Ep.467 - สันเขามังกร
2/2
Ep.467 - สันเขามังกร
หลังจากนั้นไม่นาน
ศิลาเทพเทเลพอร์ตก็ถูกส่งออกไป
นี่คือศิลาเทพคุณภาพสีฟ้าอ่อนเลเวล 15 เป็นวัสดุสิ้นเปลืองแบบใช้ครั้งเดียว แต่ทรงพลังมาก
จากแคว้นเดียวดายสู่สันเขามังกรเป็นทางยาวแบบเส้นตรง รัศมีเกินกว่าศิลาเทเลพอร์ตทั่วไปไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยเท่า แต่สำหรับศิลาเทพแล้ว มันไม่ใช่ปัญหาเลย
ฝั่งตรงข้ามเตรียมพร้อมแล้ว
ฮังอวี่กล่าวอำลาคนอื่นๆ เปิดใช้งานศิลาเทพ
กระบวนการเทเลพอร์ต กินเวลาประมาณหนึ่งหรือสองนาที
เมื่อฮังอวี่ได้สติกลับมาอีกครั้ง เขาก็ปรากฏตัวในสภาพแวดล้อมใหม่ทั้งหมด เป็นพื้นที่ที่โอบล้อมด้วยขุนเขาและป่าไม้เขียวขจี ช่างเป็นฉากที่มีชีวิตชีวา ไม่มีทางได้เห็นในแคว้นเดียวดาย ดังนั้นที่นี่ต้องเป็นสันเขามังกรไม่ผิดแน่
“บอสฮัง!”
“เลื่อมใสมานาน! ในที่สุดก็ได้พบกัน”
มีสองคนยืนอยู่เบื้องหน้าฮังอวี่
หนึ่งในนั้นคือชายวัยกลางคนมีเคราหยาบกร้าน อีกคนเป็นชายหนุ่มอายุราวๆ 30 ปี ผิวขาวซีด
คนแรกชื่อไดหยุนจง เป็นหัวหน้ากองแห่งสกายเน็ตสาขาเซี่ยงไฮ้ เขาคือคนที่ถือศิลาเทพเทเพลอร์ตอีกก้อนหนึ่ง
คนหลังชื่อจี้ฉวง เป็นคณะกรรมการสมาคมโลกวิญญาณเมืองลั่วเฉิง สถานะของเขาในเมืองลั่วคล้ายคลึงกับซูเจิ้งเฉิงในเจียงเฉิง ถือเป็นคนมีหน้ามีตา
ทั้งคู่แม้คนหนึ่งมาจากสกายเน็ต อีกคนมาจากสมาคมโลกวิญญาณ แต่ในฐานะสหายที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตลอดทางตั้งแต่ป่าแห่งการเริ่มต้น ทำให้ตอนนี้พวกเขาเป็นเหมือนพี่น้องกันไปแล้ว
เมื่อทราบว่าฮังอวี่ลูกพี่ใหญ่แห่งโลกวิญญาณที่มีชื่อเสียงกำลังมาเยือนสันเขามังกร พวกเขาทั้งสองรู้สึกตื่นเต้นมาก จึงมาต้อนรับด้วยตัวเอง
เมื่อเห็นกับตา ทั้งคู่รู้สึกว่าบอสฮังอายุน้อยกว่าที่จินตนาการไว้ ถ้าให้เดาเหมือนหนุ่มเพิ่งจบมหาลัยในวัยยี่สิบต้นๆ
น่าเหลือเชื่อจริงๆที่เขาคือตัวตนทรงพลังผู้นั้น!
อย่างไรก็ตาม พลังรบของบอสฮังไม่อาจดูแคลน เมืองธารทะเลทรายในแคว้นเดียวดายได้กลายเป็นดินแดนในอุดมคติของมนุษย์ไปแล้ว และการพัฒนาดินแดนในโลกวิญญาณก็เป็นไปด้วยดี ทำให้ผู้คน องค์กร และประเทศนับไม่ถ้วนต่างอิจฉา
ฮังอวี่เชคแฮนด์ทั้งสอง “มาครั้งนี้ผมต้องการทำตัวติดดิน จะดีที่สุดถ้าไม่เผยแพร่ต่อสาธารณะ”
ไดหยุนจงยิ้มสดใสและพูดว่า “ฮ่า ฮ่า ไม่ต้องกังวล พวกเรารู้ดีว่าต้องทำยังไง ถ้ามีข่าวหลุดว่าบอสฮังมาที่สันเขามังกร ผู้คนทั่วทั้งสันเขามังกรคงพลิกแผ่นดินตามหาคุณแน่ๆ”
จี้ฉวงพยักหน้า: “เรื่องนี้ไม่ได้เปิดเผยให้ใครรู้ ในสันเขามังกร คนที่รู้เรื่องมีแค่พวกเรา”
ดีแล้ว!
ฮังอวี่มาครั้งนี้เพื่อช่วยชีวิตคน
สถานที่อย่างสันเขามังกรเป็นสถานที่พิเศษ นำไปเทียบกับที่อื่นไม่ได้ ที่นี่มีราชามังกรคลั่งผู้แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรมังกรโลกาประทับอยู่
นอกจากนี้ พลังรบของแม่ทัพมังกรอีกสามตนก็ทรงพลังในระดับผู้ครองแคว้น แข็งแกร่งกว่าขุนนางใหญ่เป็นสิบเท่า
ถึงฮังอวี่มั่นใจในฝีมือตัวเองแค่ไหน แต่มากสุดเขาสามารถเอาชนะได้แค่ตัวตนระดับขุนนางใหญ่เท่านั้น ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของระดับผู้ครองแคว้น
หากดันไปดึงดูดความสนใจจากเฮสการ์เข้า ได้เป็นปัญหาใหญ่แน่!
ด้านไดหยุนจง จี้ฉวง ทั้งสองคนรู้แค่ว่าฮังอวี่มาทำธุระที่นี่ แต่ไม่ทราบเนื้อหา
ซึ่งฮังอวี่ก็ไม่คิดเอ่ยปากบอก ดังนั้นทั้งคู่ก็ไม่ถาม เป็นเรื่องเข้าใจได้โดยปริยาย
ฮังอวี่เริ่มใช้ความทรงจำคำนวณสภาพแวดล้อมของสันเขามังกร
สันเขามังกรตั้งอยู่ใจกลางอาณาจักรมังกรโลกา สภาพแวดล้อมของสถานที่นี้ซับซ้อนมาก ทิวเขาใหญ่น้อยหลายร้อยลูกโอบล้อมกัน ก่อตัวเป็นภูมิประเทศภูเขาขนาดมหึมาที่เหมือนเขาวงกต
และเนื่องจากมีรูปทรงเหมือนเขาวงกต ดังนั้นจึงเรียกอีกอย่างว่าสันเขามังกรสาบสูญ
เมืองที่ใหญ่ที่สุดในสันเขามังกรมีชื่อว่าเมืองมังกร
ฮังอวี่ต้องปลอมตัวเพื่อไม่ให้คนอื่นจำได้ เขาเอ่ยถามทั้งคู่ว่า “สถานการณ์ของมนุษย์ในสันเขามังกรทุกวันนี้เป็นยังไงบ้าง?”
ไดหยุนจงพูดอย่างหมดหนทาง “สถานการณ์ของสันเขามังกรแตกต่างจากสถานการณ์ในแคว้นเดียวดาย ชาวมังกรในที่นี้ มีอำนาจเหนือกว่าทุกชีวิตอย่างสิ้นเชิง ไม่ต้องพูดถึงดินแดนใหญ่อย่างเมืองธารทะเลทราย ตอนนี้แค่ดินแดนเล็กๆพวกเรายังยึดไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
เอ่อ ฟังดูน่าสงสารจัง
นี่เป็นเหตุผลที่ฮังอวี่ไม่เลือกสันเขามังกรตั้งแต่แรก เพราะเขารู้ดี ว่าต่อให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีแบบนี้ ก็ยากที่จะขยับแข้งขยับขา
ที่นี่มีตัวตนทรงพลังอยู่เยอะเกินไป!
ไม่ว่าจะเมืองเล็กหรือเมืองใหญ่ กว่า 60% ถูกควบคุมโดยชาวมังกร ที่เหลืออีก 40% ก็ภักดีต่อเมืองมังกร
แล้วแบบนี้จะให้ทำอย่างไร?
ฮังอวี่กล่าวว่า “ไม่ช้าก็เร็วพวกเราต้องสู้กับชาวมังกร แต่ตอนนี้สภาพแวดล้อมของสันเขามังกรไม่ปลอดภัย ผมแนะนำให้พวกคุณย้ายไปภูมิภาคอื่น”
พูดถึงเรื่องนี้ เขาหยุดชั่วคราว และเสริมอีกประโยคว่า “และถ้าพวกคุณยินดีย้ายไปแคว้นเดียวดาย เมืองธารทะเลทรายพร้อมต้อนรับ”
ไดหยุนจง จี้ฉวงต่างรู้สึกตื้นตันเล็กน้อย
พวกเขาในสันเขามังกรเป็นแค่กลุ่มคนกระจัดกระจาย แต่หากได้ไปยังแคว้นเดียวดายที่มั่นคงแล้ว ด้วยความสามารถของพวกเขา การได้ขึ้นเป็นขุนนางเล็ก ไม่ใช่ปัญหาแน่นอน!
แต่คำถามก็คือ การไปแคว้นเดียวดายพูดง่ายแต่ทำยาก หากปราศจากสัตว์ขี่ที่เร็วพอ อาจใช้เวลาเกือบเดือน ต่อให้ใช้สัตว์ขี่ที่บินได้ ก็ยังต้องเผชิญกับภยันตรายต่างๆ พบเจอเหตุการ์ณไม่คาดฝันทุกชนิด
แน่นอน
มีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พวกเขาลังเล นั่นคือแม้ไม่อาจครอบครองดินแดนในสันเขามังกร แต่ด้วยทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์และมอนสเตอร์อีกจำนวนมาก ก็ยังพอชดเชยกันได้
และเนื่องจากอยู่กันแบบกระจัดกระจาย ดังนั้นไม่ต้องพัฒนาทีมใหญ่ พวกเขาเลยมีพลังงานมาอุทิศให้กับตัวเอง ตอนนี้ทั้งคู่อยู่ในเลเวล 13 แล้ว สกิล อุปกรณ์ พลังรบโดยรวมไม่อ่อนแอ มากพอที่จะทัดเทียมสมาชิกหัวกะทิของมังกรครามได้
ฮังอวี่เอ่ยถาม “สถานที่นี้อยู่ห่างจากเมืองมังกรแค่ไหน?”
ไดหยุนจง จี้ฉวงต่างแสดงท่าทีประหลาดใจ “ก็ไม่ใกล้ไม่ไกล ถ้ามีสัตว์ขี่ น่าจะถึงได้ในวันเดียว บอสฮังอยากไปที่เมืองมังกรหรือ?”
ฮังอวี่พยักหน้าและพูดว่า “ถูกต้อง ผมมีเรื่องต้องทำ จำเป็นต้องไปที่เมืองมังกร พวกคุณพอจะมีวิธีพาผมเข้าไปไหม?”
ไดหยุนจง จี้ฉวง มองหน้ากันและหารือกันพักหนึ่ง สุดท้ายจี้ฉวงกล่าวว่า “พวกเราไม่เคยเข้าเมืองมังกรเหมือนกัน เพราะที่นั่นอันตรายเกินไป แต่มีคนกล่มหนึ่งมักเข้าออกที่นั่นอยู่บ่อยครั้ง ขนวัสดุและเสบียงเข้าไปขายในเมือง ได้รับหินคริสตัลเป็นจำนวนมาก”
ฮังอวี่เอ่ยถาม “คนของกลุ่มไหน?”
“เป็นกลุ่ม ที่ชื่อว่าราชวงศ์สวรรค์ ผู้นำกับสมาชิกหลัก ล้วนเป็นคนจากประเทศเกาหลี ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับเรา แต่ถ้าบอสฮังต้องการ ทางเราจะช่วยประสานงานให้”
สุดท้ายแล้วบอสฮังคือผู้มีชื่อเสียง ดังนั้นอยากทำอะไรก็สะดวกสบายมาก
เมืองมังกรคือฐานทัพของราชามังกรคลั่ง มันใช่ที่ๆคนธรรมดาจะเข้ามาไปง่ายๆได้อย่างไร? แต่ในเมื่อมีกลุ่มที่สามารถเคลื่อนไหวในเมืองอยู่แล้ว นั่นหมายความว่าเผ่ามนุษย์ค้นพบวิธีเข้าออกจากเมืองมังกร
ไดหยุนจง จี้ฉวงยินดีที่จะช่วยฮังอวี่ติดต่อประสานงาน
เรื่องนี้นี้ช่วยฮังอวี่ได้มาก
สองวันถัดมา
ฮังอวี่มายังฐานที่มั่นของกลุ่มไดหยุนจง ระหว่างรอข่าว เขาตัดสินใจนำทีมออกไปกวาดล้างมอนสเตอร์บางตัวที่คนในที่นี้ไม่กล้าท้าทาย ถือโอกาสนี้รวบรวมแต้มวิญญาณ เตรียมอัพเกรดสกิลและอัพเลเวลตัวเอง
และระหว่างนี้ ฮังอวี่ถือโอกาสรวบรวมข้อมูลเล็กๆน้อยๆของสันเขามังกร
สันเขามังกรมีเมืองใหญ่ถึง 11 เมือง ซึ่งสูงกว่าในแคว้นเดียวดายถึงสองเท่า และเมืองมังกรถูกเรียกว่าเมืองอันดับหนึ่งในอาณาจักรมังกรโลกา
ว่ากันว่าประชากรของเมืองมังกรมีจำนวนสูงถึง 5000+!
5000 ที่ว่าไม่ใช่ทหาร แต่ประกอบไปด้วยสายพันธุ์ทรงภูมิปัญญาจำนวนมาก
บางทีสำหรับมนุษย์ จำนวนนี้อาจดูน้อยนิด แต่ในสถานที่เช่นอาณาจักรมังกรโลกา มันเยอะแน่นอน!
นี่ใช้บ่งบอกความเจริญรุ่งเรืองและพลังรบของเมืองได้เป็นอย่างดี!