ตอนที่ 164 – ตอนที่ 159 เรื่องใหญ่ที่สุดคือช่วยสาวงาม
เสียงกรีดร้องผ่านไปบนท้องฟ้า มันดังชัดแหลมคมราวกับสว่านเจาะ กรีดทำทำลายความเงียบในยามราตรี
เป็นเสียงที่เย่ว์หยางคุ้นเคยอยู่บ้าง คล้ายๆ คลื่นเสียงหวีดของนางพญากระหายเลือด แต่ไม่ได้โหยหวนและไม่ได้สะท้านจิตวิญญาณเท่า กลับเป็นการก่อกวนสร้างความรำคาญให้รู้สึกเครียดมากกว่า เสียงแบบนี้ไม่ได้มีพลังสังหารมากเท่ากับเสียงหวีดของนางพญากระหายเลือด แต่สร้างความสะดุ้งตกใจและรังเกียจให้คนที่ได้ยินมันมากกว่า ทำให้พวกเขารู้สึกผิดหวังและหงุดหงิด
“นั่น…นั่นมันฮาร์ปีนี่นา! โอว..พระเจ้า นั่นมันอสูรจากเขาทลายจองจำ” เมื่อนายกองทหารเห็นพวกฮาร์ปีข้างนอกประตู เขาเริ่มสั่นด้วยความกลัว
ทันใดนั้น อสูรบินนับไม่ถ้วน พากันบินมาเต็มท้องฟ้า
มีอยู่ไม่กี่ตัวที่มองเห็นผ่านไฟได้ แต่เกือบทั้งหมดอำพรางตัวอยู่ในความมืดสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า คนที่สามารถสรุปได้ว่ามีกลุ่มอสูรบิน กำลังบินอยู่เหนือศีรษะพวกเขาก็โดยทราบจากคลื่นในอากาศและเสียงกระพือปีก ตาของเย่ว์หยางได้รับการแบ่งทักษะ “เนตรราตรี” มาจากนางพญาเฟ่ยเหวินหลี สามารถเห็นได้แม้ในถ้ำที่มืดมิดไม่มีแสงไฟได้ อย่าว่าแต่ตอนนี้เลย
ภายในทัศนวิสัยที่เย่ว์หยางมองเห็น เขาพบว่ามีอสูรบินต่างๆ อย่างน้อยเป็นหมื่นบินวนอยู่บนท้องฟ้า
ที่บินอยู่ในระดับสูงที่สุดก็คืออินทรียักษ์และมังกร
ในตอนกลางมีกลุ่มฮาร์ปีที่มีร่างสีดำทั้งตัว
ฮาร์ปีเหล่านี้ต่างจากฮาร์ปีที่ตำหนักลอยฟ้าของนางพญากระหายเลือดในหอทงเทียน ฮาร์ปีพวกนี้ดูน่าเกลียดและชั่วร้ายมาก มีริ้วรอยไปทั้งตัวมองดูน่าขยะแขยง ที่ระดับต่ำที่สุด มีกากินเนื้อจำนวนหนึ่ง ตะกวดบิน หนูผิวพังผืด งูแบนเหินฟ้า และค้างคาวยักษ์กลุ่มใหญ่ที่บินอยู่ด้วยกัน ขณะที่พวกมันต่างส่งเสียงร้องเซ็งแซ่ พวกมันกำลังมองหาเป้าหมายของพวกมัน บินโฉบลงมาในส่วนต่างๆ ของเมืองน้อยและโจมตีผู้คน เสียงกรีดร้องที่เย่ว์หยางได้ยินก่อนหน้านั้น คือเสียงขู่ที่มันทำต่อเมื่อจะโฉบลงใส่ทหารที่อยู่บนภาคพื้นดิน
“เขาทลายจองจำน่ะหรือ?” เย่คงไม่เคยได้ยินชื่อสถานที่แบบนี้มาก่อน
“ทลาย..เขาทลายจองจำ”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ต้าไห่, รีบบอกพวกเรา หมายความว่าไง” เย่ว์ปิงก็ยังไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน เขาทลายจองจำเป็นที่ๆ มีอยู่ในทวีปมังกรทะยานหรือ
เย่ว์หยางยังคงสังเกตท่าทางเจ้าอ้วนไห่ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงสัตว์ประเภทอื่นอีก มันเลือนรางมาก แต่ในหูของเย่ว์หยางนั้น ต่างกันอย่างมาก
ถึงกับทำให้ขนทุกเส้นในตัวเขาลุกชูชัน
นั่นเป็นเสียงคลานของแมงมุมยักษ์ หนึ่งในสามเพชฌฆาตตัวการสำคัญของเหวสิ้นหวัง สัตว์อสูรกินเนื้อชั้นต่ำที่ยังยัวะเยียะอยู่ข้างนอกเมืองก่อนหน้านั้น ต่างก็กลัวมันและพยายามหลบหนี อย่างไรก็ตาม นอกจากหมาในและไฮยีนาที่วิ่งหนีได้ไวที่สุดแล้ว เกือบทั้งหมดไม่สามารถหนีพ้นการโจมตีของแมงมุมยักษ์ได้ เย่ว์หยางออกไปนอกประตูและกระโจนขึ้นไปบนหลังคา เหินร่อนไปตามทางลาดชันลงจากภูเขา หัวใจของเขาถึงกับเต้นผาง แมงมุมยักษ์ตัวหนาใหญ่นับไม่ถ้วนเป็นพันๆ หรืออาจเป็นหมื่นมีอยู่เต็มพื้นที่ลาดชันของเมืองซือว่างไปหมด
แมงมุมยักษ์เหล่านี้ไม่เคยออกจากเหวสิ้นหวังมาก่อน เป็นเรื่องแปลกประหลาดที่สุด ที่พวกมันยอมทิ้งรังและเข้าโจมตีเมืองซือว่าง
เย่ว์หยางขมวดคิ้ว
ถ้าไม่ใช่เป็นการจงใจหลอกล่อพวกมัน เป็นไปไม่ได้ที่แมงมุมยักษ์จะออกมาจากเหวสิ้นหวัง และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะออกมาล่าหาอาหารในเมืองซือว่าง
ภายใต้หลังคา เจ้าอ้วนไห่หน้าซีดราวกับกระดาษ เขาปาดเหงื่อและพูดเสียงสั่นว่า “เขาทลายจองจำเป็นสถานที่น่ากลัว มันตั้งอยู่ที่ไหนสักแห่งบนเกาะยักษ์ในกลางทะเล อยู่ห่างไกลจากทวีปมังกรทะยานมากและมีสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวอาศัยอยู่ นอกจากนี้ยังเรียกกันว่าดินแดนที่ทวยเทพทอดทิ้ง ซึ่งหมายความว่า มันเป็นที่รกร้างที่แม้แต่ทวยเทพก็ยังทอดทิ้ง ในทวีปมังกรทะยาน นักรบที่ชั่วร้ายมากกลุ่มหนึ่งได้ก่ออาชญากรรมที่ชั่วร้ายไว้มากมาย ได้หนีไปที่นั่นแล้วก่อตั้งสถานที่ๆ เรียกกันว่าวังปีศาจ มีคำขวัญของที่นั่นโดยเฉพาะว่า ทำลายความสงบสร้างหายนะให้ทวีปมังกรทะยานพร้อมทั้งทำลายมนุษยชาติเป็นภารกิจหลัก ตามตำนานกล่าวว่า ภูเขาทลายจองจำคือสถานที่ๆ น่ากลัวกว่าแดนปีศาจ สิ่งมีชีวิตที่นั่นทั้งหมดเป็นพวกเลวร้าย ถ้าไม่มีผู้ใดเข้าไปในเขาทลายจองจำ พวกเขาจะหลอมรวมเข้ากับวิญญาณชั่วร้ายที่นั้น และกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้ายและบกพร่อง!”
“วังปีศาจเหรอ?” เย่คงพูดไม่ออก เขาตกใจที่ความรู้ของเจ้าอ้วนไห่ที่ตามปกติแล้วยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของเขากลับรู้ความลับเหล่านี้ที่เย่คงเองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน
“มีที่แบบนั้นจริงๆ เหรอ? ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน?” เย่ว์ปิงก็ยังไม่ค่อยอยากเชื่อ
“น่าจะมีจริง!” หลี่ชิวและหลี่เกอรับรองพร้อมเพรียงกัน
เมื่อพวกเขานึกถึงอาการบ้าคลั่งของพวกทหารรับจ้าง พวกเขาถึงได้ข้อสรุปที่ลงตัวกับความรู้ที่เจ้าอ้วนไห่พูด
พวกทหารรับจ้างที่ดูเหมือนคลุ้มคลั่งไล่ฆ่าผู้คนก็ดูเหมือนสิ่งมีชีวิตบกพร่องที่หลอมรวมวิญญาณเข้ากับวิญญาณร้ายไม่ใช่หรือ? เพื่อไข่มดทอง พวกเขาไล่ฆ่าทุกคนที่อยู่ในสายตาพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ครอบครัวหรือพี่น้องใกล้ชิด ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะอิทธิพลของสิ่งมีชีวิตบกพร่องจากวังปีศาจ เขาทลายจองจำ พวกทหารรับจ้างคงไม่มีอาการผิดปกติมากถึงเพียงนั้น
สำหรับความคงอยู่ของวังปีศาจ แห่งเขาทลายจองจำ เย่ว์หยางไม่แปลกใจแม้แต่น้อย
เป็นเวลาหลายพันปีแล้ว มีอาณาจักรมากมายในทวีปมังกรทะยานที่พ่ายแพ้สงครามชิงอำนาจ ฝ่ายที่ได้รับชัยชนะกลายเป็นราชา และฝ่ายที่แพ้กลายเป็นโจรพาคนแก่และผู้เยาว์หลบหนีไปยังโพ้นทะเล ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่พวกเขาจะก่อตั้งองค์กรอย่างนั้นเพื่อต่อต้านทวีปมังกรทะยาน อย่างไรก็ตาม พวกเขามีพลังยิ่งใหญ่อย่างนั้นทำให้เย่ว์หยางสงสัยอยู่เล็กน้อย ถ้าพวกเขาไม่มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดคอยหนุนหลังพวกเขา กลุ่มพวกคนพ่ายแพ้ศัตรูของพวกเขาจะมีความแข็งแกร่งมากอย่างนั้นเอาไว้คุกคามอาณาจักรเทียนหลัวได้หรือ?
ทุกคนรู้กันดีว่าอาณาจักรเทียนหลัวเป็นที่รู้จักกันอย่างเป็นทางการว่าเป็นอาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุดอาจจะเหนือกว่าอาณาจักรต้าเซี่ยและสื่อจินด้วยซ้ำ
แม้จะเทียบกับอาณาจักรสื่อจินที่มีพลเมืองคลั่งไคล้สงคราม และมีกองทหารที่เข้มแข็ง เทียนหลัวก็ยังเหนือกว่าชั้นหนึ่ง
เย่ว์หยางนึกย้อนไปถึงตอนเผชิญหน้ากับผู้เฒ่าเทียนสั่วตัวปลอมในสถานพยาบาลแห่งอาณาจักรต้าเซี่ยและเรื่องที่ทหารรับจ้างคลุ้มคลั่งในวันนี้ และแน่ใจมากขึ้นว่า มีคลื่นใต้น้ำรุนแรงก่อตัวในทวีปมังกรทะยานในปัจจุบัน
การถูกพิษของทหารต้าเซี่ยเป็นเป้าหมายแรก เพื่อสร้างรอยร้าวและความแตกแยกระหว่างอาณาจักรต้าเซี่ยและนิกายหมอก ตอนนี้ ยังมีเหตุการณ์เรื่องไข่มดทอง กระตุ้นให้ทหารรับจ้างบ้าคลั่ง รวมทั้งเหตุการณ์พาสัตว์อสูรนับหมื่นมาล้อมเมืองในคืนนี้…
ดูเหมือนจะมีคนที่มีพลังแข็งแกร่งคอยชักใยอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้แน่นอน
ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากนักสู้ปราณก่อกำเนิดหรือนิกายที่มีอำนาจ เป็นไปไม่ได้ที่จะเล่นงานอาณาจักรต้าเซี่ยหรือเทียนหลัวได้
พอนึกดูอีกที อาจเป็นไปได้ที่บิดาของสหายผู้น่าสงสาร เย่ว์ชิว นักสู้อัจฉริยะสูงที่สุดของตระกูลเย่ว์ อาจถูกพวกวังปีศาจฆ่าตายก็ได้? อาจเป็นได้ว่าการปฏิเสธการแต่งงานของสหายผู้น่าสงสาร และการโดดน้ำฆ่าตัวตาย เป็นการกระทำของวังปีศาจหรือไม่?
นอกจากนี้ อี้หนานดูเหมือนจะแบกรับภาระเป็นปรปักษ์ต่อวังปีศาจ และดูเหมือนว่าอูอี้, เสียหั่ว ก็น่าจะเป็นคนจากวังปีศาจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียหั่วที่สามารถอัญเชิญจ้าปีศาจฮาซินระดับ 4 ด้วยการบูชายัญด้วยเลือด ถ้าเขาไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่บกพร่องจากวังปีศาจ เขาจะมีพลังมากขนาดนั้นได้อย่างไร?
โดยทั่วไป ยังมีปัญหาอยู่มากที่ยังไม่ชัดเจน ยังไม่มีความจริงและไม่มีคำตอบ
เว้นแต่เขาไปค้นหาและเปิดเผยความจริงที่อยู่เบื้องหลังเหตุเหล่านี้
“ท่านขุนพล! เวทเทเลพอร์ตถูกก่อกวนขัดขวางไว้” เสียงแตกตื่นประหลาดใจดังมาจากวงเวทเทเลพอร์ต การไหลเวียนถ่ายเทของผู้คนที่ปรากฏออกมาอย่างต่อเนื่องจากวงเวทเทเลพอร์ต ต้องมาหยุดชะงักทันที ลำแสงลึกลับสีดำปรากฏอยู่เหนือวงเวทเทเลพอร์ต และวงเวทเทเลพอร์ตใช้การไม่ได้ชั่วคราว
“เกิดอะไรขึ้น?” ความวุ่นวายเกิดขึ้นในหมู่คนที่เพิ่งจะเทเลพอร์ตออกมา
“หน่วยพายุเฮอริเคน กลับไปขอความช่วยเหลือจากเมืองหลวงเดี๋ยวนี้” ขุนพลเฒ่าหม่าขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่าเดิม ขณะที่เขาโบกมือออกคำสั่ง
ทหารบางส่วนด้านหลังของเขาแยกย้ายไปทันที ทั้งหมดวิ่งไปได้ร้อยเมตรและเปิดม้วนเทเลพอร์ต เห็นแสงสีขาวเปล่งออกอยู่ด้านล่างของพวกเขา อสูรบินที่อยู่ในท้องฟ้าบินโฉบลงมาทันที พวกสิ่งมีชีวิตบกพร่องที่ขี่อสูรบินและแฝงตัวอยู่ในความมืดใช้หน้าไม้และธนูยาวยิงใส่ทหารที่พยายามกลับไปขอความช่วยเหลือ
ขุนพลเฒ่าหม่าวาดแขนและทหารนับไม่ถ้วนยกโล่ยักษ์ทันทีตามที่ได้ฝึกอบรมไว้เพื่อป้องกันสหายจากลูกธนู
ยังคงมีพลธนูยกธนูขึ้นเล็งพร้อมกันและยิงออกไปในท้องฟ้าในตำแหน่งที่ศัตรูอยู่
อุบายแยกย้ายเทเลพอร์ตที่หน่วยพายุเฮอริเคนใช้ประสบความสำเร็จโดยทำให้ศัตรูแยกกำลังโจมตีในขณะเดียวกัน แสงเทเลพอร์ท 20 ที่ปรากฏอยู่ในเมืองซือว่าง
ดูเหมือนจะมีทหารไม่กี่คนที่พยายามหลบหนีไปขอกำลังเสริม ถูกศัตรูฝีมือกล้าแข็งยิงมาจากท้องฟ้า มีทหาร 2-3 คนที่หลบเข้าประตูเทเลพอร์ตได้ทันเวลา
“การเทเลพอร์ตล้มเหลว พื้นที่ถูกศัตรูทำให้บิดเบือน” เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลวงแหวนเทเลพอร์ตผู้นี้มีประสบการณ์มากในงานของเขา แค่เพียงแว่บเดียว เขาก็รู้ได้ว่ากลยุทธ์เทเลพอร์ตไม่ประสบความสำเร็จ แม้ว่าจะมีทหารบางคนที่เทเลพอร์ตได้สำเร็จ แต่ศัตรูบิดเบือนพื้นที่ด้วยสิ่งประดิษฐ์แน่นอน ระยะเทเลพอร์ตบางทีคงห่างออกไปอย่างน้อยพันลี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ขอกำลังเสริม
“……” เมื่อขุนพลเฒ่าหม่าได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขาก็รีบสงบใจได้และออกคำสั่งอื่น “ทหารทุกคนเตรียมป้องกัน หน่วยพายุเฮอริเคนฝีมือดี จงตามข้าออกมาแนวหน้า!”
“ขอรับ!” ทหารหน่วยพายุเฮอริเคนฝีมือดีตอบรับเสียงหนักแน่น และรวมตัวอยู่ด้านหลังขุนพลเฒ่าหม่า
“รีบถอยกลับเข้ามาในบ้าน , ศึกใหญ่กำลังจะระเบิดแล้ว! อย่าห่วง ข้า..ข้าจะปกป้องพวกเจ้าทุกคน!” แม้ว่านายกองหัวหน้าหน่วยจะสั่นด้วยความกลัว แต่เขาก็ยังบังคับตัวเองให้สงบได้ พาเย่ว์หยางและสหายกลับเข้าไปในบ้าน ด้วยร่างที่บึกบึนล่ำสัน เขาขวางประตูทางเข้าบ้านไว้ แม้แต่มือที่ถืออาวุธของเขาก็สั่นอย่างระงับไม่ได้ เมื่องเย่ว์หยางเห็นอย่างนี้แล้ว เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือโกรธดี พูดมาได้อย่างไรว่าเขาจะปกป้องเขากับสหายด้วยวิชาต่อสู้?
“เย่ว์หยาง, เย่ว์ปิง… เย่คง, ต้าไห่ พวกเจ้าอยู่ที่นี่หรือเปล่า?” จู่ๆ เสียงก็ลอยเด่นมาจากระยะไกลในท่ามกลางเสียงโห่ร้อง
“เป็นพี่(สาว)อี้หนาน, เอ๊ย, พี่(ชาย)อี้หนาน!” เจ้าอ้วนไห่มีปฏิกิริยาต่อเสียงสาวสวยไวที่สุด เมื่อเขาได้ยินเสียงนาง เขาเริ่มจะกระโดดขึ้นไป เขาพุ่งไปได้เร็วมากจนชนหัวหน้าหน่วยทหารกระเด็นล้มและเหยียบเขาข้ามผ่านประตูบ้านออกไป ขณะที่ตะโกนว่า “เราอยู่ที่นี่, เราอยู่ที่นี่, อี้หนาน, เจ้าอยู่ที่ไหน?”
“ตรงนั้นไง!” สายตาเย่ว์ปิงแหลมคมพบเจออี้หนานทันที, นางยังอยู่ในชุดโจร ยืนอยู่บนแกนข้างวงแหวนเทเลพอร์ต เย่ว์ปิงรีบโบกมือใส่อากาศ “ข้าอยู่ที่นี่ ตรงนั้นมันอันตราย มานี่เร็ว!”
มังกรบินในท้องฟ้ากำลังกระพือปีกยักษ์ร่อนลงมา
มันสยายกรงเล็บขนาดยักษ์ออก เตรียมโฉบคว้าตัวอี้หนานที่กำลังใจจดใจจ่อตะโกนหาสหายของนาง
เจ้าอ้วนไห่เกลียดที่ตัวเขาไม่มีขาอีกสักแปดข้างจะได้เหาะได้ แต่ความเร็วของเขากลับช้าเป็นเต่าเมื่อเทียบกับมังกรบิน
เย่คงเร็วกว่าเขาเพียงเล็กน้อย แต่เขาก็ยังไม่สามารถวิ่งไปช่วยนางได้ทัน เรื่องที่ย่ำแย่ที่สุดก็คือว่าอี้หนานเพิ่งจะเทเลพอร์ตมาถึง ยังไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายได้ดีพอ นางรู้แค่เพียงว่าสถานการณ์อยู่ในความยุ่งเหยิงจึงรีบตะโกนหาสหายของนาง นางยังไม่พบว่า อสูรบินเป็นพันเป็นหมื่นบนวนอยู่ในอากาศเหนือศีรษะของนาง อย่าว่าแต่มังกรบินที่โฉบลงมาตรงตำแหน่งที่นางอยู่เลย
“หลบมัน! หลบ…” เย่ว์ปิงตะโกนให้ก้มลงในสภาพที่เสียงดังและเคร่งเครียด ทำให้เสียงไปไม่ถึงหูของอี้หนาน
ขณะที่ประกายตากระหายเลือดในตาของมังกรบินปรากฏชัดและขณะที่มันสยายกรงเล็บใส่อี้หนาน เปลวไฟสีม่วงก็พุ่งขึ้นไปในอากาศ
อี้หนานหันศีรษะกลับไปมองอย่างตกตะลึง
เย่ว์หยางกำลังกวัดแกว่งดาบปีศาจที่เปล่งเปลวไฟสีม่วงและฟันมาทางศีรษะนางเหมือนวิญญาณปีศาจ นางกวาดสายตาหันไปมองรอบๆ อย่างตกใจ ทำไมเขาถึงควงดาบเหมือนกับว่าจะฟันนางให้ตาย ในเมื่อพวกเขาก็ไม่ได้เจอกันมานานแล้ว?
แสงจากมีดแว่บผ่านไป
ขณะที่อี้หนานแน่ใจว่านางคงตายแน่ ทันใดนั้นนางพบว่า ดาบได้ข้ามผ่านศีรษะนางไปได้อย่างน่าอัศจรรย์
บึ้ม!
มีเสียงดังสนั่น
นางเพียงรู้สึกว่ามีหยดเลือดกระเซ็นลงมาเหมือนสายฝน เสียงร้องโหยหวนอย่างสิ้นหวังของสัตว์อสูรดังอยู่ในอากาศ จากนั้นนางรู้สึกว่าเงาขนาดใหญ่ มันขยายใหญ่ขึ้นๆ แล้วกระแทกกับพื้นข้างหน้านาง หางของมันยังคงกวาดฟาดไปมาอย่างบ้าคลั่งและปีกยักษ์ยังคงกระพือ ที่สำคัญที่สุด อี้หนานพบว่า เย่ว์หยางดูเหมือนเทพเจ้าสงครามผู้น่าเกรงขาม ขณะที่เขากวัดแกว่งมีดทั้งสองและทิ่มแทงเจ้าสัตว์ร้าย ความเคลื่อนไหวของเขาเป็นเหมือนเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า ทุกการโจมตีเป็นต้องได้เลือดจากสัตว์อสูร ขณะที่มันร้องอย่างเจ็บปวดทรมานไม่หยุด
สัตว์อสูรได้รับทรมานบาดเจ็บหนัก พยายามกระพือปีก ดูเหมือนว่ามันต้องการจะหลบหนีกลับขึ้นไปบนท้องฟ้า
จากนั้นอี้หนานเห็นว่าเป็นเย่ว์หยางที่นางคิดถึงทั้งวันและคืนไม่สามารถจะลืมได้ เขาใช้ดาบจันทร์เสี้ยวเล่นงานมังกรบินบ้าง จับหางยักษ์ของมันฟาดลงกับพื้นอย่างไม่ปราณี
ความเคลื่อนไหวและพฤติกรรมที่เฉียบขาดเหล่านั้นดูเหมือนอยากจะฆ่ามังกรให้ตายด้วยความเกลียดชัง
บึ้ม!
แผ่นดินสั่นสะเทือน
มังกรบินกระแทกลงกับพื้นอย่างหนัก ปีกของมันหัก คอของมันบิด และหัวของมันแหลก เลือดพุ่งกระจายออกไปทุกทิศทาง มันกระตุกเพียงเล็กน้อยก่อนจะตายอยู่ต่อหน้าของเขา
ในท่ามกลางเปลวไฟ หลังของเขาดูแข็งแกร่งทรงพลังพอๆ กับเทพสงคราม มีความกล้าหาญไร้เทียมทาน
นี่คือบุรุษที่นางหลงรัก
ด้วยความตื่นเต้น อี้หนานไม่ทันรู้ตัวก็วิ่งเข้าไปหาและกอดเขาแน่นจากด้านหลัง แม้ว่านางจะมีความสุขมาก น้ำตาเริ่มเอ่อล้นอยู่เต็มนัยน์ตา… นี่ไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจ แต่เป็นน้ำตาแห่งความสุขใจ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตื่นเต้นมากที่ได้พบกันอีกครั้งหลังจากแยกจากกันมานาน แต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแปลกใจที่เขาปรากฏตัวกะทันหัน แต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะซาบซึ้งที่เขาช่วยชีวิตนางเหมือนอัศวินในชุดเกราะส่องประกายผู้ที่นางรอเขาจนนางพูดอะไรไม่ออก…
+++++++++++++++++++++