ตอนที่ 336 – ข่าวดีจากสตาบิแอ
“เจ้าหมานี่สำคัญขนาดนั้นเชียวรึ?”
เย่เทียนส่ายหัวแล้วหัวเราะออกมา. เขาประหลาดใจชั่วครู่กับสิ่งที่มีเดียกล่าว.
“ข้าเลี้ยงยัยหนูสโนวมาตั้งแต่เล็ก. นางแกร่งมากนะๆ!”
มีเดียกล่าวข่ม.
“นี่เจ้าเอายาพิษให้มันกินด้วยรึ? พระเจ้า!”
เย่เทียนถามด้วยน้ำเสียงช้อค.
แม่มดเป็นบ้ากันทุกคนรึไง?
“มันก็แค่พิษประสาทชา นางปรับตัวได้แล้ว. ข้าเลยเพิ่มพิษประสาทชาไปที่เขี้ยวและเล็บของนางอีก..”
มีเดียอธิบายส่งๆไป.
“เหี้ยมจริงๆ...”
เย่เทียนกล่าวตำหนิ.
“หึ!”
มีเดียถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วเลิกสนใจเย่เทียน.
“เตรียมของซะ พวกเราจะเอาหมาป่านี่กลับไปด้วย. น่าเสียดายที่มันตัวใหญ่ไม่พอ ไม่งั้นข้าคงได้ตั้งกองทัพหมาป่าแล้ว...”
พอมองหมาป่าที่จ้องเขาอยู่รอบๆ เย่เทียนก็กล่าวด้วยความเสียดาย.
เขาไม่รู้เลยว่าในป่าลึกมีหมาพันธ์ยักษ์อยู่ไหม.
ถ้ามีจริงๆล่ะก็ เขาจะพาอิเซร่าไปหลังกำราบแล้ว. เขาอยากให้นางสร้างฝูงขึ้นมาเพื่อที่จะได้ตั้งทัพพลหมาป่า.
“ท่านจะเอาฝูงหมาป่าไปทำอะไร?”
มีเดียถามด้วยความสงสัย.
“เอาไปลาดตระเวนและล่าคนที่ไม่เชื่อฟัง! พวกมันแกร่งกว่าทหารยามอีก!”
ทันทีที่เหล็กของเขาพร้อมขายในตลาด มันจะต้องมีคนพยายามมาปล้นเหมืองเขาแน่. ถ้ามีหมาป่าไปเฝ้าแต่ละเหมืองไว้พร้อมๆกับทหาร ไม่ว่าใครกล้ามาก็จะต้องตายแน่.
“ท่านดูมีความลับเยอะจริงนะ....”
มีเดียกล่าวอย่างสุขุมขณะมองเย่เทียน.
“ถูกต้อง. มาอยู่กับข้าสิ เจ้าจะได้รู้บ้าง แต่ตอนนี้ไปเก็บของซะ! ข้ายังมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ...”
มีเดียไม่กล่าวอะไรแล้วพาเย่เทียนไปที่พักของเธอ. ที่พักของเธอนั้นเป็นบ้านไม้ล้อมรอบไปด้วยสมุนไพรมีพิษหลากชนิด.
น่าเสียดายที่ไม่มีทางจะขนสมุนไพรมีพิษพวกนี้กลับไปด้วยได้ แต่ปล่อยไว้ก็คงไม่มีปัญหา เพราะคงไม่มีใครโง่พอมายุ่งกับมัน.
ข้าวของของนางนั้นมีไม่เยอะ, ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นหนังสือ, ขวดยาแล้วก็ไหซึ่งเธอเอาไว้เก็บพวกของมีพิษ.
“พวกเราจะเอาสัตว์มีพิษพวกนี้กลับไปยังไง?”
เย่เทียนถามด้วยความสงสัย.
“ข้าจะทิ้งกลิ่นไว้ตามทาง แล้วพวกมันก็จะตามกลิ่นมาหาข้าเอง...”
มีเดียกล่าวอย่างยโสก่อนจะหน้าหมองลง “แต่ระหว่างทางพวกมันคงทำให้คนที่ผ่านมากลัวแน่ ถ้าพวกเขาฆ่ามัน ข้าเองก็คงจะเศร้าน่าดู.”
“ไม่เห็นจะยาก พอเราไปถึงก่อนแล้ว ข้าจะให้คนของข้ามาคุ้มกันพวกมันไว้ แล้วจัดการพวกที่ผ่านมาให้หมดซะ!”
เย่เทียนกล่าว.
“เอาล่ะไปได้แล้ว....เจ้าขี่ม้าเป็นหรือเปล่า?”
เย่เทียนถามด้วยรอยยิ้ม.
“หึ่ม! แหงอยู่แล้วสิ”
มีเดียมองทะลุความคิดของเย่เทียนจึงปฏิเสธไป.
“เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว, ข้าหมายความว่าถ้าเจ้าขี่ไม่เป็น พวกเราไปกันช้าๆก็ได้...”
เย่เทียนส่ายหัว.
“เจ้านี่มันกะล่อนจริง ไม่กลัวคนดักปล้นรึ?”
มีเดียตัวแข็งไปเล็กน้อย.
“ข้ามาไกลขนาดนี้ได้ มีอะไรต้องกลัวอีก…”
เย่เทียนประชด “มีแต่คนอยากจะฆ่าข้าจะตาย!”
เย่เทียนไม่กล่าวอะไรมากแล้วหันไปบอกซาช่าให้ส่งม้าให้มีเดีย ขณะที่เขากับเซเลนขี่ด้วยกันอยู่.
พวกนางเป็นทาสของเขา ดังนั้นหากเย่เทียนไม่อณุญาตพวกนางก็จะไม่เอ่ยปากหรือทำอะไร.
พอกลับมาถึงเมืองแล้วเย่เทียนก็สั่งให้ เอลิเซียและเซเลน่าช่วยจัดห้องให้มีเดีย.
“เจ้านายคะ พวกเราเพิ่งได้รับข่าวมาจากสตาบิแอค่ะ!”
ซูซานแจ้งเย่เทียนหลังกลับมาถึงได้ไม่นาน.
“ข่าวอะไรล่ะ?”
เขาถามอย่างสงสัย.
“สตาบิแอได้ตัดสินใจเป็นเป็นปรปักษ์กับโรมจนถึงที่สุดค่ะ! พวกเขากำลังจัดทัพ, เสริมกำแพงเมือง, ตุนสะเบียงและเรียกทหารกลับมาจากสนามรบทุกคนค่ะ!”
ซูซานกล่าว.
“ดูเหมือนพวกมันเลือกจะป้องกันจนหยดสุดท้ายสินะ! พวกมันมีทหารเท่าไหร่?”
เย่เทียนกล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา.
“ตอนนี้มีอยู่15,000 นายค่ะ แต่หากรวมครบแล้วน่าจะประมาณ สองหมื่นนาย. พวกป่าและภูเขารอบๆเมืองดูจะทำให้ตียากกว่าคาเลสค่ะ...”
ซูซานกล่าวต่อ.
“แล้วมันข่าวดีอย่างไรเล่า?”
เย่เทียนถาม.
“ทัพของปอมปีย์ได้เริ่มเดินหน้าไปทางสตาบิแอแล้วค่ะ!”
ซูซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม.
“ข่าวดีจริงๆด้วย!”
เย่เทียนประชด “หวังว่าพวกสตาบิแอมันจะทนได้จนถึงหยดสุดท้ายนะ พวกเราจะได้มีเวลาจัดการกับคาเลสและเสริมกำลังของเรา. ให้พวกปอมปีย์กับสตาบิแอมันฆ่ากันเองไปก่อน!”