ตอนที่ 337 - ม้าถูกขโมย!
เย่เทียนรู้สึกโล่งใจที่สตาบิแอยังเป็นเหมือนในประวัติศาสตร์อยู่. ความชิงชังที่พวกเขามีต่อโรมนั้นแรงมาก.
มีทหาร2หมื่นนายคอยป้องกันเมือง, สตราโบและลูกชายคงไม่สามารถตีแตกได้. ต่อให้เขาเอาทหารมาได้3หมื่นนายก็คงจะยึดเมืองไม่ได้ในเวลาสั้นๆแน่.
เย่เทียนไม่ได้มีความคิดอยากจะเข้าไปช่วยเลย.
ถึงเขาจะทำได้ แต่เย่เทียนอยากจะไปนั่งอยู่บนเขาแล้วดูพวกนั้นตีกันมากกว่า. เขาถึงขนาดคิดหาทางเติมฟืนใส่ไฟด้วย. พอทั้งสองฝ่ายหมดแรง เขาจะใช้โอกาสนี้ลอบโจมตีปอมปีย์และยึดทหารมา.
“เจ้านายคะ, พวกเราจะไม่รีบไปบุกสตาบิแอหรือคะ?”
ซูซานถามด้วยความสงสัย.
“เหตุใดเราจะไปเล่า? เป้าหมายของพวกเราไม่ใช่เพื่อจบสงครามกับพวกพันธมิตร แต่เป็นการเพิ่มอำนาจของข้าต่างหาก! หากเราไปสู้พร้อมกับทหารของปอมปีย์ ความชอบครึ่งหนึ่งก็จะตกเป็นของพวกมัน ทีนี้พวกสภาก็จะมีเหตุผลมาอ้างไม่ให้เรายึดเมืองนั่นได้!”
เย่เทียนหัวเราะแล้วอธิบายต่อ “เจ้าอย่าห่วงเลย, ไม่มีทางที่ทัพของปอมปีย์จะยึดเมืองได้แน่ และข้าเองก็จะไม่ปล่อยให้พวกมันได้พักจนกว่าทัพเสริมของศัตรูจะมาถึงด้วย! พวกมันจะมีแต่เสียกับเสีย! ทันทีที่พวกมันพ่าย นั่นก็คือเวลาบุกของพวกเรา! พวกเราจะยึดสตาบิแอในรวดเดียวเลย!”
เย่เทียนมั่นใจมากๆ โดยเฉพาะมีมีเดียมาร่วมด้วยแล้ว เขาก็ยิ่งมั่นใจขึ้นไปอีก.
พอตกค่ำ กองทัพสัตว์มีพิษก็หลั่งไหลเข้ามาถึงตัวเมืองด้วยการปกป้องของทหารม้า.
ก่อนที่กองทัพสัตว์มีพิษจะมาถึงนั้น เย่เทียนได้สั่งประกาศเคอร์ฟิวให้ชาวบ้านหลบอยู่ในที่อาศัยตลอดทั้งคืน.
เย่เทียนได้ประกาศให้ป่าทึบในตัวเมืองเป็นเขตหวงห้าม, มีเดียกับสัตว์ของเธอจะได้อยู่ที่นั่นและจะไม่มีใครกล้าไปใกล้ด้วย.
หลังจากที่รู้ว่าปอมปีย์เริ่มบุกสตาบิแอแล้ว เย่เทียนก็ได้สั่งให้พวกทหารฝึกกันอย่างขันแข็งมากขึ้น.
นักรบหญิงเองก็เริ่มฝึกกันแล้ว, มีเดียก็ถูกส่งไปให้คลอเดียและเซเลน่าดูแลชั่วคราว. ตอนแรกนั้นนางปฏิเสธอย่างแรง แต่พอทั้งสองคนได้แสดงพลังของเทพให้ดูแล้ว เธอก็เปิดใจขึ้นมาเล็กน้อย.
ซูซานก็รับหน้าที่ดูแลหน่วยข่าวกรองขณะสอนวิชาให้คนในทีมของเธอ.
ภายในไม่ช้า พลังของกองทัพเย่เทียนก็พุ่งขึ้นเสียดฟ้า.
บาดั๊คได้พาทหารทาสกลับไปที่เมืองซาตานซึ่งเป็นฐานหลักของเย่เทียน. เขาไม่อยากจะปล่อยให้บ้านตัวเองไม่มีคนคุ้มกันนานเกินไป.
ทหารทาสที่ได้มาใหม่5พันคนก็เริ่มเข้ารับบททดสอบคัดเลือกสุดโหด.
หากพวกเขาอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของทัพเย่เทียนและอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น พวกเขาต้องฝึกกันจนสุดกำลัง.
เย่เทียนคะเนไว้ว่าไม่นานเขาก็คงได้ค่าสถานะมาเพิ่มอีก5พันแต้ม.
สำหรับเมืองคาเลสนั้น เย่เทียนวางแผนไว้ว่าจะตั้งค่ายทหารไว้นอกเมือง ให้เป็นค่ายใหญ่ๆ.
ด้วยพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์บวกกับมีหุบเขาและทะเลล้อมรอบ คาเลสคือเมืองแห่งเสบียงและเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญเลยทีเดียว.
มันจะเป็นหนึ่งในจุดพำนักหลักของทัพเย่เทียน.
ส่วนเรื่องค่ายทหาร มันจะจุทหารได้5พันคนและพวกทหารก็จะต้องมาที่นี่เพื่อรับการฝึกฝน.
พอได้ฝึกอย่างเข้มงวดและสุดโหดแล้ว พวกทหารทาสก็พากันด่าครูฝึกในใจ.
แต่ก็ไม่มีใครเลยที่คิดอยากจะเลิก เพราะอาหารค่ำของพวกเขาดีจริงๆ, อาหารทุกมื้อมีเนื้อให้กินอยู่เสมอ.
พวกทหารทาสรู้ได้เลยว่าชีวิตของพวกเขานั้นดีกว่าพวกชั้นสูงอีก.
ฟาร์มม้าของเย่เทียนเองก็คงจะไร้ที่ติหากสร้างไว้ที่นี่ เพราะภูมิทัศน์ของคาเลส มีภูเขารายล้อมทุกด้าน บวกกับมีทุ่งหญ้ากว้างขวาง จนสามารถเลี้ยงม้าได้ถึงหมื่นตัวเลยทีเดียว.
หลังจากถูกคัดออกแล้ว ทาสจำนวนมากก็ถูกส่งไปทำงานในแผนก่อสร้าง.
อากาศในคาเลสเองก็เริ่มเย็นลงแล้ว. ฤดูใบไม้ร่วงได้จบลงแล้ว.
เอลิเซียกับลูกๆของเธอเองก็ยุ่งตั้งแต่เช้ายันค่ำ เพราะทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของนาง. ทั้งร้าน, ทรัพย์สินและการจัดการต่างๆพร้อมๆกับพื้นที่ฟาร์มและบ้าน30หลัง.
ทุกๆวัน เกวียนข้าวและธัญพืชจะถูกขนไปเก็บไว้ในคลัง.
พอตกค่ำทุกวัน แม้ทั้งแม่และลูกสาวจะเหนื่อยทั้งกายและใจ พวกนางก็ยังมารายงานให้เย่เทียนทราบทุกเรื่องตลอด เพื่อเย่เทียนจะได้รู้เรื่องทรัพย์สินของเขาอยู่เรื่อยๆ.
พอเห็นความขยันและค่าความภักดีที่เพิ่มขึ้นแล้ว เย่เทียนก็พอใจมากๆ พวกนางจึงเป็นคนกลุ่มแรกทีได้รับพลังจากเขา.
เมื่อพวกนางได้รับของขวัญนั้นพวกนางก็ซึ้งจนน้ำตาไหล พวกนางเชื่อจริงๆว่าเจ้านายของตัวเองเป็นเทพจริงๆ.
เมื่อฤดูใบไม้ร่วงแห่งการเก็บเกี่ยวจบแล้ว พื้นที่ทำไร่นาส่วนใหญ่ก็ถูกทิ้งร้างและชาวบ้านก็เริ่มไม่มีอะไรทำ.
เย่เทียนจึงเริ่มลงมือในตอนนี้ หากชาวเมืองคนไหนอยากได้งานเขาก็จะจ้าง.
เขาได้คนมาทำงานทั้งหมดหมื่นคนเพื่อสร้างฝายเก็บน้ำ, ถมที่ดินและรวมที่ดินของเขาเข้าด้วยกันทั้งหมด. จากนั้นก็สั่งล่วงหน้าให้ไปช่วยกันหว่านเมล็ดผลไม้และผักของเมดิเตอเรเนี่ยนเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ.
เมื่อผักและผลไม้ของเขาสุกงอมแล้ว มันก็คือจุดเริ่มต้นของแผ่นดินการเกษตรของเขา.
..
ในที่สุด แม็กซ์ก็มาถึงคาเลสแต่สีหน้าเขาไม่บอกบุญเลย.
“เกิดอะไรขึ้นรึ? แม็กซ์สหายข้า?”
พอเห็นสีหน้ากังวลของแม็กซ์ เย่เทียนจึงหน้าหมองลงมากๆ เขารู้ได้เลยว่ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ.
“ท่านลอร์ดครับ ของของเราถูกขโมยไปแล้วครับ. ม้าทุกตัวที่ข้าพามาถูกขโมยไปหมดเลย...”
พอแม็กซ์เห็นเย่เทียน เขาก็ร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กร้องไห้หาพ่อแม่.
“ไม่เป็นอะไร! เจ้าปลอดภัยก็ดีแล้ว! สินค้า, ม้าแล้วก็อื่นๆ พวกเราค่อยหามาใหม่ก็ได้. อะไรที่เสียไปแล้วก็ปล่อยมันไป. มันก็แค่ของนอกกาย เดี๋ยวก็หาใหม่ได้! ขอแค่เจ้าไม่เป็นอะไร...”
เย่เทียนโล่งใจขึ้นมา. เขาเป็นห่วงแม็กซ์และความสามารถของเขามากๆ เขาไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นกับแม็กซ์เลย.
แต่ในใจเขานั้นก็รู้สึกตะลึงอยู่หน่อยๆ.
มีคนมาขโมยสินค้ากับม้าของเขา.
ใครกันที่มันกล้ามาแย่งเนื้อจากปากเสือ.