ตอนที่ 7-1 ความหวังแห่งชีวิต
เมื่อได้ยินคำว่า “น่าเสียดายอัจฉริยะ”เคลย์มีกำลังใจขึ้นทันที
เขารู้แล้วว่าจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เลือกอะไรไว้
“ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว” ไฮเดนส์โบกมือและพูดอย่างใจเย็น
“พะย่ะค่ะ,องค์จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์” เคลย์คำนับด้วยความเคารพและออกมาจากชั้นบนสุดของโบสถ์เจิดจรัส ในห้องโถงใหญ่ในตอนนี้เหลืออยู่แต่เพียงจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ไฮเดนส์ เขาเดินมาที่หน้าต่างมองลงไปที่เมืองหลวงเฟนไลอย่างเงียบๆ อยู่นาน
หลังจากเวลาผ่านไปนาน
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก!” เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา” ไฮเดนส์พูดอย่างใจเย็น
ผู้ที่เข้ามาคือคาร์ดินัลกิลเยโม กิลเยโมมองดูไฮเดนส์จากด้านหลัง เขาสามารถสัมผัสได้ว่าไฮเดนส์อารมณ์ไม่ค่อยดี จึงกล่าวเบาๆ ด้วยความเคารพ “ฝ่าบาท, เราจะลองเกลี้ยกล่อมลินลี่ย์ยังไงดี?”
“เกลี้ยกล่อมหรือ? ไม่จำเป็น” ไฮเดนส์กล่าวอย่างใจเย็น
กิลเยโมอดเงยหน้ามองไฮเดนส์อย่างประหลาดใจมิได้ ถ้าพวกเขาต้องการลินลี่ย์ไว้ทำประโยชน์ให้พวกเขาในอนาคต อย่างน้อยที่สุดก็ต้องพูดกับเขาและเกลี้ยกล่อมเขา ที่สำคัญไม่เพียงแต่ไฮเดนส์ทำร้ายลินลี่ย์จนบาดเจ็บอย่างหนักเท่านั้น ลินลี่ย์ยังมีความแค้นลึกซึ้งกับเคลย์ตั้งแต่แรกเริ่มอีกด้วย
“กิลเยโม! เจ้ารู้ไหมว่ามารดาของลินลี่ย์คือใคร?” ไฮเดนส์หันหน้าไปมองกิลเยโม กิลเยโมตะลึง เขากล่าวด้วยความสงสัย “มารดาของลินลี่ย์?นางตายตอนให้กำเนิดน้องชายของลินลี่ย์ไม่ใช่หรือ?”
“ไม่”
ไฮเดนส์ส่ายหัว “เมื่อเจ้าตรวจสอบพื้นหลังของลินลี่ย์และข้อมูลเกี่ยวกับมารดาเขา เจ้าไม่สามารถค้นพบความจริง มารดาของลินลี่ย์ความจริงก็คือสตรีที่เราได้มาเมื่อสิบสองปีก่อน”
สตรีคนนั้นจากเมื่อสิบสองปีก่อน!
กิลเยโมจำได้ทันที เพราะว่าสตรีผู้นั้นสร้างผลกระทบต่อระดับเบื้องบนของศาสนจักรเจิดจรัสอย่างมหาศาล
“แต่เมื่อเราฆ่ามารดาของเขาไปแล้วอย่างนั้นก็...” กิลเยโมเข้าใจทันทีถึงสาเหตุที่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อารมณ์ไม่ดีในตอนนี้แล้ว
อัจฉริยะอย่างลินลี่ย์ยังใหม่มากก็จริง แต่ในอนาคต เมื่อลินลี่ย์พบความจริงเกี่ยวกับมารดาของเขา เขาอาจเป็นภัยคุกคามใหญ่ต่อศาสนจักรเจิดจรัสได้
“กิลเยโม! วันที่ 28ของเดือนนี้จะเป็นวันที่รัศมีของมหาเทพเจิดจรัสกล้าแข็งที่สุดไม่ใช่หรือ?”ไฮเดนส์เอ่ยขึ้นทันที
“ถูกแล้ว, ฝ่าบาท”กิลเยโมรู้สึกงงที่จู่ๆ ไฮเดนส์ถามปัญหานี้ขึ้นมา
“เตรียมตัวให้พร้อม คืนนั้นข้าตั้งจากข้าจะขอสัตว์เลี้ยงเทพจากมหาเทพเจิดจรัส”ไฮเดนส์พูดอย่างสงบ
“สัตว์เลี้ยงเทพ?”กิลเยโมตกตะลึงอย่างหนัก แต่จากนั้นเขาก็เข้าใจแผนของไฮเดนส์ได้อย่างรวดเร็ว เขาถึงกับลอบถอนหายใจกับตนเอง “จักรพรรดิศักดิ์มีแนวโน้มจะขอสัตว์เลี้ยงเทพนี้ในนามของลินลี่ย์ แม้ว่านี่จะจำกัดศักยภาพและพรสวรรค์ในอนาคตของลินลี่ย์ แต่เขาก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหลือเชื่อ เพียงแต่น่าเสียดายพรสวรรค์ของเขาจริงๆ”
สัตว์เลี้ยงเทพก็คือการแสดงให้เห็นถึงพลังเทพของมหาเทพเจิดจรัสในโลกหยาบ
มหาเทพเจิดจรัสในฐานะที่เป็นมหาเทพองค์หนึ่ง หนึ่งในความคงอยู่ที่ทรงอำนาจมากที่สุดสามารถขยายสายใยพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขา พลังศรัทธาที่นำไปสู่การชำระจิตวิญญาณทำให้พวกเขาทุ่มเทและภักดีต่อมหาเทพเจิดจรัส มีแต่เพียงบุคคลที่บรรลุขอบเขตระดับเซียนและชำระวิญญาณแล้วจะสามารถต้านทานการอาบแสงศักดิ์สิทธิ์นี้
ส่วนคนอื่นๆ .... ไม่สามารถต่อต้านได้แน่นอน
แต่หลังจากที่วิญญาณของเขาได้รับผลกระทบจากการอาบแสงศักดิ์สิทธิ์ของมหาเทพเจิดจรัส พรสวรรค์ธรรมชาติของลินลี่ย์จะได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ความสำเร็จในอนาคตของเขาจะลดลงไปบ้างแน่นอน
“น่าเสียดาย น่าเสียดายพรสรรค์จริงๆ”ไฮเดนส์ถอนหายใจอีกครั้ง นี้คือเหตุผลที่ทำไมก่อนนั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าเคลย์ เขาพูดแต่คำว่า “น่าเสียดาย” อย่างไรก็ตาม ไฮเดนส์มั่นใจมาก เมื่อเขาได้รับผลกระทบจากพิธีอาบแสงศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าต่อมาเขาจะพบเรื่องความตายของมารดาเขาลินลี่ย์ก็ยังจะจงรักภักดี และศรัทธาเต็มเปี่ยมต่อมหาเทพเจิดจรัส
เพราะศรัทธาที่การอาบแสงศักดิ์สิทธิ์นี้สร้างขึ้นจะคงอยู่ลึกในจิตวิญญาณของคน
พริบตาเดียวผ่านไปสิบวัน เมืองเฟนไลสงบเหมือนที่เคยเป็น แต่ตระกูลขุนนางใหญ่ทั้งหมดในเมืองเฟนไลรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่กดดันอย่างประหลาด ตัวอย่างเช่นพระราชาเคลย์มักจะอารมณ์น่ากลัวในช่วงหลายวันมานี้ และเสนาบดีและขุนนางชั้นผู้ใหญ่หลายคนที่ขัดใจเขาได้ถูกประหารชีวิต
บนถนนฟราแกรนท์พาวิเลียนด้านหลังโรงแรมที่ตกแต่งอย่างเลิศหรู มีคนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันเงียบๆในอาคารสามชั้น
เยล, จอร์จและเรย์โนลด์อยู่ที่นี่ตลอดเวลา
นับตั้งแต่พวกเขาพบว่าเกิดเรื่องขึ้นกับลินลี่ย์ทั้งสามคนต่างเป็นห่วงลินลี่ย์มาตลอด พวกเขารู้ดีถึงภัยพิบัติใหญ่ที่ทำให้ลินลี่ย์ตกต่ำลงไป ไม่เพียงแต่เขาโจมตีกษัตริย์เคลย์และสังหารนักรบฝีมือดีของราชอาณาจักรไปเป็นพันคนเท่านั้นเขายังบีบบังคับจนจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ต้องลงมาปราบเขาในที่สุด
“พี่ใหญ่เยล,คนของเจ้าได้ข่าวของลินลี่ย์บ้างหรือยัง?” จอร์จถาม และเรย์โนลด์ก็มองดูเยลเช่นกัน
เยลส่ายศีรษะ
ทุกคนในตอนนี้หน้าตาดูไม่ได้เลย พวกเขาโตมาพร้อมกับลินลี่ย์ ที่สถาบันเอินส์ พวกเขากินด้วยกัน พักอยู่ด้วยกัน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่ญาติพี่น้องกัน แต่พวกเขาสนิทกันมากเหมือนเป็นพี่น้องกันจริงๆไม่มีทางที่พวกเขาจะยืนเฉยมองดูลินลี่ย์ถูกประหารเป็นแน่
“ไม่มีทางเลย ไม่มีทางที่ข้าจะเข้าไปถึงคนระดับสูงในศาสนจักรเจิดจรัส” เยลก็พลุกพล่านใจเช่นกัน “รออีกไม่กี่วันนี้ พ่อของข้าจะมาถึงในไม่ช้า”
บิดาของเยล
มอนโร ดอว์สัน!
ประธานหอการค้าดอว์สันและผู้ควบคุมตระกูลดอว์สันที่มั่งคั่งและทรงพลัง ความมั่งคั่งของเขาแม้แต่จักรวรรดิใหญ่ทั้งสี่และสองสหพันธรัฐใหญ่ต้องอิจฉาเครือข่ายการค้าของพวกเขาครอบคลุมไปทุกเมืองทั่วทวีปยูลาน สามารถชี้ขาดได้ว่าเศรษฐกิจของชาติใดจะรุ่งเรืองหรือล่มสลาย
สหภาพการค้าใหญ่ทั้งสามมีอำนาจทางเศรษฐกิจมหาศาล
ไม่ว่าจะเป็นสหพันธรัฐใหญ่ทั้งสองไม่ว่าจะเป็นสี่จักรวรรดิใหญ่ไม่ยินดีจะเป็นปฏิปักษ์กับพวกเขาอย่างเปิดเผย เพราะเมื่อหนึ่งในสหภาพการค้าใหญ่ทำสงครามกับจักรวรรดิหนึ่งโดยเปิดเผยอาจส่งผลต่อความล่มสลายของเศรษฐกิจ ขาดโอกาสพัฒนาให้ก้าวหน้าเป็นสิบปีและเกิดความวุ่นวายภายในเขตแดนของตน
“พี่ใหญ่เยล,เมื่อสองวันที่แล้ว เจ้าก็บอกให้เรารออีกสองสามวัน! ถ้าขืนเรารอต่อไป ข้าเกรงว่า...”
ไม่มีอะไรที่เยลสามารถทำได้
โชคดีที่บิดาเขาร่วมเดินทางอยู่ในอาณาจักรที่ไม่ไกลจากอาณาจักรเฟนไลนัก เมื่อได้รับข่าว เยลรีบติดต่อกับบิดาเขาทันทีและหวังอย่างยิ่งว่าบิดาของเขาสามารถมาถึงเมืองเฟนไลให้ได้เร็วเท่าที่เป็นไปได้ ด้วยสถานะของบิดาเขาในฐานะประธานหอการค้าดอว์สัน อาจเป็นได้ว่าไฮเดนส์จะยินยอมต้อนรับเข้าเมืองเป็นส่วนตัว
เมื่อบิดาเขาปรากฏตัว โอกาสช่วยลินลี่ย์ก็จะมีเพิ่มมากขึ้น
“คุณชาย, คุณชาย!” เด็กหนุ่มผอมสูงวิ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้น “คุณชาย! ท่านประธานหอการค้ามาถึงแล้ว!”
“พ่อ!”
เยลพรวดพราดยืนด้วยความยินดี ในสายตาของเรย์โนลด์และจอร์จก็เช่นกัน ความหวังเริ่มปรากฏ
ภายในห้องรับรองพิเศษของโบสถ์เจิดจรัส
บุรุษศีรษะล้านสูงสองเมตรก้าวเข้ามาในห้องโถงเขายิ้มอย่างอารมณ์ดี บุรุษอ้วนศีรษะล้านผู้นี้มีลักษณะสูงอ้วนใหญ่น้ำหนักราวๆ 300-400 ปอนด์
นี่คือประธานหอการค้าดอว์สัน – มอนโร ดอว์สัน จากประตูอีกด้านหนึ่งจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ไฮเดนส์ก็เดินเข้ามาเช่นกัน
ไฮเดนส์สูงเกือบสองเมตรเช่นกัน แต่เขาค่อนข้างผอม ทั้งสองเมื่ออยู่ด้วยกันสูงทั้งคู่ หัวล้านทั้งคู่ แต่คนหนึ่งอ้วนขณะที่อีกคนหนึ่งผอมทำให้เป็นภาพที่น่าสนใจมาก
ด้านหลังมอนโร ดอว์สัน มีบุรุษวัยกลางคนสองคนคนหนึ่งผมทองดูสงบใจเย็น นัยน์ตาเหยี่ยว ขณะที่อีกคนหนึ่งผมสีแดงและมีร่างกายกำยำ ผู้ติดตามทั้งสองยืนหน้าเคร่งขรึมอยู่ด้านหลังมอนโร ดอว์สัน ไม่ต้องสงสัยเลย ทั้งสองคนเป็นนักสู้ระดับเก้า
ที่ด้านหลังไฮเดนส์ มีคาร์ดินัลชุดยาวสีแดงอยู่สองคนคนหนึ่งเป็นบุรุษ อีกคนเป็นสตรีสองคนนี้ก็คือกิลเยโมและเมลินา
“ถวายบังคมองค์จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์!”
มอนโรร้องทักด้วยเสียงอันดังและพยายามน้อมตัว อย่างไรก็ตามพุงขนาดใหญ่ของมอนโรค้ำอยู่ทำให้มอนโรโค้งคำนับได้ยาก “มอนโร เชิญนั่ง”ไฮเดนส์ค่อนข้างจะเป็นมิตรกับเขา
มอนโรนั่งลงทันที พร้อมๆ กับไฮเดนส์
ก้นของมอนโรใหญ่มหึมาเกินไป เก้าอี้เกือบทั้งหมดไม่พอดีกับเขา โชคดีที่ศาสนจักรเจิดจรัสเตรียมเก้าอี้พิเศษให้เขาล่วงหน้า เมื่อนั่งลงเสร็จเขาฉีกยิ้มเต็มหน้าและหัวเราะลั่น “ขอบคุณ องค์จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ การเดินทางในครั้งนี้ข้าเพียงแต่มีเจตนามาเที่ยวที่ทะเลสาบกรีนสโตนแต่นึกไม่ถึงเลยว่าบุตรชายของข้ายืนยันขอให้ข้าช่วยมาที่นี่? ดังนั้นท่านก็ควรเข้าใจนะว่าข้าในฐานะบิดาแล้วข้าไม่มีทางเลือก”
“มอนโร, ท่านช่างตามใจเจ้าหนูเยลจริงๆ” ไฮเดนส์พูดพลางยิ้ม
มอนโรพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “หึหึ เจ้าหมาน้อยนั่น!แต่ข้าได้ยินว่าเยลบอกว่าเขามีน้องที่น่าทึ่งคนหนึ่งชื่อว่าลินลี่ย์ ไม่เพียงแต่เป็นนักสลักหินระดับยอดฝีมือเท่านั้น เขายังเป็นอัจฉริยะจอมเวทและเป็นนักรบที่ทรงพลังอีกด้วย เมื่อข้าได้ทราบเรื่องนี้ ข้าประทับใจมาก แต่จากที่เยลบอกลินลี่ย์ในตอนนี้ถูกจองจำอยู่ภายในโบสถ์เจิดจรัส”
“นี่เป็นเรื่องจริง”ไฮเดนส์พยักหน้ารับทราบ
มอนโรร้องว่า “ท่านจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์, ท่านพอจะเห็นแก่หน้าข้า ปล่อยลินลี่ย์ได้ไหม?วัยรุ่นมักใจร้อนเสมอ แม้ว่าข้าจะรู้มาว่าเขาพยายามลอบสังหารเคลย์ แต่ในที่สุดแล้ว เคลย์ไม่ตายมิใช่หรือ? ข้ามั่นใจว่าองค์จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คงไม่ใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้
มอนโรพูดตรงๆ ง่ายๆ
แต่ไฮเดนส์ไม่อาจตอบสนองเขาได้ตามปกติ
มอนโร ดอว์สันทำเกินไปแล้วถึงกับขอให้ไฮเดนส์เห็นแก่หน้าเขา ถ้าไฮเดนส์ปฏิเสธนั่นก็เท่ากับไม่เห็นแก่หน้าของมอนโรหรือ? แม้ว่ามอนโรจะยิ้มร่าเริงแต่ไฮเดนส์รู้ดีว่าหอการค้าดอว์สันที่หนุนหลังมอนโร ทรงพลังขนาดไหน
“มอนโร!” ไฮเดนส์ส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ว่าข้าไม่เห็นแก่หน้าท่านความจริงข้าไม่สะดวกจะปล่อยลินลี่ย์จริงๆ เพราะ...ลินลี่ย์ฆ่าคนจากศาลศาสนจักรไปหลายคนรวมทั้งศิษย์ของออสเซนโนด้วยครั้งนี้ออสเซนโนโกรธมาก”
“ออสเซนโน?” มอนโรดอว์สันขมวดคิ้ว
ออสเซนโนเป็นหนึ่งในเสาหลักของศาสนจักรเจิดจรัส และเป็นตุลาการของศาลศาสนจักร
ความจริง ควรจะกล่าวว่าศาสนจักรเจิดจรัสมีผู้นำอยู่สองคนผู้นำที่รู้จักกันโดยทั่วไปก็คือจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์และผู้นำลับที่คอยรับหน้าที่ฆ่า สังหารและคอยกำจัดพวกป่าเถื่อนและพวกนอกรีต – ตุลาการของศาลศาสนจักร
“นี่เป็นเรื่องยากจริงๆ”มอนโรรู้ทันทีว่าไม่ดีแน่
บางทีไฮเดนส์ยังใส่ใจสถานะของมอนโรอยู่ แต่คนเลือดเย็นอย่างออสเซนโนกลับไม่ใช่ เขาเป็นนักฆ่าผู้บ้าคลั่ง
แต่มอนโร ดอว์สันยังคาดการณ์บางอย่างได้
“ลินลี่ย์ฆ่าศิษย์ของออสเซนโน? เรื่องนี้น่าจะเป็นไฮเดนส์กุเรื่องขึ้นมา แต่ไม่มีทางที่เราจะไปยืนยันเรื่องนี้กับออสเซนโนได้” มอนโรรู้สึกว่าทำอะไรไม่ถูก เขาสามารถบอกได้เห็นได้ชัดว่าไฮเดนส์ไม่ต้องการจะปล่อยลินลี่ย์ไปง่ายๆ ขนาดนั้น
หอการค้าดอว์สันต้องจับตาคอยดูลินลี่ย์
นี่คือเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากพบว่าลินลี่ย์สามารถแปลงกายเป็นมังกรได้เกี่ยวกับศักยภาพทั้งสองด้านของเขาในฐานะจอมเวทและนักรบ ศักยภาพของลินลี่ย์นับว่าเหลือเชื่อ ทันทีที่หอการค้าดอว์สันได้ตัวลินลี่ย์เมื่อลินลี่ย์เข้าสู่ขอบเขตระดับเซียน อิทธิพลของหอการค้าดอว์สันจะอยู่เหนือกว่าสองสหภาพการค้า
“ถ้าเมื่อเป็นเช่นนั้น อย่างนั้นข้าคงต้องขออำลาตอนนี้เลย” มอนโร ดอว์สันลุกขึ้นทันที
ไฮเดนส์ยิ้มอย่างใจเย็น “ข้าต้องขอโทษจริงๆ มอนโร, ในตอนนี้ศาสนจักรเจิดจรัสยังไม่ได้ตัดสินลงโทษลินลี่ย์ หลังจากเราตัดสินว่าจะจัดการลินลี่ย์อย่างไรแล้วข้าจะส่งคนไปแจ้งให้ท่านทราบ”
“แน่นอน ระหว่างเวลานี้ ข้าจะพักอยู่ในเมืองเฟนไล ข้าต้องการเห็นเทศกาลยูลานที่จะมาถึงเร็วๆนี้ เทศกาลยูลานฉลองศักราชปีที่ 10,000 นี้มั่นใจได้ว่าจะต้องมีเรื่องน่าอัศจรรย์ ตลอดชีวิตของคนๆ หนึ่ง เขาควรจะได้เห็นเรื่องอัศจรรย์นี้ให้ได้สักครั้ง” มอนโร ดอว์สันจ้องขณะพูด
หลังจากพูดเสร็จแล้ว มอนโรดอว์สันจึงออกมาพร้อมกับคนคุ้มกันทั้งสอง
ไฮเดนส์มองดูขณะที่มอนโร ดอว์สันจากไปอย่างเงียบๆ ที่ด้านข้างเขา กิลเยโมพูดเบาๆ “ฝ่าบาท,เจ้าอ้วนโง่นั่นคิดว่าเขาสามารถขอตัวลินลีย์ด้วยตัวเองได้ หลังจากวันที่ 28 แล้วมอนโรคงต้องทิ้งความหวังทั้งหมด”
ไฮเดนส์หันมามองกิลเยโม เขายิ้มและเดินออกไปจากห้องโถงเช่นกัน
ตอนนี้ สิ่งเดียวที่จะทำได้ก็คือ รอวันที่ 28 ธันวาคม