่งเดินทางขึ้นเหนือ และยิ่งขึ้นเหนือไกลออกไปอสูรเวทก็มีจำนวนเบาบางลง หลังจากเดินทางไปอีกสามร้อยหรือสี่ร้อยกิโลเมตรโดยไม่พบเจออสูรเวทปรากฏให้เห็นเลย พวกเขาก็มาถึงพื้นที่ๆตั้งเมืองและเมืองนี้ยังไม่มีคนตาย
แต่หมู่บ้านและเมืองเหล่านี้มีคนอาศัยอยู่เบาบางเช่นกัน คนส่วนใหญ่กลัวอันตรายและย้ายหนีขึ้นเหนือเช่นกัน
“ฮ่าฮ่า ดีจริงๆดูเหมือนอาณาจักรเฮสยังไม่ล่มสลาย” ชาร์คหัวเราะลั่น “ตั้งหลายวันแล้วในที่สุดเราจะได้พักกันเสียที”
ชาร์คมองดูลินลี่ย์
ที่นั่งบนหลังม้าของลินลี่ย์ดูเหมือนจะและไม่ขยับเขยื้อนเหมือนต้นโอคเก่าที่ไม่ขยับแม้แต่นิดเดียวดูมั่นคงมาก หน้าของเขายังสงบและเขายังคงเรียบเฉยทำให้เขาดูมีสง่าราศีน่าเชื่อถือ สำหรับลินลี่ย์แล้วชาร์คมีความรู้สึกอึดอัด แม้ว่าเขาจะอายุมากกว่าลินลี่ย์สองสามปี แต่เขามักให้ความนับถือลินลี่ย์เหมือนกับว่าเขาเป็นอาจารย์
“อาจารย์ลินลี่ย์ดูนั่นคือค่ายทหารอยู่ข้างหน้า” ชาร์คและลินลี่ย์ขี่ม้าเคียงข้างกัน
ลินลี่ย์พยักหน้า
เห็นได้ชัดว่า ศาสนจักรเจิดจรัสตัดสินใจตั้งแนวตั้งรับที่นี่ชายแดนอาณาจักรเฮส เมื่อเห็นค่ายทหารนับไม่ถ้วนตามแนวชายแดนใครๆก็บอกได้ว่ามีทหารประจำการอยู่ที่นี่มาก
“สองอาณาจักรและห้าแคว้นหายไปนั่นกินเนื้อที่ประมาณหนึ่งในสามของสหภาพศักดิ์สิทธิ์ ข้าคาดว่าศาสนจักรเจิดจรัสคงไม่ยอมถอยไปไกลกว่านี้แล้ว” ลินลี่ย์หัวเราะเบาๆ ลินลี่ย์และพวกอัศวินไปตามทางและผ่านทหารยามและได้รับอนุญาตอย่างรวดเร็ว
แนวป้องกันนี้ใช้ป้องกันพวกอสูรเวท
ปกติไม่มีมนุษย์ถูกปฏิเสธห้ามไม่ให้เข้าไป
“องค์ชายรอง เราจะพักกันที่นี่หรือ?” ดูเหมือนลินลี่ย์จะสงบมาก
“เมืองเฮสคือหนึ่งในสถานที่นัดหมายที่พระบิดาของข้ากับนัดหมายกันไว้ เรายังต้องเดินทางราวๆสามร้อยกิโลเมตรกว่าจะถึงเมืองเฮส ถ้าเรารีบเราน่าจะไปถึงที่นั่นยามราตรีของวันนี้” ชาร์คพูดอย่างไม่ปิดบัง
“เมืองเฮส!”
ลินลี่ย์จดจำชื่อนี้ไว้ “เคลย์,เมืองเฮสจะเป็นที่ตายของเจ้า”
……
พวกเขายังคงเดินทางต่อไป ลินลี่ย์ชาร์คและกองอัศวินอีกสามสิบคนควบม้าตลอดทางจนฝุ่นฟุ้งกระจาย เมื่อเวลาผ่านไปลินลี่ย์กับชาร์คก็เห็นเมืองเฮส พระอาทิตย์กำลังจะลับฟ้าส่องแสงที่พื้นโลกจนเป็นสีแดง
“เมืองเฮสคือเมืองหลวงของอาณาจักรเฮส เป็นเมืองที่เล็กกว่าเฟนไลเพียงเล็กน้อย” เมื่อเห็นเงากำแพงเมืองที่ใหญ่โต ลินลี่ย์อดตกใจมิได้
ต้องใช้กำลังคนมากมายเพียงไหนจึงจะสร้างกำแพงได้ใหญ่โตขนาดนั้น?
เมื่อมาถึงที่ประตูเมืองเฮส ลินลี่ย์และหน่วยอัศวินพบว่าทางถูกกีดขวางไว้
“ลงจากม้า!” ทหารเฝ้าประตูเมืองเฮสสั่งเสียงดังลั่น
“ทำไมเราต้องลงจากม้าด้วยเล่า?” ชาร์คตะโกนกลับด้วยความโกรธ
ทหารเฝ้าประตูเมืองเห็นว่ากลุ่มของชาร์คไม่ใช่ธรรมดาแน่นอนดังนั้นเขาจึงตอบข้อข้องใจ “พระราชามีพระราชโองการห้ามมิให้ขี่ม้าในเมืองเฮส ทุกๆท่าน! ตอนนี้เมืองเฮสเต็มไปด้วยผู้คนหลั่งไหล ไม่มีพื้นที่สำหรับให้ขี่ม้า จะดีที่สุดคือลงจากม้าทุกคน”
“เราลงจากม้ากันเถอะ” ลินลี่ย์ยิ้มให้ชาร์ค
ชาร์คพยักหน้า
ลินลี่ย์กับชาร์คทั้งคู่คาดคิดว่าผู้คนมากมายจากสองอาณาจักรและหกแคว้นที่ล่มสลายได้หนีมาที่นี่ มีแนวโน้มว่าส่วนใหญ่คนที่อาศัยอยู่ใกล้เมืองเฮสก็หนีมาที่นี่เช่นกัน สองอาณาจักรและหกแว่นแคว้นรวมจำนวนพลเมืองแล้วคงเป็นร้อยล้าน
แม้ว่าจะตายไปถึงเก้าในสิบ แต่ก็ยังรอดอยู่อีกเป็นล้านและแน่นอนไม่มีอสูรเวทปรากฏให้เห็นในระยะร้อยกิโลเมตรของอาณาจักรเฮส ดังนั้นประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณนั้นจึงรอดตาย
“ผู้คนมากมายนัก”
เมื่อก้าวเข้ามาในเมืองเฮส ลินลี่ย์และชาร์คตกตะลึงโดยสิ้นเชิงเมืองเฮสปกติรองรับคนได้เพียงหนึ่งล้านคนเท่านั้น แต่ตามที่ลินลี่ย์คำนวณตอนนี้มีคนอย่างน้อยหลายล้านในเมือง เพราะถนนทุกสายติดขัดไปหมด แม้แต่ในเมืองเฟนไลลินลี่ย์ไม่เคยเห็นคนมากขนาดนี้
“ไปหาโรงแรมสำหรับพักกันก่อนจากนั้นค่อยกลับมารับข้าที่นี่” ชาร์คสั่งคนของเขาให้ไปหาโรงแรมอย่างดี
“ใต้เท้าลินลี่ย์,ไปทานอาหารค่ำกันก่อน” ชาร์คพูดพลางหัวเราะและแน่นอนลินลี่ย์ไม่ปฏิเสธชาร์คพาลินลี่ย์ไปยังอีกที่หนึ่งซึ่งมีร้านอาหาร ชั้นล่างของร้านอาหารเต็มหมดแต่ยังมีห้องทานอาหารอยู่ที่ชั้นบน
“สามห้อง” ชาร์คกล่าวอย่างใจกว้าง
แต่เมื่อพวกเขานั่งลงและชาร์คเห็นราคาอาหารในเมนู เขาถึงกับตกใจกระชากตัวพนักงานเสริฟที่อยู่ใกล้ที่สุดและตะโกนถามอย่างโกรธเกรี้ยว“เจ้าคิดว่าข้าโง่นักหรือ? ด้วยราคาอาหารขนาดนี้โต๊ะอาหารจะราคาหลายพันเหรียญทองได้ยังไง เจ้าพยายามจะโกงข้า”
แม้ว่าร้านอาหารนี้จะเป็นร้านอาหารชั้นสูงแต่ชาร์คในฐานะเจ้าชายเคยไปร้านอาหารระดับสูงมาแล้วมากมาย
สำหรับร้านอาหารระดับนี้ โต๊ะละร้อยเหรียญทองก็นับว่าเกินพอแล้ว
“ใต้เท้า,ถ้าท่านไม่ต้องการกิน,เชิญออกไปได้” บริกรดูเหมือนจะมั่นใจมาก “ตอนนี้,เมืองเฮสเต็มไปด้วยผู้คนมากมายรวมทั้งชนชั้นสูงนับไม่ถ้วนผู้หนีออกมาพร้อมกับของมีค่า พวกเขาทุกคนต้องการบริการคุณภาพดีและยินดีจะจ่ายเพื่อการนั้น”
ชาร์คตะลึงกับคำพูดเช่นนี้ทันที
จริงสิ คนผู้หนีออกมาจากสองอาณาจักรและสามแคว้นมีแนวโน้มว่าเป็นตระกูลที่ทรงอำนาจทั้งนั้นหรือไม่ก็พวกเขาเองก็เป็นนักสู้ที่ทรงพลังตระกูลที่ทรงอำนาจเหล่านั้นปกติจะไม่ตระหนี่
“ฮึ่ม!”
ชาร์คแค่นเสียง แต่ก็ยังสั่งอาหารในที่สุด หลังจากชาร์คและลินลี่ย์กินอาหารเสร็จ..
“องค์ชายรอง” คนที่ไปหาโรงแรมสำหรับพักกลับมา
“ว่ายังไง? เจ้าหาที่พักได้ไหม?” ชาร์คถาม
ทหารคุ้มครองนั้นส่ายศีรษะ “ทุกห้องในโรงแรมใหญ่ถูกจองไว้หมด แม้ว่าเราตระเวนหาไปถึงห้าโรงแรมใหญ่ เราบอกได้เลยว่าแบบนี้ไม่ได้เรื่องแน่ มีคนมากมายเกินไปที่พยายามจะจองห้องเข้าพัก องค์ชาย,เรามาถึงเมืองเฮสช้าเกินไป สมาชิกของตระกูลในห้าแคว้นและอาณาจักรฮั่นมาถึงเร็วกว่าเรามาก”
ชาร์คพยักหน้า
“นั่งและกินกันก่อน” ชาร์คหันไปมององครักษ์คนอื่นคนที่มีผมสั้นสีเขียว“เจ้าอิ่มหรือยัง? ถ้าอิ่มแล้วช่วยข้าหาคฤหาสน์หลังหนึ่งแล้วซื้อซะ ข้าคาดว่าราคาที่นี่ในเมืองเฮสจะค่อนข้างสูงแต่ไม่ว่าราคาเท่าใดก็ให้ซื้อไว้ จำเอาไว้อย่าซื้อบ้านที่หรูและใหญ่เกินไป คฤหาสน์นี้จะเป็นที่พักพิงชั่วคราวสำหรับตัวข้าและพระบิดาข้าเท่านั้น”
“พะย่ะค่ะองค์ชาย” องครักษ์รับคำและจากนั้นออกไปหาซื้อคฤหาสน์
ลินลี่ย์นั่งดื่มไวน์เงียบๆ คอยมองดูทุกอย่าง
“คฤหาสน์?สงสัยจริงๆว่าจะเป็นคฤหาสน์หลังไหน เมื่อเคลย์มาถึงมีแนวโน้มว่าเขาจะต้องมุ่งหน้าไปคฤหาสน์นั้นเช่นกัน” การค้นหาสถานที่ซึ่งเคลย์กำลังจะไปพักทั้งหมดที่เขาจำเป็นต้องทำก็คือนอนรอ เมื่อโอกาสมาถึง เขาจะส่งเคลย์ไปสู่ความตายด้วยมือของเขาเอง
……
เมืองเฮส คฤหาสน์ธรรมดาๆบนถนนคีน
ภายใต้เงื่อนไขปกติ คฤหาสน์หลังหนึ่งในเมืองเฮสอย่างนี้ซึ่งมิได้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโดยทั่วไปจะราคาสองสามแสนเหรียญทอง แต่องค์ชายชาร์คจ่ายเงินไปล้านเหรียญทองเพื่อซื้อไว้พวกชนชั้นสูงเข้ามาในเมืองเฮสจำนวนมากทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งพรวดราวกับจรวด
ในคืนนั้น
ลินลี่ย์ยังคงพักอยู่ในคฤหาสน์นี้จนถึงตอนนี้
“เคลย์นั้นหลังจากที่มาแล้วคงจะพักอยู่หนึ่งในสองสามห้องเหล่านี้” ลินลี่ย์เดินอยู่ในกลางคฤหาสน์สำรวจรูปแบบภายในบ้านอย่างระมัดระวัง เขาเตรียมตัวฆ่าเคลย์ในอนาคต
ลมยามราตรีเย็นและสดชื่น แต่ลินลี่ย์ไม่สนใจ ให้ความสนใจแต่ตำแหน่งและทุกส่วนของคฤหาสน์นี้
“ใต้เท้าลินลี่ย์,ทำไมเจ้าถึงยังไม่พัก?” พระสนมเจ้าเสน่ห์คุยกับลินลี่ย์อย่างนุ่มนวล
“ข้าอยู่แต่ในห้องอุดอู้เกินไป ข้าออกมาสูดอากาศที่สดชื่น” ลินลี่ย์ตอบตามปกติ
“ข้ารู้สึกอุดอู้ยิ่งกว่า” พระสนมเดินออกจากห้องตรงมาหาลินลี่ย์สายตาที่ยั่วยวนของนางทำให้ลินลี่ย์วิตก เขากล่าวทันที“อย่างนั้นพระสนมควรจะสูดอากาศที่สดชื่นต่อไป ตอนนี้ข้าขอกลับไปพักที่ห้องก่อน” หลังจากพูดเสร็จลินลี่ย์ออกไปทันที
เมื่อเห็นลินลี่ย์จากไป พระสนมได้แต่ถอนหายใจอย่างไม่พอใจ
….
เช้าวันต่อมา
“องค์ชายรอง,พระสนม,องค์หญิงข้ามีเรื่องจะต้องจัดการตอนนี้ขอแยกตัวไปก่อน” ลินลี่ย์กล่าวลา
“ใต้เท้าลินลี่ย์ทำไมท่านถึงได้เร่งรีบจากไปเล่า? รอพระบิดาข้ากลับมาก่อนแล้วค่อยตัดสินใจก็ได้” ชาร์คพยายามชักชวนเขาให้อยู่ต่อ
ลินลี่ย์หัวเราะเย็นชาในใจ “รอพระบิดาเจ้าน่ะหรือ? ถ้าเคลย์เห็นข้าอยู่ที่นี่บางทีข้าอาจต้องโจมตีและฆ่าเขาโดยเปิดเผย โอกาสฆ่าเขาโดยเปิดเผยยังต่ำกว่าลอบสังหารเขา” ลินลี่ย์พลาดหวังมาพอแล้ว
ตอนนี้ลินลี่ย์ต้องการความสำเร็จที่แน่นอน
“ครั้งนี้ข้าจะต้องอดทน ข้าจะรอเวลาเมื่อเคลย์กับไกเซอร์ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เมื่อเคลย์อยู่ตามลำพัง ข้าจะฆ่าเขา นั่นย่อมจะสำเร็จได้แน่นอน” ลินลี่ย์รู้ว่าตราบเท่าที่ไกเซอร์อยู่ที่นั่นเขาจะไม่สามารถฆ่าเคลย์ได้โดยเร็ว
แต่ตราบใดไกเซอร์ไม่ปรากฏตัว เขาจะต้องทำได้สำเร็จแน่นอน
“อย่างนั้นท่านจะไปไหนใต้เท้าลินลี่ย์?” ชาร์คถาม
“ข้าตั้งใจจะออกจากเมืองเฮสมุ่งหน้าขึ้นเหนือต่อ ส่วนสถานที่..ข้ายังไม่แน่ใจ” ลินลี่ย์ตอบ “เอาล่ะ,องค์ชาย,พระสนม,องค์หญิงข้าขออำลา”
ลินลี่ย์คำนับเล็กน้อย และนำบีบีออกไปจากคฤหาสน์
……
ในคืนนั้น ลินลี่ย์ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านเล็กๆถนนสายเดียวกับคฤหาสน์ของชาร์ค คฤหาสน์ที่ชาร์คซื้อไว้กินเนื้อที่ขนาดใหญ่มีความสะดวกเพียงพอรองรับคนสามสิบคน แต่บ้านที่ลินลี่ย์ซื้อหลังเล็กมากเพียงพอให้คนอยู่สามสี่คน
บ้านน้อยหลังนี้ลินลี่ย์ต้องจ่ายเงินถึงห้าหมื่นเหรียญทอง ในเวลาปกติจ่ายแค่ไม่กี่พันเหรียญทองก็ซื้อหาได้แล้ว
“ซีเนียร์,จูเนียร์,พวกเจ้าเห็นคนเข้ามาใหม่ในคฤหาสน์บ้างไหม?” ลินลี่ย์นั่งกินอาหารค่ำขณะที่เขาถามบุรุษสองคนนี้
“ไม่เลย”
ลินลี่ย์สุ่มเลือกบุรุษสองคนนี้มาจากถนนให้เป็นลูกจ้างเขา ตอนนี้ในเมืองเฮสมีประชาชนทั่วไปเช่นเดียวกับพวกคนชั้นสูง หลังจากหนีมาที่นี่คนทั่วไปเหล่านั้นไม่มีอาหารจะกินไม่มีที่จะอยู่พวกเขาทำได้แต่เพียงขอทานหรือขอทำงาน ดังนั้นเป็นเรื่องง่ายสำหรับลินลี่ย์ที่จะหาคนมาทำงานให้เขา ค่าจ้างวันละสองเหรียญทองรวมทั้งอาหารนั่นคือโอกาสที่ผู้ลี้ภัยเหล่านี้จะได้สู้ต่อ
ลินลี่ย์เห็นว่าบุรุษสองคนนี้ดูเหมือนจะน่าเชื่อถือจึงได้เลือกพวกเขา
“ตอนกลางคืนเจ้าสามารถหลับได้ แต่ตอนกลางวันช่วยจับตาดูให้ดี ตราบใดที่มีคนแปลกหน้าเข้าไปในคฤหาสน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนจำนวนมาก พวกเจ้าต้องแจ้งข้า จงให้ความสนใจเป็นพิเศษกับคนที่มีมือข้างเดียว” ลินลี่ย์ทวนคำแนะนำของเขา
ไม่จำเป็นต้องจับตาดูในเวลากลางคืน เพราะประตูเมืองเฮสปิดในตอนกลางคืน
และลินลี่ย์มั่นใจว่าให้คนทั้งสองนี้จับตาดูระหว่างกลางวัน ตราบใดที่คนของเคลย์มาถึงเขาจะต้องพบแน่นอน ชาร์คและคนของเขาเชื่อว่าลินลี่ย์ออกไปจากเมืองแล้วจริงๆ แต่ความจริงลินลี่ย์ยังคงจับตาดูจากบ้านน้อยที่อยู่ใกล้พวกเขามาก
“เคลย์,ข้าจะรออยู่ที่นี่ได้นานเท่าที่จำเป็น มาดูกันว่าต้องใช้เวลานานเท่าใดกว่าเจ้าจะมาถึงที่นี่” นัยน์ตาของลินลี่ย์เย็นชา
เมื่อเห็นหน้าของลินลี่ย์ สองพี่น้องถึงกับสั่นสะท้าน
“ไปได้” ลินลี่ย์สั่ง“ขอรับ ใต้เท้า”