ตอนที่ 132 ปุถุชนผู้น่าสงสาร
ถังเทียนข่มความเหน็บหนาวในใจและหันมาถามเมอเรย์ “นั่นใครเหรอ?”
“ไซอา!”เมอเรย์มองดูหวาดหวั่น ในน้ำเสียงของเขาเขาสามารถได้ยินถึงความกลัว “มือสังหารมืดผู้มีชื่อเสียงที่สุดของดาวไพรมายา ตามคำเล่าลือเขามีพลังสายเลือดมืด ในบรรดาผู้มีสายเลือดระดับเงินเขาถือเป็นสุดยอด วิชากระบี่ของเขาสุดยอดและเขาไม่มีศัตรูต้านติด ยอดฝีมือนับไม่ถ้วนตายภายใต้เงื้อมมือของเขา เขาเป็นคนที่เห็นแก่เงินและมักเรียกราคาสูงลิ่ว แต่ละครั้งที่เขาปรากฏตัวลงมือไม่ว่าเขาจะชนะหรือแพ้ ก็ต้องเรียกราคาห้าแสนเหรียญดาว”
“ห้าแสนเหรียญดาว...”ถังเทียนตกใจกับจำนวนเงินขนาดนี้ แม้แต่ช่วงที่เขามั่งคั่งที่สุด เขาก็ยังไม่เคยมีเงินมากขนาดนั้น
ไม่ว่าเขาจะแพ้หรือชนะ.. ความจริง,ถังเทียนต้องการบอกว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่เมื่อเขาคิดถึงวิชากระบี่ของไซอา เขาจึงกล้ำกลืนคำพูดเขาไว้
เหมือนกับว่าเขาเห็นความคิดของถังเทียน เมอเรย์พูด “สำหรับวันนี้ เขาแทบไม่มีบันทึกภารกิจที่สมบูรณ์ ไม่ใช่แค่สอง นี่เป็นครั้งที่สามเจ้าไม่ต้องกังวล เขาจะไม่มาอีกแล้ว เมื่อภารกิจของเขาล้มเหลว เขาจะไม่มีทางรุกจู่โจมอีกเลย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ถังเทียนถอนหายใจเฮือกใหญ่
มือสังหารชุดดำทำให้เขารู้สึกกดดันมาก นั่นคือลางสังหรณ์ที่ร้ายแรง เหมือนกับว่าเขาเต้นระบำแห่งความตาย
เจ้าผู้นี้น่ากลัวนัก
ถังเทียนยังคงคิด แต่เขาไม่ได้สังเกตสายตาของเมอเรย์ เมอเรย์มองดูถังเทียนด้วยสายตาแปลกๆ ไซอาลอบเข้ามาโดยไม่มีสัญญาณใดๆ ถ้าเขาอยู่ทางด้านข้างถังเทียน เขาคงไม่มีทางรู้สึกได้ แต่ถังเทียนกลับหลบการโจมตีของไซอาได้
และภายใต้สถานการณ์เมื่อเขาพาคุณหนูหนีไปด้วย
แต่...จากนั้น เขาไม่อาจพูดถึงมันให้ชัดเจนเช่นกัน อาจเป็นไปได้ว่าถังเทียนโชคดี หรือเป็นแค่เขามีปฏิกิริยารวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ถังเทียนไม่ได้ดำเนินการอย่างอื่นเช่นใช้วิชาฝีมือเข้าต่อสู้
ทันใดนั้นเมอเรย์ยิ้มจนใจ หรือว่าชะตาสิ้นชีวิตของเขาหมดแล้ว? ความจริงเขาฝากความหวังไว้กับคนที่ไม่รู้อะไรหรือ? นอกจากนี้ เขาเป็นแค่ปุถุชนธรรมดา...
คนผู้ที่ไม่ได้เปิดพลังสายเลือดของเขาเป็นเรื่องยากที่จะหาทางออกไปจากดาวไพรมายาได้ แม้ว่าเขาจะมาจากสมาพันธ์ชาวยุทธก็ตามเป็นเรื่องยากที่จะเอาตัวรอดในดาวไพรมายาได้ “นั่นคือพลังสายเลือดที่น่ากลัว
นักสู้ของสมาพันธ์ชาวยุทธมีร่างกายที่อ่อนแอ ในสายตาเมอเรย์ พวกเขาเหมือนคนเป็นอัมพาตแม้ว่าพวกเขาจะมีความรู้เรื่องวิธีใช้สมบัติดวงดาวมากก็ตาม แต่ตราบเท่าที่พวกเขาถูกโจมตีสักครั้งพวกนักสู้ของสมาพันธ์ชาวยุทธก็เป็นเหมือนตุ๊กตาที่ถูกจับแยกชิ้นส่วน
เมอเรย์ไม่ประทับใจเลยแม้แต่น้อย
พลังสายเลือดมีมุมมองที่สดใสเป็นเรื่องยอดนิยมที่ทำตามกันเหมือนในภาพยนตร์ เมอเรย์ไม่เห็นด้วยที่จะทำเช่นนั้น แต่เขาไม่คิดว่าคนผู้ที่ไม่ได้เปิดพลังสายเลือดจะทำประโยชน์อะไรได้
ปุถุชนคนหนึ่งไม่มีทางทำอะไรได้สำเร็จ
คำพูดเช่นนั้น เมอเรย์ไม่ได้คิดขึ้นเอง เขารู้สึกว่าความคิดของเขาไร้สาระคนที่ไม่ได้เปิดพลังสายเลือดและมีพลังอยู่เพียงระดับห้า อย่างถังเทียนต้องย่ำแย่แน่นอน ปกติ เด็กหนุ่มวัยนี้จะต้องเปิดพลังสายเลือดไปแล้วแม้ว่าระดับของพวกเขาจะไม่สูงมากนักก็ตาม
จริงสิ เขาเป็นคนต่างถิ่นนี่นา...
เมอเรย์ได้แต่เพียงปลอบใจตนเองในเรื่องนี้ แต่เมื่อเขามองดูสายตาถังเทียน มันช่างสงบ เขามองดูคุณหนูผู้หน้าซีดด้วยความกลัว และรู้สึกเหมือนใจสลายกู้เสวี่ยกอดถังเทียนแน่น ใบหน้านางขาวซีดดวงตาคู่งามของนางเต็มไปด้วยความตกใจกลัว
เมอเรย์กำหมัดแน่น! เขาอาจต้องพึ่งพาตัวเอง!
ไซอา... ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าทำร้ายคุณหนู!
“ไปกันเถอะ!” เมอเรย์เปลี่ยนใจทันที “เราจะเข้าเมืองในคืนนี้!”
คนอื่นๆ ได้ยินแล้วพากันเก็บสัมภาระ
“คุณหนู, ขอโทษด้วย ท่านจะต้องลำบากเพิ่มอีกชั่วครู” เมอเรย์ให้กำลังใจกู้เสวี่ย
กู้เสวี่ยที่ยังรู้สึกกลัวในใจพยายามฝืนยิ้ม พูดทั้งที่ยังสั่น “ข้าไม่เป็นไร”
เขาเหลียวดูถังเทียนที่คุณหนูเกาะตัวเขาแน่นจนนิ้วของนางซีดขาว เมอเรย์มองถังเทียนและพูดกับเขา“ต้องขอโทษด้วย รบกวนน้องถังช่วยดูแลคุณหนูให้ด้วย”
ทุกคนเปลี่ยนท่าทีมุมมองต่อถังเทียน ถ้าไม่ใช่เพราะถังเทียนก่อนนั้น คุณหนูอาจถูกลักพาตัวไปแล้ว และนี่พิสูจน์ได้ว่าถังเทียนเป็นมิตรมิใช่ศัตรู
ถังเทียนรีบพยักหน้า “ไม่มีปัญหา!”
ถังเทียนมองดูตำแหน่งที่ไซอาหายไป ความกลัวในใจเขาจางหายไปและถูกแทนที่ด้วยความต้องการจะต่อสู้ทันทีมันแตกต่างกับการซ้อมมือกับยอดฝีมือแน่นอน
ความจริง ในใจของเขา ต้องการประมือกับฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะรู้ว่าพลังของเขายังไม่เพียงพอจะต่อกรกับไซอา แต่ความปรารถนานี้รุนแรงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
ถังเทียนระบายลมหายใจยาวเฮือกหนึ่ง นัยน์ตาของเด็กหนุ่มสงบทันที
ถังเทียน เจ้าต้องมีพลังยิ่งขึ้น!
ถังเทียน เจ้าต้องแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ถังเทียน เจ้าต้องเอาชนะไซอาให้ได้!
ในดวงตาที่สงบของเขาแฝงด้วยความแข็งแกร่งและมุ่งมั่น
เหมือนกับว่าหลังของเขาถูกหนอนที่ต้องการฆ่ารบกวนแต่มันอยู่ลึกขนาดนั้น ถังเทียนเริ่มคิดอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าเขาเผชิญหน้ากับไซอาในครั้งต่อไป เขาจะใช้วิธีใดรับมือกับมือสังหารชุดดำที่น่ากลัวนั้นได้?
“เจ้าต้องตกใจแน่เลย”บิลลี่มองดูถังเทียนถอนหายใจ และคิดว่าเขาคงเพิ่งจะเรียกสติกลับมาได้ เขาปลอบ “นับว่าเจ้าไม่เลวเลยนะสามารถหนีตายจากท่าสังหารของไซอาได้ เขาคือไซอา มือสังหารชุดดำที่มีชื่อที่สุดในดาวไพรมายา เจ้าไม่รู้หรอก เมื่อข้าเห็นเขา ใจข้าโหวงเหวงไปหมดเจ้ารู้ไหมอะไรเป็นสิ่งแรกที่ผ่านเข้ามาในใจข้าเมื่อข้ารู้สึกตัว? โอว..พระเจ้าเรายังรอดชีวิตอยู่จริงๆ ด้วย! พระเจ้าทรงโปรดเรา เราจะไม่มีทางได้พบกับเขาอีก”
“หุบปากน่า!บิลลี่!” เมอเรย์โวยวายไล่หลังทั้งสองคน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจกับความคิดของบิลลี่
บิลลี่ถึงกับแลบลิ้น
ถังเทียนยิ้ม เขาไม่เปิดเผยความคิดของตนเอง เขาไม่สนใจที่ถูกล้อเลียน แต่เขาจะไม่มีทางเปิดเผยความทะเยอทะยานและความมุ่งมั่นต่อหน้าใครๆ
แม้ว่าบิลลี่จะแดกดันก็ตาม แต่เขาก็ไม่ใช่คนเลว กู้เสวี่ยหัวเราะใบหน้าที่ตลกของบิลลี่
ใบหน้าที่งดงามและความกลัวของกู้เสวี่ยเต็มไปด้วยรอยยิ้มทันที นางเป็นคนงดงามที่สุด บิลลี่ถึงกับตะลึง
ถังเทียนก็ตะลึงเล็กน้อยเช่นกัน แต่เขาถูกบางอย่างดึงดูดความสนใจทันที
หยาหยา!
ตั้งแต่หยาหยากลืนแก่นพลังวิญญาณของงูภูตดวงดาว มันเข้าสู่สภาวะหลับลึกตอนนี้หยาหยาตื่นขึ้นกะทันหันและออกมาจากตู้อาวุธอวาเรียส พอออกมาได้ก็กระโจนขึ้นมาอยู่บนไหล่ของถังเทียน
ใบหน้าน้อยๆ ยังคงสะลึมสะลือ มันเอามือขยี้ตาจึงทำให้หน้าของมันบิดเบี้ยว
“ว้าว.. น่ารักจังเลย!” กู้เสวี่ยสนใจหยาหยาทันที
หยาหยายังครึ่งหลับครึ่งตื่นกลับตกใจเพราะเสียงอุทานของกู้เสวี่ย มันร้องตะโกนและกระโดดจากไหล่ขึ้นไปยืนอยู่บนหัวถังเทียน
มือข้างหนึ่งคว้าผมถังเทียนและอีกข้างหนึ่งถือธนูของมัน มันหมอบตัวลงเหมือนกับว่าอยู่ในสนามต่อสู้จ้องมองกู้เสวี่ย
กู้เสวี่ยตาเป็นประกาย สีหน้าของหยาหยาดูตลกโดยเฉพาะเมื่อมันกำลังหมอบลงและก้นของมันโด่งและส่ายขณะที่ตาจ้องมองกู้เสวี่ย
หยาหยาไม่ตอบรับแม้ว่ากู้เสวี่ยจะแสดงความเป็นมิตร นัยน์ตาน้อยๆของมันเหมือนถั่วเขียวจ้องกู้เสวี่ยเหมือนจะคุกคามนาง
ควั่บ
ถังเทียนรู้สึกเจ็บ ผมของเขาถูกหยาหยาถอนขึ้นมาทำให้เขารู้สึกเจ็บมาก เจ้าบัดซบนี่
เขาจับหยาหยาและถลึงตามอง และบีบมันแน่นนึกวิธีแก้แค้นมันที่มันทำกับเขา หยาหยาที่น่าสงสารถูกบีบแน่นเหมือนกับก้อนดินปั้น มันนิ่งแข็งไม่ทันได้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์เช่นนี้เลย
นี่ นี่ นี่ เป็นวิธีการปลุกของเจ้าหรือนี่?
“โอว.. ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณ” เมอเรย์มีความรู้พอ เมื่อเขาเห็นหยาหยา เมื่อเขาเห็นหยาหยา เขาก็รู้ได้ทันที
“ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณ? ดีไม่ใช่เหรอ?” นัยน์ตาของกู้เสวี่ยเป็นประกาย นางสนใจของเล็กๆ ที่น่ารักนางไม่เคยเห็นขุนพลวิญญาณที่น่ารักอย่างนั้นมาก่อน
“มันเป็นขุนพลวิญญาณระดับต่ำที่สุด” เมอเรย์เหลือกตาและพูดอย่างไม่ไยดี“ว่ากันในเรื่องความสำคัญ มันเป็นจิตวิญญาณพลังยุทธที่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างมีความปราดเปรียวมาก”
แน่นอนว่า คนต่างถิ่นผู้นี้ไม่คุ้มกับการฝากอนาคตข้างหน้าเลย
เมื่อเมอเรย์มองดูหยาหยา เขาก็ไม่ตั้งความหวังไว้กับถังเทียนอีกต่อไป ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณดันเป็นขุนพลวิญญาณระดับต่ำอย่างนั้น ไม่มีความคุ้มค่าอะไร ถังเทียนเลี้ยงขุนพลวิญญาณระดับต่ำอย่างนั้นเอาไว้ แม้ว่าตัวอ่อนขุนพลวิญญาณจะไม่ถูกจำกัดเวลาเหมือนกับขุนพลวิญญาณที่ถูกเรียกออกมาจากการ์ดวิญญาณ แต่พลังต่อสู้ของพวกมันแทบเป็นศูนย์ ไม่มีใครเลือกตัวอ่อนขุนพลวิญญาณออกมาเป็นผู้ช่วยในการต่อสู้จริงๆ แน่
แต่ เมื่อเห็นว่าถังเทียนช่วยชีวิตคุณหนูไว้ เขาจึงต้องพูดกับถังเทียนดีๆ
คนอื่นก็มองดูด้วนสายตาแปลกประหลาดเช่นกัน
ขุนพลวิญญาณที่ทรงพลังจะเป็นผู้ช่วยที่โดดเด่น แน่นอน นี่จำเป็นต้องใช้พลัง ขุนพลวิญญาณที่แข็งแกร่งย่อมดีกว่านั่นคือความจริง ตรงกันข้าม ขุนพลวิญญาณที่อ่อนแอโดยทั่วไปก็ต้องหมายความว่าคู่ต่อสู้ก็อ่อนแอเช่นกัน สมมติฐานนี้เหมาะสมกับสถานการณ์ส่วนใหญ่
ปุถุชนที่ยากไร้ยิ่งนัก
บิลลี่กระซิบ “ถังเทียน!นี่เป็นขุนพลวิญญาณที่ประหลาดที่สุดที่ข้าเคยเห็นมา”
“อย่างนั้นเหรอ?”ถังเทียนดูเหมือนไม่ได้สังเกตเห็นอารมณ์ขันล้อเลียนของบิลลี่ เขาพูดอย่างเรียบเฉย“แม้ว่าหยาหยาจะยังไม่แข็งแกร่งนัก แต่มันฉลาดมาก”
เขายังคงหรี่ตาขณะพูด
หยาหยาที่น่าสงสาร มันถูกลงโทษอีกครั้ง มันกรอกนัยน์ตาทำนองว่านี่ท่านจะไม่ชมข้าบ้างหรือ...
“มันชื่อหยาหยาเหรอ?” กู้เสวี่ยไม่ได้รู้สึกรำคาญ ต่อให้หยาหยาทรงพลังก็ตามในสายตานาง หยาหยาน่ารักมาก นางเหยียดแขนออกมาและถาม “ขอกอดได้ไหม?”
ถังเทียนส่งหยาหยาให้ในมือของกู้เสวี่ยอย่างไม่เต็มใจนัก “ระวังนะมันดุอยู่บ้าง”
มันไม่ดุแม้แต่น้อย..
หยาหยาพอหลุดจากมือมารร้ายได้ ก็กระโดดกอดนิ้วกู้เสวี่ยแน่นเหมือนกับหมีโคอาลา
กู้เสวี่ยตื่นเต้น นางอุ้มหยาหยาด้วยความระมัดระวังด้วยความรู้สึกรักมัน
ถังเทียนถลึงตามองหยาหยา เจ้าตัวแสบน้อย ข้าจะคิดบัญชีเจ้าในภายหลัง บังอาจถอนผมข้า เจ้าตายแน่
หยาหยากระโดดกอดนิ้วกู้เสวี่ยแน่น
“ดูสิ! นั่นคือเมืองเฮยซาน”
ทันใดนั้น บิลลี่โห่ร้องขัดจังหวะถังเทียน
ถังเทียนและคนอื่นผ่านภูเขาไปได้ครึ่งทาง ที่ใต้เท้าของพวกเขาเป็นถนนโค้ง ถ้าหากพวกเขามองไกลออกไปที่เบื้องล่างเป็นประกายดูรุ่งเรืองเหมือนกับอสูรยักษ์ มันหมอบนิ่งเงียบอยู่ในความมืด