ตอนที่แล้วตอนที่ 157 ตุ๊กตาห้ามุทรา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 159 วางแผน

ตอนที่ 158 พลังใจของหลิงซิ่ว


ปัง!

ความประหลาดใจและความโอ่อ่าผ่าเผยพลุ่งออกมาจากหัวใจของหลิงซิ่วแรงระเบิดของพลังที่เยือกเย็นจนพูดไม่ออก พุ่งออกมาในหัวใจเขาทันทีตามมาด้วยเส้นชีพจรที่แปลกแยกทำลายอุปสรรคที่ติดขัดได้ตลอดเส้นทาง  มีความรู้สึกเหมือนกับเข็มน้ำแข็งที่เบาบางเล่นไปตามเส้นเดินปราณของเขาทั้งหมด  เมื่อมันผ่านไปตรงเส้นปราณที่ตีบแคบไม่คุ้นเคย ร่างของหลิงซิ่วกระตุกขณะที่พลังน้ำแข็งแล่นไปตามไขสันหลังของเขา

“อ๊า... อ๊าค... อ๊า.... อ๊า...”

มันเป็นความเจ็บปวดรุนแรงจนทำให้เขาร้องโหยหวนออกมาเหมือนสัตว์ป่า  ความเจ็บปวดปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาชัดเจน ท่าทางของเขาทรมานอย่างหนัก   พลังความเย็นชอนไชกระดูกที่บิดผิดรูปในร่างกายของเขาทำให้เขาเจ็บปวดแสนสาหัสมากกว่าความเจ็บปวดตามปกติที่เขารู้สึกเป็นร้อยเท่า

“หลิงซิ่ว!”  ถังเทียนตกใจ  เขาประหลาดใจและกลัวจากสิ่งที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าของเขาเขาเตรียมจะวิ่งเข้าไปช่วย

“อย่าแตะต้องเขา!” ปิงห้ามถังเทียนอย่างขึงขัง

“ปิง!  นี่หมายความว่ายังไง?”  ถังเทียนกังวลหนัก

“นี่จะดีต่อตัวเขาเอง” ปิงกล่าว  “ขอเพียงให้เขาทนได้ตลอดกระบวนการก็พอ”

จิตใจหลิงซิ่วว่างเปล่า  ความเจ็บปวดเหมือนกับถูกเข็มนับหมื่นเล่มทิ่มแทงใส่ร่างกาย ทำให้ทั่วตัวของเขาเต็มไปด้วยรอยช้ำ  นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พบกับความเจ็บปวดอย่างนี้  แม้ว่าเขาจะจัดวันสำหรับอาบน้ำยา  แต่หลังจากผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง ร่างกายของเขาจะไม่สามารถทนรับภาระได้และจะทำให้เขามีปฏิกิริยาอย่างหนัก

เขาคล้ายกับสัตว์ป่าที่ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดเสียงก้องไปทั้งตระกูลกู้  ทุกคนสามารถได้ยินเสียง และต่างหันมาทางที่หลิงซิ่วและถังเทียนอยู่ด้วยความตกใจ

กู้เสวี่ยและเมอเรย์สีหน้าเปลี่ยนและวิ่งมาหาพวกเขา

ความเจ็บปวดตอนนี้  นอกจากความรู้สึกเหมือนถูกเข็มทิ่มแทงแล้ว ยังมีความเจ็บปวดเยือกเย็นจนเสียดกระดูกของเขา  ภายใต้ความเจ็บปวดเฉียบพลัน  ร่างของหลิงซิ่วพลันงอลงเหมือนกุ้ง

ใจของเขาว่างเปล่า  หลังจากผ่านไปนานเท่าใดไม่ทราบ ความว่างเปล่าจางหายไปช้าๆ และมีภาพชายชราคนหนึ่งเดินจูงมือเด็กน้อยคนหนึ่งออกมา

“ซิ่วเอ๊ย! อย่าฝึกวิชาหอกเลย ตราบใดที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่เป็นปกติดี  อาจารย์ก็มีความสุขมากแล้ว”

“ไม่! ท่านอาจารย์  ข้าจะต้องฝึกหอกทะเลจุดให้ได้! ข้าต้องการรู้จักความฝันของอาจารย์

“เฮอะ,,, อาซิ่วเจ้าต้องรับรู้ถึงความฝันตนเอง  ไม่ใช่ความฝันของอาจารย์ของเจ้า”

“แต่รับรู้ถึงความฝันของอาจารย์ก็คือความฝันของซิ่ว!”

….

เด็กชายตัวน้อยถือหอกไม้ที่ยาวกว่าตัวเขามากและฝึกฝนตามลำพัง

ผิด, ผิด, ผิดอีกแล้ว หน้าของเด็กชายซีดขาว  ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาแสดงความเจ็บปวดบนใบหน้า  แต่เขาก็ยังฝืนอดทนฝึกฝนต่อไป

ตุ้บ, เด็กชายตัวน้อยอ่อนเพลียก้นจ้ำเบ้ากับพื้น ขณะที่เขารู้อูยยดังลั่น

….

“ซิ่วเอ๊ย, อย่าท้อถอย ความจริงไม่เป็นไรหรอก  อาจารย์เองก็ไม่เคยฝึกหอกทะเลจุดได้สำเร็จจริงๆ”

เด็กชายหยุดร้องไห้  เขาเชิดหน้าขึ้นตาทั้งสองที่เต็มไปด้วยน้ำตา เต็มไปด้วยความสงสัย  “อาจารย์ มีคนที่เคยหอกทะเลจุดได้อย่างเชี่ยวชาญมาก่อนไหม?”

ชายชราเงียบ  หลังจากนั้นชั่วขณะ เขาก็ผงกศีรษะ  “ใช่แล้ว”

“เขาคือใคร?  เขาทรงพลังนักหรือ?”  เด็กชายช่างสงสัย

ความเจ็บปวดและความเศร้าปรากฏอยู่ในแววตาของชายชรา  “เขาคือคนเลวแต่มีพรสวรรค์ เขาต้องการแต่พลัง  เขาทรยศต่อศรัทธาของตนเอง ซิ่ว, เจ้าต้องจำไว้เสมอ  ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม เจ้าต้องเป็นคนดีเสมอ”

เด็กชายรู้สึกว่าเข้าใจได้ยากคนเลวแต่มีพรสวรรค์เป็นยังไง ขณะที่เขาพยักหน้าเข้าใจเพียงครึ่งเดียว  “เสี่ยวซิ่วจะจดจำไว้  อาจารย์ เขาฝึกเชี่ยวชาญหอกทะเลจุดได้อย่างไร?”

“พลังใจ”  เสียงหัวเราะของอาจารย์เต็มไปด้วยความลำบากเต็มฝืน  “แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนดีแต่เขามีอุตสาหะมากที่สุดและมีพลังใจสูงสุด เขาอำมหิตกับตัวเองมากที่สุด  เขาเป็นคนแบบนั้น

“อาจารย์,  พลังใจคืออะไร?”  เด็กชายนัยน์ตาเบิกกว้างถาม

“พลังใจนั้นคือสิ่งที่ไม่ว่าเจ้าจะตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ใด  เจ้าจะต้องมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้” อาจารย์ลูบศีรษะเด็กชายและให้กำลังใจอย่างอบอุ่น “ซิ่ว, เจ้าต้องเป็นลูกผู้ชายด้วยพลังใจในอนาคต เข้าใจไหม?”

“อืม”  เด็กชายพยักหน้าขึงขัง  เขายอมรับและจดจำไว้

แค่เพียงมีพลังใจก็สามารถทำให้เขาเชี่ยวชาญวิชาหอกทะเลจุดได้  ต้องมีพลังใจไม่ว่าเขาจะตกอยู่ภายใต้สภานการณ์ใด  เขาต้องไม่ยอมแพ้

….

หลิงซิ่ว  เจ้าต้องการยอมแพ้ไหม..ไม่, เจ้ามิอาจยอมแพ้อย่างแน่นอน

ข้ามีพลังใจอย่างแน่นอน  ข้าจะเป็นยอดฝีมือวิชาหอกทะเลจุดให้ได้!

เงาร่างผอมบางโดดเดี่ยวยังคงล้มลงในหิมะอย่างต่อเนื่อง  บางครั้งเขาก็แสดงความเจ็บปวดออกมา ใบหน้าของเด็กชายขาวซีดเหมือนหิมะที่อยู่บนพื้น

จนกระทั่งวันหนึ่ง  เขาใช้ส่วนระหว่างนิ้วปั่นหอกไม้โดยมิได้ตั้งใจ และหอกไม้ก็ปล่อยพลังบางอย่างออกมาทันที

เขาตะลึงอยู่ชั่วขณะและร้องลั่นด้วยความดีใจ เสียงของเขาสั่นสะเทือนจนหิมะบนต้นไม้ร่วงลงมา

….

ในท่ามกลางหิมะฤดูหนาว  ร่างอ่อนแองอหลังอยู่ในกองหิมะหนาใช้นิ้วของเขาขุดชั้นหิมะซึ่งหนาแข็งดุจเหล็กอย่างต่อเนื่อง

ในฤดูใบไม้ผลิ  เด็กชายจะเปลือยกายท่อนบน ร่างกายที่ไม่สมประกอบของเขาหลั่งเหงื่อตลอดเวลา แผลที่นิ้วทุกนิ้วจะพันเชือกหนังที่ทนทานไว้และปลายเชือกอีกด้านหนึ่งพาดกับกิ่งไม้และผูกท่อนไม้ซึ่งหนากว่าตัวของเขา

ในฤดูร้อน  ร่างที่อ่อนแอจะค่อยๆปีนขึ้นบนหน้าผาสูงชัน  นิ้วของเขาจิกเข้าไปในเนื้อหิน หยดเหงื่อไหลย้อยมาถึงคางของเขา  ร่างของเขาค่อยๆขยับไป  ทันใดนั้นหลังของเขาพลันแข็งตรงไม่สามารถไปต่อได้เขาร่วงลงมาจากหน้าผาสูงหลายร้อยเมตร  กระแทกและจมลึกลงไปในสระน้ำธรรมชาติเบื้องล่าง หน้าผาสูงหลายร้อยเมตร  มีรูขนาดนิ้วมือคนเจาะไชนับไม่ถ้วน

ในฤดูใบไม้ร่วง  ในป่าไม้สีทองร่างอ่อนแอจะใช้นิ้วของเขาบิดหมุนหอกไม้อย่างหนัก  ชี่ชี่ ชี่ ยิงทะลวงใบไม้ที่ร่วงในท้องฟ้า

….

ไม่ว่ายังไง  เจ้าจะยอมแพ้ไม่ได้

คำพูดของอาจารย์เป็นเหมือนฟ้าผ่ากึกก้องอยู่ภายในใจของเขา

ท่ามกลางความเจ็บปวดจากความเย็นยะเยือกที่ชอนใชไปตามกระดูกสันหลังของเขา  พลังแปลกที่ไม่คุ้นเคยบางอย่างถูกปลดปล่อยออกมาพลังนี้โคจรไปทั้งร่างของเขาและเข้าไปในนิ้วทั้งสิบ

หลิงซิ่วรู้สึกว่ากระดูกนิ้วทั้งสิบของรู้สึกเหมือนกับถูกเสริมความแข็งแกร่งเข้าไปจนเป็นเหมือนแท่งเหล็ก

ความเจ็บปวดมิได้บรรเทาลงเลย  และมีแต่รุนแรงกล้าแข็งขึ้น แต่พลังระเบิดที่มาจากนิ้วทั้งสิบของเขารุนแรงและกล้าแข็งมาก

ความเจ็บปวดและพลังที่กล้าแข็งมากขึ้นเป็นความรู้สึกที่ขัดแย้งกันอย่างหนึ่ง  แต่ตอนนี้เริ่มผสมผสานลงตัวกันอย่างแยบยล

ทันใดนั้นหลิงซิ่วก็เข้าใจได้ทันที นั่นคือพลังใจ

พลังใจคือสะพานที่เชื่อมระหว่างความรู้สึกเจ็บปวดและพลัง

ใบหน้าของหลิงซิ่วยังคงหดเกร็งเหมือนแต่ก่อน  แต่เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาสีแดงเพลิงเริ่มปรากฏ  การเชื่อมโยงเส้นชีพจรของมุทราสราญรมย์ที่มีพลังชอนไชยังคงชอนไชไปตามกระดูกสันหลังเป็นแนวตรงจากหัวใจของเขาและโคจรเข้าสู่นิ้วทั้งสิบของเขา

อาศัยพลังใจที่น่าทึ่ง  หลิงซิ่วเริ่มคุ้นเคยกับความเจ็บปวดที่มาจากไขสันหลังของเขา หลังจากคุ้นเคยกับความเจ็บปวดแล้วเขาก็พยายามควบคุมสถานการณ์

เขามีประสบการณ์ในเรื่องนี้ดี  ร่างที่บอบช้ำของเขาก็คือคู่ต่อสู้ที่เขาต้องสู้อยู่ทุกวัน มันอยู่ในทุกที่และเป็นศัตรูตลอดชีวิต

การสูญเสียปราณของเขาทำให้เขาสูญเสียการควบคุมพลัง  เขาจึงต้องใช้ความอดทนอย่างมากและค่อยๆรวบรวมพลังที่สูญเสียไปจากการควบคุม  เขามีลักษณะเป็นคนรุนแรง แต่เรื่องเกี่ยวกับร่างกายของเขา เขามีความอดทนมาก เขารู้อย่างชัดเจนว่าร่างกายของเขาเป็นเหมือนแก้วที่สามารถแตกได้ทุกเมื่อ  ใครจะรู้กันว่าเขาได้ฝึกฝนนิ้วทั้งสิบของภายใต้สถานการณ์เช่นนั้นจนแข็งแกร่งเหมือนกับเหล็ก แต่ร่างกายส่วนอื่นของเขากลับอ่อนแอเสียเหลือเกิน

เหมือนกับแสงแพรวพราวที่ฉายขึ้นมาในท่ามกลางความมืด

ปราณที่รุนแรงในอากาศที่ห่อหุ้มตระกูลกู้ไว้พลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย  ราวกับว่าเป็นทุกคนที่เข้าใจผิดว่ามันมีอยู่ตั้งแต่แรก

ฮ่าห์..... ฮ่าห์....ฮ่าห์...

หลิงซิ่วสูดหายใจเอาอากาศเข้าไป ตาสีส้มของเขายังคงจ้องมองนิ้วตนเอง

นิ้วทั้งสิบมีสีเขียวเข้มแวววาวมองดูสะดุดตามาก เห็นได้ชัดว่ามันทรงพลังจนเขาเองต้องประหลาดใจ  ความเจ็บปวดในร่างกายของเขาเป็นเหมือนคลื่นในทะเลที่สาดซัดไม่หยุด ขณะที่มันโถมเข้าหาเขาไม่หยุดหย่อน  ในไม่ช้าเขารู้สึกว่าท้องฟ้าสวยงามเหลือเกิน แสงอาทิตย์สว่างสดใสโลกนี้ช่างงดงามยิ่งนัก

พลังหลักถูกส่งไปที่นิ้วของเขาจากกระดูกสันหลังของเขา

นิ้วของเขาที่กำหอกเบาๆได้ลองปั่นเบาๆ

พลังที่เกินคาดปะทุออกจากนิ้วมือของเขาและหอกหายวับไปทันที

วืดดด!

หอกทะเลจุดถูกปล่อยมาเป็นประกายระยิบระยับแสดงถึงฝีมือที่น่าทึ่ง และมันส่งเสียงวีด.. ทำให้ผู้คนหวาดกลัว

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าอ่าฮ่าฮ่า!”

จู่ๆหลิงซิ่วก็หัวเราะออกมา ขณะที่เขาหลั่งน้ำตาสองสายอาบแก้ม เหมือนกับน้ำค้างรับแสงอาทิตย์อุทัย

อาจารย์,  ในที่สุดข้าก็เชี่ยวชาญวิชาหอกทะเลจุดอย่างแท้จริงแล้ว

ถังเทียนจ้องมองหอกทะเลจุดที่น่าทึ่งอย่างว่างเปล่าขณะที่มันค่อยๆ หายไปจากท้องฟ้าช้าๆ  เมื่อหอกเงินของหลิงซิ่วหายไปจากมือของเขาก่อนนี้ ความจริงถังเทียนมองไม่ทัน

หอกทะเลจุดที่หลิงซิ่วใช้ออกมานั้นแข็งแกร่งกว่าเดิมถึงเท่าตัว

“เฮ้!”  สภาพใจของหลิงซิ่วกลับสงบเหมือนเดิมเขาหันมาทางถังเทียนขณะที่มือโอบหอกเงินไว้  “ขอบคุณสำหรับท่ามุทรานี้”

“อา..”  ในที่สุดถังเทียนก็ตื่นจากอาการโง่งม  เขาเรียกความรู้สึกจากอาการตกตะลึงได้และเอามือถูจมูกหัวเราะลั่น  “เป็นยังไงเล่า? ติดตามลูกพี่คนนี้  เจ้าก็มักจะได้อะไรดีๆเสมอนั่นแหละ  สุดยอดไหมเล่า!  มามามา, เด็กดี, เรียกข้าว่าพี่ใหญ่ซะดีๆ”

“งี่เง่าเอ๊ย!”  หลิงซิ่วกลอกนัยน์ตา และหันหลังให้ถังเทียนกล่าวว่า “ระวังให้ดี  ไม่อย่างนั้นข้าจะทิ้งเจ้าไว้ข้างหลังห่างไกล, และข้าไม่อยากให้เจ้าเป็นตัวถ่วงเสียด้วย”

“อารายนะ, แพ้เจ้าน่ะเหรอ?” ถังเทียนโมโห  เขากระโดดผางชี้หลังหลิงซิ่วและโวยวาย“มาเล้ยๆ ซิ่วซิ่วน้อยข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสวิชาเทวรูปห้ามุทราเดี๋ยวนี้แหละ  ข้าจะซัดเจ้าให้เลือดออกเลยคอยดู”

หลิงซิ่วโบกมือให้เขา  และเดินออกมาโดยไม่ต่อปากต่อคำแต่อย่างใด

กู้เสวี่ยตอนแรกก็กลัวแต่แล้วก็ระบายลมหายใจอย่างโล่งอก  นางต้องการแนะนำถังเทียนให้ออกไปก่อน โดยไม่ต้องรอให้นางเปิดปากพูด  นางได้ยินเสียงรำพึงของถังเทียน “ไม่มีทาง  ถ้าข้าโดนซิ่วซิ่วน้อยแซงหน้าได้ ข้าก็เสียหน้าน่ะสิ!”

พอพูดจบเขาโบกมือให้กู้เสวี่ยกับเมอเรย์แล้วหายไป

กู้เสวี่ยและเมอเรย์ทำได้แต่เพียงฝืนหัวเราะ ขณะนั้นบุรุษคนหนึ่งกระหืดกระหอบวิ่งเข้ามาทันทีเขาเป็นคนส่งจดหมายที่กู้เสวี่ยส่งออกไป

“คุณหนู, คุณหนู!” คนส่งสารตื่นเต้นมาก “ผู้เฒ่าหวีเห็นด้วยแล้ว เขาเห็นด้วย!”

กู้เสวี่ยและเมอเรย์ตะลึง  แต่ไม่นานพวกเขาก็รู้สึกยินดี

“จริงๆ หรือ” กู้เสวี่ยโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก  นางตื่นเต้นมากเนื่องจากนางเริ่มพูดไม่ปะติดปะต่อ “เยี่ยมมาก, เยี่ยมจริงๆ ผู้เฒ่าหวีเต็มใจรับปาก เยี่ยนเซี่ยและพวกที่เหลือก็ต้องหนักใจกันบ้างแล้ว”

เมอเรย์กำมือหนักแน่น  เขามีอารมณ์ปลาบปลื้ม

“ผู้เฒ่าหวีบอกว่าเรื่องนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้  เขาติดต่อกับยอดฝีมือสองสามคนจากตระกูลอื่นไว้แล้ว”  คนส่งสารยังคงตื่นเต้น  “เขาจะมาถึงได้ทุกเมื่อ!  สำหรับยอดฝีมือที่เหลือจากตระกูลอื่น  พวกเขาจะตามมาทั้งหมดในภายหลัง”

กู้เสวี่ยเต็มไปด้วยความสุข  “ให้คนไปจัดพื้นที่ชั้นล่างไว้  ต้องแน่ใจว่าทุกอย่างเตรียมการพร้อมเพื่อต้อนรับการมาถึงของผู้เฒ่าหวี”

เมอเรย์ผงกศีรษะ  “ปล่อยให้ข้าจัดการเอง!”

กู้เสวี่ยส่งคนไปขอความช่วยเหลือ  ในที่สุดตระกู้ก็มองเห็นโอกาสอยู่รอด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด