ตอนที่ 151 บทฝึกครั้งใหม่
“ยังจำเป็นต้องใช้เวลาสักระยะก่อนจะฟื้นฟูได้” ถังเทียนกังวลอยู่บ้างเล็กน้อย เกราะนกยูงครามได้รับความเสียหายบาดเจ็บมากจากการต่อสู้กับหัวซา ขณะที่มันป้องกันต้านรับการโจมตีให้เขาถึงยี่สิบครั้งโดยเฉพาะครั้งสุดท้ายส่งผลต่อพลังของมันมากที่สุด
ถังเทียนยังคงใช้จิตวิญญาณพลังยุทธของเขาหล่อเลี้ยงมันอย่างต่อเนื่อง แต่มันยังดูดซับได้ไม่ค่อยดีนัก อย่างไรก็ตามเขาก็ยังเบาใจที่รู้ว่าเขาสามารถรู้สึกได้ถึงจิตวิญญาณพลังยุทธของปราณนกยูงครามแม้ว่าจะอ่อนแอก็ตาม แต่ดูเหมือนว่ามันจะรอดอยู่ได้
“ข้าได้ถามพี่จิ่งหาวแล้ว เขาบอกว่าไม่มีอะไรใหญ่มากตราบเท่าที่ให้เวลามันฟื้นตัวและป้อนแก่นพลังวิญญาณให้มัน มันก็จะรักษาตัวเองได้”
เป็นครั้งแรกที่ถังเทียนตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น เขาใช้เวลาส่วนใหญ่กับนกยูงคราม ภายใต้การบำรุงอย่างต่อเนื่อง พลังของนกยูงครามแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่เขาไม่เคยคิดว่ามันจะได้รับบาดเจ็บเสียหายหนักในครั้งนี้
“เจ้าจำเป็นต้องย่อยเก็บเกี่ยวผลของการต่อสู้” ปิงเตือนเขา
“อืม..” ถังเทียนพยักหน้าและพูดด้วยความมุ่งมั่นจริงจัง “หนุ่มชาวฟ้าจะไม่ขี้เกียจแน่นอน!”
ปิงแค่นเสียง “อย่าโม้ มานี่เลย ข้าเตรียมบทฝึกครั้งใหม่ไว้ให้เจ้าแล้ว”
“บทฝึกใหม่?” ถังเทียนตาเป็นประกาย
ขณะที่ห้องสิบแปดมนุษย์ทองแดงเป็นบทฝึกที่ยาก แต่เขาก็ก้าวหน้าไปได้มาก ถ้าเขาไม่ฝึกห้องสิบแปดมนุษย์ทองแดงได้สำเร็จ เขาคงไม่มีทางเอาชนะยอดฝีมือผู้โดดเด่นอย่างหัวซาได้ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยว่าเขาได้เก็บเกี่ยวประโยชน์ไว้อย่างมากมาย
“ข้าไม่เคยนึกเลยว่าเจ้าจะสามารถผ่านด่านสิบแปดมนุษย์ทองแดงได้เร็วนัก บอกตามตรงว่าเรื่องนี้ไม่มีอยู่ในหัวของข้าเลย” ปิงมองดูถังเทียน “ข้าคิดว่าเจ้าคงต้องอยู่ที่นี่ไปอีกชั่วระยะหนึ่ง ดังนั้นข้าไม่ได้เตรียมหัวข้อใหม่ๆอะไรให้เจ้าในตอนน้น แต่ไม่เป็นไร เรามาพูดถึงบทฝึกใหม่กัน”
ถังเทียนเตรียมตัวฟังอย่างดี หน้าของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ปิงโบกมือเบาๆและรวดเร็ว ดาวเคราะห์หลากสีสันเริ่มโคจรเร็วอยู่ภายในห้อง หลังจากนั้น ดาวสีเทามาหยุดอยู่ต่อหน้าปิง
“เจ้าไม่มีข้อบกพร่องในการใช้วิทยายุทธของเจ้า แต่เห็นได้ชัดว่านั่นไม่เพียงพอ ปัญหาของเจ้าตอนนี้ก็คือว่าร่างกายของเจ้าตามปฏิกิริยาตอบโต้ของเจ้าไม่ทัน จิตวิญญาณพลังยุทธของเจ้าเป็นถึงระดับเงินมันก้าวหน้าไปช้า แต่วิทยายุทธของเจ้าและพลังปราณเที่ยงแท้ของเจ้าทั้งสองประการนี้ยังมีมาตรฐานที่ต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังปราณเที่ยงแท้ของเจ้ายังเป็นเพียงระดับห้า และมันเริ่มแสดงให้เห็นแล้วว่าไม่สามารถรับมือกับการศึกของเจ้าได้ ดังนั้น บทฝึกฝนครั้งใหม่จะมุ่งเน้นไปที่ปรับพลังปราณเที่ยงแท้ของเจ้า”
เช่นเดียวกับนายทหารที่มีความรู้และความชำนาญ ปิงตัดการติดตามและเข้าตรงจุด
“มีหัวข้อการฝึกปราณเที่ยงแท้ด้วยเหรอ?” ถังเทียนประหลาดใจ ในใจเขา เขาคิดว่าการฝึกปราณเที่ยงแท้หมายถึงช่วงเวลาฝึกที่ทรมาน พวกที่มีคุณสมบัติโดดเด่นจะใช้หินดวงดาวช่วยความก้าวหน้าแบบนั้นจะมีมากและรวดเร็วแต่เห็นได้ชัดว่าสถานะอย่างเขาในตอนนี้ เขามีไม่มากพอ
อย่างไรก็ตามโชคดีที่พลังในค่ายทหารใหม่มีสูงมาก ความก้าวหน้าของพลังปราณแท้ของเขาก็ไม่ถือว่าช้า
“มีแน่นอน!”
ปิงตาเป็นประกายมองดูดาวสีเทา
ถังเทียนเพียงรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในมุมมองของเขาและเขาอยู่ในหุบเขาขนาดมหึมา หุบเขาสีเทาและภูมิประเทศดูแปลกประหลาด ซับซ้อนมาก ลมในหุบเขาพัดแรงมาก จนเขาแทบลืมตาไม่ขึ้น ถังเทียนต้องใช้พลังบางส่วนก่อนที่เขาจะตั้งหลักได้ ปิงลอยตัวมาอยู่ข้างๆ เขา
“เจ้าเห็นสถานที่ผิดปกตินี่ไหม? ใช่แล้ว ลมที่นี่จะไม่เพียงแต่กลืนพลังปราณเที่ยงแท้ของเจ้าเท่านั้น แต่มันจะเพิ่มความเร็วของแรงลมและจะพัดเอาปราณเที่ยงแท้ทั้งหมดของเจ้าออกไปแม้ว่าเจ้าแค่ยืนอยู่ตรงนั้นเฉยๆ ปราณเที่ยงแท้ภายในของเจ้าทั้งหมดจะเริ่มหายไป”
เมื่อถังเทียนได้ยินเช่นนั้น เขารีบตรวจสอบปราณเที่ยงแท้ ระดับปราณเที่ยงแท้ในตัวของเขาได้หายไปอย่างรวดเร็ว
“ปราณเที่ยงแท้คือพื้นฐานของวิทยายุทธทั้งหมดเรามักจะมุ่งเน้นการศึกษาพลังปราณเที่ยงแท้ของเรา วิธีที่ใช้กันมากที่สุดเพื่อเพิ่มพลังก็คืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่อำนวยแต่ในที่สุดเรามีการค้นพบใหม่ เมื่อปราณเที่ยงแท้ของเจ้าลดลงอย่างรวดเร็ว เส้นโคจรปราณและตันเถียนของเจ้าจะอยู่ภายใต้แรงกดดัน เส้นเดินปราณและตันเถียนจะเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นความสามารถในการดูดซับพลังจะเพิ่มมากขึ้น”
ขณะนั้นเองถังเทียนหมดพลังปราณเที่ยงแท้ไปถึงหนึ่งในสี่แล้ว อย่างไรก็ตาม เขาไม่สนใจ เขาหลงใหลได้ปลื้มกับคำพูดของปิง
“ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ข้าต้องหิวกระหายเส้นเดินปราณและตันเถียนของข้าก่อนที่พวกมันจะสามารถกินพลังได้เร็ว” ถังเทียนยกมือและพูด
“เจ้าพูดมันก็ง่าย” ปิงยิ้ม แต่เขาทำหน้าจริงจังอย่างรวดเร็ว “นั่นก็ถูก ดังนั้นเราจึงสร้างห้องฝึกนี้ ซึ่งเรียกกันว่าหุบเขาแห่งความอดอยาก ไม่มีพลังงานที่นี่ ดังนั้นเจ้าจะไม่สามารถหล่อเลี้ยงปราณเที่ยงแท้ของเจ้าได้ ในเวลาอันรวดเร็ว เจ้าจะเข้าใจความรู้สึกของความหิว”
หลังจากฟังคำอธิบายของเขา ถังเทียนเหลือพลังปราณน้อยกว่าครึ่ง”
“แน่นอนว่า แค่นั้นยังไม่พอ เพราะในการวิ่งระยะยาวเมื่อปราณเที่ยงแท้ของเจ้าไม่มีหล่อเลี้ยง เส้นปราณและตันเถียนของเจ้าจะหดตัว ต่อมาไม่ช้า เราจะพบว่า ตราบใดที่เจ้ายังรักษาความเข้มข้นของการออกกำลังกายไว้ เลือดและกล้ามเนื้อของเจ้าจะต้องหล่อเลี้ยงเส้นโคจรปราณและตันเถียนของเจ้า แล้วนี่จะช่วยบำรุงหล่อเลี้ยงเจ้าให้มีความแข็งแรง”
“ดังนั้น!” ใบหน้าเหมือนกับไพ่ของปิงมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที เขากระดิกนิ้ว “เรากำลังให้กำลังใจทหารใหม่ทั้งหมดอยู่ พวกเขาจะเป็นคู่ซ้อมคนใหม่ของเจ้าเรียกพวกเขาว่าหมาป่าแทะกระดูกเถอะ”
ถังเทียนหันควั่บตามสัญชาตญาณทันที
หมาป่าใหญ่สองสามตัวขนาดไล่เลี่ยกับเขามีเขี้ยวแหลมคมและนัยน์แดงเหมือนเลือดกำลังจ้องมองถังเทียนอย่างดุร้าย
ถังเทียนหัวใจตกวูบ
“โอว, ไม่ต้องห่วง ต่อให้พวกมันไล่เจ้าทัน เจ้าก็จะไม่ตายจริงๆ แต่เจ้าจะรู้สึกเจ็บปวด พวกมันชอบกระแทกข้อต่อและเคี้ยวจนละเอียดก่อนจะกลืนลงไป เจ้าจะได้พบประสบการณ์กับมันด้วยตนเอง และจะรู้สึกเหมือนจริงมาก”
เสียงของปิงก้องสะท้อนออกมา
หน้าของถังเทียนเปลี่ยน
หมาป่าแทะกระดูกบางตัวร้องโหยหวนและพุ่งเข้าหาถังเทียนราวกับพายุที่บ้าคลั่ง
ถังเทียนเหงื่อแตกผมลุกตั้งชัน เขาหมุนตัวและวิ่งหนีสุดชีวิตโดยไม่พูดอะไร
※※※※
ภายในห้อง หลิงซิ่วถอดเสื้อแจ็คเก็ตหนาออก เขามีผ้าพันแผลรอบตัวทั้งร่างเหมือนมัมมี่ เขาก้มหน้าก้มตาและเริ่มคลายผ้าพันแผล ช้าๆที่ข้อมือ ไหล่ อกและเอว...
เมื่อมองดูในกระจก เขาจ้องดูร่างมีผมสีฟ้าดูผิดรูปและข้อมือของเขาบิดเบี้ยวและดูห่างไกลกับที่เขาคิด
“อาจารย์ ทำไมท่านไม่สอนวิชาหอกให้ข้า?” น้ำเสียงเศร้าสร้อยนุ่มนวลดังขึ้น
“เพราะเจ้าไม่สามารถฝึกฝนได้” ชายชราป่วยคนหนึ่งพูดขึ้น
“อาจารย์! ข้าจะฝึกฝนให้หนัก! อาจารย์, ได้โปรดเถอะ, สอนข้า!” เสียงน้อยนุ่มนวล แต่ดื้อดึงทักท้วง
ชายชราถอนหายใจ “เสี่ยวซิ่ว เมื่อข้าเอาเจ้ามาเลี้ยง ร่างกายเจ้าบาดเจ็บสาหัส กระดูกของเจ้าบิดเบี้ยวผิดรูป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระดูกสันหลังของเจ้า ข้านวดให้เจ้าทุกวัน แต่ข้าก็ไม่สามารถฟื้นคืนสภาพได้ วิชาหอกต้องใช้ความคาดหวังจากร่างกายสูง ร่างของเจ้าไม่สามารถทนรับได้ ข้อมือนิ้ว ข้อต่อทุกส่วนเหล่านั้น จะได้รับความเสียหายอย่างหนัก เจ้ามีข้อบกพร่องในการปลดปล่อยพลังและที่สำคัญที่สุด กระดูกสันหลังของเจ้าจะต้องรับภาระหนักและมันจะทำให้เจ้ารู้สึกแย่”
“อาจารย์, ข้าทำได้, ข้าสามารถทำได้! หลิงซิ่งเงยหน้าและพูดด้วยความเด็ดเดี่ยว
อาจารย์มองดูตาของเขา ขณะที่หลิงซิ่วจำได้อย่างชัดเจน
“อาจารย์, ข้าสามารถทำได้!” เมื่อมองดูตนเองในกระจกเงา หลิงซิ่วพึมพำ นัยน์ตาสีส้มแดงของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาและความตั้งใจ
เขาก้าวลงไปในถังไม้ข้างตัวเขา ถังไม้เต็มไปด้วยน้ำยาสีดำ มันมีกลิ่นเหม็นอับและเขาแช่ตัวลงไปในระดับคอ
ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ในความเจ็บปวด
ยาซึมเข้าไปในร่างของเขาทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าร่างของเขากำลังเผาไหม้ กระดูกของเขาถูกหุ้มด้วยลูกบอลเปลวไฟ มันเผาผลาญอย่างต่อเนื่องราวกับว่าจะป่นกระดูกของเขาให้เป็นเถ้า
นี่คือยาที่อาจารย์ให้เขายามที่ท่านยังมีชีวิต มันช่วยเขาให้ลดภาระการทำงานหนักของกระดูกสันหลัง บางครั้งเขาจำเป็นต้องแช่ตนเองอยู่น้ำยานี้เพื่อสลายอาการบาดเจ็บทั้งหมด ตั้งแต่เขาฝึกฝนวิชาหอก เขาไม่เคยหยุดใช้มันเลย
แต่กระบวนการเช่นนี้ไม่น่าเพลินใจแน่นอน
หลังจากความรู้สึกเผาลนลดลง ความเจ็บปวดก็เข้ามาแทนที่ มันเหมือนกับว่ามีตะปูนับไม่ถ้วนถูกตอกเข้าไปในข้อต่อและกระดูกของเขา
ใจของเขาว่างเปล่า หน้าของเขาซีด นัยน์ตาสีส้มที่ดูเหมือนโกรธกลายเป็นสีขาว เขาร้องไม่หยุดเหมือนสัตว์ป่า ศีรษะของเขาเป็นราวกับว่าถูกตักขึ้นมาจากน้ำผมของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป นัยน์ตาของเขาจึงค่อยกลับมามีสีสันและมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ความเจ็บปวดค่อยๆ หายไปเขาสามารถรู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาค่อยๆ เคลื่อนไหวได้อย่างช้าๆ ข้อต่อที่แข็งเกร็งเริ่มอ่อนตัว ความเจ็บปวดทั้งหมดหายไป
ความสบายเช่นนั้นคงอยู่ไม่นานนัก
เมื่อเขาออกมาจากถังไม้ และเช็ดตัวให้แห้ง เขาเอาผ้าพันแผลมาทำความสะอาดและเริ่มพันตัวเองอีกครั้ง ผ้าพันแผลนี้ทำมาจากส่วนผสมที่พิเศษ มีความแข็งแรงและเหนียวแน่นเป็นพิเศษ เมื่อตัว
ร่างกายบิดเบี้ยวของเขาค่อยๆ ถูกพันด้วยผ้าพันแผลสีขาวช้าๆ
เขารู้วิธีพันแผลตนเองให้แน่นหนาโดยไม่ให้มีผลต่อการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วมานานแล้ว
ร่างของเขาในตอนนี้พันด้วยผ้าพันแผลสีขาวรอบตัวมันแน่นพอทำให้เขาหน้าแดงและดูอึดอัดเล็กน้อย เขาถือหอกเงินไว้ในแขน ความเย็นของหอกทำให้เขาสงบจิตใจได้ทันที
หอกนี้อาจารย์ได้มอบให้เขามันคือแหล่งพลังของเขา หลายปีที่ใช้ในที่สุดเขาก็ค้นพบทางที่กลับไปหาตัวเขาเอง
ข้อมือเขาสั่นเล็กน้อย คมหอกก็สั่นเล็กน้อยแสงสีเงินเปล่งออกแล้วจางหายไป
หลิงซิ่วมองดูพอใจ สายตาของเขาจับจ้องชุดยาวสีขาวชุดใหม่ที่พาดอยู่บนเก้าอี้ เป็นชุดสีขาวขอบทอง คอเสื้อตั้งตรงสูงมีสัญลักษณ์เขาแกะทั้งสองด้าน
อาจารย์ ในที่สุดข้าก็มีคุณสมบัติเพียงพอจะสวมมัน
หลิงซิ่วตื่นเต้นเล็กน้อย เขายื่นมือและหยิบชุดขาวมากอดไว้ คำสั่งเสียสุดท้ายของอาจารย์ยังก้องอยู่ในหูของเขา
“ถ้าในวันหนึ่ง เจ้าสามารถฝึกฝนแก่นความยุติธรรมได้เต็มที่แล้ว อย่างนั้นเจ้าสามารถสวมมันได้”
หลิงซิ่วสวมชุดยาวขาวอย่างระมัดระวังมันใหญ่และสามารถคลุมร่างของเขาได้ดี สีของมันขาวยิ่งกว่าหิมะ คู่กับหอกเงินพู่แดง เขามีผมสีน้ำเงินและดูดีจนเขาเองก็แปลกใจเมื่อเห็นตนเองในกระจก ชุดนี้ดูเหมือนพวกบาทหลวงหรือเทพมากกว่าจะเป็นนักสู้ธรรมดา
แต่เขารีบโยนความคิดนี้ออกไปจากหัวอย่างรวดเร็ว เขาไม่สนใจว่ามันจะดูเหมือนอะไร ต่อให้เป็นชุดที่ดูเหมือนขอทานเขาก็จะสวมใส่โดยไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย
“อาจารย์! เสี่ยวซิ่วจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
เขาพึมพำเบาๆ ราวกับกล่าวคำปฏิญาณตัวเด็กหนุ่มผลักเปิดประตูและห้องก็เต็มไปด้วยแสงอาทิตย์สาดส่อง