ตอนที่ 6–28 มารดายังอยู่หรือตายแล้ว
ลินลี่ย์ชำเลืองมองรอบๆ ห้องอย่างระมัดระวัง พูดด้วยเสียงเบา “ฝ่าบาท โปรดรอสักเดี๋ยว ให้ข้าพระบาทไปสั่งคนที่อยู่ข้างนอกก่อน” ขณะที่พูดลินลี่ย์เดินออกไปนอกประตู จากนั้นตะโกนบอกยามที่ยืนเฝ้าข้างนอก “พวกเจ้าทั้งสองคนไปยืนเฝ้าข้างล่าง ถ้าข้าไม่สั่งโดยตรงอย่าให้ใครเข้ามาในลานแห่งนี้”
“ขอรับ, ใต้เท้าลินลี่ย์”
ยามทั้งสองคนรับคำด้วยความเคารพแล้วเดินออกไป ตอนนี้กลุ่มคนที่เหลืออยู่ในลานพักฟื้นแห่งนี้ก็มีเพียงลินลี่ย์, เคลย์, เมอร์ริทและแรนซัม
“แอ๊ดดดด” ลินลี่ย์ปิดประตูอย่างเบาๆ
“ลินลี่ย์, มีความลับอะไรอยู่ที่นี่หรือ, เจ้าถึงต้องปิดประตูด้วย?” เคลย์หัวเราะเบาๆ
ลินลี่ย์เหลือบมองเคลย์ พลางหัวเราะเยือกเย็นในใจ เขารู้ดีว่าเคลย์ถูกพิษสลายโลหิตไปแล้ว เนื่องจากจริงๆ แล้วพิษสลายโลหิตไม่ก่อให้เกิดความเสียหายกับร่างกาย แต่จะขัดขวางการโคจรพลังปราณเท่านั้น มีแต่ตอนที่เขาพยายามกระตุ้นการใช้ปราณเท่านั้นพวกเขาจึงจะพบว่าถูกวางยาพิษไปแล้ว
“เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่สำคัญมากจริงๆ” สีหน้าของลินลี่ย์เคร่งเครียด
ถึงตอนนี้ แรนซัมขยับเข้ามาใกล้เคลย์ ในฐานะของราชองครักษ์ของกษัตริย์ เริ่มรู้สึกว่าสภาพแวดล้อมเช่นนี้อันตราย ขณะเดียวกัน แรนซัมรู้สึกเหมือนกับว่า เคลย์เป็นนักรบระดับเก้า และเขาแรนซัมเป็นนักรบระดับแปด ทั้งหมดก็ไม่น่ามีปัญหา ไม่มีใครสามารถคุกคามพวกเขาได้
แต่ก็ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดความผิดพลาด
"ฝ่าบาท" ลินลี่ย์จ้องเคลย์อย่างเคร่งขรึม "มารดาข้าจากโลกนี้ไปเมื่อตอนข้ายังเล็ก"
เคลย์พยักหน้า เขาสืบประวัติเบื้องหลังของลินลี่ย์มาแล้ว และพบว่ามารดาของลินลี่ย์เสียชีวิตจากการคลอดบุตร ขณะให้กำเนิดวอร์ตันน้องชายของลินลี่ย์
"ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับความรักของมารดาเลย มีแต่บิดาผู้เข้มงวดกวดขัน บิดาของข้าอบรมข้าอย่างเข้มงวดทั้งในเรื่องการฝึกฝนเป็นนักรบและในเรื่องการศึกษาที่ตระกูลขุนนางจะพึงมี ความหวังที่บิดาตั้งไว้กับข้าสูงล้ำและเข้มงวดนัก"
ลินลี่ย์มองดูเคลย์ ขณะที่เขาพูดเนิบช้า
เคลย์เริ่มจะสับสน เขาไม่เข้าใจว่าเรื่องที่ลินลี่ย์พูดถึงนี้จะเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องสำคัญ แต่ในฐานะผู้ปกครองราชอาอาณาจักร เคลย์แสดงท่าทีว่าไม่ขัดจังหวะอย่างเห็นได้ชัด
"ฝ่าบาท! ข้าคาดว่าท่านรู้จักตระกูลบาลุคของข้าดีว่าเป็นตระกูลนักรบเลือดมังกร" ท่าทีภูมิใจเลือนลางปรากฏอยู่บนใบหน้าของลินลี่ย์
"ใช่แล้ว หนึ่งในสี่สุดยอดตระกูลนักรบ ตระกูลนักรบเลือดมังกร นี่คือวงศ์ตระกูลที่เก่าแก่และมีชื่อเสียง" เคลย์ถอนหายใจชมเชย
ลินลี่ย์ส่ายหน้า "เรามีแต่ชื่อเสียงในอดีตเท่านั้น ตระกูลเราล้มลุกคลุกคลานอยู่เป็นเวลานานจนแม้แต่มรดกตกทอดของตระกูลก็หายไปหลายร้อยปี ประมุขตระกูลบาลุคแต่ละรุ่นต้องการจะเอาสมบัติตกทอดของตระกูลกลับคืนมาหลายร้อยปีแล้ว แต่เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ฝ่าบาท เมื่อสถาบันเอินส์รับข้าเข้าศึกษาและข้าจากบ้านไป พระองค์ทราบไหมว่าบิดาข้าพูดอะไรกับข้าในวันที่ข้าจากไป?"
"เขาพูดว่ายังไง?" เคลย์มองดูลินลี่ย์
"บิดาข้าพูดว่า ถ้าในอนาคตข้าไม่สามารถนำมรดกตกทอดของบรรพชนกลับคืนตระกูลเราได้ ต่อให้เขาตาย เขาจะไม่ยกโทษให้ข้า" ร่างของลินลี่ย์กำลังสั่นเล็กน้อย
เคลย์ เมอร์ริทและแม้แต่แรนซัมจ้องมองด้วยความทึ่งกันทุกคน บิดาคนหนึ่งจะพูดเรื่องเช่นนั้นกับบุตรชายของเขาได้จริงๆ น่ะหรือ? "บิดาของเจ้าก็พูดเกินเลยไปหน่อย" เคลย์พูด
"ไม่"
ลินลี่ย์ส่ายหน้าเคร่งขรึม "ข้าเข้าใจความต้องการของบิดาข้า ตระกูลนักรบเลือดมังกรของข้าถูกกดดันตกต่ำมานานหลายศตวรรษแล้ว ไม่มีผู้ทรงพลังอย่างแท้จริงแม้แต่คนเดียวมาเกิดในช่วงตลอดเวลาที่ผ่านมา บิดาข้าเข้าใจว่าข้าจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดที่เกิดมาในรอบหลายร้อยปีนี้ ความหวังและความปรารถนาหลายร้อยปีถูกผลักเป็นภาระบนบ่าของข้า บอกข้าที บิดาข้าจะยอมให้ข้าล้มเหลวได้อย่างไร?" เคลย์เริ่มเข้าใจ
“ความปรารถนามาตลอดชีวิตของบิดาข้าก็คือนำดาบศึกล่าสังหารกลับคืนตระกูล” เสียงของลินลี่ย์เริ่มมีอารมณ์รุนแรงมากขึ้น “ที่สถาบันเอินส์ ข้าไม่กล้าผ่อนปรนตัวเอง ข้าฝึกฝนเป็นบ้าเป็นหลัง ข้ายังจดจำถึงปณิธานของบิดาข้าและคำแนะนำของบิดาข้า!”
เคลย์และคนอื่นๆ เริ่มเข้าใจถึงแรงบันดาลใจของลินลี่ย์
“ครึ่งปีที่แล้ว หลังจากข้าประมูลรูปสลักตื่นจากฝันออกไป ข้ากลับไปบ้าน และเวลานั้นข้านำดาบศึกล่าสังหารติดตัวไปกับข้าด้วย” น้ำเสียงของลินลี่ย์เริ่มสูงขึ้นทุกที
เคลย์, แรนซัมและเมอร์ริทตะลึง
เพราะพวกเขาทุกคนรู้ว่าการเดินทางครั้งนั้น ลินลี่ย์ได้พบว่าบิดาของเขาเสียชีวิตไปแล้ว
“แต่เมื่อข้ากลับไปบ้านด้วยความตื่นเต้น ข้ากลับได้รับการต้อนรับด้วยข่าวการเสียชีวิตของบิดาข้า ก่อนเขาตาย เขาไม่มีโอกาสได้เห็นดาบศึก และข้าก็ไม่มีโอกาสได้พบบิดาข้าเป็นครั้งสุดท้ายเช่นกัน ตลอดหลายปีที่ฝึกฝนอย่างหนัก ข้าฝันว่าจะทำให้บิดาข้ามีความสุข....แต่โชคร้าย...” กล้ามเนื้อทุกส่วนบนใบหน้าลินลี่ย์กระตุก และสีหน้าของเขามองดูน่ากลัว
เคลย์และคนอื่นสามารถเข้าใจได้ทุกคนว่าลินลี่ย์รู้สึกเช่นไร
“ลินลี่ย์, อย่าเสียใจมากนักเลย” เคลย์ถอนหายใจ
ลินลี่ย์แค่นเสียง “แต่ท่านทราบไหมว่าบิดาข้าตายเพราะอะไร และตายยังไง?”
เคลย์, เมอร์ริทและแรนซัมสะดุ้งกันทุกคน
“บิดาของข้าถูกฆ่าตาย ฝ่าบาท! ด้วยฝีมือพระอนุชาของพระองค์ ดยุคแพตเตอสัน!!!” นัยน์ตาลินลี่ย์เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง
“ว่าไงนะ?” เคลย์ลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ ข้างๆ เขาเมอร์ริทและแรนซัมพลอยตะลึงกันไปทั้งคู่
“ดังนั้น... ข้าจึงฆ่าแพตเตอสัน!” เสียงของลินลี่ย์น่ากลัวมาก
ถึงตอนนี้แรนซัมเป็นคนแรกที่รู้สึกว่าในห้องนี้มีความผิดปกติอย่างมาก เขาเฝ้าคอยระวังเคลย์อย่างใกล้ชิด ป้องกันไม่ให้ลินลี่ย์ทำอะไรได้ แต่ทันใดนั้น แรนซัมรู้สึกมีสายลมรุนแรงมาจากด้านหลัง แรนซัมเป็นนักรบระดับแปดรู้ตัวว่าเขาไม่มีเวลาหันศีรษะไปดู ดังนั้นเขาจึงทำได้แต่เพียงเหวี่ยงแขนกลับไปป้องกันด้านหลัง
“กร้วม!”
แรนซัมรู้สึกเจ็บปวดเหลือประมาณ..จากนั้นเขาก็ไม่รู้สึกว่ามีแขนอีกต่อไป ตอนนี้แรนซัมเพิ่งจะสังเกตได้จากหางตาเขา
อสูรเวทที่ดูคล้ายหนูยาวเกือบครึ่งเมตรกำลังยืนอยู่ข้างเขา นอกจากสังเกตเห็นว่าลำคอของหนูเปื้อนเลือดเต็มไปหมด แรนซัมยังสังเกตเห็นกรงเล็บที่แหลมคมของมันเคลื่อนไหวมาหาเขาอย่างรวดเร็วมาก ระยะใกล้ขนาดนั้นแรนซัมไม่มีโอกาสหลบได้แม้แต่น้อย
ไวเหลือเกิน!
“ฉัวะ!”
กรงเล็บคมกริบฟันใส่ลำคอแรนซัม แรนซัมจ้องมองอย่างประหลาดใจ แต่สัญญาณชีวิตค่อยๆ จางหายไปจากนัยน์ตาของเขา
เขาไม่เข้าใจเลยว่าอสูรเวทประเภทหนูยาวครึ่งเมตรโผล่ออกมาจากตรงไหน สิ่งแรกที่เขาทำเมื่อเขาตอนที่เข้ามาในห้องก็คือตรวจดูอย่างระมัดระวัง เขาแค่สังเกตเห็นแต่เพียงหนูเงาตัวเล็กบนพื้นซึ่งมีขนาดเท่าฝ่ามือของมนุษย์
หนูเงาขนาดเท่าฝ่ามือจะเป็นภัยคุกคามได้หรือ?
สำหรับนักรบระดับแปดแล้ว ถือว่าไม่มีอะไรเลย แรนซัมจึงไม่ได้ระวังป้องกันมันแม้แต่น้อย
และเพราะไม่ระวังป้องกันแม้แต่น้อย แรนซัมนักรบระดับแปดผู้นี้จึงถูกหนูเงาบีบีสังหารได้อย่างง่ายดาย ความจริงความตายของเขานับว่าไม่ยุติธรรมนัก ด้วยพลังในปัจจุบันของบีบี ต่อให้แรนซัมสามารถสู้กับมันได้อย่างเปิดเผยและยุติธรรม บางทีเขาคงไม่สามารถต้านรับได้นานเท่าใดนักก็เป็นได้
“แรนซัม” เคลย์และเมอร์ริทตกใจกันทั้งคู่
นักรบผู้มีพลังระดับแปดตายจากการลงมือเพียงครั้งเดียว ทั้งสองคนตกตะลึงจ้องมองหนูเงาตัวนั้น ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ทำอะไร ร่างของบีบีก็หดเล็กลงกลับไปเป็นขนาดเท่ากำปั้น จากนั้นกระโจนกลับขึ้นไปอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์
“บีบี ทำได้ดีมาก” ลินลี่ย์ลูบหัวน้อยๆ ของบีบี
บีบีหลับตาด้วยความรู้สึกเคลิบเคลิ้ม
ลินลี่ย์หันหน้าไปจ้องดูเคลย์อีกครั้ง ดวงตาที่เย็นชานั้นทำให้เคลย์รู้สึกไม่สบายใจ
“ลินลี่ย์! เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังทำอะไร?” เคลย์กระชากเสียงเย็นชา ขณะเดียวกันเขาเริ่มกระตุ้นเดินลมปราณในร่างกาย แต่ทันใดนั้น เคลย์รู้สึกได้ทันทีว่าเส้นเลือดในตัวเขาบางทีขยายตัวบางทีก็หยุดนิ่ง
เกี่ยวกับความเข้มข้นของปราณยุทธที่เคลย์มีในฐานะที่เป็นนักรบระดับเก้า ในอดีตการโคจรลมปราณของเขาจะทรงพลังและรุนแรงเหมือนระลอกคลื่นหนุนเนื่องในทะเล แต่เดี๋ยวนี้ เขาสามารถกระตุ้นลมปราณได้ในปริมาณน้อย และบางครั้งก็กระจายหายไป ในตอนนี้ปริมาณของพลังปราณที่เคลย์ใช้ได้น่าจะมีแค่เพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์จากระดับที่เขาเคยใช้ได้ตามปกติ
“ฝ่าบาท! อย่าตะโกนและอย่าขัดขืนเลย ถ้าพระองค์ขัดขืน พระองค์จะต้องตาย” ลินลี่ย์ตอบอย่างใจเย็น
เคลย์ตระหนักได้ทันทีว่าตอนนี้เขาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นไร
ตอนนี้ถ้าว่ากันถึงพลังกล้ามเนื้อของเขา บางทีอาจจะพอเทียบได้กับนักรบระดับเจ็ด แต่หนูเงาที่อยู่บนไหล่ของลินลี่ย์ตัวนั้นสามารถฆ่าแม้กระทั่งนักรบระดับแปดอย่างแรนซัมได้ในพริบตา
เคลย์ไม่สงสัยแม้แต่นิดเดียวเลยว่าลินลี่ย์และหนูเงาน้อยของเขามีพลังพอจะฆ่าเขาได้ทันที
“ลินลี่ย์! เจ้ากล้าดียังไง! เจ้ากล้าลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาทหรือ?” เมอร์ริทตะโกนออกมาอย่างข่มกลั้นไม่อยู่
“หุบปากเจ้าซะ” ลินลี่ย์จ้องมองเมอร์ริทเขม็ง
ความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อเมอร์ริทไม่ได้มีพลังมากขนาดนั้น ตอนนี้เขาไม่อาจกระตุ้นลมปราณได้ มีพลังเทียบได้กับนักรบระดับสี่ธรรมดาเท่านั้น
เมอร์ริทเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน ไม่กล้าตะโกนใส่ลินลี่ย์อีก เขายังคงพยายามโน้มน้าวลินลี่ย์ “ลินลี่ย์, เจ้ายังมีอนาคตที่รุ่งเรืองและมีศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ ในอนาคต เจ้าจะได้เป็นบุคคลระดับสูงในวิหารเจิดจรัส และบางทีสักวันเจ้าอาจเป็นจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนต่อไปก็ได้ ทำถึงต้องทำลายอนาคตของตัวเจ้าเองด้วย? ลินลี่ย์ ข้าเชื่อว่าฝ่าบาทจะไม่ทรงตำหนิที่เจ้าฆ่าแพตเตอสัน เขานำหายนะมาสู่ตัวเองเมื่อเขากระทำกับบิดาของเจ้า” ขณะที่เขาพูด เมอร์ริทมองดูเคลย์
เคลย์พยักหน้าเช่นกัน “ลินลี่ย์, ข้ายินดีจะทำเป็นเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในวันนี้ สำหรับแพตเตอสัน ยังไงเขาก็ตายไปแล้ว”
“ลินลี่ย์! ฝ่าบาทบอกไปแล้ว อย่าเหิมเกริมนักสิ” เมอร์ริทรีบกล่าว
“บอกว่าให้หุบปาก!” ลินลี่ย์ยื่นแขนออกทันที
กรงเล็บเหมือนเหล็กที่มือขวาลินลี่ย์คว้าคอหอยของเมอร์ริทและยกขึ้นในอากาศทันที
“อ๊า! อ๊า! อ๊า!” เมอร์ริทจ้องลินลี่ย์ด้วยสายตาหวาดกลัวและอ้อนวอน
“ลินลี่ย์” เคลย์เรียกทันที
แต่ด้วยเสียงหัวเราะที่เยือกเย็น ลินลี่ย์เกร็งนิ้วมือเขาจากนั้นก็คลายมือออก
“กร๊อบ” เสียงแตกหักเบาๆ เมอร์ริทร่วงลงบนพื้น เขาจับคอ พยายามจะเปล่งเสียงร้องออกมาอย่างยากลำบาก ชั่วขณะก่อนที่เขาจะตาย เขายังไม่อยากเชื่อถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขามาเยี่ยมเยือนพร้อมราชาเคลย์ในวันนี้ กลับได้รับผลเช่นนี้
ขณะที่เขากำลังจะตาย ประกายชีวิตวูบสุดท้ายปรากฏในดวงตาเขา สิ่งสุดท้ายที่เขาคิดก็คือสตรีคนหนึ่ง
“ถ้าข้ารู้ว่า ข้าจะต้องตายในเงื้อมมือของลินลี่ย์ อย่างนั้น...วันนั้น.. ข้าคงไม่ยอมปล่อยให้อลิซหลุดมือไปได้” นี่คือความคิดสุดท้ายที่เมอร์ริทมี
ลินลี่ย์ยิ้มเย็นชาให้เคลย์
“ลินลี่ย์, ทำไมเจ้าถึงทำกับข้าอย่างนี้? ทั้งที่ข้าปฏิบัติกับเจ้าเป็นอย่างดีไม่ใช่หรือ” เคลย์จ้องมองลินลี่ย์ แต่ช่วงเวลานี้ เคลย์กำลังรำพึงในใจตนเอง “ราชสีห์หิมะ จงพาคนมา เร็วๆ เข้า” ในฐานะนักรบระดับเก้า เคลย์มีอสูรศักดิ์สิทธิ์เป็นสหายคู่ใจของเขา
ราชสีห์หิมะก็คือราชสีห์หิมะน้ำแข็ง เป็นอสูรเวทระดับแปดที่มาจากดินแดนไกลโพ้นทางเหนือ พูดง่ายๆ ก็คือตอนนี้มันจะรั้งอยู่ในวัง
เนื่องจากสัญญาเชื่อมวิญญาณได้ผูกใจของราชสีห์หิมะกับเคลย์ไว้ด้วยกัน ดังนั้น ราชสีห์หิมะจึงรู้ว่าเคลย์ถูกลอบทำร้าย เคลย์รู้ดีในตอนนี้ว่า สิ่งสำคัญที่เขาควรทำในตอนนี้ก็คือถ่วงเวลาให้นานเท่าที่จะทำได้
“ความจริง ท่านก็ปฏิบัติต่อข้าเป็นอย่างดี แต่เรื่องเกี่ยวกับมารดาข้าเล่า?” ลินลี่ย์จ้องเคลย์เขม็ง
ถ้าไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าในอดีต เคลย์สั่งให้ลักพาตัวมารดาของลินลี่ย์ บิดาของลินลี่ย์ก็ยังคงมีชีวิตอยู่ และมารดาของเขาคงจะได้อยู่บ้านด้วยเช่นกัน บิดามารดาของเขาก็ยังจะคงมีชีวิตทั้งคู่ แต่เพราะการกระทำของเคลย์ เขาจึงสูญเสียบุพการีทั้งสอง
“มารดาเจ้า? มารดาเจ้าเสียชีวิตจากการคลอดบุตรไม่ใช่หรือ?” เคลย์ไม่เข้าใจ
“ตายในการคลอดบุตร?” ลินลี่ย์หัวเราะลั่น เสียงเขาดุดัน จากนั้นเขาจ้องมองเคลย์อย่างเย็นชา “นั่นเป็นเรื่องที่เรากุสร้างขึ้นมา เคลย์, หลังจากมารดาข้าให้กำเนิดน้องชายของข้า บิดาของข้าและนางก็ไปสวดขอพรที่โบสถ์เจิดจรัส แต่คืนนั้นเมื่อพวกเขากลับมายังโรงแรมที่พัก พวกเขาถูกจู่โจมทำร้าย และมารดาข้าถูกลักพาตัวไป”
“เคลย์! อาจเป็นไปได้ที่ท่านลืมเหตุการณ์เมื่อสิบสองปีที่แล้ว ท่านสั่งให้แพตเตอสันไปลักพาตัวท่านแม่ข้าใช่ไหม?” ลินลี่ย์จ้องมองเคลย์อย่างเย็นชา “อย่าปฏิเสธเลย แพตเตอสันบอกข้าหมดทุกอย่างแล้ว”
“นั่น...นั่นคือมารดาของเจ้าเหรอ?” เคลย์ตกตะลึงเช่นกัน
“อะไรกัน ท่านเพิ่งจำได้ตอนนี้เองเหรอ?” นัยน์ตาลินลี่ย์มีแววเดือดดาล “บอกข้ามา, เกิดอะไรขึ้นกับท่านแม่ข้า? บอกมา นางยังมีชีวิต หรือว่าตายแล้ว?”
เคลย์กล่าวอย่างใจเย็น “มารดาของเจ้า ข้าส่งมอบให้คนอื่นไปแล้ว เจ้าไม่สามารถระรานคนผู้นั้นได้ แม้แต่ข้าก็ทำไม่ได้ด้วย”
“อีกคนน่ะหรือ?” ลินลี่ย์ไม่เข้าใจแม้แต่น้อย
แต่ในเวลาเดียวกัน ลินลี่ย์รู้สึกว่ายังมีเส้นด้ายความหวังในหัวใจเขา บุคคลที่แม้แต่เคลย์ก็ไม่สามารถระรานเขาได้ ได้ลักพาตัวมารดาของเขาไป ต้องเป็นคนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ บางที... มารดาของเขาอาจจะมีชีวิตอยู่ก็เป็นได้
เคลย์หัวเราะอย่างเย็นชา “แต่ข้าสามารถบอกเจ้าได้อย่างหนึ่ง มารดาเจ้าตายแล้ว นางตายแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย”
“ไม่...” ลินลี่ย์จ้องมอง
“เจ้าไม่เชื่อข้าเหรอ?” ทั้งที่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น เคลย์ก็เริ่มหัวเราะ