(ฟรี)ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 90 ข้าจะไปหานกกระจอกกลืนสวรรค์
ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 90 ข้าจะไปหานกกระจอกกลืนสวรรค์
เมื่อหมอกจางหายไป ดวงตาของฝูเหยาจับจ้องไปยังร่างสีขาวบนท้องฟ้าอย่างตั้งใจ เมื่อนางเห็นได้ชัดเจน หัวใจของนางก็เกิดสั่นไหวขึ้นมา “เป็นเขาเอง… เมื่อครู่เขาช่วยเหลือข้า…” ฝูเหยาพึมพำกับตนเองขณะที่นางมองดูร่างบนท้องฟ้าด้วยสายตาที่ซับซ้อน นางยังตกใจอยู่อยู่
นางเพิ่งย่างขาข้างหนึ่งไปในประตูนรก หสกเป็นคนธรรมดาพวกเขาคงทรุดลงกับพื้นด้วยความหวาดกลัวไปนานแล้ว ทว่าฝูเหยาเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจิตใจของนางจึงแข็งแกร่งกว่าคนอื่น
ไม่นานหลังจากนั้น ในที่สุดนางก็ฟื้นคืนสติมาอย่างสมบูรณ์
“เหยาเอ๋อ เจ้าเป็นไรหรือไม่” หานเซิงอี้ปัดป้องสายฟ้าและรีบเร่งมา ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากพบว่าฝูเหยาปลอดภัยดี
“ลุงหาน ข้าสบายดี เขาได้ช่วยชีวิตข้าไว้…” ฝูเหยาชี้ไปยังร่างบนท้องฟ้าแล้วกล่าวด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
หานเซิงอี้มองไปในทิศทางที่นางชี้และเห็นร่างหนึ่งยืนอยู่ในอากาศขณะที่หันหลังให้พวกเขา
ชายคนนั้นยืนแน่นิ่งพร้อมกับแผ่พลังน่าเกรงขามอย่างน่าอัศจรรย์ ราวกับกระบี่แหลมคมที่สามารถแทงทะลุขั้วหัวใจได้ทุกเมื่อ
“เย่ชิว…” หานเชิงอี้พึมพำ เขาคิดเลยว่าเย่ชิวจะช่วยคนอื่นเหลือในสถานการณ์เร่งด่วนเช่นนี้ ทะเลสาบหยกจะจำความเมตตาครั้งนี้ไว้
ต้องรู้ก่อนว่าฝูเหยาเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ของทะเลสาบหยก สถานะของนางนั้นสูงเป็นพิเศษ แม้ว่าหานเซิงอี้จะเสียชีวิตไป ทว่านางไม่สามารถตายได้ ทว่าเย่ชิวได้ช่วยชีวิตนางเอาไว้ก็เปรียบดั่งการช่วยชีวิตทะเลสาบหยก
ดินแดนแห่งความเงียบงันตอนนี้วุ่นวายเป็นอย่างมาก หานเซิงอี้ไม่สามารถรีรอได้และรีบตรวจสอบอาการบาดเจ็บของศิษย์ที่อยู่ข้างหลังเขา
การโจมตีของนกกระจอกกลืนสวรรค์ในตอนนี้ได้สังหารศิษย์ระดับต่ำไปสองสามคนและบาดเจ็บอีกพอสมควร
“บัดซบ! ยันต์สื่อสารถูกส่งออกไปแล้ว ข้าไม่รู้ว่าผู้อาวุโสใหญ่และคนอื่น ๆ จะมาถึงเมื่อใด พวกเจ้าอยู่ที่นี่ไว้และอย่าขยับมากนัก” หานเซิงอี้สั่งอย่างเข้มงวด นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตนเองไร้พลังเช่นกัน ไม่สามารถจัดการปัญหาที่ถาโถมเข้ามาได้ ปรารถนาที่จะบ่มเพาะเคล็ดวิชาแยกร่างอยู่ในใจ
บนท้องฟ้าเย่ชิวร่อนลงมาอย่างนุ่มนวล ข้างหลังเขามีชายหนุ่มรูปงามติดสอยห้อยตามมา ทุกคนรู้จักคนหลังดี เขาคือเซียวอี้ซึ่งพวกเขาเคยพบกันครั้งหนึ่งในเมืองกวงหลิง
“ผู้อาวุโสหาน ไม่เจอกันนาน! พวกท่านเป็นไรหรือไม่” เย่ชิวลงมาจากฟากฟ้าและถามด้วยความเป็นห่วง
“เราสบายดี ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของเจ้าในครั้งนี้ หากไม่ใช่เพราะเจ้า ผู้เยาว์เหล่านี้คงตายไปแล้ว…” หานเซิงอี้ขอบคุณเขาจากก้นบึ้งของหัวใจ
ฝูเหยายังกล่าวอีกว่า “ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้า ผู้อาวุโส ข้าจะจดจำเรื่องนี้ไว้”
เย่ชิวพยักหน้า เขาได้ติดตามสัตว์อสูรมาตลอดและค้นพบโดยบังเอิญว่าฝูเหยาและคนอื่น ๆ กำลังตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นเขาจึงช่วยพวกเขาโดยไม่ได้ตั้งใจนัก นี่อาจเป็นเพียงการกระทำโดยไม่ได้ตั้งใจในส่วนของเขา ทว่าในใจของฝูเหยาแล้วนี่เปรียบเสมือนการที่เทพเจ้าได้ที่ช่วยชีวิตไว้อย่างแท้จริง
“ดีแล้ว! ข้ามาทันพอดี มิฉะนั้นผลที่ตามมาจะไม่สามารถประเมินค่าได้”
เย่ชิวมองดูนกกระจอกกลืนสวรรค์ท่ามกลางก้อนเมฆด้วยท่าทางตื่นเต้น
“เสี่ยวอี้ เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน อย่าวิ่งไปไหน ข้าจะไปหานกกระจอกกลืนสวรรค์ตัวนั้นก่อน…” เย่ชิวกล่าวคำพูดที่เสแสร้งที่สุดด้วยน้ำเสียงที่สงบอย่างยิ่ง ทว่ากลับทำให้ทุกคนตกใจกลัวทันที
“นี่…”
ฝูเหยาและคนอื่น ๆ ตกตะลึง
เย่ชิวต้องการเผชิญหน้ากับนกกระจอกกลืนสวรรค์จริงหรือ มันเป็นยอดฝีมือขอบเขตยอดยุทธที่ดุร้ายอย่างมาก และความแข็งแกร่งของมันก็ไม่ได้ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย แล้วด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขายังกล้าที่จะท้าทายนกกระจอกกลืนสวรรค์อีกหรือ ชายคนนี้เสียสติหรือ?
“สหายเต๋า อย่าผลีผลาม โปรดรอให้คนอื่นมาถึงก่อนที่จะลงมือโจมตีด้วยกัน สถานการณ์ตอนนี้วุ่นวายเล็กน้อย ไม่ต้องกล่าวถึงเต่าชรานั่น เพียงแค่นกกระจอกกลืนสวรรค์และซวนหนีก็ไม่ใช่สิ่งที่เราจะสามารถรับมือได้ ทั้งคู่กำลังต่อสู้กัน เหตุใดเราไม่รอเป็นเฒ่าประมงได้กำไรค่อยชิงโจมตีทีหลัง”
การวิเคราะห์ของหานเซิงอี้มีเหตุผลอย่างมาก
หลังจากที่นกกระจอกกลืนสวรรค์ปรากฏตัว มันก็โจมตีเต่ายักษ์ มันยังถือว่าซวนหนีเป็นศัตรูอีด้วย ทั้งสองได้ต่อสู้กันอย่างดุเดือด เกือบทำลายดินแดนแห่งความเงียบงันให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ
ทะเลเปลวไฟได้ห้อมล้อมวงในกับวงนอกไว้อย่างสมบูรณ์ ทำให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนอันมืดมิดลุกโชนด้วยความสว่างไสว
ยอดฝีมือจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ที่อยู่ในดินแดนแห่งความเงียบงันได้ส่งสัญญาณออกไปเช่นกัน อาจมียอดฝีมือจำนวนมากกำลังเดินทางมาเพื่อโจมตีนกกระจอกกลืนสวรรค์
สำหรับเย่ชิวแล้วมันเป็นเรื่องเล็กน้อยที่จะจัดการกับมัน อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถรีรอได้อีกต่อไป เขาต้องการที่จะใช้นกกระจอกกลืนสวรรค์เป็นกระสอบทราย ทำการทดลองเคล็ดวิชากระบี่ของเขา นับตั้งแต่เขาเรียนรู้เคล็ดวิชากระบี่พงไพร เขายังไม่เคยใช้กระบี่ที่สองวิบัติร่ายรำสะบั้นนภาแม้แต่ครั้งเดียว
“ไม่ต้องกังหวล ข้าจะลองเพียงครั้งเดียว หากไม่มีโอกาส ข้าจะถอยทันีท” เย่ชิวเผยยิ้มที่มั่นใจออกมา
ขณะที่เขากล่าว เขาก็กระโดดไปท่ามกลางเมฆหมอกทันที
ฝูเหยามองดูอย่างเป็นกังวลในขณะที่เขาจากไป นางยื่นมือออกไป อยากจะหยุดเขา แต่นางก็ดึงมันกลับอย่างช่วยไม่ได้
“เฮ้อ…” หานเซิงอี้ถอนหายใจและเฝ้าดูเย่ชิวที่กำลังมุ่งหน้าไป
ในขณะนี้ ในดินแดนแห่งความเงียบงัน ทุกคนกำลังเฝ้าดูการต่อสู้ที่สั่นสะเทือนปฐพีอย่างใจจดใจส่อ นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างสัตว์อสูรโบราณสองตัว เรียกได้ว่าโกลาหลก็ว่าได้
ขณะที่พวกเขากำลังเฝ้าดูอยู่นั้น ทันใดนั้นพวกเขาก็ตระหนักได้ว่ามีร่างหนึ่งกำลังพุ่งขึ้นมาจากด้านล่างและปรากฏขึ้นที่ใจกลางสนามรบ
“ใครกัน”
“เขาเบื่อที่จะใช้ชีวิตหรือ”
“เขากล้าที่จะแทรกการต่อสู้ระหว่างสัตว์อสูรโบราณสองตัว หากเขาไม่ใช่คนเสียสตี เขาก็คงเป็นคนโง่เขลาเท่านั้น”
ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนตกตะลึงขณะที่พวกเขาจ้องมองไปยังร่างที่โดดเดี่ยวบนท้องฟ้า ชายคนั้นราวกับกระบี่อันแหลมคมที่ตัดผ่านคืนอันมืดมิดขณะที่เขายืนอยู่ตรงนั้น
ในที่สุดทุกคนก็เห็นใบหน้าของชายคนนั้น
ผู้ที่มีดวงตาเฉียบคมกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “นั่นใช่เย่ชิว ปรมาจารย์แห่งขุนเขาเมฆาม่วงหรือไม่”
“อะไรกัน…”
“ปรมาจารย์ขุนเขาเมฆาม่วง ผู้สามารถวานรยักษ์นรก”
“มันเป็นเขา เหตุใดเขาถึงอยู่ที่นั่นกัน…”
“ยิ่งไปกว่านั้น จากท่าทางแล้ว เขาต้องการที่จะต่อสู้กับสัตว์อสูรโบราณทั้งสองตัวในเวลาเดียวกัน เขาไม่หยิ่งผยองไปหน่อยหรือ”
ทุกคนพูดคุยกัน บางคนชื่นชมความกล้าหาญของเย่ชิวในขณะที่บางคนรู้สึกว่าเขาหยิ่งผยองเกินไป
ใครจะไปรู้ว่าเขามีความมั่นใจพอที่จะท้าทายสัตว์อสูรยักษ์ทั้งสองได้
“เย่ชิว!” ในอีกส่วนหนึ่งของดินแดนแห่งความเงียบงัน ดวงตาของหลี่เต๋าหยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชาขณะที่เขามองไปยังร่างที่ลอยอยู่กลางเวหาเขาด้วยเจตนาสังหาร เขายังไม่ลืมว่าตอนที่อยู่เมืองกวงหลิงเย่ชิวได้ทำให้เขาอับอายเพียงใด สิ่งนี้ทำให้สภาพจิตใจของเขาสั่นคลอน หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสใหญ่ของภูเขาสวรรค์ เขาจะคงร่วงหล่นจากขอบเขตปรมาจารย์ยุทธไปนานแล้ว
“เหตุใดจึงเป็นเขาอีกแล้ว” ข้างเขา หลี่ชางกงกล่าวด้วยสีหน้าหดหู่ เหตุใดเขาถึงรู้สึกว่าตนเองต้องพบกับชายคนนี้ไม่ว่าจะไปที่ใดก็ตาม เขารู้สึกโชคร้ายทุกครั้งที่ได้พบกับเย่ชิว ทำให้เขามีบาดแผลในใจ
“ฮึ่ม เขากล้าที่จะท้าทายนกกระจอกกลืนสวรรค์ นี่เหมือนกับการถามหาความตาย จะเป็นการดีที่สุดหากนกกระจอกกินสวรรค์สามารถสังหารและทำลายความเย่อหยิ่งของเขาลง” หลี่เต๋าหยวนกล่าวอย่างไม่พอใจ
การปรากฏตัวของเย่ชิวทำให้เกิดการถกเถียงอย่างเผ็ดร้อนในดินแดนแห่งความเงียบงัน
เย่ชิวได้เข้าสู่สนามรบแล้ว เขาไม่รีบร้อนที่จะโจมตี เขาค่อย ๆ ควบแน่นปราณกระบี่ไว้ระหว่างนิ้วทั้งสองของเขา
“นกกระจอกกลืนสวรรค์!”
เขามองดูนกศักดิ์สิทธิ์บนท้องฟ้าอย่างลึกซึ้ง ร่างของเขาปกคลุมไปด้วยปราณกระบี่ กลิ่นอายของเย่ชิวเปลี่ยนไปราวกับพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน หมอกรอบ ๆ ได้กระจายออกไปโดยไม่รู้ตัว กระบี่สีแดงเลือดขนาดใหญ่ก็ได้ปรากฏอยู่เหนือหัวของเขาทันที
นกกระจอกกลืนสวรรค์ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามและกรีดร้องออกมาอย่างดุร้าย
---
ปล. ผมกำลังแปลเรื่องใหม่กันครับเลยลงช้า เรื่องนี้ผมให้ทีมงานอีกคนแปล
ส่วนเรื่องนี้ผมลงปกติครับ อาจน้อยกว่าเดิมนิดนึง ผมแปลเรื่องนี้เป็นหลัก อีกเรื่องเป็นเรื่องรองครับ
ชื่อเรื่องนะครับ ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน พร้อมให้อ่านภายในต้นเดือนธันวานี้ครับ ใครคิดว่าน่าสนใจฝากเม้นไว้ทีครับ
ฉู่เซวียนทะลุมิติไปยังโลกเซียน กลายเป็นนายน้อยตระกูลทรงอำนาจ ทว่าถูกขับไล่ออกจากตระกูล ต้องพำนักในแดนไกล ทว่าเขากลับมีระบบที่ทำให้แข็งแกร่งขึ้นได้เมื่ออาศัยอยู่ในบ้าน ทำให้ฉู่เซวียนไม่ต้องการออกจากบ้าน “ไม่มีผู้ใดบังคับข้าได้ ข้าจะอาศัยอยู่ในบ้าน!”