ตอนที่ 141 แผนของกู้เสวี่ย
"ตอนนี้เจ้ามีแผนอะไรบ้าง?" ถังเทียนถามกู้เสวี่ย เขาแนะนำ"เราสามารถพาเจ้าออกไปจากเมืองเฮยซานได้ ที่ไหนก็ได้ที่เจ้าต้องการไป"
กู้เสวี่ยสั่นศีรษะ "ข้าไม่อาจจากไปได้"
"ทำไมล่ะ?" ถังเทียนสับสน
หลิงซิ่วที่อยู่อีกข้างหนึ่งแดกดัน"นางจะได้ไหนได้? ทันทีที่นางออกจากตระกูลกู้นางจะตกเป็นเป้าหมายทันที ศัตรูของตระกูลกู้จะฆ่านางอย่างไม่ลังเล นอกจากนี้ นางยังมีสายเลือดรุ้งหิมะ ถ้านางให้กำเนิดทายาทรุ่นต่อไป สำหรับครอบครัวอื่นและตระกูลอื่นจะมิเป็นการสร้างปัญหาใหญ่หรอกหรือ?"
"จริงสินะ"ถังเทียนคิดเรื่องไซอาที่คาดการณ์ไม่ได้ เห็นได้ชัดว่า เขายังไม่ดีพอสำหรับงานนี้ เขายักไหล่และถาม "งั้นตอนนี้จะเอายังไง?"
"รอ!"กู้เสวี่ยแสดงความมุ่งมั่นแน่วแน่ "รอแค่สามวัน พวกเขาจะรีบกลับมา"
หลิงซิ่งลอบมองนาง "คนพวกนั้นจะทำอะไรได้?"
"ใคร?" ถังเทียนเข้ามาร่วมสนทนาอีกครั้งเหมือนเด็กช่างสงสัย
"ครอบครัวของข้า" กู้เสวี่ยอธิบาย "ถ้าบ้านนี้ล่มสลายสิ้นเชิง อย่างนั้นพวกเขาจะอยู่ในสถานการณ์แย่ยิ่งกว่าข้าเสียอีก พวกเขาไม่มียอดฝีมือที่ทรงพลัง แต่พวกเขาจะมากันเป็นกลุ่มใหญ่นั่นจะทำให้กำลังเพิ่มขึ้นมาบ้าง"
"ไม่มีประโยชน์" หลิงซิ่วอยู่ข้างตัวผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลมาเป็นเวลานานเขาเป็นคนที่คุ้นเคยกับชะตากรรมของกู้เสวี่ย เขาพูดตามตรง "คนพวกนี้จะทำอะไรได้ ข้าคนเดียวก็ฆ่าพวกเขาได้ อย่านึกว่าผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลจะยอมอดกลั้นต่อเรื่องนี้เท่าที่ข้ารู้ เขาจะต้องโต้ตอบอย่างร้ายกาจรุนแรงกว่าแต่ก่อนแน่"
หลิงซิ่วมองดูถังเทียน
ถังเทียนสับสน"เจ้ามองข้าหาอะไร?"
หลิงซิ่วเหลือกตา "สำหรับคนเจ้าเล่ห์อย่างเจ้า เมื่อเจ้าพบกับคมหอก คมดาบ อย่าฉี่รดกางเกงก็แล้ว"
ถังเทียนพูดด้วยความภูมิใจ "อย่าห่วง หนุ่มน้อยชาวฟ้าผู้นี้แข็งแกร่งมากพอข้าไม่เคยกลัวเรื่องการต่อสู้อยู่แล้ว แล้วอีกอย่างเจ้าคิดว่าเขาจะกลายเป็นพี่ใหญ่เจ้าได้ยังไง?"
หลิงซิ่วหน้าเขียวคล้ำ เขาเหลือกตาเตรียมอาละวาดเมื่อไรก็ตามที่เขาใช้คำว่าพี่ใหญ่ นั่นไม่ใช่ความทรงจำที่ดีเลย
กู้เสวี่ยมองดูคนทั้งสองเตรียมทะเลาะกัน นางรีบเสริมต่อทันที "ความจริงยังมีอีกทางหนึ่ง"
ทั้งสองคนสนใจคำพูดของกู้เสวี่ยถึงกับหันหน้ามามองพร้อมกัน
"สำหรับสายเลือดซ่อนเร้นของข้าบิดาข้าพบมานานแล้วตั้งแต่ข้ายังเล็กๆ ตลอดหลายปีมานี้เขาได้เรียนรู้วิธีกระตุ้นพลังสายเลือดซ่อนเร้น เพราะเขากังวลว่าความลับที่ข้าครอบครองสายเลือดเร้นจะแพร่กระจายออกไป เขาทำอย่างรอบคอบ แม้แต่ลุงเมอเรย์ก็ไม่รู้เรื่องนี้" กู้เสวี่ยอธิบาย
ถังเทียนยังฟังอย่างปกติ เขาไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับพลังสายเลือด แต่สำหรับหลิงซิ่ว เมื่อเขาได้ยินนาง เขาถึงกับตะลึง เขารู้ว่าจะคุ้มค่ามากแค่ไหนถ้าเขารู้วิธีกระตุ้นพลังสายเลือดเร้นลับ
เพื่อให้สามารถกระตุ้นพลังสายเลือดเร้นลับ นั่นหมายความว่า...
เมอเรย์ก็ตกใจเช่นกัน
กู้เสวี่ยมองดูเมอเรย์และอธิบาย "นี่ยังเป็นสาเหตุให้บิดาข้าเสียชีวิตไม่รู้ว่ากู้อันสวงรู้เรื่องนี้ได้ยังไง เพราะกู้อันสวงมายื่นข้อเสนอให้ข้า บิดาข้ามีสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับกู้อันสวง เพราะเขามาเคาะประตูบ้านของเรา บิดาข้าและข้ารู้ทันทีว่าเขาอาจจะรู้บางอย่าง"
"อย่างไรก็ตาม เรายังคงประมาทวิธีการเจ้าเล่ห์ของเขา ตอนนี้ข้ามาคิดดูแล้ว บางทีเราไร้เดียงสาเกินไป ถ้าบิดาของข้าสามารถกระตุ้นสายเลือดรุ้งหิมะของข้าได้ อย่างนั้นบิดาของข้าอาจได้เลื่อนขึ้นเป็นผู้อาวุโสคนใหม่ของตระกูล กู้อันสวงที่จะกลายเป็นผู้อาวุโสของตระกูลได้แน่นอน แล้วเขาจะยอมได้อย่างไรที่ให้อุบัติเหตุนั้นมาชิงตำแหน่งเขาไป?"
"เมื่อข้าได้ยินว่าบิดาข้าถูกฆ่า ข้ารู้ว่ากู้อันสวงไม่ซื่อสัตย์ คิดจะกลายเป็นประมุขตระกูล นอกจากนี้ เขายังต้องการตัวข้า" หน้าของกู้เสวี่ยซีดเล็กน้อยเต็มอยู่ดวงตาสีน้ำตาลแดงของนาง
"ใครจะสามารถต่อต้านสายเลือดรุ้งหิมะได้? เมื่อเขาบอกบิดาข้าเขากำลังยื่นข้อเสนอให้ข้าและถูกปฏิเสธ ทั่วทั้งตระกูลกู้รู้เรื่องนี้ ถ้าข้าไม่ประกาศข้อเท็จจริงว่าข้ามีพลังสายเลือดรุ้งหิมะ กู้อู่จะลักพาตัวข้าไป ไม่มีผู้ใดกล้าชิงคนจากกู้อู่"
กู้เสวี่ยอธิบาย
"เดรัจฉานนั่นอำมหิตแท้"ถังเทียนโกรธ "ข้าจะต้องฆ่ามัน"
"ไม่!"กู้เสวี่ยส่ายหน้า "ช่วยเขาเผื่อข้าด้วย ข้าต้องการแก้แค้นเขาเป็นการส่วนตัว"
เสียงเย็นชาของนางทำให้ถังเทียนเสียวสันหลังวาบ
ความจริงสตรีต้องไม่ถูกยั่วให้โกรธ!
หลิงซิ่วถาม"ทำไมเจ้าไม่กระตุ้นสายเลือดเดี๋ยวนี้เล่า?"
น้ำเสียงของกู้เสวี่ยเคร่งเครียด"ท่านพ่อยังค้นคว้าไม่สำเร็จ ข้าแค่สามารถทำตามข้อสันนิษฐานของเขาเพื่อกระตุ้นสายเลือด ข้าไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร ข้าจำเป็นต้องเตรียมตัว
"คุณหนู!" เมื่อเมอเรย์ได้ยินว่ามีอันตรายเข้ามาเกี่ยวข้อง เขาคัดค้านแข็งขัน
กู้เสวี่ยหันมาพูดเบาๆ"ลุงเมอเรย์ มันยังจะดีกว่าปล่อยให้พวกเขาล่วงเกินข้า ข้ายินดีจะเสี่ยงมากกว่าแม้อาจหมายถึงความตายของข้าก็ตาม ข้าไม่กลัว"
เมอเรย์ได้แต่เงียบ เขาเพียงแต่เม้มริมฝีปากแน่น
"อย่างนั้นทั้งหมดที่เราทำได้ก็คือ รอใช่ไหม?" ถังเทียนถามกู้เสวี่ย
"อืม..."กู้เสวี่ยพยักหน้า นางสังเกตดูถังเทียนเงียบๆ
เมื่อยามราตรีมาเยือน
ถนนว่างเปล่าเงียบสงัดและเริ่มมีหิมะตก
เมื่อหากล่องไม้ในซากหักพังเจอถังเทียนเอามาใช้ทำกระโจม ทั้งสี่คนนั่งอยู่ภายในกระโจม โชคดีที่ลมไม่แรงนัก กระโจมยังพอทนรับได้ พวกเขาทุกคนแม้แต่กู้เสวี่ยที่มีพลังอ่อนแอที่สุดก็ยังมีพลังระดับสี่ ไม่มีใครอ่อนเพลียเกินไป
"หลิงซิ่ว, ก่อนนั้นเจ้าทำอะไรอยู่เหรอ?" ถังเทียนถามหลิงซิ่วอย่างสงสัย เขาคิดว่าหลิงซิ่วเป็นคนน่าสนใจขนาดนั้นเขาดูคล้ายกับอาโมรี่
หลิงซิ่วชำเลืองมองถังเทียนและแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำถาม
"ข้าถามเจ้าแค่ปัญหาเดียว" ถังเทียนพยายามถามไม่ลดละ
"ข้าเป็นคนพเนจร" หลิงซิ่วไม่ยินดีจะพูดออกมา
"พเนจรเหรอ?" ถังเทียนนัยน์ตาเป็นประกาย "อย่างนั้นเจ้าต้องไปมาหลายที่น่ะสิ"
"แน่นอน!" หลิงซิ่วภูมิใจ เขามองดูถังเทียนด้วยความรังเกียจ
"อย่างนั้นเจ้าต้องรู้วิธีออกไปจากสถานที่นี้!"ถังเทียนเต็มไปด้วยความคาดหวัง
"เจ้ากำลังคิดออกไปจากดาวไพรมายานี่หรือ?" หลิงซิ่วมองดูถังเทียน เขากำลังยินดีเล็กน้อยในความโชคร้ายของเขา "ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะออกไปจากดาวไพรมายาทุกครอบครัวและทุกตระกูลต่างก็มีรายชื่อ มีแต่ผู้เยาว์ที่มีศักยภาพถึงจะสามารถเข้าร่วมทดสอบได้ผู้มีคุณสมบัติเพียงสิบคนจะได้ออกไปจากดาวไพรมายา"
ไม่ต้องสงสัยเลย เหมือนกับสิ่งที่เมอเรย์พูดไว้เลย
ถังเทียนขมวดคิ้วและถามอย่างไม่สบายใจ "ยังมีทางอื่นอีกไหม?"
หลิงซิ่วมองดูใบหน้าผิดหวังของถังเทียนทำให้อารมณ์เขาดีขึ้น"ดาวไพรมายาตั้งอยู่บนดาวที่ยังไม่เสถียรดี ไม่มีประตูดวงดาวที่มีความเสถียร สำหรับประตูดวงดาวที่เสถียร พวกเขาจำเป็นต้องใช้กันมาก ดังนั้นพวกเขาจึงจำกัดจำนวนครั้งในการเปิดใช้ประตูดวงดาว ถ้าเจ้าต้องการจะลองดูกับประตูดวงดาวที่ไม่เป็นที่รู้จักและยังไม่สำรวจพบ เชิญลองได้เลย อย่างไรก็ตามอย่าหาว่าข้าไม่เตือนเลยนะ ประตูดวงดาวบนดาวไพรมายาคาดเดาไม่ได้เอ่อ... เจ้าอาจไม่มีทางกลับได้อีกเลย ถ้าเจ้าเข้าไปแล้ว"
"ใครจะรู้, ข้าอาจหาพบประตูดวงดาวที่ข้าเข้ามาก็ได้" ถังเทียนพูดอย่างไม่มั่นใจ
หลิงซิ่วทำสีหน้าทำนองว่า'แล้วแต่จะคิด' เจ้าอาจผิดหวังประตูดวงดาวที่นำข้ามาก็หายไปแล้ว ไม่มีประตูดวงดาวที่มั่นคงอยู่บนดาวดวงนี้ ไม่มีหินดวงดาวช่วยให้มันมั่นคงประตูดวงดาวก็ไม่มีทางเสถียรได้"
ถังเทียนพูดด้วยความตกใจ "เจ้าไม่ใช่คนของดาวไพรมายาหรอกหรือ?"
"อือ"หลิงซิ่วคราง
"อย่างนั้นเจ้ามาจากหมู่ดาวแห่งไหนเหรอ?" ถังเทียนถามด้วยความสงสัยอีกครั้ง
"หมู่ดาวแกะ"หลิงซิ่วตอบแบบรำคาญเล็กน้อย "ทำไมเจ้าต้องถามเซ้าซี้ด้วยเล่า?"
ถังเทียนตบไหล่ของหลิงซิ่ว"ก็ข้าเป็นพี่ใหญ่ของเจ้า มีพี่ใหญ่คนไหนบ้าง ไม่ทำความคุ้นเคยกับน้องๆ ตนเอง? โอ้โฮหมู่ดาวแกะ นั่นเป็นหมู่ดาวที่ใหญ่มาก!"
"ไปไกลๆ เลย"หลิงซิ่วจ้องเขา
"เล่ามาเถอะน่า, ทุกคนเบื่อและราตรีก็ยังอีกยาวนาน" เขาทำหน้าเหมือนกำลังซุบซิบ"เจ้าต้องรู้สึกเหลือเชื่อแน่เมื่อเจ้าได้เข้าเรียน"
"ข้าไม่เคยไปโรงเรียน"หลิงซิ่วมีสีหน้าเย็นชา
ถึงตอนนี้ไม่ใช่แค่ถังเทียนที่อึ้ง แม้แต่กู้เสวี่ยและเมอเรย์ก็ตะลึงไปด้วย
"อย่างนั้นวิทยายุทธของเจ้าเรียนมาได้อย่างไร?" ถังเทียนถาม
"จากอาจารย์ของข้า" หลิงซิ่วพูดด้วยสีหน้าซื่อตรง แต่คำพูดของเขาอ่อนโยนขึ้นแล้ว
"อาจารย์ของเจ้าต้องยอดเยี่ยมแน่"เมอเรย์อุทาน "ถึงได้อบรมศิษย์ที่โดดเด่นได้อย่างนี้ เขาต้องปลื้มใจแน่"
หลิงซิ่วส่ายศีรษะ เขาขดตัวกลมขณะที่กอดหอกเงินและพูดอย่างมีอารมณ์"เขาไม่พอใจข้า"
"ไม่พอใจ?" ถังเทียนตะลึง "เจ้าเหลือเชื่อขนาดนี้แต่เขายังไม่พอใจอีกหรือ?"
เหตุผลที่ถังเทียนสามารถทุบตีหลิงซิ่วยับเยินได้เป็นเพราะเขาได้เปรียบเป็นอย่างมาก
เมอเรย์และกู้เสวี่ยรู้สึกเหลือเชื่อ ในสายตาพวกเขา หลิงซิ่วยังอายุน้อยมาก แต่เขาก็ทรงพลังมากแล้วถ้าอาจารย์ของเขาไม่พอใจเขา อย่างนั้นอาจารย์ของหลิงซิ่วจะเคี่ยวเข็ญอบรมเขาได้อย่างไร?
"เขาผิดหวังในตัวข้า" หลิงซิ่วเหม่อมองในที่ไกลออกไปขณะที่เขากอดหอกเงินของเขา ขณะที่หิมะตกเขามองดูอย่างไม่ใส่ใจ เขาพึมพำ "เขามักจะผิดหวังในตัวข้าอยู่เสมอ"
แม้แต่ถังเทียนผู้ไม่อ่อนไหวง่ายๆก็สามารถรับรู้ได้ว่าอารมณ์ของเขากำลังอ่อนไหว
หลิงซิ่วพึมพำกับตนเอง"ข้ามักคิดว่าข้ากำลังทำได้ดีพอเสมอ แต่เขาก็ไม่พอใจ ใช่แล้ว ข้าเห็นได้จากวิธีที่เขาดูข้าสายตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจและไม่สบายใจ เขาเป็นคนดี เป็นคนดีจริงๆ เขาเลี้ยงข้ามาตั้งแต่เล็ก ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ข้าคงถูกหมาป่ากินไปนานแล้ว ข้าพยายามแล้วพยายามอีก แต่เขาก็ยังผิดหวัง"
หิมะตกลงบนพื้นอย่างเงียบๆ ในใจของเขาฉากภาพที่คุ้นเคยเหล่านั้นกลับมาปรากฏอีกครั้ง
เสียงของหลิงซิ่วเป็นเหมือนคนละเมอ
"ข้ารู้ว่าเขามักต้องการให้ข้าเป็นคนดี คนเก่งเหมือนกับเขา จนกระทั่งเขาตายจากไปเขาก็ยังไม่พอใจข้า ข้าเริ่มร่อนเร่พเนจร เมื่อตอนอายุสิบเอ็ดข้าก็เริ่มออกเดินทางแล้ว ข้าแข็งแกร่งขึ้นแต่ข้ามักจะไม่มีความสุข ตราบใดที่ข้ายังไม่มีความสุขข้าก็จะเดินทางไปที่อื่นเรื่อยๆ"
"ตอนนี้เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว?" เมอเรย์อดถามไม่ได้
"สิบเจ็ด"หลิงซิ่วตอบอย่างไม่ใยดี
เมอเรย์และกู้เสวี่ยตกใจ หลิงซิ่วอายุเพียงสิบเจ็ดปีเขาร่อนเร่พเนจรมาถึงหกปี!พวกเขาไม่สามารถนึกภาพออกที่เด็กสิบเอ็ดขวบร่อนเร่ไปตามถนนในโลกของผู้ใหญ่
มิน่าเล่าเขาถึงได้แข็งแกร่งนัก!
เมอเรย์ตื่นเต้น
"โห!เราวัยเท่ากันเลย!" ถังเทียนโห่ร้องพร้อมกับชูมือ"อย่าห่วงไปเลย! จากวันนี้เป็นต้นไป ข้าจะดูแลเจ้าเองเราจะก่อตั้งทีมหนุ่มชาวฟ้าไร้เทียมทานกันและไปตามเส้นทางของเรามุ่งสู่หมู่ดาวกางเขนใต้ ไปช่วยเชียนฮุ่ยกัน!"
ทีมหนุ่มชาวฟ้าไร้เทียมทาน...
หนังตาของหลิงซิ่วกระตุกความสิ้นหวังและอารมณ์เศร้าของเขาทั้งหมดหายไปอย่างรวดเร็วเจ้างี่เง่าถือเป็นยอดฝีมือในการทำลายอารมณ์สุนทรีคนอื่นนัก
ความจริงเขาเตรียมจะอ้าปากด่าเจ้าคนไร้ยางอายอยู่แล้ว
เดี๋ยวก่อน!
เจ้างี่เง่านี่เพิ่งพูดอะไรออกไป?
นัยน์ของหลิงซิ่วเย็นชาหน้าของเขาเคร่งเครียด
หมู่ดาวกางเขนใต้!