ตอนที่ 159 วางแผน
เยี่ยนเซี่ยกวาดรายงานออกไป และพูดอย่างเย็นชา “ดูเหมือนสาวน้อยจะฉลาดกว่าที่เราคิดนะ”
รายงานถูกส่งมาโดยคนสองสามคน และหน้าตาของเขาน่าเกลียด
สั่วกวงพึมพำกับตนเอง “ผู้เฒ่าหวีเบื่อหน่ายชีวิตเสียแล้ว เขากล้าเข้ามายุ่มย่ามหลายเรื่อง เขาพยายามจะทำอะไร?”
“เขาไม่เต็มใจจะถูกทอดทิ้ง” กงอี้ซิ่วคำราม “แม้ว่าผู้เฒ่าหวีจะไม่ได้ทรงพลัง แต่เขาเป็นคนเก่าคนแก่ เขามีความอาวุโสและความน่านับถือ ด้วยพลังของคนพื้นเมืองทั้งหมดในดาวไพรมายาที่มีต่อคณะปกครองสิ่วซื่อของเรา พวกเขาตั้งใจจะต่อต้านเราแน่แท้ ถ้าเขาสามารถติดต่อกับตระกูลอื่นๆ ในตอนนี้ได้ อย่างนั้นเราได้กินเต่าแน่ ตระกูลใหญ่ๆ ระดับสูงจากดาวไพรมายา แม่นางคนนี้เข้มแข็งมาก นางเลือกคนมีชื่อเสียงเหล่านี้ นั่นนับเป็นทางเลือกที่ดีแล้ว”
“อย่างนั้นตอนนี้เราจะทำยังไง?” อูหนานขมวดคิ้วถาม “ถ้าเวลาผ่านไปแล้วกลายเป็นเรื่องใหญ่ ต่อให้นายท่านมาเอง ก็มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะไม่สามารถเจรจาไกล่เกลี่ยให้สงบลงได้”
เขาเป็นคนพูดหยาบคาย แต่ไม่มีใครพูดอะไรได้
พลังคนพื้นเมืองของคนในดาวไพรมายาแข็งแกร่งกล้าแข็ง ขอเพียงพวกเขาเข้าใจ พวกเขายอมอยู่ภายใต้การปกครองขององค์การวิญญาณมืด ดังนั้นเมื่อผ่านไปสองสามปี ทุกคนก็ใช้ชีวิตอย่างกลมกลืน แต่ตอนนี้ที่เยี่ยนเซี่ยและพวกกระทำการด่วนได้เกินไปหน่อย จึงเป็นข้ออ้างของคนพื้นเมืองแต่ถ้าพวกเขายอมวางมือเรื่องอาวุธจักรกลของกองทัพดาวกางเขนใต้ ทุกคนคงไม่ถูกขับไล่
ทั้งสามคนมองดูเยี่ยนเซี่ย เขาเป็นหัวหน้ากลุ่มเล็กๆ ทุกคนมีความเสียใจ พวกเขาไม่ควรส่งจดหมายไปให้ตระกูลกู้ พวกเขาคิดว่าถ้าพวกเขาใช้ชื่อของคณะปกครองสวี่ซื่อ ตระกูลกู้คงไม่กล้าตอบโต้ ก็แค่อาวุธจักรกลชิ้นหนึ่ง แม้ว่าจะเห็นได้ยากก็ตาม แต่เป็นเพราะเรื่องความเกลียดชังที่มีต่อคณะปกครองสวี่ซื่อพวกเขาคงไม่ทำอะไรโง่ๆ เพื่อส่งอาวุธจักรกลให้พวกเขาเป็นแน่
พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า กู้เสวี่ยจะโต้ตอบเขาได้ขนาดนี้
แววอำมหิตปรากฏผ่านในดวงตาเยี่ยนเซี่ย “ถ้าเราจัดการเร็วขึ้น และลงมือก่อนผู้อาวุโสหวี่จะมาถึง ทันทีที่มันตกมาอยู่ในเงื้อมมือเรา อำนาจในการดำเนินการก่อนจะตกเป็นของเรา ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรตามมา?”
สั่วกวงกล่าว “ข้ารู้จักเส้นทางที่เราสามารถใช้ได้ แต่ไม่ใช่ทางเดินที่ดีแล้ว อย่างมากเราสามารถประหยัดเวลาไปได้ครึ่งวัน”
“ไป! ออกจากยานกันเถอะ” เยี่ยนเซี่ยสั่งโดยไม่ลังเล เขาหันหน้าไปสั่งการ “ยานขนส่งช้าเกินไป”
พวกเขาสี่คนทะยานออกมาจากยานโดยสาร และลงที่ป่าทึบข้างล่าง
※※※※
เกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของสัญชาตญาณหลายเท่าฉับพลันของถังเทียนปิงได้วางแผนการฝึกฝนใหม่ สำหรับการฝึกแผนใหม่นั้นง่ายมาก ปิงเพิ่มความยากของห้องสิบแปดมนุษย์ทองแดง
ห้องสิบแปดมนุษย์ทองแดงยังคงได้รับการปรับแต่งอย่างยากลำบาก...
ถังเทียนผู้กำลังจ้องดูอย่างเหลือเชื่อ เขาถูกเตะในห้องที่ปิงเพิ่งปรับระดับความยากใหม่ ดังนั้นจึงเริ่มต้นการฝึกฝนที่ยากลำบากและร้ายกาจครั้งใหม่ต่อไป
ถังเทียนสงสัยว่าเจ้าหุ่นกระป๋องทั้งสิบแปดตัวคงคิดหาทางล้างแค้น พวกมันไม่มีความสุภาพ มีแต่ใช้แรงลุยอย่างเดียว แม้ว่าสัญชาตญาณของถังเทียนจะเพิ่มขึ้นสูงถึงสิบแปดเท่า แต่เขาก็ยังถูกกดดันไล่ต้อนจนเขาอึดอัดแทบตาย
แต่เขาต้องบอกไว้ก่อนว่า วิธีการฝึกฝนของปิงใช้ได้ดี เจ้าหุ่นกระป๋องทั้งสิบแปดตัวเข้าใจถึงรูปแบบการต่อสู้ของถังเทียนมากยิ่งขึ้นและด้วยพลังที่เพิ่มขึ้น พวกมันสามารถข่มถังเทียนได้อยู่หมัด
การฝึกฝนเหมือนตกนรกแบบนั้นในเวลาสั้นๆ ทำให้สัญชาตญาณของถังเทียนถูกรีดจนเหือดแห้งในระยะเวลาสั้นๆ
ในที่สุดก็สามารถผ่อนคลายได้ ถังเทียนสามารถออกมาจากการดิ้นรนเหมือนตกนรกมามองดูแสงตะวันได้อีกครั้ง เมื่อเขาสามารถอาบแสงอาทิตย์ได้ในที่สุด เขาเกือบจะร้องไห้ด้วยความยินดี เห็นได้ชัดว่าแค่ประสบการณ์ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ถังเทียนรู้สึกว่าเขาต้องใช้ความพยายามเป็นเวลานาน
แสงตะวันทำให้ผู้คนรู้สึกสบายได้จริงๆ
เพื่อฉลองการหลบหนีจากขุมนรกที่ทรมาน ถังเทียนตัดสินใจพักหนึ่งชั่วโมงเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย เขาเดินไปรอบๆลานบ้านอย่างไม่มีจุดหมาย หลิงซิ่วอยู่ที่นั่นกำลังฝึกวิชาหอกของเขาอย่างเต็มฝืน ถังเทียนตระหนักได้ว่าวิชาหอกของหลิงซิ่วก้าวหน้าในระดับน่าทึ่ง
ทันใดนั้นเขาคิดถึงเทวรูปห้ามุทราทำให้สัญชาตญาณของเขาก้าวหน้า หลิงซิ่วจะมีความก้าวหน้ามากเพียงไหน?
ถ้าเป็นมุทราสราญรมย์ อย่างนั้นก็ควรเป็นพลังใจ แต่พลังใจจะทำให้ก้าวหน้าได้อย่างไร?และตั้งแต่วันนั้น มุทราสราญรมย์ส่งผลสะท้อนบางอย่างให้หลิงซิ่ว
สำหรับถังเทียนแล้ว หลิงซิ่วเป็นคนหัวรุนแรงมาก พอใช้เวลาหน่อยก็ระเบิดอารมณ์เสียแล้ว แม้ว่าเจ้าหมอนี่จะพูดคุยถึงเรื่องความเป็นธรรมหรือไม่ก็ตาม แต่ถังเทียนรู้สึกว่าเจ้านั่นเหมาะกับงานโจรปล้นฆ่า และเผามากกว่า
คนแบบนี้กลับสะท้อนผลตอบรับกับมุทราสราญรมย์ที่สง่างามได้ มันแปลกมาก
เว้นเสียแต่พลังใจของเจ้าเด็กผู้นี้แข็งแกร่งมากอย่างนั้นหรือ?
ถังเทียนยอมรับว่าพลังใจของเขาไม่อ่อนแอแน่นอน เพียงแต่ว่าผลสะท้อนของมุทราสราญรมย์ของเขาไม่อาจเทียบได้กับหลิงซิ่ว
ประหลาดมาก...
ถังเทียนคิดอยู่ชั่วขณะ และจากนั้นก็ตัดสินใจโยนความสงสัยทิ้งไว้เบื้องหลัง เป็นเรื่องยากที่เขาจะหาเวลาพักได้สักชั่วโมงและต้องเสียมันไปกับเรื่องของหลิงซิ่ว ถังเทียนไม่เห็นว่าน่าสนุกเลยแม้แต่น้อย
เจ้างี่เง่านั่นทำเราเสียเวลาไปตั้งสิบนาที!
ถังเทียนสบถในใจขณะที่เขาเดินก้มหน้าออกมา
ขณะที่เขาเดินออกมาจากลานฝึกของหลิงซิ่ว ถังเทียนก็ได้ยินกู้เสวี่ยและเมอเรย์ปรึกษากันอยู่เงียบๆ ทันที อาจเป็นเพราะสัญชาตญาณที่เพิ่มขึ้นทักษะการได้ยินของถังเทียนโดดเด่นมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
“คณะปกครองสวี่ซื่ออยู่ห่างจากที่นี่แค่ไหน?” กู้เสวี่ยถามเมอเรย์
“พวกเขากำลังออกเดินทางมาจากเมืองหมิงหวาง อาจเสียเวลาวันครึ่งกว่าเดินทางมาถึงที่นี่โดยใช้ยานโดยสาร” น้ำเสียงของเมอเรย์มีแววกังวล “ผู้เฒ่าหวีและพวกที่เหลือคงจะใช้เวลาสองสามวันกว่าจะเดินทางมาถึง”
กู้เสวี่ยกัดริมฝีปาก “เราต้องหาทางถ่วงเวลาพวกเขา วิธีนั้นผู้เฒ่าหวีจะสามารถรับมือพวกเขาได้”
“ขอรับ, เราต้องคิดหาวิธีการ” เมอเรย์เห็นด้วย
พวกเขาคาดไม่ถึงว่าการปรึกษาแผนการของพวกเขาจะได้ยินมาถึงหูของถังเทียน หลังจากฟังอยู่ชั่วครู่ ถังเทียนก็ตระหนักได้ถึงปัญหา คนช่วยเหลือกู้เสวี่ยกำลังเดินทางมาต้องใช้เวลาสามวันกว่าจะมาถึง ขณะที่คณะปกครองสวี่ซื่อใช้เวลาวันครึ่งก็จะมาถึง กู้เสวี่ยพยายามคิดหาวิธีจนกว่าความช่วยเหลือจะมาถึง
ถังเทียนถอยออกมาเงียบๆพยายามนึกหาวิธีการที่สวยหรูทันที
“นี่ปิง! ถ้าเราเริ่มต้นลอบโจมตี ลุงคิดว่าเราจะสามารถถ่วงเวลาคณะปกครองสวี่ซิ่วได้ไหม?” ถังเทียนถามความเห็นปิง
ปิงเข้าใจทันทีว่าถังเทียนมาจากไหนเขาเริ่มคำนวณและไตร่ตรองด้วยความคิดอย่างมืออาชีพ “ถ้าเราแค่ต้องการถ่วงเวลาพวกมัน เราก็ต้องเตรียมตัว เราสามารถทำได้”
ในฐานะเจ้ากรมศึกษาของกองทัพ เรื่องหลักสูตรสงครามขนาดเล็ก เป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับเขา
“เจ้า, ข้า, หลิงซิ่ว, กรงเล็บภูตพราย เราต้องมีแผนที่และถนนเพียงสายเดียวที่เราสามารถซุ่มโจมตีพวกมันได้ เราจำเป็นต้องปลอมตัว ก่อนอื่นเราจะวางแผนเส้นทางหลบหนีและสถานที่ซ่อนกรงเล็บภูตพรายจะคอยระวังหลัง ถ้าเขาถูกทำลาย เราจะสูญเสียมาก เจ้าจะไม่สามารถใช้แก่นพลังวิญญาณเรียกเขาออกมาได้ตลอดเวลาสิบวัน”
ความคิดของปิงชัดเจนมาก ละเอียดและจัดการได้ดีทำให้ถังเทียนมั่นใจมากขึ้นทันที เป็นไปตามคาด เขาคือมืออาชีพ!
“ไม่มีปัญหา หลิงซิ่วจะไม่มีปัญหาแน่นอน! ถ้าเขาไม่ช่วย ก็หมายความว่าเขาต่อต้านปณิธานของอาจารย์เขา” ถังเทียนส่ายหัวเลียนแบบเสียงและท่าทางหลิงซิ่ว “เพื่อคุณธรรม”
“ข้ารู้ว่าเราจะได้แผนที่มาจากไหน” ถังเทียนพูดทันที “สัมภาระที่อาเสวี่ยเตรียมไว้ให้เราไปทดสอบที่ประตูดวงดาวมีอยู่”
ถังเทียนพบแผนที่อย่างรวดเร็วตามคาด แผนการยังรวมถึงอีกคนหนึ่งด้วย หลิงซิ่ว ถังเทียนมาปรากฏตัวอีกครั้ง เมื่อเขาอ้างวลีว่า“เพื่อคุณธรรม” หลิงซิ่วตอบตกลงทันที
เห็นได้ชัดเจนมาก หลิงซิ่วมีพลังเพิ่มขึ้นมหาศาลเกี่ยวกับการเข้าสู่สนามต่อสู้ เขายิ่งมีความกระตือรือร้น
“พวกเขากำลังออกมาจากเมืองหมิงหวาง และมาโดยเส้นทางนี้” ปิงวาดไปตามแผนที่และชี้ “พวกเขาอยู่ในยานโดยสาร ดังนั้นข้าต้องประเมินระดับความสูงของพวกเขา ตำแหน่งที่เหมาะที่สุดของพวกเราจะอยู่ตรงนี้”
ปิงชี้ไปที่หุบเขาปากกระเรียน
ถังเทียนหัวเราะ “ข้าชอบชื่อนั้น” เมื่อได้เห็นตำแหน่งนั้นมีชื่อกระเรียนอยู่ด้วยถังเทียนรู้สึกสนิทสนมมากขึ้น
ปิงไม่สนใจเขาและยังคงพูดต่อ “หุบเขาปากกระเรียนมีพื้นที่สูงไม่กี่แห่ง และนอกจากนั้นภายในหุบเขามีบรรยากาศและอากาศไหลถ่ายเทเหมือนกับข้างนอก หุบเขาภายนอกมีพื้นที่ราบสูงและอากาศแปรปรวนวุ่นวายไม่เหมาะให้ยานลงจอด พวกเขาจะไม่มีการโจมตีแน่นอนและนั่นคือข้อได้เปรียบของเรา”
“แล้วแผนหลบหนีเป็นยังไง?” หลิงซิ่วถาม
ถังเทียนหัวเราะ “ซิ่วซิ่วน้อย เจ้ากลัวเกินไปแล้ว เมื่อเราเพิ่งเริ่มคุยกัน ใจของเจ้าก็คิดเรื่องหนีเสียแล้ว”
หลิงซิ่วเสียดสีเขา “ถ้าเจ้าเข้มแข็ง เจ้าอย่าหนีก็แล้วกัน”
ถังเทียนหนังหน้าหนากว่าที่หลิงซิ่วคาดไว้ ขณะที่เขาหัวเราะและตอบ “คอยดูก็แล้วกัน ข้าจะทุบเจ้าพวกนั้นเหมือนทุบตีสุนัขให้เจ้าดู”
ไม่มีใครสนใจเขา
เยี่ยนเซี่ยเป็นยอดฝีมืออันดับที่ยี่สิบของดวงดาว ความลึกล้ำและพลังของเขาทุกคนรู้อยู่แก่ใจดี
“หุบเขาปากกระเรียนมีประโยชน์สำหรับเราในเรื่องทำเล สภาพป่ารอบเมือบเฮยซานก็ซับซ้อนมากเหมาะอย่างยิ่งสำหรับล่อศัตรูให้ไล่ตามพวกเรา ตราบใดที่ข้าไม่ได้แยกห่างจากถังเทียนร้อยลี้ ข้าสามารถกลับมาหาเขาได้ จุดนี้ เราสามารถใช้ประโยชน์ได้”
ปิงพูดต่อ“เป้าหมายของเราคือ ถ่วงเวลา เรายังไม่สามารถทำให้พวกเขาสูญเสียเป้าหมายหลักของพวกเขาโดยสิ้นเชิง เพื่อที่ว่าพวกเขาจะยังสามารถมายังตระกูลกู้ต่อได้”
หลิงซิ่วเข้าใจเรื่องนั้นและกล่าว “นั่นหมายความว่า เราต้องหนี นอกจากนี้ยังหนีเร็วมากไม่ได้”
“ใช่แล้ว!” ปิงพยักหน้า “พลังของเจ้า แม้ยังเทียบไม่ได้กับเยี่ยนเซี่ยก็ตาม แต่ถ้าพวกเขาต้องการจะฆ่าพวกเจ้าก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน”
“นั่นทำให้เราต้องปลอมตัว” ปิงลูบคางของเขา “เป้าหมายของเราไม่ใช่สู้ตายกับพวกเขาแค่เพียงถ่วงเวลาเพื่อให้เขามาปะทะกับผู้อาวุโสหวี ดังนั้นเราต้องปลอมตัว”
ถังเทียนมองดูมีความสุข ขณะที่เขาเอื้อมมือไปหยิบหน้ากากสี่สีออกมา
※※※※
หลิงซิ่วยังคงลูบหน้ากากบนหน้าของเขาอย่างตั้งใจ เขารู้สึกว่านี่อาจเป็นวันที่อัปยศที่สุดในชีวิตของเขากว่าที่เคย ใบหน้าของสวมหน้ากากแพนด้าดูน่ารักและเขาทำท่าว่าจะถอดออก
ถังเทียนปรึกษากับพวกเขา เขาอ้างว่าเป็นหน้ากากที่เหมาะกับหลิวซิ่วแล้ว เพราะสีขาวกับดำ มันตัดกันดี
ขาวกับดำ สีตัดกันดี บัดซบเอ๊ย...
หลังจากเขาเห็นหน้ากากอีกสามใบคือ หน้ากากลิงอุรังอุตัง, หน้ากากม้าและหน้ากากแมวแล้ว เขาไม่มีทางเลือกอื่นจำใจต้องใช้หน้ากากแพนด้า เขาเปลี่ยนมาใช้อาวุธหอกเหล็กกล้าที่ดูธรรมดา
ถังเทียนทำตัวเป็นเด็กทารกหยิบหน้ากากอุรังอุตังมาสวมและร้องแบบลิงอุรังอุตังทันที หน้าของปิงนั้นไม่ปกติจึงต้องเลือกหน้ากากม้า เพราะมันเหมาะกับหน้าแบบไพ่ของเขา ขุนพลวิญญาณกรงเล็บภูตพรายจึงต้องสวมหน้ากากแมว เพราะถังเทียนให้เหตุผลว่า ทั้งเขากับแมวต่างก็ใช้กรงเล็บเหมือนกัน
“พวกเจ้า! จำแผนหลบหนีได้แล้วใช่ไหม?” ปิงใช้ทัศนคติที่หนักแน่นเหมือนกับทหารที่เข้าสู่สนามรบ
ถังเทียนและหลิงซิ่วผงกศีรษะ
ในขณะนั้นยานโดยสารลำหนึ่งปรากฏต่อสายตาทุกคน
“พวกเขากำลังมา!”
สภาพจิตใจทุกคนเตรียมพร้อมสูงสุด พวกเขาซ่อนตัวและรอคอยโอกาสลอบโจมตี