ตอนที่ 137 ความจริงใจ
เมื่อเห็นคนบาดเจ็บทุกคนนอนอยู่บนพื้น ถังเทียนรู้สึกพอใจ
ผลการต่อสู้ในวันนี้ทำให้เขามีความสุข และที่สำคัญก็คือ เขาสู้ได้ดังใจและได้รับชัยชนะ นั่นช่างยอดเยี่ยมจริงๆเขาพึงพอใจตัวเองและยินดีมาก ถังเทียนยืนกอดอก ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความภูมิใจอย่างมากอยู่ท่ามกลางลานบ้าน
หัวใจเขาพองโตจนแทบระเบิด
ถ้าจะมีความเสียใจอยู่บ้างก็คงมีอยู่เรื่องเดียวคือเขาไม่อาจบรรลุเคล็ดสังหารของวิชาประทับหัตถ์ใหญ่ได้
แต่ถังเทียนรู้สึกว่าเขาพอใจมากแล้วเขาโยนความบกพร่องทิ้งไว้เบื้องหลังและเสพสุขกับชัยชนะของตน
คนอื่นๆ กลัวเขา แม้แต่ชื่อหลานก็ยังถูกโค่นล้มทุกคนมองถังเทียนด้วยความรู้สึกหวาดกลัว
ยอดฝีมือผู้นี้มาจากแห่งใดกัน?
ถังเทียนยืดตัวตั้งท่า เนื่องจากไม่มีใครเข้ามาสู้กับเขา เขารู้สึกเหลืออดเล็กน้อย สำหรับคนที่มีประสบการณ์และมีคุณสมบัติเป็นหัวโจกจอมเกเรประจำโรงเรียนการเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ เขาชาชินเสียแล้ว
"พวกเจ้าทุกคนสนใจข้าใช่ไหม" ถังเทียนใช้หัวแม่มือชี้มาที่ตนเองและใบหน้าที่ดุดัน "จากวันนี้เป็นต้นไป กู้เสวี่ยอยู่ภายใต้การอารักขาของข้า ใครก็ตามที่ไม่รู้สำนึก ข้าจะหักขามันซะ"
ขาใหญ่จอมเกเรประจำโรงเรียนทุกคนถนัดในการพูดบทอย่างนี้เป็นอย่างมาก
ประโยคที่ดุดันและทรงพลัง กับคนบาดเจ็บที่อยู่บนพื้นส่งเสียงร้องระงมอย่างเจ็บปวด นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย
ไม่มีใครกล้าหัวเราะ
หลังจากทิ้งท้ายด้วยประโยคนั้นแล้ว ถังเทียนก็ไม่สนใจกลุ่มคนอีก สีหน้าของกู้เสวี่ยและเมอเรย์ชะงักค้างจนดูแปลกประหลาด ท่าทีที่ดูประหลาดนั้นราวกับว่าพวกเขาเห็นผี ขณะที่สายตาพวกเขาจ้องดูถังเทียนพวกเขารู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาเห็นผีจริงๆ
ถังเทียนงง"ทำไมพวกท่านทั้งสองคนถึงได้มองข้าแบบนั้นเล่า?"
แต่หลังจากชั่วเวลาสั้นๆเขาก็หัวเราะดังลั่น "ท่านทั้งสองคนต้องตกใจเพราะหนุ่มน้อยชาวฟ้าแน่ๆ"
กู้เสวี่ยและเมอเรย์จ้องมองด้วยสายตาว่างเปล่า
"ข้าพูดถูกหรือเปล่า จริงไหม?" ถังเทียนยื่นหน้าที่ตื่นเต้นเข้ามาใกล้ๆ ด้วยท่าทีคาดหวัง
"ถูกแล้ว เราตกใจจริงๆ"กู้เสวี่ยกลืนน้ำลายพยักหน้า และตอบออกไปโดยไม่รู้ตัว
ถังเทียนฉีกยิ้มกว้างเขาเท้าสะเอวและเชิดหน้าแหงนมองฟ้าและแหกปากหัวเราะลั่น"ความรู้ของพวกท่านยังคงจำกัดมาก แต่พวกท่านทั้งสองคนจะค่อยๆเข้าใจหนุ่มน้อยชาวฟ้าผู้นี้อย่างสุดซึ้งอีกครั้ง!"
หัวใจของกู้เสวี่ยรู้สึกแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก
เด็กหนุ่มผู้นี้ก่อนหน้านั้นเขาแกล้งทำหรอกหรือ...
นางไม่อาจวางตัวเป็นผู้ใหญ่และทำท่าจริงจังกับเด็กหนุ่มผู้ช่วยชีวิตนางไว้ก่อนหน้านั้น และเด็กหนุ่มคนนี้กำลังตะโกนเสียงดังโหวกเหวก
แม้ว่าเขาได้ช่วยนางไว้ก่อนหน้านั้น..
แต่กู้เสวี่ยไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกปัจจุบันของนางได้อย่างไร
ถังเทียนได้รับคำชมก็มีความสุขมากเขามองซ้ายทีขวาที เมื่อเห็นคนที่นอนบาดเจ็บบนพื้นเขารู้สึกว่าเกะกะทำให้ไม่มีที่เดิน เขาบ่นเสียงดัง "ขอโทษที ข้าจะพักแล้ว ขอส่งพวกเจ้าทุกคนออกไปละนะ"
ตอนแรกเขาคว้านักสู้สองคนบนพื้นและจับโยนออกไปข้างนอกอย่างสบายๆ
ป้าบ ป้าบ!
นักสู้ทั้งสองคนตกกระทบพื้นก็หมดสติทันที ถังเทียนจัดการได้อย่างรวดเร็วมือของเขาไวเหมือนสายลม คนทั่วไปเห็นแต่มีร่างคนลอยละลิ่วออกมาในไม่ช้าเขาก็เก็บกวาดลานบ้านจนหมด
เมอเรย์ลอบตกใจ พลังแขนที่แข็งแรงนัก!
เท่าที่มองดูเขาสามารถบอกได้เลยว่าถังเทียนใช้กำลังแขนล้วนๆ ขณะที่จับคนโยนออกไป ทุกคนเป็นนักสู้ที่มีน้ำหนักตัวแต่ในมือของถังเทียนกลับเหมือนไม่มีน้ำหนัก ด้วยการโยนตามปกติพวกเขาโดนจับโยนออกมากว่าสามสิบเมตร
ไม่เพียงแต่เมอเรย์ที่เห็นประจักษ์และรู้เรื่องนั้น นักสู้ที่คอยก่อกวนทุกคนก็สามารถเห็นได้ เหมือนกับว่าพวกเขาถูกราดน้ำเย็นที่ศีรษะ ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่ยั้งคิด
นั่นต้องเปลืองเรี่ยวแรงมาก
ดาวไพรมายาอยู่ภายใต้การควบคุมขององค์การวิญญาณมืด อย่างไรก็ตามคนที่แข็งแกร่งอย่างน่าทึ่งแบบนั้นก่อนที่จะปลุกพลังสายเลือดเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยได้เห็น
ในที่สุดถังเทียนก็รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย
หลังจากหาวแล้วเขารู้สึกตาพร่า และง่วงจัด
เมื่อมองดูกู้เสวี่ยที่กำลังนั่งลงอย่างว่างเปล่าและเมอเรย์บุรุษเหล็ก เขาโบกมือให้ "ข้าของีบก่อน, เหนื่อยเหลือเกิน!"
พอพูดเสร็จเขาหาที่ว่างข้างกองไฟเลือกท่อนไม้ใช้ต่างหมอนและเอนตัวนอนหลับทันที
สิบวินาทีต่อมาค่อยๆมีเสียงกรน จากนั้นก็ดังขึ้นเรื่อยๆ
กู้เสวี่ยตะลึงสีหน้าของนางแข็งค้างขณะมองดูถังเทียนผล็อยหลับ
ยังคงมีศัตรูอยู่ข้างนอก...ที่นี่ไม่ปลอดภัย... และมีอันตรายได้ทุกเมื่อ..
แต่.....
ถังเทียนหลับอุตุเหมือนหมูไปแล้ว
หลังจากนั้นชั่วขณะสีหน้าของกู้เสวี่ยค่อยกลับคืนปกติ และนางค่อยยิ้มได้เหมือนปกติ
เขาไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!
นางตรวจสอบใบหน้าของถังเทียนอย่างระมัดระวัง ถังทียนหลับสนิทมองดูเหมือนทารก ปากอ้าดูเหมือนเด็กปัญญาอ่อนและที่มุมปากมีฟองน้ำลาย นางเพ่งพินิจเขาอย่างละเอียด และอดที่จะยิ้มไม่ได้
ในช่วงเวลาไม่กี่วินาทีเมื่อจู่ๆถังเทียนวิ่งมาหานางที่ทางน้ำขาว จู่ๆ ภาพนั้นปรากฏอยู่ในใจของกู้เสวี่ย
ถังเทียนในช่วงเวลานั้นเป็นเหมือนสัตว์ป่า
กู้เสวี่ยเคยเห็นผู้เยาว์มามากมีทั้งความเยาว์วัยและมีพรสวรรค์ แต่ถังเทียนแตกต่างพวกเขา
ความรู้สึกที่บริสุทธิ์?
เมอเรย์คำรามปลุกให้กู้เสวี่ยตื่นจากภวังค์ กู้เสวี่ยสังเกตว่าเมอเรย์หน้าซีดขาวนางถึงกับหน้าซีดด้วยความกลัวไปด้วย "ลุงเมอเรย์,ลุงเป็นอะไรหรือเปล่า?"
เมอเรย์หัวเราะลั่น"คุณหนูวางใจได้ ตาแก่เมอเรย์ผู้นี้ไม่ตายง่ายๆ แน่"
เพลิงเขียวสวรรค์ในร่างของเขายังคงลามเลียบาดแผลสีน้ำเงินบนเอวของเขาต่อเนื่อง หลังจากเพลิงเขียวสวรรค์กำจัดจุดน้ำเงินสุดท้ายแล้วเมอเรย์จึงค่อยคลายใจและนั่งลงกับพื้น พลังสายเลือดเพลิงเขียวสวรรค์ในร่างของเขาสามารถขับพิษได้
"เรื่องในวันนี้ต้องขอบคุณเขาจริงๆ!" เมอเรย์พูดเบาๆ "ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยินดีช่วยเรา"
"ใช่แล้ว!" น้ำเสียงของกู้เสวี่ยเต็มไปด้วยความตื้นตัน
เมอเรย์อัดอั้นใจอยู่ชั่วขณะและกล่าวขึ้นทันที "คุณหนูไปพักเสียเถอะ คืนนี้ข้าจะเฝ้าให้เอง"
กู้เสวี่ยกังวลเล็กน้อย"แล้วคนพวกนั้นล่ะ?"
นางชี้ไปที่กลุ่มนักสู้ที่ยืนเฝ้ามุมถนน ทุกคนจ้องมองมาตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ แม้แต่จะเคลื่อนไหว พวกเขาก็ไม่กล้า
"พวกมันกลัวจนขี้ขึ้นสมองไปแล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัว" น้ำเสียงของเมอเรย์เต็มไปด้วยความรังเกียจ แต่เมื่อเขาคิดว่าถ้าเขาต้องสู้กับถังเทียนก็คงกลายเป็นเช่นนี้เหมือนกัน ใบหน้าชราถึงกลับเปลี่ยนเป็นสีแดง เขากล่าวว่า "ข้าจะเฝ้าให้เอง คุณหนูวางใจได้"
เมอเรย์มีประสบการณ์ต่อสู้โชกโชนแค่ใช้ดุลพินิจเหลือบมองนักสู้พวกนั้นก็รู้ได้ว่าพวกเขาไม่มีความตั้งใจจะเข้าโจมตีพวกเขาสูญเสียความกล้าไปแล้ว
ฝีมือของถังเทียนน่าทึ่งจนขนลุก และเมื่อเมอเรย์นึกย้อนไป เขาอดส่ายหน้าไม่ได้ โชคดีที่เขาไม่ได้พบคู่ต่อสู้ที่กลัวแบบนั้น
เมอเรย์สลัดทิ้งความคิดที่กวนใจเขาออกไป เขานั่งขัดสมาธิและเริ่มโคจรปราณเที่ยงแท้
เขารู้ว่าการต่อสู้ที่ดุเดือดกำลังจะมีมาอีก เขาต้องรีบฟื้นฟูร่างกายให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้
แม้ว่าถังเทียนจะแข็งแกร่ง แต่หนึ่งหมัดสู้กับสี่ฝ่ามือนับเป็นเรื่องที่ลำบาก และ...
รากฐานตระกูลกู้ลึกล้ำเกินกว่าคนภายนอกจะจินตนาการได้
※※※※※
ถังเทียนอาจเป็นเพียงคนเดียวที่หลับได้ทั้งที่เมืองเฮยซานแตกตื่นกันไปหมดทั้งเมือง
เขาใช้พลังงานทั้งหมดของเขาป้องกันและขับไล่ต่อต้านการบุกจู่โจมทำร้ายจากตระกูลกู้ เหล่านักสู้จำนวนมากถูกเล่นงานในเงื้อมมือของเขาทำให้ทั่วทั้งตระกูลกู้ต้องหยุดชะงักอย่างคาดไม่ถึง
ตกตะลึงไปกันทั้งเมืองเฮยซาน
เมืองเฮยซานอยู่ภายใต้อิทธิพลของตระกูลกู้ ตระกูลกู้เป็นตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเฮยซาน และอิทธิพลของพวกเขาหยั่งรากลึกในเมืองเฮยซานไม่มีผู้ใดโยกคลอนได้
และนี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลกู้
ตระกูลอื่นๆไม่มีความคิดแทรกแซงแม้แต่น้อย ความขัดแย้งกันภายในตระกูลกู้เป็นเรื่องน่าขมขื่น และไม่ใครกล้าเข้าไปแทรกแซง
ข่าวที่ว่าร่างของกู้เสวี่ยมีสายเลือดรุ้งหิมะแฝงตัวอยู่นั้นได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองเฮยซานแล้ว ทุกคนรู้ คนของตระกูลกู้สามารถต่อสู้เพื่อให้ได้นาง แต่ถ้ามีคนนอกกล้ายื่นมือเข้ามาเอี่ยวเรื่องนี้ พวกเขาจะต้องตายอย่างน่าสยดสยอง
ทุกคนสามารถคาดได้ว่ากู้เสวี่ยมีผู้ช่วยบางส่วน เวลานี้นางอาจมีโอกาสหวนคืนมาก็ได้
คนระดับเบื้องบนของตระกูลกู้เพิ่งจะผ่านเหตุการณ์รุนแรงมาได้เนื่องจากครอบครัวของกู้เสวี่ยเวลานี้เพิ่งจะประสบภัยพิบัติมาไม่นาน
ควันกำยานลอยอ้อยอิ่งในห้องประชุมผู้อาวุโสทำให้ผู้อาวุโสทุกคนที่สูดกลิ่นควันเข้าไปเงียบสงบ
แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดลอดหน้าต่างเข้ามา แต่ไม่สามารถผ่านทะลุหมอกควันหนาแน่นได้
ที่เก้าอี้ตัวแรกกู้อันสวงมีสีหน้าดำคล้ำเขาเป็นหัวหน้าตระกูลกู้มาได้สามวันแล้ว และความจริงเขาคงจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นไว้ในเงื้อมเขาได้แล้ว กู้อู่ลักพาตัวล้มเหลวความลับเรื่องที่ร่างกายของกู้เสวี่ยมีสายเลือดซ่อนเร้นแพร่กระจายออกไปราวกับไฟลามทุ่ง
ผู้อาวุโสทั้งห้ามาถึงแล้ว
กู้อันสวงสามารถนั่งตำแหน่งประมุขตระกูลได้เพราะมีผู้อาวุโสมากกว่าสามคนสนับสนุนเขา แต่เรื่องเกี่ยวกับกู้เสวี่ยไม่มีผู้อาวุโสแม้แต่คนเดียวที่สนับสนุนเลย
ถ้าสายเลือดของนางสามารถให้กำเนิดลูกหลานที่มีพลังสายเลือดรุ้งหิมะได้อย่างนั้นสายเลือดของนางจะกลายเป็นสายเลือดอันดับหนึ่งของตระกูลกู้อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
“ไม่ว่ายังไงก็ตามไม่ว่าจะเป็นสาขาครอบครัวไหนก็ตามที่กู้เสวี่ยเลือก สำหรับตระกูลกู้ของเรา ก็ไม่นับว่าเสียหาย”ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลเปิดปากพูดก่อน “แต่ไม่ต้องสงสัยเลย ความปลอดภัยของกู้เสวี่ยต้องไม่ถูกละเมิด นี่เกี่ยวข้องกับชะตากรรมของตระกูลกู้ตั้งแต่วันนี้ไปและตรงจุดนี้ต้องไม่มีอะไรที่ค้างคากัน”
กู้อันสวงรู้ว่าผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลกำลังพูดให้เขาฟัง ครอบครัวของกู้เสวี่ยถูกทำลายลงไปเกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง
เขาพูดโดยไม่ลังเลใจ “นั่นก็ถูกแล้ว ความสนใจเรื่องขยายสาขาของตระกูลไม่สามารถแทนที่ความสนใจหลักของตระกูลกู้ได้”
ผู้อาวุโสของตระกูลคนอื่นๆ เห็นด้วย
“ข้าได้ยินว่าเมื่อนางอยู่ระหว่างเดินทางกลับบ้าน นางพบกับการจู่โจมทำร้ายของนักฆ่าราตรีไซอา สวรรค์ยังโปรดตระกูลกู้ของข้า! เรื่องอย่างนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในเวลาอื่นมาก่อน”นัยน์ตาของผู้อาวุโสที่สามฉายแววอำมหิต“ดูเหมือนว่าเราต้องลั่นระฆังปลุกคนสองสามคนแล้วกระมัง ฮึ่ม.. ตระกูลกู้ของพวกเรายอมให้คนอื่นรังแกกันได้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
“ถูกแล้ว”ผู้อาวุโสที่สี่พูดสนับสนุน “เราต้องตอบโต้!”
ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลตัดสินใจในที่สุด“นั่นจะไม่มีทางเกิดขึ้น!”
“ดูเหมือนว่าการนำกู้เสวี่ยกลับตระกูลกู้โดยตรงจะเป็นการดีกว่า นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับชะตากรรมของตระกูลกู้ของพวกเรา เราไม่อาจเสี่ยงผิดพลาดใดๆ ได้” กู้อันสวงถามขึ้นทันที“ใครรู้จักประวัติของเขาบ้าง?”
ผู้อาวุโสทุกคนมองหน้ากันเอง ดูเหมือนไม่มีผู้ใดรู้
“เนื่องจากความเป็นมาของเขาไม่ชัดเจนเราจะปล่อยให้คนเช่นนี้อยู่ข้างตัวกู้เสวี่ยได้ยังไง?” กู้อันสวงถามต่อ
เหตุผลของเขาดูดี และด้วยความที่เขาเข้าใจผู้อาวุโสของตระกูลของเขา เหล่าผู้อาวุโสจากตระกูลทุกคนจะไม่ยอมปล่อยให้พลังสายเลือดของตระกูลกู้ตกอยู่ในเงื้อมมือคนอื่นแน่นอน
เป็นไปตามคาด ผู้อาวุโสทุกคนเห็นด้วย
ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลเอ่ย“เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว หลิงซิ่ว เจ้าไปจัดการที”
“ขอรับ!”บุรุษหนุ่มที่ดูค่อนข้างธรรมดาลุกขึ้นยืนและหมุนตัวเดินออกไป
กู้อันสวงยิ้มไม่หุบ เนื่องเพราะเมื่อหลิงซิ่วลงมือบุรุษหนุ่มลึกลับต้องตายแน่นอน
กู้เสวี่ยไม่มีไพ่เด็ดอยู่ในมือก็ไม่มีทางกลับมาได้แน่นอน
ตะขาบตาย แต่ตัวมันยังไม่แข็งก็ยังไม่น่าวางใจ พ่อแม่ของกู้เสวี่ยประสบเคราะห์เพราะแผนพวกเขา แต่ว่าไม่ได้หมายความว่าสาขาครอบครัวอย่างกู้เสวี่ยจะถูกกำจัดอย่างสิ้นเชิง สาขาครอบครัวของกู้เสวี่ยยังมีอยู่อีกหลายคนและนอกจากที่อยู่ในเมืองเฮยซาน ก็ยังไม่มีความสูญเสียเกิดขึ้น
เรื่องของเวลา เขาไม่อาจยอมให้เวลากู้เสวี่ยรวบรวมคนได้แน่
ตราบใดที่กู้เสวี่ยแต่งงานเข้าสาขาครอบครัวใด สาขาครอบครัวนั้นจะต้องถูกกำจัดสิ้นเชิง
ถึงเวลานั้น กู้เสวี่ยจะเป็นแค่เพียงแม่พันธุ์คอยให้กำเนิดเด็กเท่านั้น!