ตอนที่ 7-5 วันสิ้นโลก
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เยล, เรย์โนลด์และจอร์จตะลึงกันทุกคน เมื่อครู่นี้พวกเขายังเข้าร่วมในงานเลี้ยงแต่งงานแต่หลังจากนั้นวานรขนทองตาม่วงขนาดยักษ์โดดลงมาจากท้องฟ้า เห็นได้ชัดว่ามีอสูรเวทมากมายตามหลังมันมาอีกด้วย นั่นคือเหยี่ยวมังกรฝูงใหญ่มหึมาบินอย่างน่ากลัวอยู่ในท้องฟ้า
ไม่ใช่เพียงแต่พี่น้องทั้งสามเท่านั้นที่ตกตะลึง แม้แต่ชาวเมืองหลวงเฟนไลก็พากันตกตะลึงทุกคน
“ออกไปกันตอนนี้เลย!” เยลตะโกนบอกทันที
เยล, จอร์จและเรย์โนลด์รีบเผ่นออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลเด็บส์ โชคดีที่วานรขนทองตาม่วงไม่ให้ความสนใจคนทั้งสาม เพราะมีคนเยอะแยะเกินไปที่วิ่งหนีอยู่ในเมืองเฟนไล คนที่คู่ควรให้วานรขนทองตาม่วงให้ความสนใจอย่างน้อยต้องเป็นนักสู้ระดับเก้าหรือระดับเซียน
“คุณชาย” กลุ่มนักสู้ทั้งหมดของหอการค้าดอว์สันเคยได้ไปฝึกฝนอยู่ในเทือกเขาอสูรเวทยังรักษาความสงบอยู่ได้เมื่อเห็นฝูงอสูรเวทมากมายบุกโจมตีพวกเขา
“เร็วเข้า, ไปหาท่านพ่อข้า!”
เยลตะโกนทันที
เมื่อได้รับการคุ้มครองจากนักสู้ของหอการค้าดอว์สัน เยลเรย์โนลด์และจอร์จรีบบึ่งกลับไปที่สำนักใหญ่หอการค้าดอว์สัน ระหว่างทางกลับเยลสังเกตว่ามีอสูรเวทบินได้จำนวนมหาศาลอยู่ในเมืองหลวงเฟนไลอยู่แล้ว ไม่ได้มีแต่เพียงเหยี่ยวมังกรเท่านั้น แต่ยังรวมถึงม้าบินเพกาซัสอีกด้วย
นอกจากนี้ยังคงมีอสูรเวทระดับเจ็ดอย่างเช่นเพกาซัสสายฟ้าและเหยี่ยวสายฟ้าตาน้ำเงินและอสูรเวทระดับแปดอย่างเช่นเหยี่ยวตะวันทองที่มีขนาดใหญ่พอๆ กับมังยักษ์
ทั้งในท้องฟ้าและตามท้องถนนในเมืองเฟนไลเต็มไปด้วยอสูรเวทจำนวนมากวาระสุดท้ายมาถึงเมืองเฟนไลเสียแล้ว และไม่มีทางป้องกันได้ แม้แต่มังกรบินยักษ์ที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเป็นอสูรเวทระดับแปด มังกรบินยักษ์มีจำนวนเกินร้อยก็ยังร่วมโจมตีด้วย ใครเล่าจะหยุดพวกมันได้?
แม้แต่ 8กองทหารชั้นยอดของโบสถ์เจิดจรัสเห็นจำนวนคนของพวกเขาลดลงไปถึงครึ่งจากการรวมพลังระเบิดคราวเดียวที่มังกรจำนวนเป็นร้อยเหล่านั้นรวมพลังกันโจมตีเพียงครั้งเดียว
“วันสิ้นโลก วันสิ้นโลก!”
ทั่วทั้งเมืองเฟนไลได้จมอยู่ในเปลวเพลิงและน้ำทะลักบ่า แต่ประชาชนชาวเมืองเฟนไลไม่รู้ว่าอสูรเวทเหล่านี้เป็นเพียงจำนวนส่วนเสี้ยวที่เข้ามา...เพราะอสูรเวทภาคพื้นดินมีจำนวนมากกว่าอสูรบิน แต่ว่ากันในเรื่องของความเร็ว แน่นอนว่าอสูรบินย่อมเร็วกว่ามาก พวกมันจึงมาถึงก่อน
ดังนั้น อสูรวิเศษบินได้จึงได้บุกโจมตีในฐานะเป็นแนวหน้าก่อน
….
ทหารที่ประจำอยู่ป้อมปราการของเมืองเฟนไลพากันตะลึงไปหมด นี่คือเทศกาลครบรอบศักราชยูลาน 10000 ปี ก่อนหน้านี้ในตอนกลางวันพวกเขาดื่มเหล้าฉลองกันทุกคน แต่ตอนนี้ พวกเขากลับได้เห็นอสูรเวทจำนวนนับไม่ถ้วนและมันอยู่ต่อหน้าพวกเขา
“อสูรเวท มากมาย มากมายยิ่งนัก” ทหารพวกนั้นพูดไม่ออกกันทุกคน
แผ่นดินกำลังสั่นสะเทือน ข้างนอกเมืองเฟนไล กองทัพหมาป่าวายุจำนวนหลายร้อยหลายพันกำลังพุ่งเข้าหาเมืองด้วยความเร็วสูง แค่เพียงอึดใจเดียวหมาป่าวายุหลายร้อยหลายพันก็บุกเข้าหากลุ่มพวกเขา แทบทำให้พวกเขาถึงกับเลือดแข็งค้างได้
“นักเวทอยู่ที่ไหน? นักเวท!”
“ปืนใหญ่เวท! บรรจุปืนใหญ่เวท!”
ทหารนายกองทุกคนเริ่มตะโกนเสียงดังพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้ทหารของพวกเขาเตรียมพร้อม ความจริง พวกเขารู้ว่าเป็นการพยายามที่ไร้ผล เพราะจำนวนอสูรเวทเหินฟ้ามีเป็นจำนวนมากได้ลงมาโจมตีใส่ใจกลางเมืองเฟนไลแล้ว
“ท่านนายกอง, เกิดอะไรขึ้น?” ทันใดนั้น ทหารคนหนึ่งพูดไม่ออกได้แต่จ้องมองท้องฟ้า
นายกองมองไปที่ตำแหน่งนั้นเช่นกันและเห็นว่าในอากาศมีอสูรเวทบินจำนวนมหาศาลกำลังเร่งความเร็วบินตรงมาที่พวกเขา อสูรเวทนี้ไม่มีปีกแต่อย่างใดแต่มันบินตัดอากาศขณะที่ตรงมาทางด้านพวกเขาด้วยความเร็วอย่างน่าประหลาด
“บินในอากาศได้ นี่มัน... นี่มันอสูรเวทระดับเซียน อสูรเวทระดับเซียน!”
ตอนนี้นายกองเข้าใจแล้วว่าไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย
“โกรวววววว!”
ในขณะเดียวกัน ไกลออกไปจากเมืองเฟนไล เสียงคำรามที่น่าพรั่นพรึงสามารถได้ยิน ร่างขนาดมหึมาผ่านฝูงหมาป่าวายุไปด้วยความเร็วสูง ความเร็วของมันไวกว่าหมาป่าวายุอย่างน้อยสิบเท่าบางทีอาจไม่ได้ช้ากว่าอสูรเวทบินระดับเซียนที่บินอยู่ในอากาศ
นี่คืออสูรเวทขนาดใหญ่โตมโหฬาร สูงอย่างน้อยสามสิบเมตรลักษณะทางกายภาพดูเหมือนสิงโต ยกเว้นตาที่แดงดุจเลือด
จอมเวทคนหนึ่งบนกำแพงเมืองเฟนไลผวาร้อง “อสูรเวทระดับเซียน ราชสีห์ตาโลหิต! สวรรค์ช่วยด้วย, อสูรเวทระดับเซียนอีกตัวหนึ่ง! เป็นราชสีห์ตาโลหิต!ในบรรดาสัตว์ประหลาดประเภทเบเฮม็อธ มีแต่เบเฮม็อธทองถึงจะต่อกรกับมันได้!”
ทุกคนตกตะลึง
ไม่มีทางที่พวกเขาจะมีพลังสู้กับมันได้
“ฮ่าฮ่า! สหาย ทำไมพวกเจ้าอสูรเวทระดับเซียนถึงได้วิ่งอยู่บนพื้นเล่า?” อสูรเวทขนาดยักษ์ที่บินอยู่ในอากาศพูดเป็นคำพูดเสียงดังเหมือนกับฟ้าผ่า
ทหารเบื้องล่างไม่กี่คนเงยหน้ามอง
“มันพูดภาษามนุษย์ได้! อย่างนั้นก็เป็นความจริงที่ว่าอสูรเวทระดับเซียนสามารถพูดภาษามนุษย์ได้!” นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้ประสบพบกับอสูรเวทระดับเซียนด้วยตัวเองอย่างน้อยก็พวกเขาสองคน ตอนนี้พวกเขาสามารถบอกได้แล้วว่าอสูรเวทในอากาศดูเหมือนกับอะไร
ร่างของอสูรเวทระดับเซียนข้างบนเป็นเหมือนหินอัคนีสีดำและดูเหมือนว่าจะเป็นมังกรตัวหนึ่ง แต่ไม่มีปีก
“อสูรเวทระดับเซียน, จ้าวมังกรอำมหิต! เป็นมังกรในมวลหมู่มังกร!” จอมเวทอีกคนหนึ่งร้องออกมาอย่างหวาดผวา
มังกรโดยหลักแบ่งออกเป็นสองประเภท ประเภทแรกเป็นมังกรมีปีก เช่นมังกรมรกตและมังกรไฟระดับแปด หรือมังกรเงินมังกรดำและมังกรน้ำแข็งระดับเก้า หรือมังกรทองมังกรรุ้งและมังกรทับทิมแดงระดับเซียน
อีกประเภทหนึ่งเป็นมังกรไร้ปีก เช่นมังกรลมกรดระดับเจ็ด มังกรเกราะหนามและมังกรแผงหนามระดับเก้าหรือกิ้งก่าสายฟ้า, มังกรอำมหิตและมังกรสามเขาระดับเซียน
ความแตกต่างหลักระหว่างมังกรมีปีกและมังกรไร้ปีกอยู่ที่พลังร่างกายของพวกมัน
มังกรไร้ปีกจะมีพลังในร่างมหาศาล มังกรเกราะหนาม, มังกรแผงหนาม,กิ้งก่าสายฟ้าและมังกรอำมหิตมีโครงสร้างร่างกายที่แข็งแกร่งทนทานซึ่งยังแข็งแกร่งมากกว่ามังกรมีปีกที่อยู่ในระดับเดียวกัน
“ฮึ่ม, คุยกันพอแล้ว มาแข่งกันว่าใครจะฆ่าได้มากที่สุดดีกว่า” เสียงน่ากลัวของราชสีห์ตาโลหิตคำรามลั่นสั่นสะท้านพสุธา
“ดี!” มังกรอำมหิตคำรามตอบรับ
ทันใดนั้นร่างของมังกรอำมหิตเพิ่มขนาดใหญ่เป็นร้อยเมตรลงมาจากท้องฟ้ามุ่งตรงไปที่กำแพงเมือง กำแพงเมืองเฟนไลแข็งแรงมั่นคง และร่ายเวททรงพลังคุ้มครองไว้มากมายนับไม่ถ้วน แต่เพราะมีอสูรเวทบินมากเกินไป จึงไม่มีทางกระตุ้นม่านพลังเวทโดยไม่ถูกแทรกแซง
“เจ้าคิดว่าเจ้าจะวิ่งได้เร็วกว่าข้าอย่างนั้นหรือ?” ราชสีห์ตาโลหิตคำรามด้วยความโกรธเช่นกันและเพิ่มความเร็วของมันได้อีก
อสูรที่น่าสะพรึงกลัวทั้งสองนี้วิ่งตะลุยเข้าจู่โจมในเมือง ตัวหนึ่งจากอากาศอีกตัวหนึ่งจากภาคพื้น กำแพงที่ปกป้องเมืองเฟนไลหนาเกินกว่าสิบเมตร กำแพงหนาขนาดนั้นสามารถป้องกันทหารข้าศึกได้แน่นอน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับอสูรเวทที่น่ากลัว....
ที่สำคัญ, มังกรอำมหิตและราชสีห์ตาเพลิง มีแต่นักสู้ระดับเซียนขั้นสุดยอดจึงจะรับมือได้!
“บึ้ม!”
ในขณะเดียวกัน มังกรอำมหิตและราชสีห์ตาโลหิตกระแทกเข้าใส่กำแพง ภายใต้การโจมตีของอสูรเวทระดับเซียนขนาดมหึมาทั้งสองตัวนี้กำแพงหน้าสิบเมตรสามารถขัดขวางได้เพียงเล็กน้อยชั่วขณะเท่านั้น ในช่วงหัวใจเต้นต่อมากำแพงในส่วนที่ขัดขวางพวกมันก็พังทลาย
“บึ้ม!”
กำแพงทั้งสองส่วนระเบิดพังทลาย เศษอิฐหินปลิวไปทั่วบริเวณแค่เฉพาะอิฐอย่างเดียวก็ฆ่าคนไปเป็นจำนวนมาก
“โกรวววววว!”
ราชสีห์ตาโลหิตและมังกรอำมหิตบุกตะลุยเข้าใจกลางเมืองอย่างตื่นเต้นด้วยความเร็วที่น่าทึ่งของพวกมันผู้คนเกือบทั้งหมดที่ไม่สามารถหลบพ้นเส้นทางบุกของพวกมัน น้ำหนักที่มหาศาลและพลังของพวกมันในแต่ละก้าวสามารถทำร้ายนักรบระดับเก้าจนบาดเจ็บหนักได้เกือบทั้งหมด นักรบระดับแปดจะต้องตายจากการถูกเหยียบอย่างมิต้องสงสัย
“โบร๋วววววว!”
หมาป่าวายุนับร้อยนับพันบุกเข้ามาเหมือนกับคลื่นของทะเล พวกมันบุกผ่านทางช่องที่อสูรเวทระดับเซียนสองตัวก่อนนั้นได้เปิดไว้ หมาป่าวายุอื่นเพียงแค่กระโจนไปในอากาศโดยไม่ต้องผ่านทางกำแพง หมาป่าวายุมีพลังกระโจนได้อย่างเหลือเชื่ออยู่แล้ว ที่สำคัญสามารถกระโจนได้ถึง 20-30เมตรในการกระโจนครั้งเดียว กำแพงเหล่านี้จึงไม่มีประโยชน์ที่จะขัดขวางพวกมันได้
หมาป่าวายุหลายร้อยหลายพันบุกเข้าเมืองเฟนไล...
“ครืนน, ครืนนน, ครืนนนน”
แผ่นดินยังคงสั่นสะเทือนต่อเนื่องพร้อมกับเสียงฝีเท้าสะเทือนเลือนลั่นเหมือนฟ้าถล่ม ด้านหลังของหมาป่าวายุมีสัตว์ประหลาดเวทหลากหลายชนิดนับไม่ถ้วนมีช้างดึกดำบรรพ์ (มาสโทดอน) และสัตว์ประหลาดอื่นที่น่ากลัวยิ่งกว่าหมาป่าวายุ ทหารเหล่านั้นที่โชคดีรอดตายจ้องมองดูอสูรเวทจำนวนมหาศาลที่บ่าทะลักเข้ามารู้สึกสิ้นหวังอย่างแท้จริง
“เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์จบสิ้นแล้ว” เมื่อจ้องมองดูในที่ไกล ทหารคนหนึ่งที่หลบมุมกำแพงกล่าวอย่างสิ้นหวัง
“กร้วม”
ทันใดนั้นหมาป่าวายุตัวหนึ่งปรากฏอยู่ข้างตัวเขาและกัดศีรษะเขาขาดในครั้งเดียว
……
ห้องขังในชั้นที่เก้าของโบสถ์เจิดจรัส
“เกิดอะไรขึ้น?” ลินลี่ย์ยืนขึ้น เขาสามารถรู้สึกได้ว่าพื้นสั่นสะเทือนและได้ยินเสียงคำรามลั่น, โฮกกก, พร้อมกับเสียงกรีดร้องเจ็บปวดจากภายนอก การได้อยู่ภายในเทือกเขาสัตว์วิเศษเป็นเวลานานทำให้ลินลี่ย์เพียงแค่ได้ยินเสียงก็สามารถบอกได้ว่าเป็นอสูรเวทชนิดใดมาถึง
“ทำไมที่นี่ถึงได้มีอสูรเวทมากมายนัก? ดูเหมือนพวกมันจะมีอยู่ทุกหนแห่ง” ลินลี่ย์ประหลาดใจสิ้นเชิง
“บึ้ม!”
พลังที่น่ากลัวปะทะกระแทกใส่โบสถ์เจิดจรัสกำแพงทั้งหมดของโบสถ์เจิดจรัสเริ่มเปล่งแสงเรื่อเรืองทันที โบสถ์เจิดจรัสจะทนรับการกระแทกโจมตีขนาดนั้นได้อย่างแน่นอน
“โบสถ์เจิดจรัสนี้มีพลังป้องกันได้จริงๆ” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากภายนอก เสียงที่แข็งแกร่งทรงพลังนั้นแม้จะอยู่ในห้องขัง ลินลี่ย์ก็ยังสามารถได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายได้
“ใครบางคนกำลังโจมตีโบสถ์เจิดจรัส?”
ลินลี่ย์พบว่ายากจะเชื่อได้จริงๆ สหภาพศักดิ์สิทธิ์เป็นหนึ่งในหกมหาอำนาจ และศาสนจักรเจิดจรัสก็คงอยู่มานานเป็นพันปี ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่มีผู้ใดกล้าโจมตีโบสถ์เจิดจรัส แต่เมื่อถูกโจมตีขนาดนั้น เสียงดังขนาดนั้นคงต้องเป็นใครบางคนกำลังโจมตีโบสถ์เจิดจรัส
“องค์ราชา”
ทันนั้นเสียงดังกระหึ่มพร้อมกันดังออกมา ต้องมีเสียงดังมากกว่าหนึ่งคนเป็นแน่
“หยุดนะ!” เสียงตะโกนหนึ่งดังขึ้น
“นั่นเป็นจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์” ลินลี่ย์บอกได้ชัดเจนว่าเป็นเขาแน่ แต่หลังจากเสียงของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ดังขึ้น ก็มีเสียง...
“บึ้ม!”
พลังที่น่าสะพรึงกลัวสายหนึ่งยิงลงมาที่โบสถ์เจิดจรัสทำให้ทั่วทั้งโบสถ์สั่นสะเทือนรุนแรงแสงที่ส่องลงมาจากเวทรูปแบบซับซ้อนมหัศจรรย์ที่ครอบคลุมโบสถ์เริ่มกระพริบและสั่นขณะที่กำแพงโบสถ์เริ่มมีรอยร้าว
“ช่างน่ากลัวเหลือเกิน” เดลิน โคเวิร์ทถอนหายใจด้วยความอัศจรรย์ใจ “โจมตีเพียงครั้งเดียวก็แทบทำให้โบสถ์เจิดจรัสพังถล่มได้แล้ว”
“บึ้ม!”
ยังมีการโจมตีที่น่ากลัวอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้แม้แต่เวทขนาดยักษ์ที่คลุมโบสถ์เจิดจรัสรังสีแห่งมหาเทพเจิดจรัสก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป พร้อมกับเสียงระเบิดโบสถ์เจิดจรัสแตกหักตรงกลางทันที และชั้นทั้งแปดของโบสถ์เจิดจรัสพังทลายลงมา
“ชุดเวทป้องกันถูกทำลายไปแล้ว”ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ว่าห้องขังของเขาเริ่มเปลี่ยนไป ราวกับว่ามันเลื่อนลง
ลินลี่ย์ประหลาดใจระคนมีความสุข ก่อนหน้านี้ ผนังห้องขังแข็งแรงมั่นคง เพราะพลังที่ใช้กับมันจะถูกดูดซับด้วยพลังเวทป้องกันทั้งหมด แต่ตอนนี้พลังเวทป้องกันได้ถูกทำลายไปแล้วมือของลินลี่ย์เปลี่ยนเป็นกรงเล็บมังกรเขากระแทกผนังเป็นรูใหญ่ด้วยการต่อยเพียงห้าหกหมัด
ทันใดนั้นลินลี่ย์ระเบิดออกมาจากช่องที่เขาสร้างขึ้น
“เทพกระบี่เลือดม่วง!” เมื่อลินลี่ย์ถูกคร่ากุมเทพกระบี่เลือดม่วงถูกศาสนจักรเจิดจรัสยึดไป แต่เนื่องจากว่าเทพกระบี่เลือดม่วงเป็นได้ทำสัญญากับลินลี่ย์นานแล้วเพียงแต่ลินลี่ย์สั่งทางใจ มันก็เริ่มบินตรงมาตำแหน่งเขาทันทีและมาอยู่ในมือของลินลี่ย์หลังจากนั้นไม่นาน
ตอนนี้โบสถ์เจิดจรัสเริ่มอยู่ในสภาพวุ่นวาย ไม่มีผู้ใดกังวลสนใจลินลี่ย์
เพียงเท้าแตะเบาๆ ลินลี่ย์ก็กระโจนลงไปที่ลานด้านล่าง ตอนนี้ลานโบสถ์เจิดจรัสเต็มไปด้วยซากศพ คนที่ตายมีมากมายเหลือเกินมีคนจำนวนมากร่วมกันต่อสู้กับอสูรเวทด้วยเช่นกัน
“มีคนมากมาย”
ลินลี่ย์ตะลึงไปโดยสิ้นเชิง
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยอสูรบินนับไม่ถ้วน, เหยี่ยวมังกร, เหยี่ยวสายลม,ม้าบินเพกาซัส, เพกาซัสสายฟ้า, มังกรมรกต, มังกรไฟ มังกรดำล้วนแต่เป็นสัตว์เวทประเภทมังกร ภาพสัตว์อสูรเหล่านี้บินเต็มท้องฟ้า ขนาดของพวกมันใครเห็นแล้วหัวใจแทบหยุดเต้น
และจำนวนของอสูรเวทบนพื้นก็มีมากอย่างน่าประหลาดใจ
“นั่นมัน..?”
ลินลี่ย์จ้องไปที่ตำแหน่งโบสถ์เจิดจรัส ในอากาศเหนือโบสถ์ มีอสูรเวทขนาดมหึมาจำนวนเกินสิบ
“หมีโลกอำมหิต... ราชสีห์ตาโลหิต... เสือดำไฟฟ้า... พยัคฆ์ขาวปีกสายฟ้า...กิ้งก่าสายฟ้า... มังกรอำมหิต...” ลินลี่ย์เห็นอสูรเวทระดับเซียนในตำนานตัวแล้วตัวเล่าทุกตัวบินโฉบอยู่เหนือโบสถ์เจิดจรัส เขาตะลึงสิ้นเชิงกับจำนวนอสูรเวทระดับเซียนที่มาปรากฏตัว
ยิ่งไปกว่านั้นคนที่นำอสูรเวทระดับเซียนเหล่านี้มาดูเหมือนจะเป็นมนุษย์คนหนึ่ง
เขาเป็นชายหนุ่มที่มีกลิ่นอายชั่วร้ายมาก สวมชุดยาวสีทองหม่นมีรอยแผลเป็นประหลาดบนหน้าผากของเขา บุรุษหนุ่มกลิ่นอายชั่วร้ายนี้เย็นชา มองดูไฮเดนส์และกองกำลังของไฮเดนส์อย่างเยือกเย็นโยคีใบไม้ร่วงและนักสู้ชาวมนุษย์ระดับเซียนคนอื่นยืนอยู่ในกลางอากาศจ้องมองดูบุรุษหนุ่ม เห็นได้ชัดว่าทางฝ่ายศาสนจักรเจิดจรัสอยู่ในสภาพย่ำแย่
“เจ้า...” ไฮเดนส์และมนุษย์คนอื่นโกรธ
“ข้าเสียใจจริงๆ ที่ต้องรบกวนพวกเจ้าในงานเทศกาลยูลานของพวกเจ้า แต่ข้าต้องการแจ้งให้พวกเจ้าทราบว่าศาสนจักรเจิดจรัสของพวกเจ้าจำเป็นต้องไปหาสถานที่ตั้งเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ที่อื่น”บุรุษหนุ่มผู้ชั่วร้ายพูดอย่างใจเย็น
ลินลี่ย์สามารถได้ยินคำพูดเหล่านี้ชัดเจน และอดตกใจไม่ได้ บุรุษหนุ่มผู้นี้น่ากลัวขนาดไหน
“เจ้านาย, เจ้านาย!” ทันใดนั้นลินลี่ย์ได้ยินบีบีดังก้องอยู่ในใจเขา ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ถึงตำแหน่งของบีบีและเขาหันไปมองมันอย่างช่วยไม่ได้ เขาเห็นเงาดำเลือนรางสายหนึ่งพุ่งผ่านฝูงคนและอสูรเวทมากมายหลังจากนั้นไม่นานเงาร่างนั้นก็มาถึงและกระโจมโถมตัวเข้าหาอ้อมแขนของลินลี่ย์
“บีบี” ลินลี่ย์รู้สึกตื่นเต้นมาก
“เจ้านาย” บีบีอยู่ในอ้อมแขนลินลี่ย์ มันตื่นเต้นดีใจจนนัยน์ตาน้อยๆของมันมีน้ำตาคลอ