ตอนที่ 7-10 สถานการณ์เลวร้าย
“ตุ้บ!” แต่ละครั้งที่หมีลายม่วงก้าวลงบนพื้นจะทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน หมีลายม่วงนี้ไล่ตามติดเฉพาะลินลี่ย์เท่านั้น ไม่ว่าลินลี่ย์วิ่งหนีไปที่ใดหมีลายม่วงก็จะไล่ตามติดตลอด ขณะที่อุ้งเท้าหน้าขนาดมหึมาของมันพยายามเอื้อมตะปบเขา
“โกรวววว!”
เมื่อได้ยินเสียงคำรามที่คุ้นเคยของมังกรเหล่านั้น ลินลี่ย์อดแหงนหน้ามองบนท้องฟ้าไม่ได้ สิ่งที่เขาเห็นทำให้จิตใจเขาตึงเครียด
บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยร่างมังกรขนาดมหึมานับไม่ถ้วน ว่ากันในเรื่องจำนวนในวันนี้ที่นี่มีจำนวนมากกว่าเมื่อครั้งที่เขาเห็นที่หุบเขาสายหมอก นอกจากนี้ภายในฝูงมังกรเหล่านั้น ยังมีมังกรเงินและมังกรดำอีกด้วยมังกรทั้งสองนั้นเป็นอสูรเวทประเภทมังกรระดับเก้า!
“ไม่นะ!”
ด้วยการกระโจนอย่างฉับพลัน ลินลี่ย์หลบหลีกการโจมตีจากหมีลายม่วงได้อีกครั้งหนึ่งจากนั้นก็พุ่งเข้าหาเคลย์ “ไม่ว่ายังไงครั้งนี้ข้าต้องฆ่าเคลย์ให้ได้”
“เอาคืนมา, เอาแหวนคืนมา!” หน้าผากของเคลย์เต็มไปด้วยเหงื่อ แต่เขาไม่กล้าบุกไปด้วยตัวเอง
“กรรรรร!”
“กรรรร!”
มังกรนับสิบๆ ตัวโฉบลงมาจากท้องฟ้า มังกรไฟก็พ่นไฟออกจากปาก เปลวเพลิงที่พ่นออกมาจากมังกรดำเป็นสีดำเช่นกันขณะที่มังกรเงินพ่นลมหายใจออกมาเป็นเพลิงสีเงินขาว เห็นได้ชัดว่าในแง่ของระดับความร้อนเปลวเพลิงของมังกรดำและเพลิงเงินของมังกรเงินร้อนกว่าเพลิงมังกรของมังกรไฟมาก
“ซี่.... ซี่....”
อุณหภูมิพื้นที่โดยรอบเริ่มสูงขึ้นอย่างน่ากลัว ขณะที่สายเปลวเพลิงมังกรนับสิบพ่นลงมา
“ฝ่าบาท, ถ้าเราไม่ไปตอนนี้เราจะต้องตายแน่นอน! ถ้าเราตาย, สมบัติก็ไม่มีประโยชน์ต่อเรา!” ทั่วทั้งร่างของไกเซอร์มีปราณยุทธสีแดงคลุมรอบ เขาตะโกนใส่เคลย์อย่างน่ากลัวจนเคลย์สะดุ้ง
“เคลย์!”
เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวของลินลี่ย์ในร่างแปลงมังกรกำลังตะโกนและพุ่งมาทางเขาเหมือนลูกธนู
“ไป ไป ไปกันเถอะ” ทันใดนั้นเคลย์ตะโกนร้องอย่างโกรธเกรี้ยว การตัดสินใจของเคลย์ครั้งนี้สร้างความเจ็บปวดใจให้เขา แต่เขาก็เข้าใจดีว่า ถ้าเขาตายอยู่ที่นี่ทุกอย่างจะสูญสลาย นอกจากนี้องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองยังมีการ์ดเครดิตเวทอยู่กับตัวเมื่อรวมกันแล้วก็มีมูลค่าพันล้านเหรียญทอง
พันล้านเหรียญทองก็เพียงพอให้ราชตระกูลฟื้นฟูและสร้างความรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่ได้อีกแน่
“บึ้ม!” ดาบยักษ์ของไกเซอร์ใช้ป้องกันการโจมตีของลินลี่ย์ได้อีกครั้ง
“ไกเซอร์, ปล่อยให้ข้าฆ่าเคลย์ซะ ไม่ว่าท่านต้องการทองมากแค่ไหนข้าจะให้ท่าน” ลินลี่ย์โกรธปนกังวลเช่นกัน
ไกเซอร์ส่ายหน้า
“กรรรร!”
พอถึงตอนนี้ จู่ๆ มังกรดำก็โฉบลงมาและพยายามใช้กรงเล็บของมันจับลินลี่ย์ มังกรดำมีระดับสติปัญญาที่สูงเมื่อเห็นว่าหมีลายม่วงไล่ติดตามพยายามฆ่าลินลี่ย์อย่างไม่ลดละ มันมั่นใจว่าต้องมีสาเหตุให้หมีไล่ตาม ดังนั้น เป้าหมายแรกของมันก็คือลินลี่ย์
“ข้าอีกแล้วเหรอ?” ลินลี่ย์ฉากหลบด้านข้าง
ที่ผ่านมาตอนที่เขาสู้กับไกเซอร์ หมีลายม่วงตัวนั้นก็ตัดสินใจไล่ตามเขาแทนที่จะเป็นไกเซอร์ และตอนนี้ เรื่องอย่างเดิมก็เกิดขึ้นอีกครั้ง มังกรดำระดับเก้ายังไล่กวดลินลี่ย์ที่กำลังหนีอีกด้วย
“เฮ้อ..” ไกเซอร์ไม่สนใจลินลี่ย์อีกต่อไปขณะที่เขาเร่งความเร็วหนีในระดับสูงสุด ทันใดนั้นมังกรยักษ์หลายตัวเริ่มไล่กวดเคลย์กับไกเซอร์ แต่พวกมันส่วนใหญ่ยังคงรุมล้อมโจมตีใส่ลินลี่ย์
หมีลายม่วงเริ่มคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวขณะที่มันยืนจังก้าสองเท้า
เห็นชัดว่ามันโกรธพวกมังกรที่ขโมยเหยื่อของมัน แต่หมีลายม่วงไม่กล้าสู้กับพวกมังกรอย่างเปิดเผย หมีลายม่วงไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะจ่าฝูงมังกรดำที่นำมังกรฝูงนี้มาและมันมีขนาดตัวที่ใหญ่ ไม่ต้องพูดถึงฝูงมังกรที่เหลือ
“ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ”
หมีลายม่วงเริ่มเดินออกไปในทิศทางต่างๆ ในระยะห่างออกไป อาคารทุกหลังที่ขวางทางมันถูกทำลายพังยับเยิน
“เคลย์!” เมื่อเห็นเคลย์และคนของเขาหนีไปไกลทุกที ลินลี่ย์ต้องการจะไล่ตามเขาไปทันที
แต่มังกรยักษ์อีกตัวหนึ่งโฉบลงมาจากท้องฟ้า นี่คือมังกรดำขนาดมหึมายาวเกินกว่าร้อยเมตร และขวางถนนข้างหน้าลินลี่ย์ มันพุ่งเข้าหาลินลี่ย์พร้อมกับกางกรงเล็บของมัน จากนั้นมันพ่นเปลวเพลิงร้อนแรงใส่ลินลี่ย์อีกครั้ง
ทั้งบนพื้นและท้องฟ้ามีแต่มังกร และพวกมันทุกตัวเริ่มโจมตีใส่ลินลี่ย์ เมื่อถูกมังกรมากมายรุมล้อมโจมตี ลินลี่ย์รู้สึกจนใจ
“เจ้าพวกบัดซบ!”
มังกรฝูงใหญ่รุมล้อม ลินลี่ย์ได้แต่มองดูขณะที่เคลย์ลับหายไปจากสายตาของเขา
“เจ้านาย, เราต้องหนีกันแล้ว!” ตอนนี้บีบีแทบคลั่งแล้ว
บีบีคล่องแคล่วและตัวเล็กมาก ทำให้เป็นเรื่องยากมากที่มังกรเหล่านั้นจะโจมตีมันได้ ที่ยิ่งกว่านั้นกรงเล็บที่ร้ายกาจและเขี้ยวที่แหลมคมของบีบีก็ทรงพลังมากเช่นกัน พลังโจมตีของมันในตอนนี้เพียงพอจะทำอันตรายมังกรได้เช่นกัน ทำให้มังกรทุกตัวค่อนข้างจะกังวลกับเจ้าตัวเล็กตัวนี้
“ไป, ไปที่ไหนกันเล่า?”
ไม่ว่าลินลี่ย์จะหนีไปในตำแหน่งไหน ฝูงมังกรก็จะขัดขวางและเข้าโจมตี เขาไม่ได้กลัวมังกรระดับแปด แต่มีมังกรระดับเก้ามากกว่าสิบตัว
“ควั่บ!”
ลินลี่ย์ถูกหางมังกรเงินโจมตีใส่อย่างดุร้าย แต่ลินลี่ย์เพียงแต่พลิกตัวกลางอากาศก่อนที่เขาพยายามหนีอีกครั้ง แต่กลับไร้ประโยชน์ ในกลางอากาศ มังกรมากมายบินวนและโจมตีใส่อีกครั้ง ลินลี่ย์อยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่จนเขาอยากจะร้องไห้
“ควั่บ!” ลินลี่ย์หลบหลีกกรงเล็บที่โจมตีมาอย่างดุร้ายได้อย่างคล่องแคล่วและยังคงหลบด้วยความเร็วสูงต่อไป
“เจ้านาย, ข้าจะช่วยเอง!” เมื่อเห็นลินลี่ย์ตกอยู่ในอันตรายบีบีบินเข้ามาหาทันทีและเริ่มกัดขามังกรอย่างดุร้าย กร้วม กร้วม กร้วม!
“กรรรรร!”มังกรยักษ์แผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
อาศัยความเร็วที่น่าทึ่งของเขา ลินลี่ย์สามารถคลี่คลายการโจมตีของมังกรอีกตัวหนึ่ง เมื่อใดก็ตามที่เขาพบกับอันตรายที่แท้จริง บีบีก็จะออกมาช่วย อันตรายไม่สามารถคุกคามลินลี่ย์ได้ในตอนนี้แล้ว
ในสายตาของพวกมันตัวประหลาดที่ร่างคล้ายมนุษย์นี้จัดการได้ยากและอสูรเวทประเภทหนูที่มีขนาดเล็กกว่าก็ยังคอยไล่กัดไล่แทะทำให้มันเจ็บปวดมาก
“กรรรรร!” มังกรดำจ่าฝูงส่งเสียงคำรามอีกครั้ง
มังกรทุกตัวบินขึ้นไปในอากาศทันที พวกมันตัดสินใจยกเลิกการต่อสู้กับตัวประหลาดร่างมนุษย์ที่จัดการได้ยากนี้ ไม่คุ้มกันเลยกับการทุ่มกำลังมังกรทั้งหมดมาเสียเวลากับตัวประหลาดร่างมนุษย์นี้
ฝูงมังกรบินจากไปในลักษณะนี้
“พวกมันจากไปแล้วเหรอ?” ลินลี่ย์ตกใจ
เมื่อครู่ที่ผ่านมา เขารับมือการโจมตีจากมังกรหลายตัวอย่างดุเดือดและเขาต้องหลบหนีเพื่อเอาชีวิตรอด นั่นเป็นประสบการณ์ที่น่าอดสูมาก เขาคาดไม่ถึงเลยว่าพวกมังกรจะยอมยกเลิกการโจมตีในลักษณะนี้
“เจ้านาย, ไปกันเดี๋ยวนี้!” บีบีกระตุ้นเตือน
“แล้วเคลย์ล่ะ”
พอนึกถึงเคลย์ลินลี่ย์ยังคงอยู่ในร่างมังกรแปลงของเขาและพาบีบีวิ่งผ่านเมืองด้วยความเร็วสูง
ตอนนี้ การต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างมนุษย์และอสูรเวทในเมืองเฟนไลจบลงหมดแล้วมีคนที่ยังรอดชีวิตอยู่ในเมืองเฟนไลไม่กี่คน และสิ่งมีชีวิตที่ยังอยู่บนท้องถนนก็คืออสูรเวทที่ไล่ล่ามนุษย์ที่ยังมีชีวิต ลินลี่ย์ในร่างมังกรแปลงเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเกินไปและที่ยิ่งกว่านั้น ความจริงที่ว่าร่างเขาเขามีเกล็ดปกคลุมทำให้อสูรเวทหลายตัวคิดว่าลินลี่ย์ก็คืออสูรเวทตัวหนึ่งเหมือนกัน
“ไม่อยู่ที่นี่”
ลินลี่ย์มุ่งหน้าไล่ตามไปในตำแหน่งที่เขาคิดว่าเคลย์คงจะหนีไป แต่หลังจากหลบออกจากเมืองเฟนไล เขาก็ยังไม่พบร่องรอยของกลุ่มของเคลย์
นอกเมืองเฟนไล ฉากภาพที่รกร้าง
แม้จะมีต้นไม้ใหญ่มากมายซึ่งปลูกเรียงรายไปตามถนนจากเมืองเฟนไล แต่ก็แตกกระจุยกระจาย ศพมนุษย์นับไม่ถ้วนนอนเกลื่อนกลาดอยู่บนถนนเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้พยายามหนีออกจากเมืองเฟนไล แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังถูกเหล่าอสูรเวทฆ่าตายนอกเมืองเฟนไล
ในชนบทรกร้างนอกเมืองเฟนไลกลุ่มของอสูรเวทกลุ่มเล็กกลุ่มหรือสองกลุ่มสามารถเห็นได้ทั่วทุกแห่ง
“ข้าสงสัยจริงว่าเคลย์หนีออกไปทางทิศไหน” ลินลี่ย์จ้องมองดูทางสามแพร่งข้างหน้าเขา เขารู้สึกจนใจ เป็นไปได้ที่เคลย์จะหนีออกจากเมืองทางประตูทิศตะวันออกของเมืองเฟนไล แต่ขณะที่ลินลี่ย์มองดู นั่นไม่น่าเป็นไปได้เพราะออกไปทางด้านตะวันออกจะเป็นเทือกเขาสัตว์วิเศษ
ดังนั้น ลินลี่ย์เลือกออกไปทางด้านประตูทิศตะวันตก
แต่แม้ว่าจะออกไปทางประตูทิศตะวันตก ลินลี่ย์ก็ไม่รู้ว่าเขาควรมุ่งหน้าไปทางทิศไหน ที่สำคัญคือมีรอยเท้าม้าอยู่ทุกหนแห่ง
“บางทีเคลย์คงไม่เลือกเส้นทางใดๆ เลยก็ได้ และเดินทางเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร” ลินลี่ย์รำพึงกับตนเอง คนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มของเคลย์เป็นนักรบระดับเจ็ด ดังนั้นการตัดผ่านพื้นที่กันดารจึงไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร
ลินลี่ย์เข้าใจว่าโอกาสหาตัวเคลย์พบในถิ่นป่ากันดารมีโอกาสน้อยมาก
“ทางเหนือ,ข้าได้ยินราชาแห่งเทือกเขาอสูรวิเศษกล่าวว่าคนของสหภาพศักดิ์สิทธิ์ให้หนีไปได้แต่เฉพาะทางทิศเหนือ! ข้าจะมุ่งไปทางเหนือเช่นกัน ด้วยคนที่มีชื่อเสียงอย่างเคลย์ไม่มีทางที่เขาผ่านไปได้โดยไม่เป็นที่ดึงดูดความสนใจ เมื่อข้าไปถึงทางเหนือ ข้าจะตามหาตัวเขาอีกครั้ง” ลินลี่ย์ทำใจ
เมื่อมองเห็นซากศพกระจุยกระจายอยู่รอบตัวของเขา ลินลี่ย์ได้แต่ทอดถอนใจอย่างช่วยไม่ได้
“อ๊ะ, เมืองอู่ซาน”
ทันใดนั้นลินลี่ย์นึกถึงบ้านเกิดของตนเอง เมืองน้อยอู่ซานอยู่ห่างจากเมืองเฟนไลไม่ถึงร้อยกิโลเมตรสภาพเมืองอู่ซานในตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง? ลินลี่ย์ไม่สนใจยังคงอยู่ในร่างมังกรแปลงขณะที่เขาวิ่งไปเมืองอู่ซานด้วยความเร็วสูงเหลือเชื่อ
แม้ว่าลินลี่ย์จะเดินทางด้วยระดับความเร็วสูงสุดหลังจากอยู่ในร่างมังกรแปลงเขาสามารถเดินทางเร็วถึงสองร้อยหรือสามร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ง่ายๆเหมือนกับนักรบระดับเก้า
ต้นไม้ข้างทางผ่านหายไปอย่างรวดเร็ว และมีฝุ่นฟุ้งกระจายไปทุกที่
“นั่นอะไร..” กลุ่มอัศวินที่กำลังหนีจู่ๆเห็นตัวประหลาดร่างคล้ายมนุษย์พุ่งเข้าจากตำแหน่งด้านหลังพวกเขา เขาได้แต่ตกใจอย่างช่วยไม่ได้ แต่ลินลี่ย์เพียงแต่ผ่านเขาไปเหมือนสายลมมุ่งหน้าสู่เมืองน้อยอู่ซาน นี่คือความเร็วของนักรบระดับเก้า ภายในยี่สิบนาที ลินลี่ย์ก็เข้ามาใกล้พอจะเห็นบ้านเกิดของเขา
เมืองอู่ซาน
นี่คือเมืองน้อยที่เงียบสงบมาก ในอดีตชีวิตของประชาชนที่นี่อยู่กันสุขสงบมาก
แต่ตอนนี้...
ซากศพ ศพที่ไม่สมบูรณ์เกลื่อนกล่นอยู่ทุกแห่ง เห็นได้ชัดว่าซากศพเหล่านั้นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าได้รับความเดือดร้อนจากอสูรเวท
“นี่.. นี่...” ลินลี่ย์เดินเข้าไปตามถนนใหญ่เมืองอู่ซาน เขาจ้องมองซากศพที่ถูกทึ้งกระจุยกระจายอยู่ตามถนนและซอกซอยมีทั้งคนแก่ คนหนุ่ม ผู้หญิงและเด็ก เมื่อเห็นเช่นนี้ ลินลี่ย์รู้สึกเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก
ลินลี่ย์รู้จักคนตายเหล่านี้เป็นส่วนใหญ่
ทันใดนั้นลินลี่ย์เห็นบุรุษหนุ่มคนหนึ่งในที่ไม่ไกลออกไปกอดทารกไว้ในอ้อมแขนร่างของชายหนุ่มเต็มไปด้วยเลือดและทารกนั้นถูกกัดจนตายเช่นกัน
“ออ.. ออร์สัน” ลินลี่ย์อยากจะร้องไห้ แต่ไม่มีน้ำตาไหลออกกมา
ออร์สันแก่กว่าเขาปีเดียว เมื่อลินลี่ย์เริ่มฝึกความแข็งแรงของร่างกายครั้งแรกที่ลานฝึกฝีมือข้างเมืองอู่ซาน พวกเขาทั้งสองคนถูกจัดอยู่ในกลุ่มเด็กอายุ 6-8ขวบ ออร์สันคือเด็กชายที่ยืนอยู่ด้านขวาของลินลี่ย์ตอนที่เขาเข้าแถว ทั้งสองปฏิบัติตามกติกาอย่างดี ลินลี่ย์รู้ว่าเมื่อสองปีที่แล้ว ออร์สันได้แต่งงานหลังจากถึงวัยผู้ใหญ่ทารกที่ตายมีแนวโน้มว่าคงเป็นลูกของออร์สัน
“ควาก, ควาก” ในที่ไม่ห่างนัก หมาป่าวายุกำลังกัดแทะซากศพ
“อา!” ลินลี่ย์จ้องมองพวกมันด้วยความโกรธ จากนั้นบินตรงเข้าหาพวกมันราวกับสายฟ้า เขาไม่ได้ใช้เทพกระบี่เลือดม่วง ใช้แต่เพียงสองมือฟาดใส่ศีรษะพวกมันจากนั้นฉีกพวกมันออกเป็นชิ้นๆ
ในชั่วพริบตาอสูรเวทหลายสิบตัวที่ยังคงเหลืออยู่ในเมืองอู่ซานก็ถูกสังหารหมดสิ้น
พอเห็นซากศพอสูรเวทรอบๆ ตัวเขารวมทั้งซากศพมนุษย์ลินลี่ย์สลายร่างมังกรแปลงหัวเราะอย่างเจ็บช้ำ จากนั้นเขาคุกเข่าลงอย่างอ่อนแรง
ทุกคนตายหมด
“หึ หึ..” ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะในลำคอ แต่นัยน์ตาเขาเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้า
“เมื่ออสูรเวทบุกโจมตีเมืองและข้าหลบหนีมาจากโบสถ์เจิดจรัสได้ ข้ายินดีพอใจกับตัวเองมาก แต่...”น้ำตาของลินลี่ย์เริ่มหลั่งไหล ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจความหายที่แท้จริงในเบื้องหลังคำพูดที่ราชาแห่งเทือกเขาอสูรวิเศษพูด
“ข้าจะเป็นมนุษย์ที่สมเพชไปได้ยังไง? มนุษย์ไม่มีอะไรมากไปกว่าอาหารของเราเหล่าอสูรวิเศษ!”
“อาหาร อาหาร”
หัวใจของลินลี่ย์เต็มไปด้วยความเศร้าโศก
เมืองน้อยอู่ซาน บ้านเกิดของเขาชาวบ้านที่คุ้นเคยเหล่านี้
ตายหมดแล้ว
เมื่อเขาออกจากบ้านเกิด ลินลี่ย์ยังคงรู้สึกสงบอยู่เสมอ เพราะเขารู้อยู่เสมอว่าบ้านเกิดของเขายังอยู่ที่นั่น แต่บัดนี้.... บ้านเกิดของเขาล่มสลายไปแล้ว ทุกคนตายหมด
“มันคือภัยพิบัติ” เสียงของเดลิน โคเวิร์ทดังก้องออกมา “ไม่ใช่แค่บ้านเกิดของเจ้าเท่านั้น แต่สหภาพศักดิ์สิทธิ์เกือบครึ่งอาณาจักรกลายเป็นแหล่งที่อยู่ของอสูรเวทไปแล้ว คนพวกนั้น.. ไม่มีอะไรต่างไปจากอาหาร”
ลินลี่ย์จ้องมองรอบตัวอย่างเงียบงัน เขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าผู้คนนับไม่ถ้วนที่อยู่ภายในสหภาพศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้ติดอยู่ในภัยพิบัติร้ายแรง นี่ควรจะเป็นวันรื่นเริงกับการฉลองศักราชยูลาน10,000 ปี สำหรับชาวสหภาพศักดิ์สิทธิ์และชาวสหพันธรัฐมืด แต่กลับกลายเป็นวันแห่งหายนะไปได้