ตอนที่ 134 กู้อู่
เมอเรย์ลืมตา ตัวของเขารู้สึกเมาเล็กน้อย
เมอเรย์นั่งค้ำคออยู่เงียบๆจากนั้นล้วงเหล้าออกมาอีกขวดและดื่มเอง กู้เสวี่ยนั่งอยู่ด้านข้างถือขวดสองใบในมือเหมือนกับว่านางไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า
เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งดังขึ้นทำลายความเงียบ
“ฮ่าฮ่าฮ่า! น้องเสวี่ยผู้น่ารักของข้า ในที่สุดเจ้าก็กลับมา ข้ารอจนเบื่อแล้วถ้าเกิดมีอุบัติเหตุใดๆ ตามรายทาง ข้าอาจจะต้องเสียใจกับชีวิตที่เหลือก็ได้”
บุรุษสูงใหญ่ล่ำสันเบียดตัวผ่านกลุ่มคนเข้ามา เขาคือกู้อู่ จมูกเขาคด นัยน์ตาตี่ ริมฝีปากบางและปากแหลม แต่เขามีนัยน์ตาสีน้ำตาลแดงเหมือนกับกู้เสวี่ยเขาจ้องมองกู้เสวี่ยอย่างหื่นกระหาย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพบกับกู้เสวี่ย แต่กู้เสวี่ยที่ยืนต่อหน้าเขาตอนนี้หน้าแดง เขาถึงกับหายใจหนักหน่วงโดยไม่รู้ตัว นางช่างงามยิ่งนัก
“กู้อู่ ระหว่างทางที่ข้ามาที่นี่ ข้าพบกับไซอา เจ้าส่งเขาไปใช่ไหม?”กู้เสวี่ยถามขึ้นทันที
กู้อู่ได้ยินชื่อของไซอา ม่านตาเขาถึงกับหดเล็ก เนื่องจากเป็นคนคิดเร็ว ความหื่นกระหายจางไปจากนัยน์ตาเขาทันที“ไซอา? นักฆ่าราตรีไซอา! เจ้าพบเขาด้วยหรือ?”
กู้อู่อดยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่ได้ เขามองดูรอบๆ และสังเกตว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ พวกเขา เขายิ่งสงสัยมากขึ้น ด้วยพลังอย่างเมอเรย์ เขาไม่มีทางปกป้องกู้เสวี่ยโดยไม่เสียชีวิตเมื่อสู้กับไซอา เป็นไปไม่ได้เลย
เว้นแต่ มีใครบางคนช่วยเหลือพวกเขา?
มีความคิดมากมายอยู่ในใจเขา แต่หน้าของเขาก็ยังสงบใจเย็นอยู่ได้ “น้องเสวี่ย, อย่าใส่ความข้าทำไมข้าต้องยื่นมือไปแตะต้องน้องเสวี่ยด้วยเล่า? ข้ารอให้น้องเสวี่ยมาเป็นผู้ให้กำเนิดลูกชายให้ข้าอยู่”
“ข้าก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” กู้เสวี่ยตอบอย่างใจเย็น “สายเลือดรุ้งหิมะในตัวข้า คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่พี่อู่เป็นญาติของข้าจะไม่รู้ได้อย่างไรกัน? น่าเสียดายที่มันเป็นสายเลือดซ่อนเร้น มิฉะนั้นจะมีคนทรยศตระกูลเราได้ยังไง?พี่อู่ว่าจริงไหม?”
สายเลือดรุ้งหิมะ!
พวกบริวารรอบๆ กู้อู่ปากอ้าค้าง สายเลือดรุ้งหิมะเป็นสายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลกู้ ทันทีที่ได้รับการกระตุ้นให้ทำงานจะฉายรังสีรุ้งหิมะงดงามอยู่รอบตัว ในตระกูลกู้ ทุกคนรู้จักสายเลือดรุ้งหิมะดี เพราะวิทยายุทธที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลกู้ดาบสายรุ้งต้องเป็นนักสู้ที่ผ่านการกระตุ้นสายเลือดรุ้งหิมะจึงจะใช้ได้
ตระกูลกู้มีประวัติศาสตร์นานสองร้อยปี ไม่มีผู้ใดครอบครองสายเลือดรุ้งหิมะ ความปรารถนาสายเลือดรุ้งหิมะของตระกูลกู้ไม่ใช่เรื่องที่คนนอกจะเข้าใจได้ แต่ละครั้งที่มีเด็กผู้หญิงถือกำเนิด พวกเขาจะคิดหาวิธีตรวจสอบเพื่อดูว่าพวกเขาจะได้รับสายเลือดรุ้งหิมะหรือไม่ แน่นอนว่ายังมีเลือดประเภทที่ไม่สามารถตรวจสอบได้และนั่นเรียกว่าสายเลือดซ่อนเร้น
สายเลือดซ่อนเร้นจะปรากฏในตัวคนหลังจากที่อายุสิบหกปีขึ้นไปแล้ว ไม่มีทางที่ผู้ใดจะกระตุ้นสายเลือดซ่อนเร้นได้ แต่ถ้ามันถูกส่งต่อผ่านการให้กำเนิดคนรุ่นต่อไปอย่างนั้นมีโอกาสสูงที่เด็กจะได้ครอบครองสายเลือดรุ้งหิมะ
กู้อู่สีหน้าเปลี่ยน เขาไม่เคยคิดว่ากู้เสวี่ยจะบอกความลับเช่นนี้กับเขาจริงๆ เขาไม่ใช่เป็นเพียงคนเดียวในตระกูลกู้ เขามั่นใจว่าข่าวของเขาจะกระจายไปยังสมาชิกตระกูลกู้คนอื่นๆได้รับรู้กันในคืนนี้
ไม่ว่าเขาจะจับกู้เสวี่ยได้ในคืนนี้หรือไม่ก็ตาม สิ่งที่ได้กระทำลงไปแล้วไม่สามารถยกเลิกได้ ถึงเวลานั้นก็จะไม่มีใครทำอะไรเขาได้
กู้อู่หัวเราะ “หิมะตกหนักแล้วน้องเสวี่ยยืนอยู่อย่างนั้นเดี๋ยวจะเป็นหวัดได้ ถ้าจะให้ดีมากับข้าเถอะ”
กู้เสวี่ยส่ายหน้า “ขอบคุณพี่อู่ที่เมตตา คืนนี้ข้าจะอยู่ที่นี่ ข้าไม่ต้องการจะไปไหนทั้งนั้น”
กู้อู่ยิ้ม “ต้าเว่ย,พาคุณหนูกลับไปที่พัก”
บุรุษร่างกำยำดูเย็นชาเดินตรงมาหากู้เสวี่ย
ปัง!
ทันใดนั้น หมัดๆ หนึ่งปรากฏอยู่หน้าต้าเว่ย ต้าเว่ยหรี่ตาและเขาจิกเท้าลงพื้นเบาๆ เพื่อหยุดยั้งตัวเอง เมอเรย์พาตัวเองเข้ามายืนขวางไว้ ดวงตาที่แฝงความเมามายเป็นประกายวาววับ
“ใครบังอาจแตะต้องนาง, ถ้านางบอกว่านางไม่ต้องการจะจากไป?”
ต้าเว่ยคำราม “ไปตายซะ!”
ไม่ทราบว่ามีดสั้นสองเล่มมาอยู่ในมือเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ มีดสั้นมีสีฟ้าสดใสลักษณะบ่งบอกได้ว่าฉาบพิษไว้ พอขยับตัวร่างเขาก็หายไป
ตาของเมอเรย์โปนด้วยความโกรธ เขาตะโกนลั่น “เจ้ากำลังหาที่ตาย”
เปลวเพลิงเขียวเปล่งออกมาจากตัวของเขา เมอเรย์มีไฟลุกโชนมองดูเหมือนกับเทพเจ้าสงคราม เขารวบฝ่ามือขวาเป็นกำปั้นเพลิงเขียวรวมตัวอยู่ที่กำปั้นของเขาด้วยระดับความเร็วที่น่าตกใจ จากนั้นเขาก็ปล่อยออกไป
ปัง!
เปลวไฟพุ่งออกไปและเงาร่างหนึ่งเด้งออกมา
ต้าเว่ยสะบัดมีดในมือเบาๆ เพลิงสีเขียวก็กระจายหายไป เขาดูเคร่งเครียด
“ฟ้าครามเมอเรย์ เจ้าก็เป็นคนมีชื่อเสียงเหมือนกัน ข้าได้ยินมาว่าคนที่มีสายเลือดเขียวสวรรค์มีนิสัยกล้าหาญซื่อสัตย์กันทุกคนถ้าเจ้าเต็มใจนะเมอเรย์ ข้ายินดีรับเจ้าไว้เป็นมือขวาของข้า”กู้อู่พูดขณะจ้องมองเมอเรย์
“เจ้าน่ะเหรอ?” เมอเรย์ดูถูก เขาแค่นเสียงออกจมูก “เจ้าคู่ควรหรือ?”
กู้อู่หน้าบึ้งทันที “เนื่องจากเจ้าไม่รู้จักผ่อนปรน อย่างนั้นอย่าตำหนิข้าว่าไร้น้ำใจ ต้าเว่ย, อย่าปล่อยให้ใครรอดชีวิตไปได้”
โดยไม่ต้องพูดสักคำ ต้าเว่ยขยายตัวจากหมอก
ม่านตาของเมอเรย์หดเล็ก “เงาหมอก!”
สายเลือดเงาหมอกเป็นสายเลือดระดับเงิน เขาสามารถเปลี่ยนตนเองเป็นหมอกได้ เขายากที่จะจัดการได้ แต่ในใจของเมอเรย์ไม่มีความกลัวเลยแม้แต่น้อยสายเลือดเขียวสวรรค์ของเขาก็เป็นระดับเงินเช่นกัน
เมอเรย์แผดเสียงและปล่อยเพลิงสีเขียวเพิ่มขึ้น
เขาก้าวเท้ายาวย่อเอวและปล่อยหมัดออกไป ด้วยระดับความเร็วน่าตระหนก เพลิงเขียวรวมตัวอยู่ที่หมัดของเขาเปลวไฟที่พันรอบหมัดของเขาพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
หมัดเกลียวเพลิงสวรรค์
ต้าเว่ยเคลื่อนตัวด้วยวิธีที่แปลกประหลาดชั่วร้าย ในรูปเงาหมอกลอยตัวคาดการณ์ได้ยาก
เมอเรย์สู้ความเร็วด้วยระดับความเร็วที่ช้ากว่าของเขา ด้วยพลังที่แข็งแกร่ง ขณะที่ต้าเว่ยว่องไวราวกับสายฟ้า
รังสีเขียวกับเงาสีเทาโรมรันพันตูกัน บางครั้งก็มีเสียงปะทะกัน เมื่อใดก็ตามที่ต้าเว่ยปรากฏตัวเขาจะมาพร้อมกับหมอก พอหมอกหนาแน่นยิ่งขึ้น เมอเรย์ก็เริ่มเหนื่อยล้า
หมอกเป็นเหมือนใยแมงมุมขนาดยักษ์ที่มองไม่เห็นจับเขาไว้
เมอเรย์สูดลมหายใจลึกและเปลี่ยนวิธีใช้หมัดของเขา เมื่อดันหมัดออกไปก็ปรากฏพายุหมุนเพลิงเขียว
เขาก้มหน้าแล้วสาวหมัดออกมาหมัดแล้วหมัดเล่าในพริบตาเขาสร้างพายุหมุนเพลิงถึงสิบสองลูกพายุหมุนเพลิงทั้งสิบสองนี้หมุนวนเวียนรอบตัวเมอเรย์และสร้างวงแหวนเพลิงสีเขียวทุกที่ที่พายุหมุนเพลิงเคลื่อนผ่าน หมอกก็จะสลายไป
ร่างของต้าเว่ยเพิ่มความเร็วทันที หมอกเพิ่มหนาขึ้นอีกครั้ง หมอกสีเทาลอยเข้าหาเมอเรย์
เปลวพายุหมุนเพลิงที่น่ากลัวเริ่มช้าลง
“ฮ่าฮ่า! น้องเสวี่ย,ดูเหมือนว่าเจ้าต้องการให้ข้าเชื้อเชิญเจ้าเป็นการส่วนตัวสินะ” กู้อู่หัวเราะอยู่นานจากนั้นเขายืดตัวกางแขนเหมือนนกแล้วพุ่งเข้าหากู้เสวี่ย
“เจ้ากล้าหรือ”นัยน์ตาของเมอเรย์เต็มไปด้วยความโกรธ เขาใช้หมัดทั้งสองต่อยใส่กู้อู่ที่อยู่ในกลางอากาศทันที
รัศมีแสงหมัดสีเขียวสองสายเต็มอยู่ในอากาศ
“เจ้าควรรู้ขีดจำกัดของตัวเองซะบ้าง” กู้อู่เยาะเย้ย
ทันใดนั้น ฝ่ามือทั้งสองมีแสงสีเงินเรืองรองหุ้มอยู่ เขารับรังสีหมัดแสงสีเขียวโดยไม่หลบเพียงแต่ตบออกไปเบาๆ เท่านั้น
เผียะ!
รังสีหมัดแตกสลายเหมือนกับลูกโป่งสองใบ
ในอากาศ หน้าของกู้อู่เปลี่ยนเป็นสีแดง แต่ในเสี้ยววินาที ก็กลับคืนเป็นปกติ เขาพุ่งเข้าหากู้เสวี่ยโดยไม่เปลี่ยนท่าร่าง
ตาของเมอเรย์เป็นประกาย มีดสั้นเรืองแสงฟ้าเล่มหนึ่งปรากฏที่ข้างเอวของของเมอเรย์เหมือนปลาสีน้ำเงิน
ฉัวะ!
เลือดกระจายออกมา บาดแผลย้อมด้วยแสงสีน้ำเงิน มองดูน่ากลัว
เมอเรย์ชะงัก สีน้ำเงินลุกลามไปทั่วร่างของเขา
“ฮ่าฮ่าฮ่า” เมื่อเห็นกู้เสวี่ยใกล้ๆ หัวใจกู้อู่ร้อนรนแทบมอดไหม้ เขาหัวเราะอย่างชั่วร้าย “น้องเสวี่ย จากวันนี้ไป เจ้าเป็นของข้าแล้ว”
เขาเหยียดแขนและกางนิ้วทั้งห้า
“ไสหัวไป ไอ้บัดซบ” เสียงของคนแปลกหน้าดังกรอกอยู่ข้างรูหูของกู้อู่
กู้อู่ถึงกับหนังตากระตุก โดยไม่ทันได้สนองตอบ หมัดๆ หนึ่งก็ขยายจนบดบังทัศนวิสัยของเขาไว้
บัดซบเอ๊ย!
กู้อู่ว่าเร็วพอแล้ว เมื่อตอนที่เขาตบหมัดทั้งสองของเมอเรย์ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรก็จริง แต่ความจริงนั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
หมัดนี้รวดเร็วและสมบูรณ์แบบจนเขาไม่มีเวลาตั้งตัว
ในช่วงที่ตื่นเต้นนี้ เขาทำได้แต่เพียงใช้ฝ่ามือปิดใบหน้าไว้
ปัง!
เขารู้สึกว่าพลังยิ่งใหญ่ระเบิดจากฝ่ามือของเขาเหมือนกับว่าเขาเพิ่งถูกหวดด้วยค้อนอย่างแรง
ร่างของเขาปลิวกระเด็นไปกลางอากาศ
นี่มัน...
เขาไม่มีเวลาได้แหกปากร้อง ปั้ก.. อีกหมัดหนึ่งกระทุ้งเข้าที่บริเวณท้องของเขาเขาตัวงอเป็นกุ้ง และดวงตาแทบถลนออก สีหน้าบิดเบี้ยว
บะ..บัดซบเอ๊ย..
“คุณชาย!” ต้าเว่ยตกตะลึงเขาทิ้งเมอเรย์โดยไม่ลังเลใจและพุ่งเข้าหาถังเทียน
“ระยำอย่างพวกแกทุกคน สมควรตายได้แล้ว!”ถังเทียนรังเกียจ รังสีฆ่าฟันของเขารุนแรงขึ้น ขณะที่เขาวิ่งมาที่นี่และเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขารู้สึกชิงชัง
ถังเทียนพุ่งเข้าหาต้าเว่ยที่กำลังวิ่งเข้าหาเขาเช่นกัน
เจ้าระยำพวกนี้สมควรตายทุกคน! เจตนาฆ่ารุนแรงเพิ่มขึ้นในหัวใจเขา ถึงตอนนี้ เขาต้องการฆ่าพวกบัดซบทุกคนนี้อย่างไม่ปราณี
เขาพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่ชักช้าเช่นกัน
ฝ่ามือซ้ายรวบเป็นกำปั้นก่อเป็นระลอกคลื่นขึ้นเหมือนกับว่ามีใยแมงมุมภายใต้การควบคุมของเขาถังเทียนสร้างระลอกคลื่นสั่นสะเทือนขึ้นมาชุดหนึ่ง
ต้าเว่ยวิ่งเข้าหาหมัดสะท้านฟ้าถึงกับเฉื่อยลงระลอกคลื่นทั้งหมดกระทบร่างเขาทันที กล้ามเนื้อเขาทั้งหมดชะงักค้าง
นี่คือ..ระลอกสั่นสะเทือน!
หัวใจต้าเว่ยเย็นเฉียบ แต่เขาไม่กลัว เมื่อเขาตวาดลั่นเขาใช้มีดสั้นแทงใส่ถังเทียนรวดเร็วราวกับสายฟ้า
รังสีน้ำเงินจางสองสายกรีดผ่านอากาศ
ตาของถังเทียนเยือกเย็น ถ้าเขาใช้เงาหมอกสู้กับเขาเขาอาจไม่พบกับความลำบากก็ได้ แต่ถ้าเขาต้องการหาความลำบาก ถังเทียนก็ไม่ยอมสูญเสียโอกาส
หลังจากสูดลมหายใจลึกแล้ว เขายุบอกทันที รวบรวมพลังทั้งหมดในร่างของเขา เขาเงื้อหมัดขวาและปล่อยออกไป
หมัดหนักพอๆ กับแผ่นเหล็ก
ประทับหัตถ์ใหญ่!
รอยแสงสีน้ำเงินและเกราะผนึกจากประทับหัตถ์ใหญ่ปะทะกัน
แสงสีน้ำเงินแทงลึกลงไปในผนึกของประทับหัตถ์ใหญ่ ต้าเว่ยไม่ได้ถูกวิทยายุทธระดับห้าคุกคามแต่ต้าเว่ยไม่ประมาทเขาไม่สามารถบอกได้ว่าพลังสายเลือดของเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นแบบไหน
เป็นธรรมดาที่จะใช้พลังสายเลือดเหมือนกับใช้เคล็ดสังหาร
ถ้าเขาไม่มีพลังสายเลือด อย่างนั้นประทับหัตถ์ใหญ่ไม่มีทางต้านทานหนามครามได้
หนามครามเป็นวิทยายุทธระดับหก ด้วยระดับที่แตกต่างกันก็หมายความว่านักสู้ทั้งสองคนแตกต่างกันแค่เพียงระดับเดียว
ปัง!
ผนึกประทับหัตถ์ใหญ่สลายหายไปไม่เหลือร่องรอย ต้าเว่ยรู้สึกว่ามีดในมือของเขากระดอนออกและเขาสูญเสียพลังในมือ
เขาคิดว่าเป็นเคล็ดสังหารที่น่ากลัวบางอย่างก็แค่เพียงพลังมังกรฟ้าและระดับของมันยังไม่สูง
ต้าเว่ยประเมินพลังของเจ้าเด็กนี่ได้ทันที ระดับห้า และเขามั่นใจมาก เว้นแต่เขาจะมีพลังสายเลือดที่ทรงพลังมาก ถ้าไม่อย่างนั้น เขาเองจะเป็นฝ่ายชนะในศึกนี้ เขาพลิกฝ่ามือและจับมีดสั้นไว้และงอตัวทำท่าเหมือนกับสัตว์ป่าเตรียมจะล่าเหยื่อ
ทันใดนั้น ต้าเว่ยหายวับทันที
รังสีมีดสั้นเย็นเฉียบผสานกันและสว่างวาบบดบังการมองเห็นของถังเทียน
ถังเทียนตั้งท่าประหลาด เป็นท่านั่งม้าทั้งมือและนิ้วเหยียดออกเหมือนกับว่าเขากำลังโอบลูกบอลยักษ์
นั่นทำไปเพื่ออะไร?
ขาทั้งสองของเขาจมลึกลงไปในพื้นและเขาย่อร่างต่ำทันใดนั้นประกายแสงที่คมเหมือนกระบี่ฉายผ่านดวงตาของถังเทียน