ตอนที่ 156 คณะปกครองสวี่ซื่อ
“เทวรูปห้าตา?” ถังเทียนสงสัยเมื่อได้ยินเสียงอุทานของกู้เสวี่ย
“อืมมมม!” กู้เสวี่ยพยักหน้ายืนยัน “ประมาณพันปีหลังจากรัชสมัยของหมู่ดาวแมงป่อง มีดาวดวงหนึ่งจู่ๆก็มีชื่อเสียงขึ้นมาเรียกกันว่าดาวเนตรโลหิต ดาวเนตรโลหิตมีสิ่งพิเศษที่เรียกกันว่าตุ๊กตาเนตรโลหิต ข้าเพิ่งจะนึกออกเดี๋ยวนี้เอง พลังของตุ๊กตาเนตรโลหิตนั้นโดดเด่น พวกเขาสร้างกองทัพตุ๊กตาเนตรโลหิตเพื่อต่อสู้ในสงครามของพวกเขา”
“ทรงพลังขนาดนั้นเชียวหรือ? ข้าคิดว่ามันมีพลังปานกลางนะ แต่ก็ต้องพูดเลยว่าวิธีการของพวกมันแปลกไปบ้าง” ถังเทียนถือโอกาสยืดอกลำพอง
ปิงอดไม่ได้ ถึงกับแค่นเสียง “จิตวิญญาณพลังยุทธของพวกมันลดอ่อนลงจนเหลือเพียงเท่านั้น เจ้าใช้เวลาตั้งมากมายยังกล้าลำพองอีกเหรอ?”
ถังเทียนร้อง “แต่ก็เห็นชัดแล้วนี่ว่า ข้าเป็นคนจบการต่อสู้ได้ก่อนลุงเสียอีก”
ปิงเยาะเย้ย “นั่นเป็นเพราะเจ้ามีถุงมือกระเรียนฟ้า ท่าทางน้ำเสียงเจ้าไม่ได้ยอมรับนับถือตาแก่คนนี้เลยแม้แต่น้อย โอว...เจ้าไม่เคารพครูฝึกของเจ้าด้วย เฮอะๆ.. ถ้านี่เป็นยุคในอดีต และเรามีทหารใหม่อีกคนที่ไม่ใช่เจ้าออกมาสู้กับตุ๊กตาห้าตัวนี้ พวกเขาก็สามารถจบงานได้เพียงลำพัง และต้องถือว่าเป็นความอับอายขายหน้า ถ้าพวกเขาถึงกับต้องให้นายทหารออกมาช่วยพวกเขา! โอวและเจ้ายังใช้เม็ดพลังวิญญาณไปถึงสิบลูกเพื่อเรียกกรงเล็บภูตพรายออกมาฮึ.. ใช้ไปตั้งมากมายอย่างนั้นถือว่าน่าขายขี้หน้ายิ่งกว่าครั้งไหนๆ เสียอีก”
“มาเลย, มาสู้กันเลย!ใช้หมัดตัดสินกันเลยดีกว่าว่าใครถูกใครผิด” ถังเทียนโมโหชี้นิ้วใส่ปิง
ปิงเหลือกตาและมองดูเขาอย่างผิดหวัง “ตอนนี้เจ้ามันก็แค่เด็กน้อย ในยุคของเราไม่เคยมีเด็กอย่างเจ้าเลย ที่บังอาจท้าทายนายทหารของตนเองทั้งที่ตนเองยังฝึกระดับทหารเกณฑ์ไม่จบ อาใช่แล้วขนาดยังสอบไม่ผ่านการอบรมทหารใหม่ เด็กรุ่นหลังอย่างเจ้าก็ท้าทายมั่วโดยไม่รู้จักประมาณตัวเองเสียแล้ว”
“ลุง ลุง ลุง...” หน้าของถังเทียนแดงก่ำ
กู้เสวี่ยมองดูถังเทียนกับปิงทะเลาะกันก็อดหัวเราะขำไม่ได้ เพื่อกันไม่ให้ทั้งคู่ทะเลาะกันนางตัดสินใจพูด ทันทีที่นางเปิดปากพูดก็สามารถดึงความสนใจพวกเขาได้
“พลังของตุ๊กตาเนตรโลหิตไม่ได้ถูกจำกัดเพียงแค่นั้น ตามหนังสือที่ข้าได้อ่านมา ดาวเนตรโลหิตถึงความรุ่งเรื่องสุดยอดได้เร็วมาก พวกเขามีผลงานรบที่ดี แต่พอหลังจากพวกเขาล่วงเกินหมู่ดาวหมาล่าเนื้อ ทางดาวเนตรโลหิตจึงทำลายประตูดวงดาวของพวกเขาทั้งหมดเพื่อป้องกันตนเอง จนกระทั่งต่อมาไม่มีผู้ใดเห็นพวกเขาอีกต่อไป ดาวเนตรโลหิตมีช่วงเวลารุ่งโรจน์อยู่สิบปี ข้าจำได้ว่าตุ๊กตาเนตรโลหิตเป็นของพิเศษมาก เมื่อพวกมันรวมเข้าด้วยกันก็สามารถเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ธรรมดานั่นก็คือเทวรูปห้าตา”
“อย่างนั้นหรอกหรือ?” ถังเทียนหมุนดูตุ๊กตาน้อยดูรอบๆ เขาถามด้วยความสงสัยขณะที่ตาเบิกจ้องด้วยความประหลาดใจ “นี่ช่างสนใจจริงๆ มันมีห้าตาจริงๆ ด้วย”
ก่อนหน้านั้น เขายังผมลุกตั้งชัน แต่ตอนนี้ถังเทียนดูได้อย่างไม่กลัว
“อืม... เป็นเรื่องยากมากที่จะได้พบกับเทวรูปห้าตา แม้ว่าไม่มีใครชอบตุ๊กตาเนตรโลหิต แต่เทวรูปห้าตาก็มีชื่อเสียงมาก พวกมันล้ำค่ามากเมื่อมีการประมูล เพราะพวกมันมีพลังเวทมนต์ ตาทั้งห้าของเทวรูปสามารถปล่อยรังสีได้แตกต่างกัน รังสีเหล่านี้สามารถกระตุ้นพลังให้กับสายเลือดเร้นในตัวของเจ้าได้”
กู้เสวี่ยกำชับถังเทียนให้ระมัดระวัง “อาเทียน, จะให้ดีที่สุดก็คือเจ้าอย่าบอกใครว่าเจ้ามีเทวรูปห้าตา
“กระตุ้นพลังสายเลือดน่ะหรือ?” ตาถังเทียนเป็นประกายและยื่นมันให้กู้เสวี่ย “อย่างนั้นข้าให้เจ้าก็แล้วกันมันสามารถช่วยเจ้ากระตุ้นพลังสายเลือดลับได้แน่นอน”
กู้เสวี่ยปลื้มใจ แต่นางสั่นศีรษะอย่างแน่วแน่ “มันแพงเกินไป นอกจากนี้ข้าไม่มีฝีมือพอจะปกป้องมันได้ อาเทียน,เจ้ายังไม่ได้กระตุ้นพลังสายเลือด เจ้าต้องใช้มัน”
ตาของกู้เสวี่ยบริสุทธิ์เหมือนน้ำใส ถังเทียนยิ้ม “ข้ามั่นใจว่าข้าไม่มีพลังสายเลือดอะไรทั้งนั้น ขนาดเพิ่งกลืนสายเลือดแคระและสายเลือดเทพลงไปก็ยังไม่มีอาการสนองตอบแต่อย่างใด ของจะเสียเปล่าได้ ถ้าให้ข้าเก็บไว้ ถ้าเจ้ามีของสิ่งนี้เก็บไว้ อาเสวี่ย! เจ้าอาจไม่ต้องใช้วิธีอันตรายเพื่อกระตุ้นสายเลือดของเจ้าก็ได้”
หลังจากนั้นถังเทียนก็ยัดเทวรูปห้าตาไว้ในมือของกู้เสวี่ย “รับไว้เถอะ”
ก่อนจะรอให้กู้เสวี่ยตอบรับ เขามองดูท้องฟ้า “เวลาล่วงเลยมามากแล้ว เราต้องกลับกันแล้ว ไปเถอะ”
ถังเทียนคว้าตัวกู้เสวี่ยและทะยานขึ้นไปในอากาศ
กู้เสวี่ยขบริมฝีปากแน่น และเงียบอยู่ตลอดเวลา
ทั้งสองคนเพิ่งกลับมาถึงตระกูลกู้ ก็เห็นเมอเรย์กำลังมีสีหน้ากังวล นางสลายรอยยิ้มและถามอย่างใจเย็นว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
เมอเรย์ฝืนยิ้ม “ข้าเพิ่งได้รับข่าวว่าคณะปกครองสวี่ซื่อจะมาที่ตระกูลกู้เพื่อท้าสู้ในอีกห้าวัน พวกเขากำลังขอให้เราร่วมมือ”
กู้เสวี่ยดูกระวนกระวายและโกรธ “ต่อให้สวี่ฉางเทียนเป็นคณะปกครองในดาวไพรมายา แต่เขาจะเข้ามาแทรกแซงเรื่องของตระกูลกู้ได้อย่างไร?”
“คณะปกครองคืออะไรเหรอ?” ถังเทียนมองด้วยความสงสัย
กู้เสวี่ยกัดฟันนาง ตาเต็มไปด้วยความโกรธและอธิบาย “ดาวไพรมายาเป็นขององค์การวิญญาณมืด องค์การวิญญาณได้แต่งตั้งหัวหน้าผู้ปกครองดาวอย่างดาวไพรมายา ภายใต้ผู้นำของดาว มีคณะปกครองสามถึงห้าคน ดาวไพรมายาเป็นดาวเล็กดังนั้นจึงมีคณะปกครองอยู่เพียงสามคน ผู้นำดวงดาวและคณะปกครองเป็นยอดฝีมือขององค์การวิญญาณมืด พวกเขาทรงพลังแข็งแกร่งมาก”
ถังเทียนตาเบิกกว้าง “พวกเขาแข็งแกร่งมากแค่ไหน?”
“แข็งแกร่งมาก พวกเขาได้รับแต่งตั้งจากระดับเบื้องบน สวี่ฉางเทียนเป็นนักสู้อันดับสิบสามในทำเนียบดาวไพรมายา เขามีพลังแข็งแกร่งกว่าพี่น้องตระกูลหัวมาก นอกจากนั้นคณะปกครองยังมีอำนาจแต่งคณะปกครองของตนเองอีกด้วย แม้ว่าจะมีคนทำงานให้สวี่ฉางเทียนไม่มาก ราวๆ สิบคน แต่ไม่มีใครที่ไม่ใช่ยอดฝีมือ สามคนติดอยู่ในห้าสิบอันดับยอดฝีมือของดาว และพวกที่เหลือ อยู่ในอันดับไม่เกินร้อย”
“นั่นก็น่ากลัวเลยนะ” ถังเทียนสูดลมหายใจหนาวเหน็บ มีสามคนจากห้าสิบทำเนียบยอดฝีมือของดาว นั่นก็หมายความว่ามีอยู่สามคนที่เหมือนกับพี่น้องตระกูลหัว
“ฮืม! ตามทฤษฎีแล้ว กลุ่มคณะปกครองจะไม่เข้าไปก้าวก่ายเรื่องภายในตระกูล นั่นคือระเบียบของดาวไพรมายา แค่เพียงว่าในแต่ละปีเราต้องส่งรายงานเท่านั้น” กู้เสวี่ยมองดูไม่สบายใจ แต่นางสงบจิตใจได้และมองดูเมอเรย์ “ลุงเมอเรย์! ลุงลองไปสืบดู หาให้พบว่าเพราะเหตุใดคณะปกครองถึงได้มายุ่งเกี่ยวกับตระกูลกู้”
เมอเรย์พยักหน้าหนักแน่น “ได้เลย!”
หลังจากนั้น เขาเดินออกไปโดยไม่ลังเลเลย
ถังเทียนปลอบกู้เสวี่ย “อย่ากังวลไปเลยอาเสวี่ย ถ้าพวกเขาทำอะไรไม่ดี ข้าจะทุบตีพวกมันเอง”
กู้เสวี่ยฝืนยิ้ม “ฮืม.. อาเทียน,ข้าขอตัวก่อน”
ถังเทียนเข้าใจความกังวลที่ฉาบอยู่ในดวงตาของกู้เสวี่ยและกล่าวว่า “อืม..เชิญ”
เมื่อเห็นกู้เสวี่ยกังวลมาก ถังเทียนเอียงคอและไตร่ตรอง เขากำลังเดินเข้าไปในลานบ้านก็เห็นหลิงซิ่วกำลังฝึกวิชาหอก “เฮ้! ซิ่วซิ่วน้อย เจ้ารู้จักคณะปกครองสวี่ซื่อไหม?”
หลิงซิ่วหยุดและขมวดคิ้วทันที “เจ้าสร้างความไม่พอใจให้คนจากคณะปกครองหรือ? พวกมันเป็นกลุ่มคนบ้าที่ยากจะรับมือได้”
ถังเทียนดูถูกทันที “ข้าว่าเจ้ากลัวคนพวกนั้นมากกว่า”
“เหลวไหล!” หลิงซิ่วระเบิดอารมณ์เหมือนแมวโกรธ เขาคำราม “พวกมันอยู่ไหน! ข้าจะทะลวงพวกมันด้วยหอกของข้า”
“เจ้าจะทำอย่างนั้นด้วยหอกเล่มเดียวน่ะหรือ?” ถังเทียนตะลึงหลังจากได้ยินคำพูดนี้ จากนั้นเมื่อเขาคิดถึงวิชาหอกทะเลจุดที่หลิงซิ่วใช้ เขาก็รู้สึกว่ามีแนวโน้มจะเป็นเช่นนั้น
ถังเทียนที่ปกติจะโมโหเมื่อเขาโดนปิงปรามาส ค่อยวางท่าทางว่ามีฝีมือตอนอยู่ต่อหน้าหลิงซิ่ว
“ลุงเมอเรย์บอกว่าสวี่ฉางเทียนจากคณะปกครองจะลงมาต่อสู้ในอีกห้าวัน” ถังเทียนประกาศ
ความหงุดหงิดของหลิงซิ่วสงบลง ในดวงตาเขามีแววรังเกียจ “สวี่ฉางเทียนน่ะหรือ? บรรดาคนในคณะปกครอง เจ้านั่นโลภมากที่สุด! มันใช้วิธีป่าเถื่อนจัดการหลายๆ เรื่อง บริวารของมันก็เหมือนกัน พวกมันไม่ใช่คนดี! มันมาคราวนี้ย่อมมีเจตนาไม่ดี”
“มาด้วยเจตนาไม่ดี...” ถังเทียนถอนหายใจและพูดอย่างอารมณ์ไม่ดี “พวกมันควรฉลาดกว่านี้ ถ้าไม่อย่างนั้น อย่าได้โทษว่าหมัดของข้าก็แล้วกัน”
“เจ้ากำลังเข้าร่วมทดสอบผ่านประตูดวงดาวไม่ใช่หรือ? ถ้าเจ้ามีเรื่องกับสวี่ฉางเทียนเจ้าอย่าหวังเลยว่าจะผ่านได้” หลิงซิ่วมองดูถังเทียน
ถังเทียนมองเขาอย่างหยามเหยียด“ข้านึกว่าเจ้าเปลี่ยนเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่งและได้พบความหมายของคำว่าซื่อสัตย์และยุติธรรม แต่ดูเหมือนว่าเจ้ายังย่ำอยู่กับที่”
หลิงซิ่วเตือนเขาด้วยความปรารถนาดี แต่เขากลับถูกถังเทียนยอกย้อน จึงหัวเสียทันที“เดรัจฉาน! เจ้ากล้าดียังไงมาพูดเรื่องความเที่ยงธรรมกับข้า? มาเลย! เจ้าบ้า! มาซ้อมมือกันข้าจะแทงก้นเจ้าให้พรุนเป็นรังผึ้งเลย..”
ถังเทียนเหลือกตา โบกมือและหันมาตะโกนตรงๆ
“เจ้าเติบใหญ่แล้ว และพวกเจ้าทุกคนรู้แต่เรื่องท้าตีท้าต่อยทั้งวันทั้งคืน พ่อหนุ่มน้อยลองทำบางอย่างด้วยตัวเองบ้างได้ไหม? ข้าไม่มีเวลาจะมาเล่นกับเจ้า เจ้าเรียนรู้จากหนุ่มน้อยชาวฟ้าไว้จะดีกว่า เจ้ารู้ไหม ทำไมเจ้าเอาชนะข้าไม่ได้? พ่อหนุ่มน้อย เจ้าไม่ต้องมาอ้างดีกว่า อัจฉริยะร้อยละ 99 ล้วนสร้างขึ้นมาจากการอาบเหงื่อต่างน้ำฝึกฝนหนักกันทั้งนั้น....”
หลิงซิ่วหน้าแดงและตัวสั่นด้วยความโกรธ
ครั้งล่าสุดที่ถังเทียนเอาชนะเขาได้ ก็ในตอนที่เขาไม่มีหอกอยู่ในมือ แต่เจ้าบ้านี่ยังบอกเขาไม่ให้หาข้ออ้างซึ่งเป็นการทำร้ายจิตใจเขา
ยิ่งกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝนหนักหรือความยากลำบาก ใครจะบ้าฝึกอยู่ที่บ้านตลอดทั้งวันเล่าและใครจะออกไปแสดงฝีมือข้างนอกเล่า....
บัดซบเอ๊ย!
※※※※
ถังเทียนรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นหลังจากได้หยอกล้อหลิงซิ่ว! ความโกรธของเขาหายไปหมด ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าการกระทำของเขาได้รับอิทธิพลมาจากปิง
เมื่อเขาเข้าไปในค่ายฝึกทหารใหม่ ถังเทียนทิ้งเรื่องของคณะปกครองออกไปจากใจ และทุ่มความสนใจทั้งหมดไปที่วิทยายุทธแทน เขาไม่ได้เข้าไปในหุบเขาหิวโหยทันที แต่กลับตั้งท่าเริ่มฝึกฝนแทน
กระบวนท่าของเทวรูปห้าตานั้นพิเศษ
เขาเลียนแบบท่ามือของตุ๊กตาดอกไม้ ทันทีที่ประกบนิ้วเข้าด้วยกันปราณเที่ยงแท้ในตัวของเขาก็เคลื่อนไหวทันที แม้ว่าจะเบามาก แต่เขามั่นใจว่าไม่ใช่ภาพลวงตา
ว้าว...มีพรสวรรค์กับเขาเหมือนกัน!
จู่ๆ ถังเทียนก็กระตือรือร้นขึ้น
เขาจำท่ามือทั้งห้าได้ชัดเจนและเริ่มทำท่าเลียนแบบ ท่ามือแต่ละท่ามีผลสนองตอบร่างกายแต่ละส่วนที่ต่างกัน แม้ว่าจะมีผลตอบสนองเล็กน้อย แต่สัญชาตญาณถังเทียนแรงกล้า เขาสามารถรู้สึกได้
เมื่อเขาพยายามระลึกถึงอีกครา เขาทำท่ามือเหมือนตุ๊กตาดอกไม้กลับกลายเป็นว่าเขาเงียบสงบและไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
ครึ่งชั่วโมงต่อมามีความรู้สึกอุ่นขึ้นมาจากใต้เท้าของเขา ราวกับว่าถังเทียนจมอยู่ในแสงอาทิตย์อบอุ่น ร่างกายของเขาอุ่น มีความรู้สึกสบายจนอธิบายไม่ถูก เขายิ้มเล็กน้อย
ปิงยังคงเฝ้าสังเกตถังเทียน
เมื่อถังเทียนเริ่มเลียนแบบ เขาเริ่มขมวดคิ้วเมื่อเป็นสิ่งที่ไม่รู้จัก เขาไม่ค่อยเห็นด้วยกับถังเทียนที่จะลองฝึกฝนเช่นนั้น เพราะมันอันตรายมาก แต่เขาไม่ห้ามถังเทียนทันที เขาจะรอจนถังเทียนไม่สามารถโต้ตอบได้ จากนั้นเขาค่อยเน้นย้ำถึงอันตรายจากการกระทำนี้
แต่...
แต่เมื่อรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของถังเทียน ปิงถึงกับสั่น นัยน์ตาเขาเป็นประกายในเสี้ยววินาทีเขาหาร่องรอยของถังเทียนไม่เจอ