ตอนที่ 131 มือสังหารชุดดำ
"พอได้แล้วบิลลี่, เจ้าเสร็จงานแล้วหรือ? บุรุษวัยกลางคนหันไปสอนเขา "เขาไม่ใช่คนขององค์การวิญญาณมืดเขาไม่มีพลังสายเลือด เป็นแค่คนธรรมดา เขาเป็นนักสู้ระดับห้า สำหรับวัยขนาดนี้ถือว่าดีพอแล้วเจ้าได้ระดับห้าตอนวัยขนาดไหนล่ะ?"
เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินเช่นนี้ พวกเขารู้สึกละอาย
"พ่อหนุ่ม, เรากำลังจะกลับเมืองเฮยซาน ถ้าเจ้ายินดีจะตามเรามา จะตามมาก็ได้" บุรุษวัยกลางคนมองดูถังเทียนเขาพูดจริงจังว่า "อย่างไรก็ตาม ข้าต้องเตือนเจ้าไว้ การเดินทางของเราไม่ปลอดภัย เจ้าต้องดูแลตัวเอง ถ้าเจ้าตกอยู่ในอันตรายจะไม่มีผู้ใดช่วยเจ้า"
"ข้าจะดูแลตัวเองให้ดีเชียว" ถังเทียนชูมือแสดงความเห็น
"ดีแล้ว" บุรุษวัยกลางคนไม่อ้อมค้อม เขาส่งเสียงดัง "ทุกคนเก็บสัมภาระเตรียมตัวไปกันได้ เราต้องไปให้ถึงเมืองไป๋สุ่ยโกวในคืนพรุ่งนี้รักษาเวลาด้วย"
บุรุษวัยกลางคนหันมามองดูเด็กสาวอย่างกังวล "คุณหนู, ข้าต้องขอโทษด้วย ท่านต้องไปอย่างนี้ตลอดทาง"
"ลุงเมอเรย์, ไม่ต้องห่วงข้า" เด็กสาวมีท่าทางว่าง่าย นางพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า"ข้าเป็นสามสุดยอดในโรงเรียนของข้านะ"
เมอเรย์มีท่าทีสบายใจ เขาพยักหน้าและไม่พูดอะไรอื่น
เขาพึงพอใจกับความสามารถของคุณหนู ในการเดินทาง เส้นทางก็ยากลำบาก เป็นเรื่องปกติที่เขากับคนของเขาชินแล้วแต่คาดไม่ถึงเลยว่าคุณหนูผู้ถือช้อนเงินช้อนทองมาเกิดไม่ได้ร้องอุทธรณ์แม้สักคำทุกคนนับถือนางในเรื่องนี้
"ไปกันเถอะ" เมอเรย์แสดงความรวดเร็วและเด็ดขาดของเขา
เขาเดินนำเข้าป่าทึบด้วยตนเอง
แม้ว่าเมอเรย์ได้เตือนเขาไว้ก่อนแล้ว แต่ทุกคนปฏิบัติตัวต่อถังเทียนอย่างย่ำแย่ ก็น่าประทับใจอยู่หรอกที่มีพลังยุทธระดับห้าในวัยขนาดนั้น แต่ในเมืองเฮยซานเด็กหนุ่มที่พอมีชื่อเสียงอยู่บ้างก็ทำได้เช่นกัน และชายหนุ่มทั้งหมดนี้เปิดใช้พลังสายเลือดสองถึงสามรูปแบบแล้ว
คนธรรมดาจะดูหมิ่นเขาในทุกที่ที่เขาไป
ในทางตรงกันข้าม คุณหนูนางนี้สงสัยเกี่ยวกับถังเทียน นางไม่เคยเห็นคนต่างด้าวมาก่อน"หวัดดี ข้าชื่อกู้เสวี่ย"
ถังเทียนยิ้มและพยายามปั้นรอยยิ้มให้ดูเป็นกันเองเท่าที่ทำได้ "หวัดดี, ข้าชื่อถังเทียน"
"เจ้ายังเรียนอยู่หรือเปล่า, ถังเทียน?" กู้เสวี่ยมีตาคู่งามสีน้ำตาลแดงและมีผิวขาวราวหิมะนางมีจมูกโด่งใบหน้ากลมมน รูปร่างนางสมส่วน
"ไม่ได้เรียนแล้ว" ถังเทียนสั่นศีรษะ"ข้าออกมาจากโรงเรียนได้ครึ่งปีแล้ว แล้วเจ้าเล่า? ยังเรียนอยู่หรือเปล่า?"
"อืม.. อีกปีเดียวข้าจะจบการศึกษาแล้ว ข้าอิจฉาเจ้าจริงๆ อายุน้อยขนาดนั้น เจ้าก็ออกไปผจญภัยได้เสียแล้ว"กู้เสวี่ยนัยน์ตาเป็นประกาย
ถังเทียนส่ายหน้า "เป็นเรื่องลำบากที่จะออกไปผจญภัย"
"งั้นเจ้าเสียใจหรือ?" กู้เสวี่ยถาม
ถังเทียนตะลึง เขาสั่นศีรษะ"ไม่เลย แม้ว่าจะลำบาก แต่ข้าก็ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างและได้ทำอะไรหลายอย่าง ที่ข้าต้องการทำเสมอ ข้ามีความสุขมาก"
กู้เสวี่ยประหลาดใจเล็กน้อยกับคำตอบของเขา นางไม่รู้สึกตัวพึมพำออกมาว่า"นั่นดีมากเลย"
เมอเรย์สังเกตอารมณ์ของนางและพูด"มันอันตรายที่จะออกไปผจญภัยข้างนอก เจ้าอาจจะเสียชีวิตก็ได้"
กู้เสวี่ยเม้มริมฝีปาก "มันปลอดภัยที่สุดถ้านอนอยู่บนเตียงในบ้านทั้งวัน"
ถังเทียนยิ้มและหัวเราะ
เมอเรย์ไม่สบายใจ เขาหันควั่บมองดูถังเทียน "พ่อหนุ่ม, เจ้าเดินทางมากี่ที่แล้ว? เจ้าคิดว่าเจ้าผ่านโลกมามากแค่ไหน? โลกข้างนอกซับซ้อนมากกว่าที่เจ้าคิด ตัวอย่างเช่นถ้าเจ้าได้พบคนกลุ่มอื่นแทนที่จะเป็นพวกเรา เจ้าคงได้ตายไปแล้ว"
"บางทีท่านอาจจะถูกก็ได้" ถังเทียนสลายยิ้มทันทีและพูดอย่างจริงจัง"แต่มีบางสิ่ง บางภาพ ที่ท่านได้พยายามทุกวิธีเพื่อมองหามันในโลก ถ้าท่านไม่ไปคว้ามันหรือหาดูท่านจะรู้สึกเสียใจกับชีวิตที่เหลือของท่าน"
หัวใจของเมอเรย์ตื่นเต้นเล็กน้อย จากนั้นเขาคำรามเบาๆ "เพ้อเจ้อ!"
ถังเทียนไม่ได้คัดค้าน เขาแค่เบ้หน้าใส่กู้เสวี่ยเท่านั้น
กู้เสวี่ยปิดปากหัวเราะคิกคัก
เขาเดินในป่าด้วยความเร็วที่น่าตระหนก ผู้คุ้มกันทุกคนมีประสบการณ์ พวกเขารู้ที่สำหรับตั้งแคมป์และวิธีหลบเลี่ยงอสูรดวงดาวนับว่าช่วยเปิดหูเปิดตาถังเทียน
ถังเทียนและกู้เสวี่ยคุยกันเกือบตลอดดูเหมือนว่ากู้เสวี่ยจะสนใจการผจญภัยของเขา แต่เมอเรย์เตือนทำให้ถังเทียนต้องเก็บงำเรื่องของเขาไว้
ถังเทียนเลียบเคียงถามเกี่ยวกับสถานการณ์ในดาวไพรมายาและในที่สุดก็เข้าใจเหตุผลที่เมื่อเขาพูดว่าเขาต้องการออกไปจากดาวไพรมายาและทุกคนพากันหัวเราะเยาะเขา
ดาวไพรมายาอยู่ในการปกครองขององค์การวิญญาณมืด แม้จะไม่แข็งแกร่งแต่กฎระเบียบของที่นี่เข้มงวด จะออกจากดาวไพรมายาได้ มีข้อจำกัดเข้มงวดมากมายหนึ่งในนั้นที่จำกัดมากที่สุดก็คือจำกัดจำนวนคน
และจำนวนที่จำกัดนี้กลายเป็นสิ่งที่ต้องต่อสู้แย่งชิงกันในดาวดวงนี้มากที่สุด
ถังเทียนถึงกับงงเมื่อได้ทราบข่าวนี้
เขามักคิดเสมอว่า การเข้าและออกจากดาวดวงหนึ่งทั้งหมดที่ต้องใช้ก็คือเงิน ถ้าใครอยากจะจากไป พวกเขาก็สามารถไปได้ สำหรับถังเทียน นี่นับเป็นข่าวร้าย
ถังเทียนยิ่งตกใจเมื่อพบว่าทัศนคติของกู้เสวี่ยและเมอเรย์ที่มีต่อสมาพันธ์ชาวยุทธ พวกเขาไม่ประทับใจ แน่นอนว่า นั่นเป็นสิ่งที่ถังเทียนคิด ที่สำคัญคือเขาไม่กล้าเปิดเผยว่าเขามาจากสมาพันธ์ชาวยุทธ
ท้องฟ้ามืดและหน้าของทุกคนเคร่งเครียดยิ่งขึ้น พวกเขาเร่งความเร็ว
ถังเทียนและกู้เสวี่ยสามารถรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในบรรยากาศ ทั้งสองคนหยุดคุยและตั้งใจทันที ถังเทียนระมัดระวังตัวขึ้นเขาสามารถรู้สึกได้ถึงปราณอันตราย เมอเรย์ที่ลอบสังเกตถังเทียนถึงกับตกใจกับความรู้สึกที่ว่องไวของถังเทียน
เมอเรย์คอยสังเกตถังเทียนในความมืด
เขาไม่สามารถมองเห็นประวัติของถังเทียน แต่เขาสามารถเข้ามาที่ดาวไพรมายาจากประตูดวงดาวที่ไหนก็ไม่ทราบ เขาดูแล้วไม่ธรรมดา สำหรับตระกูลกู้แล้ว ตัวแปรที่จู่ๆก็โผล่มาอย่างนั้นเป็นเรื่องที่ดี
ในที่สุดยามฟ้ามืดค่ำแล้ว เมื่อไป๋สุ่ยโกว (ทางน้ำขาว) ก็ปรากฏอยู่ต่อหน้าพวกเขา
ทางน้ำบนยอดเนินเล็กๆ แห่งนี้มีความพิเศษมากมีขนาดกว้างประมาณหนึ่งเมตรและดินโคลนด้านนอกทางน้ำเป็นสีดำทั้งหมด แต่ในทางน้ำกลับขาวราวหิมะไปหมด นับว่าสะดุดตาเป็นพิเศษ
"ในที่สุดเรามาถึงไป๋สุ่ยโกว (ทางน้ำขาว) เมืองเฮยซานตอนนี้อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก พวกอสูรดวงดาวไม่กล้าออกมาใกล้ไป๋สุ่ยโกว"
ถังเทียนเดินไปที่ทางน้ำด้วยความสงสัย เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสิ่งที่พิเศษเช่นนั้น ดินทั้งหมดภายในทางน้ำเป็นสีขาวราวหิมะ เขากอบดินเต็มมือและมันเหมือนกับหิมะ
แม้ว่าพวกผู้คุ้มกันจะยังระมัดระวังก็ตาม แต่สีหน้าของพวกเขาผ่อนคลายขึ้นมากแล้วในตนนี้ พวกเขาทุกคนเหน็ดเหนื่อยจากการต่อสู้และการเดินทางที่ยาวนานตลอดทั้งวัน
แม้แต่กู้เสวี่ยก็ยังยิ้ม ทางน้ำขาวอยู่ใกล้เมืองเฮยซานมากนักสู้หลายคนปรากฏตัวที่นี่ไม่มีใครกล้าลอบทำร้าย
กู้เสวี่ยสามารถบอกได้ว่าถังเทียนทึ่งกับทางน้ำสีขาว นางอธิบายให้เขาฟัง"วัตถุสีขาวในทางน้ำขาวเป็นทรายที่ขาวเหมือนหิมะ ไม่มีการใช้งานที่ชัดเจน แต่สัตว์ป่าและอสูรดวงดาวไม่ชอบมัน ดังนั้นทุกคนชอบมาเก็บทรายจากที่นี่เพื่อเอาไปขายในเมืองจากนั้นพวกเขาจะเอาไปโปรยด้านนอกของรั้วและประตูเพื่อความไม่ประมาท"
ถังเทียนตื่นตัวทันที
หลังจากผ่านการต่อสู้ถึงสองร้อยเก้าสิบสามครั้ง เขาจะตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
เขาปราดเปรียวเหมือนเสือดาวและเขามองไปที่ทรายเหมือนหิมะที่พุ่งกระจายออก
กู้เสวี่ยรู้สึกแต่เพียงว่าการมองของนางดับมืดลงและร่างๆหนึ่งโถมเข้ามาบดบังการมองของนาง แต่ก่อนที่นางจะทันรู้ตัวนางก็ถูกถังเทียนผลักล้มเสียแล้ว
นางกรีดร้อง
คมกระบี่บางเหมือนงูฉกกระทบใส่เครื่องประดับบนศีรษะนาง อันตรายเฉียดผ่านศีรษะนางไป นางไม่มีเวลาได้ทันตั้งตัวรู้สึกแต่เพียงว่าโลกหมุนและตัวนางกลิ้งไปตามพื้นทันที
การผลักครั้งนี้ไวกว่าอะไรอื่น ถังเทียนกอดกู้เสวี่ยกลิ้งไปตามทางน้ำทรายขาว
"ว้าย!"
เสียงหึ่งเบาๆ ดังอยู่ในอากาศที่เบาบาง
เมอเรย์และผู้คุ้มกันแผดเสียงลั่น แต่ไม่ได้ให้ความรู้สึกปลอดภัยกับถังเทียนแสงเบาบางนั้นลอยอยู่ในอากาศและดูเหมือนจะระเบิดออกอยู่ข้างหูของถังเทียน
ถังเทียนรู้สึกผมลุกตั้งชัน
เขาก้าวเท้าขวาอย่างหนักโดยไม่ต้องคิดและก้าวไปข้างหน้าทั้งที่ยังกอดกู้เสวี่ยไว้ จากนั้นใช้เท้าซ้ายที่แฝงพลังมังกรฟ้ากดลงไปในทรายสีขาวปัง! ทรายระเบิดพุ่งกระจายอยู่ด้านหลังของเขา มองดูเหมือนภาพที่มีหิมะตก
เขาหวังว่าจะบดบังการมองเห็นของศัตรู
รัศมีดำพุ่งผ่านทรายหิมะ
เกือบขณะเดียวกัน ถังเทียนรู้สึกได้ถึงอันตราย เขาใช้ฝ่ามือขวาตบที่พื้นยืมพลังนี้เพื่อหลบไปด้านข้างอย่างสุดกำลัง
ฉึก!
เสียงบางเบาดังขึ้นทำลายความเงียบ รังสีพลังงานที่มิอาจต่อต้านพุ่งขวางผ่านถังเทียนไปอย่างรวดเร็วหลุมขนาดหัวแม่มือปรากฏอยู่บนพื้นโดยไม่มีเสียง
ปัง!
เสียงกระแทกดังขึ้นมาจากด้านหลังของถังเทียน ขณะเดียวกันก็มีเสียงตะโกนของเมอเรย์
ถังเทียนฉวยโอกาสนี้วิ่งไปหาเขาพร้อมกับกู้เสวี่ยในอ้อมแขนเขาเร่งออกไปสองสามก้าวก่อนจะหยุด
และชั่วขณะนี้ ความรู้สึกของถังเทียนกลับมาสู่ความเป็นจริง ความรู้สึกกลัวเข้าครอบงำใจเขาทำให้เขาเข่าอ่อน หัวใจเต้นแรง หน้าซีด เขาเพิ่งเฉียดตายมาหยกๆเพียงแค่นิดเดียวเขาอาจจะสูญเสียชีวิตไปแล้ว
ช่างเป็นนักฆ่าที่น่ากลัว!
ถังเทียนกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ขณะที่เขามองภาพข้างหน้า
มือสังหารในชุดดำหน้ากากขาว เขาคลุมตัวอยู่ในชุดสีดำ ทุกครั้งที่เขาชักกระบี่บางของเขาออกและแทงใส่เมอเรย์ต้องเข้าต่อสู้
แข็งแกร่งทรงพลัง!
ถังเทียนมองดูอย่างพูดอะไรไม่ออก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นมือสังหารที่ใช้วิธีการเช่นนั้น เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นกระบี่เบาบาง กระบี่แบบนั้นไม่ใช่ดาบมันถูกใช้เพียงอย่างเดียว คือแทง
พลังทิ่มแทงของมือสังหารที่อยู่ต่อหน้าเขาผู้นี้หมดจดและแม่นยำ
เมอเรย์ตวาดต่อเนื่อง ฝ่ามือทั้งสองของเขามีรัศมีเงินหุ้ม ร่างของเขามีรัศมีครอบคลุม เขามองดูเหมือนเทพเจ้าจุติลงมากระบวนท่าของเขาโอ่อ่าและเหี้ยมหาญ ผู้คุ้มกันอื่นๆ ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน พวกเขาคล้ายกับเหลียงชิว
แต่มือสังหารชุดดำยังสุดยอด เขาได้เปรียบมากกว่า
มือสังหารชุดดำเคลื่อนร่างได้ไว มิอาจคาดคำนวณได้ แต่ละท่วงท่าดูง่ายดายและเบา แม้แต่กระบี่ของเขา เมื่อเขาควงกระบี่กลับไม่มีเสียงแม้แต่น้อย มันลอยละล่องแผ่วเบาขณะที่แทงออกนั่นทำให้เมอเรย์และคนอื่นแพ้
เพราะเป็นครั้งแรก ถังเทียนดูขณะที่คนอื่นสู้ หัวใจของเขาถึงกับเย็นเฉียบ
มือสังหารชุดดำเหมือนกับหมอกในความมืด แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกันเขา และเขาก็คาดเดาไม่ได้ด้วย
แข็งแกร่งทรงพลังมาก
ถังเทียนพึมพำกับตนเอง
ทันใดนั้นนักฆ่าชุดดำปัดป่ายกระบี่ของเขาไม่กี่ครั้งในความมืดกระบี่วาดเป็นรังสีดำสองสามสาย ติง ติง ติง เมอเรย์และพวกรู้สึกร้อนที่มือของพวกเขา พลังประหลาดชำแรกเข้ามาทำให้พวกเขาต้องถอยหลังไปหลายก้าว
มือสังหารชุดดำเคลื่อนตัวก้าวออกไปจากวงต่อสู้อย่างง่ายดาย
เขาหันหน้าที่สวมหน้ากากขาวและมองมาที่ตำแหน่งซึ่งถังเทียนอยู่ กางแขนทั้งสองเหมือนนกฮูกจากนั้นหายเข้าไปในป่า
"อย่าไล่ตาม!"เมอเรย์ตะโกน หน้าของเขามีร่องรอยว่ากลัว ผู้คุ้มกันคนอื่นๆ ทิ้งตัวลงกับพื้น หน้าตาแต่ละคนรู้สึกเจ็บปวดกับเรื่องราวที่เพิ่งเกิดเหมือนกับว่าพวกเขาถูกปล้น
หัวใจของถังเทียนเย็นเฉียบสัญชาตญาณของเขาว่องไวและอ่อนไหว การมองของนักฆ่าชุดดำก่อนจะจากไปนั้นเป็นการทำกับเขาโดยเฉพาะ