ตอนที่ 7-3 จะตายแน่หรือ?
เหล่าคนที่ทรงพลังทุกคนในโบสถ์เจิดจรัสชั้นบนสุดตะลึงกันหมด วิญญาณของลินลี่ย์ยังอยู่ห่างไกลจากการตกผลึกอยู่มาก เขาไม่มีอะไรมากไปกว่าจอมเวทระดับเจ็ดแม้แต่หัวหน้าจอมเวทระดับเก้าก็ยังไม่อาจต่อต้านการอาบแสงศักดิ์สิทธิ์จากมหาเทพเจิดจรัสได้
“เป็นไปได้อย่างไร?” โยคี,มือปราบและผู้ช่วยตุลาการทุกคนเริ่มบ่นพึมพำในกลุ่มพวกเขาไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่พวกเขาเพิ่งเห็น
“ล้มเหลวจริงๆไม่อาจสร้างสัตว์เลี้ยงเทพได้สำเร็จจริงๆ ถ้าอย่างนั้น...เราควรจัดการลินลี่ย์ผู้นี้ยังไง?” ไฮเดนส์จ้องลินลี่ย์และระงับไม่ทำต่อ “อัจฉริยะอย่างเขาจะต้องได้เป็นนักสู้ระดับเซียนได้ภายในร้อยปีแน่นอน เขาอาจจะทรงพลังได้มากยิ่งกว่าข้า เมื่อถึงเวลานั้นความรุ่งเรืองของศาสนจักรเจิดจรัสของเราจะต้องแผ่ขยายกินอาณาเขตที่กว้างขวางจริงๆ”
ไฮเดนส์ไม่อาจตัดใจฆ่าลินลี่ย์ได้จริงๆ
“องค์จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์?” กิลเยโมเรียกเบาๆ
ไฮเดนส์รู้สึกสูญเสีย ทันใดนั้นสายตาที่สับสนกลายเป็นคมกล้าทันที เขาตัดสินใจ
“ฝ่าบาท,ลินลี่ย์ไม่ได้รับพรแล้ว อย่างนั้นเรา...?” กิลเยโมถาม
ไฮเดนส์มองลินลี่ย์ ภายใต้การควบคุมของเขา ร่างของลินลี่ย์ค่อยๆ ลอยลงมากับพื้น เมื่อถึงเวลานี้ ลินลี่ย์ฝืนตนเองอยู่ในท่ายันด้วยมือ ตอนนี้ร่างกายลินลี่ย์ไม่มีอาการบาดเจ็บแต่อย่างใด ต้องบอกว่าเขาได้รับประโยชน์จากการอาบแสงสัตว์เลี้ยงเทพ
ลินลี่ย์มองดูเหล่าคนที่ทรงพลังที่ล้อมรอบตัวเขา
“คนเหล่านี้อย่างน้อยเป็นนักสู้ระดับเก้าทุกคน ถ้าเราดิ้นรนต่อสู้กับพวกเขา เราคงไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย” ลินลี่ย์จ้องไฮเดนส์และคนอื่นอย่างเย็นชา “องค์จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ ท่านตั้งใจจะทำอะไรกับข้ากันแน่?”
ใบหน้าของไฮเดนส์มีรอยยิ้มทันที “ไม่จำเป็นต้องถามมากความ มือปราบ! เอาตัวลินลี่ย์กลับไปที่ห้องคุมขัง” “พะย่ะค่ะ,ฝ่าบาท” มือปราบพิเศษทั้งหกคนพยักหน้ารับคำ
โดยไม่ปล่อยให้ลินลี่ย์ได้มีโอกาสตั้งตัว พวกเขาตรงเข้าไปที่ลินลี่ย์ทันที ขณะที่หนึ่งในนั้นตะคอกใส่ “เดินไป! หรือเจ้าต้องการให้เราลากคอเจ้าไป?”
พวกเขาบังคับลินลี่ย์ตามหน้าที่ ลินลี่ย์ไม่มีทางเลือก
“ได้”ลินลี่ย์เปิดประตูและเริ่มเดินลงไป มือปราบทั้งหกเดินตามหลังลินลี่ย์โดยตรง ขณะที่ลินลี่ย์เดินลงบันไดไปได้หนึ่งชั้น เขาเห็นว่าทหารยามทุกคนเมื่อเห็นมือปราบทั้งหกคนต่างก็แสดงความเคารพอย่างสูงทั้งหมด
มือปราบพิเศษทั้งหกคนสวมชุดยาวสีฟ้าม่วง นัยน์ตาเย็นชาของพวกเขาจ้องมองลินลี่ย์ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าหากเขาไม่ปฏิบัติตามทีพวกเขาสั่ง พวกเขาอาจฆ่าลินลี่ย์ได้ทันที
หลังจากมือปราบทั้งหกพาลินลี่ย์ไปแล้ว คาร์ดินัลหญิงเมลินาถาม “ฝ่าบาท! ลินลี่ย์นั่นไม่ได้รับพรวิเศษแม้ว่าเราไม่รู้เหตุผลว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น แต่เราต้องตัดสินกันแล้ว เราควรทำยังไงดีกับลินลี่ย์?”
กิลเยโมและคนอื่นๆมองดูไฮเดนส์กันทุกคน
ลินลี่ย์เป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง พวกเขารู้เรื่องนี้กันทุกคน แต่ลินลี่ย์ไม่ได้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงเทพและมารดาของเขาถูกศาสนจักรเจิดจรัสฆ่าตาย ศาสนจักรจะต้องตัดสินใจ พวกเขาจะเสี่ยงรับลินลี่ย์ไว้และปกปิดความจริงเบื้องหลังความตายมารดาของเขาหรือ? หรือว่าควรให้ลินลี่ย์ตาย?
แม้ว่าคงเป็นไปได้ที่จะปกปิดความจริงเบื้องหลังความตายของมารดาของเขาได้สักระยะหนึ่ง แต่เมื่อลินลี่ย์เข้าสู่ระดับสูงของศาสนจักรเจิดจรัส ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะปกปิดเอาไว้อีกต่อไป
ใบหน้าของไฮเดนส์เย็นชา เขาพูดด้วยเสียงเย็นชา “ฆ่า”
กิลเยโมและคนอื่นๆ รู้สึกหัวใจสะท้าน
“ในอีกไม่กี่วันจะครบรอบ 10,000 ปีเทศกาลยูลาน ไว้ค่อยดำเนินการประหารลินลี่ย์หลังจากงานฉลองเทศกาล” ไฮเดนส์ประกาศ
กิลเยโมเป็นคนที่มีสัมพันธ์สนิทกับลินลี่ย์มากที่สุดลอบถอนหายใจ
อัจฉริยะผู้อาจครอบงำทวีปทั้งสิ้นจะต้องประสบชะตากรรมอายุสั้นเสียแล้ว กิลเยโมรู้ดีว่าลินลี่ย์ถูกจองจำในโบสถ์เจิดจรัส ไม่มีทางที่ลินลี่ย์จะหลบหนีไปได้ ลินลี่ย์จะไม่สามารถออกไปจากคุกได้
“ซีซาร์ผู้นั้นก็มีความสัมพันธ์กับลินลี่ย์ แต่แม้จะเป็นซีซาร์ก็ไม่มีความสามารถทำลายคุกในโบสถ์เจิดจรัสช่วยลินลี่ย์ได้” กิลเยโมลอบถอนหายใจ
ลินลี่ย์คงจะตายแน่
บนชั้นเก้าของโบสถ์เจิดจรัส ภายในห้องขัง
“เข้าไป”
ลินลี่ย์เข้าไปในห้องขัง มือปราบทั้งหกปิดประตูไล่หลังเขา
ขณะที่มือปราบทั้งหกหมุนตัวออกไปทันที หนึ่งในนั้น มีผมสีเงินหันมามองลินลี่ย์ “เจ้าหนู ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน แม้ว่าเจ้าจะฟื้นคืนพลังก็ตามอย่าฝันเลยว่าจะแหกคุกนี้ออกไปได้”
มือปราบอื่นอีกห้าคนชะงักเช่นกันและมือปราบหัวล้านคนหนึ่งหัวเราะ “แหกคุกน่ะหรือ เด็กน้อย ถ้าเจ้าสามารถแห่งคุกนี้ออกไปได้นั่นก็หมายความว่าพลังของเจ้าอยู่ในระดับเดียวกับจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์”
“หมายความว่ายังไง?” ลินลี่ย์ถาม
ตัวลินลี่ย์เองไม่อาจเห็นความพิเศษใดๆในคุกนี้ ให้เขามีพลังนักรบระดับเก้าในร่างแปลงมังกร คุกศิลาธรรมดาก็แตกทำลายได้ง่ายเหมือนกระดาษ
“โบสถ์เจิดจรัสเป็นสิ่งก่อสร้างที่เหลือเชื่อที่สุดที่ศาสนจักรเจิดจรัสครอบครอง ทั้งตัวโบสถ์เองซ่อนพลังเวทมหาศาลไว้ภายใน รู้จักกันในนามว่าศิริแห่งมหาเทพเจิดจรัส เป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าจะสร้างความเสียหายได้แม้แต่น้อยไม่ว่าจากภายในหรือภายนอก” บุรุษผมเงินพูดด้วยความภูมิใจ “เด็กน้อย! ข้าจะบอกเจ้าให้ก็ได้ โอกาสเดียวที่เจ้าจะแหกคุกนี้ได้ก็คือทำลายประตูกรงขัง ข้าสามารถบอกเจ้าได้เช่นกันว่าตัวกรงสร้างจากโลหะที่มีส่วนผสมกับโลหะอดาเมนไทน์แข็งพิเศษ”
พอพูดจบมือปราบทั้งหกหัวเราะลั่นและเดินออกไป
ลินลี่ย์เงียบ
เมื่อเขาได้ยินคำว่าโลหะอดาเมนไทน์แข็งพิเศษลินลี่ย์เข้าใจว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแหกคุกออกไปได้ ตามตำนานเมื่อเวทดินเกราะเอิร์ทการ์ดบรรลุถึงระดับเทพ เกราะเอิร์ทการ์ดจะประกอบไปด้วยโลหะอดาเมนไทน์แข็งพิเศษ พลังและความทนทานของมันเพียงพอทนทานต่อการจู่โจมทำลายของนักสู้ระดับเทพหลายครั้ง ขณะที่นักสู้ระดับเซียนไม่มีทางทำลายมันได้เลย
ลินลี่ย์เป็นจอมเวทสายธาตุดิน ดังนั้นเป็นธรรมดานั่นเองที่เขารู้เรื่องตำนานเกี่ยวกับเกราะเอิร์ทการ์ดที่มีระดับพลังสุดยอด
เมื่อกลายเป็นมหาจอมเวทระดับเซียน เกราะเอิร์ทการ์ดจะมีส่วนประกอบเป็นเพชรเมื่อบรรลุเป็นนักสู้ระดับเทพ เกราะจะเป็นโลหะอดาเมนไทน์ที่แข็งเป็นพิเศษ
“ลินลี่ย์, ข้าคาดว่าคุกนี้ศาสนจักรเจิดจรัสสร้างขึ้นมาเพื่อจองจำนักสู้ระดับเก้าหรือได้กระทั่งนักสู้ระดับเซียนก็เช่นกัน” เดลิน โคเวิร์ทกล่าว “แม้แต่ตัวกรงก็ยังมีร่องรอยสร้างด้วยโลหะอดาเมนไทน์ ถึงแม้จะไม่ใช่อดาเมนไทน์บริสุทธิ์ก็ตาม แต่บางทีแม้แต่นักสู้ระดับเซียนก็ยากจะทำลายมันได้”
ลินลี่ย์พยักหน้า
จากคำพูดของมือปราบ เขาพบแล้วว่าเขาคงไม่สามารถทำลายคุกออกไปได้ เนื่องจากพวกเขาบอกแล้วว่าจะทำลายออกไปได้ พลังของลินลี่ย์อย่างน้อยจะต้องเท่ากับจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์
บ่ายวันต่อมา
มอนโร ดอว์สัน, เยล,เรย์โนลด์และจอร์จนั่งพร้อมหน้ากันรอบๆ โต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหาร ช่วงเวลานี้ เยล,เรย์โนลด์และจอร์จไม่เคยหยุดห่วงลินลี่ย์เลย แม้แต่มอนโรก็ยังล้มเหลว พวกเขาจะสามารถทำอะไรได้?
ทำลายโบสถ์เจิดจรัสเพื่อช่วยเหลือลินลี่ย์ แม้แต่มอนโร ดอว์สันก็ยังไม่กล้าทำอะไรเช่นนั้น
“เยล, ในอีกสองวัน จะเป็นเทศกาลยูลาน งานเทศกาลครั้งนี้จะเป็นการเฉลิมฉลองปีที่10,000 ซึ่งเราจะเห็นได้ครั้งเดียวในชีวิตของเราเท่านั้น เด็กๆ พวกเจ้าถือโอกาสไปเที่ยวกันเถอะ” มอนโร ดอว์สันหัวเราะ
มอนโรปฏิบัติกับพี่น้องที่สนิทของลูกชายของเขาด้วยไมตรีจิตเป็นอย่างดี
นี่เป็นเพราะพี่น้องทั้งสามของเยลค่อนข้างไม่ธรรมดา ลินลี่ย์, จอร์จและเรย์โนลด์ ตระกูลของเรย์โนลด์มีอำนาจมากไม่ธรรมดาอยู่ในกองทัพของจักรวรรดิโอเบรียน ตระกูลของจอร์จก็ทรงอิทธิพลมหาศาลอยู่ในจักรวรรดิยูลาน และไม่ได้อ่อนแอกว่าตระกูลเลโอนเท่าใดนัก
สำหรับลินลี่ย์แม้ว่าตระกูลเขาจะอ่อนด้อยอยู่ในตอนนี้ แต่ก็เป็นตระกูลของนักรบเลือดมังกรและศักยภาพของตัวลินลี่ย์เองก็ไร้ขีดจำกัด
ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น
“ท่านประธาน,ทูตสวรรค์ของศาสนจักรเจิดจรัสมาถึงแล้ว” คนรับใช้เรียนด้วยความเคารพ
เมื่อได้ยินคำว่า “ศาสนจักรเจิดจรัส”ตาของเยล, จอร์จและเรย์โนลด์เป็นประกาย และพวกเขาหันมามองคนรับใช้ มอนโรดอว์สันรู้ว่าบุตรของเขาคิดอะไรอยู่ เขาจึงกล่าวพลางหัวเราะทันที “ให้พวกเขาเข้ามา”
“ขอรับ”
ชั่วเวลาต่อมา บาทหลวงคนหนึ่งเดินเข้ามา เขากล่าวด้วยความเคารพ “ท่านประธานดอว์สัน ฝ่าบาทจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์มีบัญชาให้ข้าส่งจดหมายฉบับนี้ถึงท่าน” ขณะที่เขากล่าว เขาดึงจดหมายออกมาจากในชุดที่งดงาม
คนใช้รับจดหมายทันที จากนั้นมอบให้มอนโร ดอว์สัน
มอนโร ดอว์สันเปิดจดหมายอ่านทันที แต่เมื่อเห็นเนื้อความในจดหมายหน้าของเขาเปลี่ยนทันที เขากล่าวเสียงเย็นชา “ตอนนี้ท่านกลับไปได้แล้ว”
บาทหลวงคำนับเล็กน้อย จากนั้นก็ออกไป
“ท่านพ่อ,ในจดหมายว่าไงบ้าง?” เยลรีบถามทันที “ใช่เกี่ยวข้องกับน้องสามหรือไม่?” เรย์โนลด์และจอร์จมองดูมอนโรดอว์สันอย่างมุ่งหวัง
มอนโร ดอว์สันพยักหน้า
“จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แจ้งให้ข้าทราบถึงการพิจารณาตัดสินภายในของศาสนจักรเจิดจรัส พวกเขาจะประหารลินลี่ย์เป็นการลับ” คำพูดของมอนโร ดอว์สันเหมือนกับฟ้าผ่ากรอกหูของเยล,เรย์โนลด์และจอร์จ หน้าของพวกเขาซีดขาวทันที พวกเขาตกตะลึงเป็นเวลานาน
“ไม่, ไม่มีทาง”
เยลเป็นคนแรกที่เริ่มตะโกนออกมา เขาแย่งจดหมายจากมือบิดาของเขาและถือด้วยมือที่สั่นเทาขณะที่เขาเริ่มอ่าน ข้างๆ เขาเรย์โนลด์และจอร์จก็หันมาดูด้วยเช่นกัน แต่เมื่อทั้งสามได้เห็นเนื้อความแล้ว พวกเขากลัวแทบคลั่ง
“ไม่!!!”
เยลกระโจนออกจากที่นั่งตั้งใจจะวิ่งออกไปนอกห้องโถง “เยล!” มอนโร ดอว์สันขมวดคิ้ว ตะโกนเรียกอย่างเย็นชา
“หยุดเขาไว้” มอนโร ดอว์สันสั่ง
เยลหันหน้ามาจ้องบิดาของเขา เขากล่าว “พ่อ, ข้าขอร้องพาคนไปช่วยน้องสามเถอะ ถ้าจำเป็น หอการค้าสามารถให้ของที่มีค่าได้ข้าไม่เชื่อว่าศาสนจักรเจิดจรัสจะไม่สนใจหอการค้าของเรา ท่านพ่อ ข้าขอร้อง”
“ฮึ่ม, เจ้าจะรู้อะไร?ถ้ามีเรื่องที่สามารถเจรจากันได้จริงๆ จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คงเริ่มเจรจากับข้านานแล้ว ความบาดหมางที่ลินลี่ย์มีต่อศาสนจักรเจิดจรัสเป็นเรื่องที่เราคิดไม่ถึง มิฉะนั้นศาสนจักรเจิดจรัสคงไม่ตัดสินใจประหารชีวิตอัจฉริยะอย่างเขาแน่ พอได้แล้ว, หนุ่มๆ พาคุณชายไปที่ห้องพักของเขา ให้เขาใช้เวลาสงบสติอารมณ์เสียก่อน”
การ์ดประจำตระกูลพาเยลกลับไปที่ห้องเขาทันที ไม่ว่าเยลจะประท้วงเหน็บแนมอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์
เรย์โนลด์และจอร์จทำได้เพียงอยู่อย่างเงียบๆ
ที่สำคัญพวกเขาไม่มีความสัมพันธ์พิเศษกับมอนโรดอว์สัน แต่ในใจพวกเขากระวนกระวายห่วงลินลี่ย์มาก
มีคนมาเยี่ยมลินลี่ย์ถึงห้องขัง เป็นกิลเยโม
“กิลเยโม” ลินลี่ย์มองดูกิลเยโมด้วยความรู้สึกประหลาดใจ
กิลเยโมนำอาหารที่มากมายเป็นพิเศษและส่งผ่านช่องเล็กๆผ่านประตูห้องขัง
กิลเยโมมองดูลินลี่ย์ เขาถอนหายใจ “ลินลี่ย์ ข้ามองเจ้าด้วยความชื่นชมจริงๆ แต่อนิจจา บางทีเจ้าคงไม่สามารถกลายเป็นสมาชิกของศาสนจักรเจิดจรัสของเรา มีอาหารดีๆ ให้กิน เจ้ากินเสียเถอะ ยังเหลือโอกาสอย่างนี้ไม่มากนัก”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ลินลี่ย์ตะลึง
“ใต้เท้ากิลเยโม,พูดอย่างนี้หมายความว่าไง?” ลินลี่ย์มองดูกิลเยโม
กิลเยโมถอนหายใจ “อีกสองวัน ซึ่งก็คือวันที่ 2 มกราคมจะถึงวาระสุดท้ายของเจ้า” กิลเยโมชอบหนุ่มน้อยลินลี่ย์นี้จริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากพบเหตุผลที่ลินลี่ย์พยายามฆ่าเคลย์กิลเยโมยิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้นที่ชะตาของลินลี่ย์พลิกผันเช่นนี้
เขาสามารถมีอนาคตที่รุ่งโรจน์ แต่เพื่อพ่อแม่ที่ตายไปของเขาเขายินดีเสียสละทุกอย่างเพื่อล้างแค้น
แม้ว่ากิลเยโมจะไม่เคยทำเช่นนั้น แต่ในใจเขายังรู้สึกชื่นชมลินลี่ย์
“วันที่ 2 มกราคม?”
สีหน้าของลินลี่ย์เปลี่ยนไปมาหลายครั้ง แต่ในที่สุดเขาหลับตา เขาเข้าใจทั้งหมดแล้ว เป็นที่ชัดเจนว่าอีกสองวันเขาจะตาย
“ขอบคุณ,ใต้เท้ากิลเยโม ถ้าไม่ใช่เพราะท่านข้าก็ยังคงยึดความหวังว่าจะรอดชีวิตได้” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น
กิลเยโมมองดูลินลี่ย์ เขาถอนหายใจเบาๆ ส่ายหน้า จากนั้นหันหน้าเดินออกไปปล่อยให้ลินลี่ย์อยู่ใรห้องขังตามลำพัง
“วันที่ 2 มกราคม พวกเขาต้องรอจนกว่าจะพ้นเทศกาลยูลานจึงจะฆ่าข้าหรือ? พรุ่งนี้จะเป็นงานเทศกาลยูลาน ข้าเชื่อว่าจะเป็นวันแต่งงานของคาลันกับอลิซเช่นกันกระมัง?” เมื่อรู้ว่าเขากำลังจะตาย ลินลี่ย์กลับรู้สึกใจเย็นขึ้นและสงบขึ้นกว่าแต่ก่อน