ตอนที่ 157 ตุ๊กตาห้ามุทรา
ยานโดยสารที่มีสัญลักษณ์ของคณะปกครองสวี่ซื่อกำลังบินอยู่ในอากาศ
“เจ้าแน่ใจนะว่าเป็นอาวุธจักรกลของกองทัพดาวกางเขนใต้?” บุรุษร่างใหญ่โตล่ำสันถาม เขาจิบไวน์แดงโดยไม่แตะต้องอาหารที่ตั้งอยู่ข้างหน้าเขา เขาจดจ่ออยู่กับการชิมไวน์แดงขณะที่สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเรื่อย
เขามีใบหน้าเหลี่ยมตาตี่จนคนมองไม่ออกว่าเขามีความสุขหรือว่าโกรธเขาสวมชุดยาวสีขาวล้วนนั่งตัวตรงแน่วแม้ในขณะที่จิบไวน์แดง
เยี่ยนเซี่ยคือรองหัวหน้าคณะปกครองสวี่ซื่อ
“ใช่แน่นอน” กงอี้ซิ่วหัวเราะเบาๆน้ำเสียงของเขาจริงจัง “มันมีชื่อว่าเสือเขี้ยวดาบเป็นอาวุธชั้นบรอนซ์ ถือว่าเป็นอาวุธจักรกลที่น่ากลัวจากกองทัพดาวกางเขนใต้ หลังจากผ่านมานานหลายปี จำนวนอาวุธจักรกลมีน้อยจนน่าใจหาย นี่นับเป็นโอกาสดี ถ้าเราปล่อยมันหลุดมือไป เราก็สมควรถูกฟ้าผ่า”
ลักษณะของกงอี้ซิ่วหล่อเหลาและอ่อนโยน ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ เขาจิบไวน์และทนมองดูชิ้นซี่โครงที่เขาบรรจงตัดจากนั้นใช้ส้อมจิ้มมันใส่เข้าปาก เขาง่วนอยู่กับมารยาทในการกิน ภาษากายของเขาดูดีเป็นธรรมชาติมาก
“ข้าได้ยินมาว่าพี่น้องตระกูลหัวตายในเงื้อมมือพวกมัน” บุรุษร่างใหญ่เคราดกท่าทางดุร้ายกล่าว “สามารถกำจัดพี่น้องตระกูลหัวได้ พลังของพวกมันนับว่าไม่อ่อนแอแล้ว”
บุรุษร่างใหญ่นามว่าอูหนาน เป็นนักสู้แข็งแกร่งลำดับสามสิบเก้าในดาวไพรมายา!
“ปล่อยมันให้พี่ใหญ่จัดการ” เสียงหนึ่งที่ดูเหมือนไม่สนใจอะไรดังขึ้นจากมุมหนึ่ง เสียงนั้นดังมาจากร่างที่อ่อนแอ มือข้างหนึ่งกำลังจับขาลูกแกะอีกมือหนึ่งกำลังกระดกแก้วเหล้าอย่างดุเดือด แก้มของเขาแดงก่ำ นัยน์ตาเยิ้มมึนเมาตลอดทั้งร่างเปียกน้ำมัน
สั่วกวงยอดฝีมืออันดับห้าสิบสองของดาวไพรมายา
“นั่นเป็นความจริง” กงอี้ซิ่วพยักหน้าเห็นด้วย “สำหรับเด็กอย่างข้าที่อยู่อันดับเจ็ดสิบเก้าข้าคงได้แต่กินข้าวนุ่มๆอยู่ในมุมหนึ่งเท่านั้น”
เยี่ยนเซี่ยตื่นจากอาการเคลิ้มจากการดื่มไวน์เขาพูดขึ้นอย่างไม่เกรงใจตามปกติ “ถ้าเจ้ามัวแต่วิตก เจ้าจะรู้สึกแย่จริงๆ”
น้ำเสียงของเยี่ยนเซี่ยเย็นชามาก เขามีอำนาจมากพอจะพูดเช่นนั้นเพราะเขาเป็นยอดฝีมืออันดับยี่สิบในดาวไพรมายา แม้ถ้าเทียบกับผู้นำแล้ว เขาห่างกันแค่เจ็ดอันดับก็ตาม
กงอี้ซิ่วฝืนหัวเราะขณะที่เขาโบกมือ “พี่ใหญ่! ท่านไม่มั่นใจในตัวข้าหรือถึงได้ทำร้ายข้าย่ำแย่เสียอย่างนั้น”
สั่วกวงกำลังกินเนื้อเต็มปากอยู่ที่มุมกล่าว “ไม่ว่าจะเป็นวิชาเครื่องกลใดๆก็ตาม อาซิ่วเชื่อถือได้เสมอ”
อูหนานผงกศีรษะ “นั่นก็ถูกแล้ว แต่ว่าอาซิ่วเจ้ามั่นใจนะว่าสามารถสร้างเลียนแบบได้?”
กงอี้ซิ่วตบอกน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกมั่นใจในตนเอง “ใช่แล้วตราบใดที่เจ้าเอาอาวุธจักรกลของจริงจากกองทัพดาวกางเขนใต้มาให้ข้าได้ ข้าสามารถสร้างเลียนแบบได้สำเร็จแน่นอน ความจริงของเลียนแบบของข้าทั้งหมดสร้างได้ใกล้เคียงของจริงอยู่แล้ว”
“ข้าเคยเห็นงานฝีมือของเจ้ามาก่อน ถือว่าไม่เลวจริงๆ” เยี่ยนเซี่ยลืมตาและพยักหน้า “ข้าได้คุยเกี่ยวกับเรื่องนี้กับนายท่านมาก่อนแล้ว เขาให้การสนับสนุนเป็นอย่างดีพวกเจ้าทุกคนรู้ดีว่านายท่านมีสัมพันธ์โยงใยกับองค์การวิญญาณมืดในระดับลึก เมื่อเขาสนับสนุนเราเราก็ไม่ใช่แมลงตัวเล็กตัวน้อยอีกต่อไป แต่ผลกำไรร้อยละเจ็ดสิบแบ่งให้เจ้านาย และที่เหลือแบ่งกันระหว่างเรา”
โส่วกวงพึมพำกับตนเอง “เจ้านายรับมากเกินไปแล้ว”
“หุบปาก!” เยี่ยนเซี่ยคำราม บรรยากาศและอุณหภูมิในห้องลดลงทันที ร่างของสั่วกวงแข็งค้าง เยี่ยนเซี่ยจ้องดูเขาและพูดเย็นชา “ข้าไม่ต้องการได้ยินคำพูดเช่นนั้นอีกความเคลื่อนไหวของเราครั้งนี้เป็นข้อต้องห้าม ตระกูลกู้บริจาคสม่ำเสมอเป็นจำนวนมากทุกปี คณะปกครองสวี่ซื่อไม่เคยก้าวก่ายในกิจการของตระกูลอื่น ถ้าเราทำรุนแรงกับคนเก่าคนแก่จากตระกูล ถึงเวลานั้นนายท่านก็ช่วยเราไม่ได้”
พวกที่เหลือพากันเงียบ
แม้ว่าเยี่ยนเซี่ยไม่ได้เห็นอะไรเขายังคงพูดต่อ “ด้วยการแทรกแซงของนายท่าน อาวุธจักรกลสามารถขายให้องค์การวิญญาณมืดได้ทุกส่วน ส่วนแบ่งร้อยละสามสิบถือว่าเพียงพอให้เราได้ใช้แล้ว ส่วนแบ่งร้อยละเจ็ดสิบดูเหมือนว่ามากแต่คนที่อยู่เหนือเจ้านายเขาก็ต้องจ่ายให้ด้วยไม่ใช่หรือ?”
กงอี้ซิ่วหัวเราะเบาๆ เขาพูดทำลายความเงียบ “ใช่แล้ว ใครจะรู้ ข้ายังสามารถกลายเป็นวิศวะเครื่องจักรกลอันดับหนึ่งก็เป็นได้”
สีหน้าของอูหนานกลับคืนสู่สภาพปกติและเขาพูด“ก็แค่หวังว่าตระกูลกู้จะเห็นเหมือนกับเรานะ”
เยี่ยนเซี่ยจิบวายแดง หลังจากนั้น เขาถาม “พวกมันมีสิทธิ์ปฏิเสธหรือ?”
※※※※
“คนที่มาสี่คนได้แก่รองหัวหน้าคณะปกครองสวี่ซื่อ เยี่ยนเซี่ย, อูหนาน, สั่วกวงและกงอี้ซิ่ว” หน้าของเมอเรย์เขียวคล้ำ แม้ว่าคณะปกครองสวี่ซื่อที่มาจะมีเพียงสี่คนแต่ไม่ว่าใครก็ตามที่เห็นรายชื่อของผู้มาก็ไม่ได้รู้สึกเลยว่าโชคดีแม้แต่น้อย
เยี่ยนเซี่ย!
พลังของคนผู้นี้เพียงพอจะกวาดล้างตระกูลกู้ได้ทั้งหมด เขาอำมหิตและไร้เหตุผลมากและสองชุ่มไปด้วยเลือด
แม้ว่าความแตกต่างอันดับที่ 20 และ 50 ก็คือ 30 อันดับ แต่คุณภาพของนักสู้ทั้งสองแตกต่างห่างไกล พี่น้องตระกูลหัวรวมกันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อกรกับเยี่ยนเซี่ย ลองสมมติกันว่านักสู้ห้าสิบอันดับแรกเป็นสุดยอดห่วงโซ่อาหารของดาวไพรมายา อย่างนั้นเยี่ยนเซี่ยก็อยู่ในจุดสูงสุด
เขาอยู่ในจุดสูงสุดซึ่งอยู่ห่างออกไปแค่เพียงไม่กี่ก้าว
สีหน้าของกู้เสวี่ยดีขึ้น ความทุกข์ยากลำบากและความเจ็บช้ำทรมานที่นางได้เผชิญมาทำให้นางมีจิตใจแข็งแกร่งขึ้น นางสามารถตั้งรับความสิ้นหวังและอารมณ์กดดันในใจนาง ขณะที่นางพยายามอย่างดีเพื่อสงบจิตใจ “ลุงยังพบความเคลื่อนไหวอะไรอื่นอีกไหม?”
“ไม่เลย” เมอเรย์ส่ายศีรษะ สายตาของเขามองอย่างสูญเสีย
หรือว่าสวรรค์ต้องการให้ตระกูลกู้ตาย....
※※※※
ถังเทียนจมลึกอยู่ในอยู่ในท่ามือ (มุทรา) ห้าท่าจนถึงขั้นลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ท่ามุทราทั้งห้ามีความมหัศจรรย์ในตนเอง ถังเทียนจัดการจำแนกท่าเหล่านั้นเป็น มือเด็ดบุปผา,กระบี่กำสรวล, หมัดพิโรธ, มุทราจิตไร้ลักษณ์และมุทราสราญรมย์
ท่ามุทราทั้งห้า เมื่อเทียบกับวิทยายุทธปัจจุบันแล้วแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงแต่ละท่ามุทราสอดคล้องกับเส้นชีพจรเส้นหนึ่งและมุทราทั้งห้าก็สอดคล้องกับเส้นชีพจรทั้งห้าเส้น
เส้นชีพจรห้าเส้นนี้ไม่เป็นที่รู้จักและลึกลับถังเทียนไม่เคยได้ยินมาก่อน เขาไปถามปิงซึ่งปิงก็สั่นศีรษะเช่นกัน เขาไม่เคยได้ยินเรื่องอย่างนี้มาก่อน
ถ้าถังเทียนโคจรปราณเที่ยงแท้ขณะทำท่ามุทรา จะช่วยให้เขาใช้พลังปราณเที่ยงแท้ได้สอดคล้องกับเส้นชีพจร มุทราแต่ละท่าให้ผลลัพธ์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ท่ามุทรามือเด็ดบุปผาทำให้ร่างของเขาอบอุ่นมาก รู้สึกสบายและเป็นท่ามุทราที่ถังเทียนโปรดปรานท่ามุทรากระบี่กำสรวลทำให้เขาจมอยู่กับความรู้สึกเศร้าโศกแม้แต่ปราณเที่ยงแท้ของเขาก็ให้ความรู้สึกหม่นหมองเช่นกัน หมัดพิโรธทำให้ทั่วทั้งร่างของเขาแทบถูกเผาไหม้ไม่มีความรู้สึกกลัวเต็มไปด้วยจิตวิญญาณนักสู้ มุทรจิตไร้ลักษณ์ให้ความรู้สึกว่าใจของเขาไร้รูปประสาทความรู้สึกทั้งห้าไวต่อความรู้สึกมาก ขณะที่มุทราสราญรมย์ ทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าหัวใจของเขาแข็งแกร่งดุจเพชรและมีความมุ่งมั่น
มุทราทั้งห้าหมุนเวียนเป็นวัฏฏจักรไม่สิ้นสุด
ถังเทียนสงสัยเรื่องราวของดาวเนตรโลหิตที่เป็นเหมือนกับดาวตก เป็นดาวแบบไหนกันแน่ที่ให้กำเนิดวิทยายุทธประหลาดเช่นนั้น
ในวันที่สาม ถังเทียนก็ลืมตา
ตาของเขาคลุมไปด้วยแสงระยิบระยับและรังสีเลือนราง หลังจากนั้นชั่วขณะแสงรัศมีเขียวอ่อนก็ค่อยๆกลับเข้าไปในตัว
“ดูเหมือนว่าเจ้าได้รับอะไรมามากเลยนะ” น้ำเสียงของปิงเสียดสีเล็กน้อย แต่ก็ยังมีความสงสัยใคร่รู้แฝงอยู่ในน้ำเสียงของเขา
“เป็นวิทยายุทธที่แปลกและน่าสนใจ”น้ำเสียงของถังเทียนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ถ้ามีโอกาสในครั้งต่อไป ข้าจะไปค้นหาดาวเนตรโลหิต ข้าต้องไปที่นั่นเพื่อชื่นชมสถานที่นั้นให้ได้”
ท่ามุทราห้าท่าประหลาดและน่าสนใจมากจริงๆ
วิชาต่อสู้แต่ละวิชา มักจะตามมาด้วยกฎของการได้รับประสบการณ์ใหม่ที่ไม่คุ้นเคยเสมอเพื่อทำความคุ้นเคยและปรับโครงสร้าง แต่มุทราห้าท่านี้ไม่เป็นเช่นนั้น ตั้งแต่เส้นชีพจรทั้งห้าถูกเปิด พลังมุทราก็ถูกปลดปล่อยออกมาทันทีหลังจากนั้นก็ไม่มีสัญญาณของการพัฒนาต่อ
เส้นชีพจรทั้งห้ามีลักษณะทั่วไปทั้งหมด มันอยู่ห่างกันมาก มักถูกละเลยและคับแคบ
การใช้ห้าท่ามุทราถังเทียนจับความรู้สึกเอาเอง ท่ากระบี่กำสรวลและหมัดพิโรธเหมาะสำหรับใช้ต่อสู้อย่างไม่ต้องสงสัยขณะที่มือเด็ดบุปผาจะใช้ช่วยส่งเสริมในการฝึกปราณเที่ยงแท้ มุทราสราญรมย์ใช้บรรเทาจิตานุภาพที่รุนแรงของคน ทั้งสองท่ามุทรานี้มีประสิทธิภาพในการฝึกฝนประจำวันและมีผลในระยะยาว ส่วนท่ามุทราจิตไร้ลักษณ์สร้างความประหลาดใจให้ถังเทียนมากที่สุดเพราะสามารถเพิ่มสัญชาตญาณให้ผู้ใช้ในระยะเวลาสั้นๆ สามวัน สัญชาตญาณของถังเทียนเพิ่มขึ้นจากสิบสามเท่าเป็นสิบแปดเท่าของมาตรฐานทั่วไป!
เมื่อสัญชาตญาณถึงระดับสิบห้าเท่าของนักสู้โดยเฉลี่ย อย่างนั้นก็ควรจะเรียกว่าเป็นตัวคูณตามความเห็นของปิง
สัญชาตญาณทวีคูณสิบแปดเท่า!
เมื่อปิงได้ยินเช่นนั้น เขาถึงกับอึ้งไปทั้งตัว อาการตะลึงของปิงทำให้ถังเทียนปกปิดความพอใจไว้ภายในซึ่งเขาไม่สามารถพูดออกมาได้แต่ถังเทียนรู้ว่า การเพิ่มขึ้นของระดับสัญชาตญาณของเขาจากมุทราพลังจิตไร้รูปลักษณ์นั้นถึงขีดจำกัดของมันและจะไม่เพิ่มอีกต่อไป
วิชาต่อสู้ที่ประหลาดเช่นนั้น ไม่สามารถนึกภาพออกได้เลย
ถังเทียนตัดสินใจเรียกว่าวิชาตุ๊กตา 5 มุทรา
แต่ปิงหลังจากมีประสบการณ์เพิ่มขึ้น เขาปรับตัวและทัศนคติได้อย่างรวดเร็ว เขาไม่คิดถึงความประหลาดของมุทราห้าท่าอีกต่อไป แต่ยังคงใคร่ครวญถึงการเปลี่ยนแปลงในสัญชาตญาณ ผลกระทบที่จะตามมา
“ข้าเกลียดจริงๆที่แผนการฝึกฝนของข้าถูกขัดจังหวะ” น้ำเสียงของปิงไม่พอใจ แต่เขายังคงพูดต่อไป “ดูเหมือนว่าเจ้าจำเป็นต้องฝึกฝนในระยะสั้นเพื่อความเป็นไปได้ในการรับศึกที่จะมาถึงนี้”
ถังเทียนรู้สึกถึงคลื่นความมั่นใจในพลังตนเองมีมากขึ้น
สัญชาตญาณของเขาเพิ่มขึ้นถึงห้าเท่า เขาสามารถรู้สึกได้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงในตัวเขาขนานใหญ่ โลกรอบๆ ตัวเขาในตอนนี้แตกต่างออกไป มีความชัดเจนเป็นพิเศษทุกอย่างปรากฏต่อเขาเป็นอย่างดี สัมผัสรู้ทั้งหกของถังเทียนก้าวหน้าสู่ระดับใหม่
ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ถึงพลังที่แข็งแกร่ง ฮืม..คณะปกครองสวี่ซื่ออย่าหาความลำบากดีกว่า ถ้าพวกเขามา พวกเขาจะต้องโดนหวดก้นจนกว่าจะบวมบานเหมือนข้าวโพดคั่ว
“ข้าต้องใช้เวลาเตรียมสองชั่วโมง” ปิงพูดตามตรง “อีกสองชั่วโมงเจ้าค่อยกลับมาใหม่”
ถังเทียนไม่กวนใจเขา และออกไปจากค่ายฝึกทหารใหม่
เขาตรงเข้าไปหาหลิงซิ่ว วิชาตุ๊กตาห้ามุทรานอกจากกระบี่กำสรวลและหมัดพิโรธดูไม่เหมาะกับหลิงซิ่ว ส่วนอีกสามมุทราที่เหลือหลิงซิ่วสามารถเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี
“เฮ้, ซิ่วซิ่วน้อย!”
ถังเทียนตามหาหลิงซิ่วจนพบ น้ำเสียงของเขาเหมือนกับพี่ใหญ่ “มานี่เถอะ ข้าจะสอนวิทยายุทธที่น่าสนใจสองสามท่าให้เจ้า”
หลิงซิ่วเหลือกตา เขาไม่อยากถูกเจ้างี่เง่านี่รบกวนเลยจริงๆ
“ไม่มีทางเลย, ซิ่วซิ่วน้อย เจ้าไม่กล้าลองวิชานี้ใช่ไหมเล่า? เจ้ากลัวว่าเจ้าจะไม่สามารถเรียนรู้ได้และทำให้เสียหน้าใช่ไหม? โอวคุณพระช่วย! เจ้าไม่ต้องกลัวจัดและขลาดเขลาขนาดนั้นจะได้ไหม?” ถังเทียนมีสีหน้าประหลาดใจ
กึก! ตาของหลิงซิ่วเป็นประกายแวววาว เขาหันกลับมาทันทีมีสีหน้าโกรธอย่างเห็นได้ชัดขณะที่เขาวิ่งเขามา “กลัวเหรอ? เจ้าทึกทักเอาเองน่ะสิ! ไหน,มาดูหน่อย วิชาสุนัขของเจ้าเป็นยังไงบ้าง!”
เมื่อเห็นว่าหลิงซิ่วติดเบ็ด ถังเทียนหัวเราะในใจ เขาทำหน้าขึงขัง และทำท่ามุทรามือเด็ดบุปผา
หลิงซิ่วคำราม เขาทำอย่างเดียวกันโดยไม่ลังเล อยู่ชั่วขณะ เขาจ้องถังเทียนอย่างเหลืออด “เจ้าล้อเลียนข้าเหรอ?”
ถังเทียนตะลึง, ไม่มีผลเหรอ? เขาเปลี่ยนท่ามุทราเป็นจิตไร้รูปลักษณ์ทันที แล้วพูด “ลองดูท่านี้”
หลิงซิ่วทำตามเช่นเดียวกับเขา แต่ไม่มีผลสนองตอบอะไรแม้แต่นิดเดียว หลิงซิ่วตากระตุก อุณหภูมิร่างกายเพิ่มขึ้นพรวดพราดและระเบิดอารมณ์โกรธออกมาทันใด “เจ้าล้อข้าเล่น เจ้าบังอาจล้อข้าเล่น....”
“ท่าสุดท้ายแล้ว” ถังเทียนตัดบทเสียงตะโกนของหลิงซิ่วและแสดงท่ามุทราสราญรมย์ “ถ้ามุทรานี้ไม่มีผลต่อเจ้า ข้าจะยอมรับความพ่ายแพ้”
หลิงซิ่วหัวเราะน่ากลัว “เจ้ากล้าดีนี่! รอเดี๋ยว ข้าจะแทงเจ้าให้พรุนเป็นรังผึ้งเลย”
เขาตั้งท่ามุทราสราญรมย์อย่างไม่จริงจังนัก แม้ว่าจะเป็นท่าเลียนแบบ แต่ท่าทางของเขาก็ทำได้ถูกต้องมาก
เมื่อเขาตั้งท่ามุทราสราญรมย์ได้สำเร็จ สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น!