ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0112
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0114

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0113


บทที่ 36 ผู้หยั่งรู้, มาเยือน (2)

* * *

หลังจากง้างคันธนู ฉันเพ่งสมาธิและมองไปรอบๆ

มีสัตว์ร้ายกระโดดข้ามกำแพงหมู่บ้านมาไหม?

ไม่มี เห็นแล้วค่อยโล่งใจ

หมายความว่าตอนนี้ แค่คอยป้องกันทางเข้าที่เต็มไปด้วยสิ่งกีดขวางก็พอ

ถ้ามีอะไรเพิ่มเติม ผู้สังเกตการณ์บนหอคอยคงรายงานความคืบหน้าได้ทันท่วงที

มองกลับไปด้านหลัง เถาวัลย์ที่ถูกฟันเลือดกระเซ็นส่งเสียงครวญครางพลางหนีลงใต้ดิน

เถาวัลย์คือพืชกินเนื้อที่ล่าเหยื่อโดยการตรวจจับฝีก้าวของสิ่งมีชีวิต

แม้ฉันจะรู้วิธีจัดการ แต่ปัญหาคือพืชดังกล่าวอาจแผ่รากเข้ามาในเขตหมู่บ้าน

“ท่านไม่ต้องห่วง! พวกเราประกอบพิธีกรรมเอลฟ์ไว้แล้ว มันเข้ามาในเขตแดนไม่ได้!”

นักบวชที่อ่านความคิดฉันออกตะโกนขึ้น

ฉันไม่แน่ใจว่าพิธีกรรมเอลฟ์คืออะไร แต่คำนึงจากท่าทีโอ้อวด จะลองเชื่อใจดูก็แล้วกัน

หลังจากประเมินเบื้องต้นเสร็จ ฉันปล่อยมือจากสายธนู

ฟุ่บ!

เนื่องจากส่วนหัวลูกศรมีน้ำหนักมาก จึงขาดความแม่นยำไปพอสมควร

แต่ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะเป้าหมายมีแค่ยิงให้โดนสิ่งกีดขวาง

ลูกศรพุ่งชนกองซากปรักหักพัง

เพล้ง!

ขวดแก้วสามใบแตกพร้อมกัน สารประกอบผสมปนเปและพ่นควันประหลาด

สารประกอบเหล่านี้จะไม่ทำปฏิกิริยาหากอยู่แยกกัน

แต่เมื่อทั้งสามผสมผสาน โมเลกุลจะแตกตัวอย่างรวดเร็ว

“สารเคมีที่ป่าหลั่งออกมา เพื่อละลายศพเหยื่อและดูดซับเป็นสารอาหาร”

สารเหล่านี้ถูกสกัดด้วยขั้นตอนที่ซับซ้อนจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้

เศษไม้และฟางละลายกลายเป็นของเหลวเหนียว

จากนั้นก็ลุกลามละลายของแข็งโดยรอบ จนเกิดเป็นแอ่งน้ำเหนียวข้นที่ส่งกลิ่นไม่น่าอภิรมย์

“อึก…”

ลิลี่ก้าวถอยหลังด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว

“อุก… กลิ่น”

“กลิ่นไม่พึงประสงค์สามารถขับไล่สิ่งมีชีวิตได้ทุกชนิด ส่งผลให้สัตว์ร้ายไร้สติปัญญาไม่กล้าลงมือบุ่มบ่าม”

ความกลัวจากความไม่รู้จะสร้างผลกระทบทางใจได้ดีที่สุด

เมื่อควบคุมเหยื่อได้สมบูรณ์ หลังจากนั้นจะชักนำสถานการณ์ไปยังทิศทางใดก็ได้

สัตว์ป่าที่เหยียบลงบนของเหลวเหนียวข้นชะงักและลังเลทันที

นักบวชเอลฟ์ไม่พลาดโอกาส

“ทุกคนลุย!”

“โจมตี—!”

ชาวบ้านก้าวไปข้างหน้าโดยยังรักษาค่ายกลไว้ ปลายหอกเล็งไปทางศัตรู

ตอนนี้ไม่เหลือที่ว่างให้สัตว์ร้ายกระโดดข้ามแอ่งของเหลวเข้ามา ปลายหอกจ่อติดอยู่กับจุดสิ้นสุดของแอ่งน้ำ

“โฮกกกก!”

สัตว์ร้ายบางตัวที่ถูกด้านหลังผลักออกมา ล้วนถูกคมหอกเสียบตายคาที่

เมื่อความฮึกเหิมจบลง ระลอกการบุกก็ถึงคราวสิ้นสุด

ไม่สิ นั่นก็แค่ความคิดของฉัน

“ระลอกที่สองมาแล้ว!”

“ระลอกที่สอง?”

ชาวบ้านแสดงสีหน้าเหนื่อยหน่าย มีเพียงนักบวชยังคงสุขุม

“หยุดมันไว้! ต้านมันให้อยู่!”

“ยกปลายหอกขึ้น! มีสมาธิหน่อยเจ้าพวกบ้า!”

ฉันเองก็ตั้งท่าถือมีด ในใจอยากแหวกกลุ่มชาวบ้านออกไปจัดการ แต่การทำแบบนั้นจะส่งผลให้ค่ายกลแตก

นักบวชฉวยโอกาสวิ่งมาหาฉัน

“ท่านคนบ้า! ข้าเชื่อในวิวรณ์! จะรีบรายงานสถานการณ์เดี๋ยวนี้… หมู่บ้านของเรากำลังถูกจู่โจมโดยสิ่งมีชีวิตในป่าใกล้เคียง และต้นตอของปัญหาก็คือ…”

“สปริกแกน”

นักบวชชะงักคำพูด

ฉันพูดต่อพลางขยายประสาทสัมผัสออกไป

“ภูตชีวิต สปริกแกนเกิดคลุ้มคลั่งอย่างไร้เหตุผลสินะ”

“ใช่ขอรับ”

“เมื่อคลุ้มคลั่ง สปริกแกนมีนิสัยชอบโจมตีสิ่งมีชีวิตทรงปัญญา”

“…”

“หรือที่พวกนายเรียกว่าลูกหลานของเทพนั่นแหละ เหตุผลไม่ซับซ้อน สิ่งมีชีวิตทรงปัญญาจะควบคุมไม่ได้ สปริกแกนจึงมองว่าเป็นศัตรู”

กริ๊ก!

อัญมณีสีน้ำเงินเข้มถูกดึงออกจากเข็มชี้ทองคำและเปลี่ยนเป็นแหวน

ชายหนุ่มนำมาสวมนิ้วเหมือนทุกครั้ง

“เพราะมันควบคุมพวกนายไม่ได้ ก็เลยมองว่าเป็นศัตรู”

“ท่านทราบได้ยังไง? มนุษย์… เอ่อ.. ต้องขออภัยด้วย! ขอโทษที่บังอาจสงสัยท่านคนบ้า!”

สวมแหวนเสร็จ ฉันยังคงมองตรงไปข้างหน้า

เวลาเดียวกัน เสียงประหลาดดังขึ้น

ฟังดูเหมือนเสียงของปีก

สมาธิของฉันจดจ่ออยู่กับเสียงคำรามและฝีก้าวของสัตว์ร้าย

ท่ามกลางเสียงเหล่านั้น เสียงกระพือปีกเริ่มดังชัดเจน

และแล้ว พระเอกก็ปรากฏตัว

“ชี๊—!”

สัตว์ร้ายตัวใหญ่ที่เหมือนลูกผสมกระรอกกับไฮยีน่า โดยรวมดูคล้ายนกมีเกล็ด บินข้ามแอ่งของเหลวเข้ามาด้วยความเร็วสูง เพียงไม่นานก็เข้าใกล้กลุ่มชาวบ้าน

วินาทีดังกล่าว ลิลี่จับมีดกลับด้านพร้อมกับพุ่งตัวไปข้างหน้าด้วยความคล่องแคล่ว ไม่คิดจะแยแสหมวกของตนที่ตกลงพื้น

และ

“หือ…!”

ชาวบ้านที่ยืนถือหอกต่างพากันฉงน

ไม่ได้ตกใจเพราะกระรอกบิน สัตว์เลื้อยคลาน หรือสัตว์ประหลาด แต่เพราะลิลี่กำลังย่ำเท้าไปตามปลายหอกด้วยร่างกายเบาหวิว

ไม่มีทางที่คมหอกจะไม่สะทกสะท้านกับน้ำหนักตัวลิลี่ แต่ย่างก้าวอันนุ่มนวลทำให้ปลายหอกถูกกดลงมาเพียงเล็กน้อย

ส่งผลให้ลิลี่กำลังพุ่งตัวไปในระนาบเดียวกับกระรอกบิน

ฉัวะ—!

ปีกของสัตว์ร้ายฉีกขาดเป็นแนวยาวจากการจู่โจมที่ดูไม่เหมือนการจู่โจม แต่คล้ายกับกายกรรมมากกว่า ร่างของอสุรกายเสียสมดุลจนร่วงหล่นกระแทกพื้น

ฉึก!

ฉันปักมีดลงไปเพื่อตัดหลอดเลือดแดง

สัตว์ร้ายที่มีหัว จะมีหลอดเลือดแดงอยู่ตรงด้านหน้าลำคอเสมอ

“ไม่สิ ไม่เสมอไป”

ที่นี่คือต่างโลก ยากที่จะด่วนสรุป

“โฮ่…”

ใครบางคนส่งเสียงอุทานจากด้านหลัง

ดูคล้ายชาวโลก เพศชาย ผมยาวมัดหางม้า

หน้าตายังดูเด็กมาก ฮาวนด์รึเปล่านะ?

หลังจากชำเลืองเล็กน้อย ฉันหันกลับมามองตรง

สิ่งกีดขวางถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง ระลอกการบุกของสัตว์ป่ายังคงสร้างความเสียหายแก่หมู่บ้าน

คราวนี้ฉันสัมผัสถึงแรงสะเทือนจากใต้ดิน

ตุ่นอีกแล้ว? จะบ้าตาย

ทันใดนั้น ฉันได้ยินเสียงอันน่าทึ่ง

“ทัลเลธบันTallethban”

เถาวัลย์ที่กำลังผงาดหัวขึ้นจากดินชะงักไปทันที

จากนั้น ฉันหันไปเห็นใบหน้าที่ไม่รู้จัก

“ถ้าระบุตำแหน่งของภูตชีวิตที่ก่อเรื่องไม่ได้ สถานการณ์มีแต่จะยิ่งแย่ลง!”

เด็กหนุ่มผู้ไม่ใช่ทั้งเอลฟ์และคนแคระ

ไม่สิ การที่สวมชุดคลุมสีดำ ย่อมต้องไม่ใช่คนของหมู่บ้านนี้อยู่แล้ว

ดวงตาที่มีวงกลมสีดำคล้ำ มองมาทางฉันด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน

จากนั้นก็เดินกะเผลกเข้ามาใกล้

“เจ้าคือผู้หยั่งรู้ที่ชาวบ้านกล่าวถึง?”

ฉันพยักหน้าให้กับคำถามของเด็กหนุ่มชุดคลุมดำ

“ถึงจะไม่รู้ว่าผู้หยั่งรู้คืออะไร แต่ก็ขอบคุณที่มาทันเวลา”

“นายเป็นใคร”

“นักค้นคว้าภาคสนามที่ถูกส่งมาจากชายแดนทิศใต้”

“จอมเวท?”

อีกฝ่ายพยักหน้ารับ

แต่ภาษารูนที่ใช้นั้นไม่ธรรมดาเลย

“ข้าถูกส่งมาเพื่อเตือนภัยเกี่ยวกับสถานการณ์ผิดปกติของทิศใต้ แต่ดูเหมือนจะสายเกินไป”

ดวงตาจอมเวทเผยความรู้สึกผิด

“ปัญหานี้เกิดจากสปริกแกนใกล้ๆ กำลังคลุ้มคลั่ง ไม่ใช่วิกฤติที่จะแก้ได้ ควรละทิ้งหมู่บ้านและคิดเรื่องการอพยพจะดีกว่า”

จากนั้นก็มองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าลำบากใจ

“ถ้าเจ้าคือผู้หยั่งรู้ ได้โปรดโน้มน้าวชาวบ้านด้วย พวกเขาไม่ฟังข้าเลย”

“เอลฟ์จะไม่ละทิ้งบ้านเกิด! เจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม!”

นึกแล้วว่าต้องพูดแบบนี้

แล้วเราควรทำยังไงต่อ?

“…ฉันไม่คิดจะออกคำสั่งแบบนั้น”

จอมเวทแสดงท่าทีลำบากใจ

หากมองจากมุมนี้ ถ้าเพ่งดีๆ จะเห็นว่าเขาเหมือนศพมาก

* * *

จอห์นนี่ จอมเวทผู้ศึกษาเกี่ยวกับความตายอย่างจริงจังซึ่งประจำการอยู่ชายแดนทิศใต้ รู้สึกประหนึ่งสมองหยุดทำงานไปชั่วขณะ

บุคคลตรงหน้าเป็นมนุษย์อย่างไม่ต้องสงสัย ค่อนข้างน่าประหลาดใจที่ชาวบ้านเรียกขานมนุษย์ว่าผู้หยั่งรู้

มนุษย์คือเผ่าพันธุ์ที่พบเห็นได้ยากทางภาคใต้ของจักรวรรดิ

แต่การพบเห็นได้ยากมิได้หมายถึงความยิ่งใหญ่ มนุษย์คือเผ่าที่ปราศจากความรุ่งโรจน์ หรืออย่างน้อยก็จนถึงปัจจุบัน

จอห์นนี่ค่อนข้างผิดหวัง แต่นักค้นคว้าจะไม่ตัดสินทุกสิ่งจากตาเห็น

เขาจึงระมัดระวังคำพูดอย่างมาก กล่าวเฉพาะสิ่งจำเป็น

“เอ่อ… สถานการณ์ค่อนข้างเร่งด่วน ข้าจะเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน พวกเราไม่มีทางระบุตำแหน่งของสปริกแกนตัวนี้ได้”

“ไม่มีทาง?”

“ใช่ ใต้ดินเต็มไปด้วยพลังธรรมชาติ สปริกแกนสามารถอยู่ได้ทุกที่ อีกฝ่ายลงมือโดยไม่ต้องโผล่ขึ้นมาบนพื้นดินด้วยซ้ำ”

ฟังกันอยู่รึเปล่านะ?

มนุษย์เพศชายเอาแต่มองไปทางสัตว์ร้ายที่บุกเข้ามาจากประตูหน้า

“ขอบเขตการลงมือกว้างเกินไป โดยเฉพาะภูมิประเทศแอ่งน้ำแบบนี้ ต่อให้ระบุพิกัดได้แม่นยำ แต่ก็คงไม่มีทาง…”

“ทัลเลธบัน Tallethban”

จอห์นนี่หยุดหายใจไปชั่วขณะ

มนุษย์ชายตรงหน้าเหยียดแขนออกไปพร้อมกับเปล่งภาษารูน

ลำพังมนุษย์ใช้รูนได้ก็น่าทึ่งมากแล้ว แต่จอห์นนี่กำลังตกตะลึงยิ่งกว่านั้น

รูนที่เริ่มด้วยคำว่า ‘ทัล’ ซึ่งแปลว่าความมืด จะใช้แค่ในสำนักจอมเวทที่ศึกษาเกี่ยวกับความตาย

“…ข้าไม่ได้หูฝาดใช่ไหม”

มนุษย์คนนี้ไม่มีทางรู้จักรูนตระกูล ‘ทัล’ แน่นอน เพราะดูแล้วไม่ได้มีพื้นเพจากทางใต้

ดังนั้นจึงเหลือเพียงสมมติฐานเดียว

อีกฝ่ายฟังและเลียนแบบรูนของตน

รูนที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและความตาย เป็นภาษาพิเศษที่แม้กระทั่งจอมเวททั่วไปก็ใช้งานไม่ได้

จอห์นนี่เผยความสับสน

เขาไม่รู้ว่าตนควรเริ่มไตร่ตรองจากตรงไหน

แต่ไม่นานก็ตระหนักว่าไม่ใช่เวลามัวถกเถียงเรื่องนี้ เพราะการต่อสู้อันสิ้นหวังตรงหน้าสำคัญกว่ามาก

ทันใดนั้น

“กรร—!”

เสียงพยัคฆ์คำรามดังกึกก้อง ดึงดูดสายตาทุกคู่ในทันที

“เสียงอะไร?”

“ข้างหลัง?”

“ข้างหลังโดนบุก…?”

เวลาเดียวกัน สัตว์ร่างยักษ์กระโดดผ่านรั้วด้านหลังเข้ามาอย่างง่ายดาย

“กรร—!”

ม้าสีดำ

ม้าสีดำดวงตาสีแดง กีบเท้าและแผงขนมีไฟลุก

ตะกุยเท้าด้วยความเร็วดุจดังสายลมจนกระทั่งหยุดลงข้างมนุษย์เพศชาย

เมื่อมาถึงก็คำรามอีกครั้งด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ

ประหนึ่งกำลังพูดว่า ตนทำภารกิจลุล่วงและกลับมาหาแล้ว

ถึงตรงนี้ ในหัวจอห์นนี่มีเพียงคำถามเดียว

นี่มันเรื่องบ้าอะไรอีก?

ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่เข้าใจอะไรเลย จอห์นนี่เลิกคิดให้ปวดสมอง

เพียงยอมรับชะตากรรมตรงหน้าและปรับตัวตามให้ทัน สมองจอห์นนี่ไม่เหลือที่ว่างสำหรับกลั่นกรองความรู้ใหม่

แต่ทันใดนั้น จอห์นนี่รีบเพ่งสมาธิ

จอมเวทมักมีประสาทสัมผัสอันยอดเยี่ยมเสมอ จึงตระหนักถึงอันตรายได้ก่อนใคร

ผืนดินกำลังสั่นสะเทือน

‘ชีวิต’ กำลังแล่นผ่านใต้ดินด้วยความเร็วสูงมาก

ชีวิตขนาดมหึมาที่มีอัตตาแรงกล้า

และ

วาบ!

แสงสว่างเจิดจ้าปรากฏขึ้นตรงหน้ามนุษย์

จอห์นนี่เข้าใจผิดไปครู่หนึ่ง คิดว่าเป็นเบรธที่มังกรยิงลงมา

แต่เมื่อเพ่งสายตาให้ดี เขาพบว่าแสงสว่างเกิดจากการรวมตัวของหิ่งห้อยสีเขียวหลายพันตัว

พวกมันกระจายออกไปและก่อตัวเป็นเสือขนาดมหึมา

เสือที่ส่องแสงสีเขียวอ่อนร่อนลงตรงหน้ามนุษย์ ก้มศีรษะต่ำโดยในปากกำลังคาบบางสิ่งส่องแสง

ราวกับสัตว์ร้ายกำลังถวายเหยื่อให้ผู้ที่เหนือกว่า

「กิ…กี๊ซ—!」

“นี่มัน…”

จอห์นนี่พยายามทำความเข้าใจสิ่งที่เห็น

ภาพของสัตว์ร้ายร่างยักษ์ ที่เกิดจากการรวมตัวของหิ่งห้อยสีเขียวหลายพัน

ปากของมันกำลังคาบสัตว์ประหลาดที่เกิดจากการรวมตัวของหิ่งห้อยสีแดงนับพัน

สัตว์ประหลาดส่งเสียงกรีดร้องพลางดีดดิ้นประหนึ่งสไลม์ไร้รูปร่าง แต่จนแล้วจนรอดก็สลัดไม่หลุดจากปากเสือ

หนึ่งเขียว หนึ่งแดง

ทั้งสองคือภูตชีวิต

ภูตชีวิตที่อยู่ในร่างเสือเปล่งเสียง

「นายท่านเชิญรับสั่ง」

สปริกแกนสีแดงพูดพลางดิ้นรน

「ปล่อยข้า! ข้าจะมีชีวิตรอด! ข้าอยากอยู่ในที่ที่สบาย…」

วินาทีนั้น สปริกแกนสีแดงดิ้นหลุดจากปากเสือ

「ข้าแค่อยากอยู่ในที่แบบนั้น!」

มันกระโจนใส่มนุษย์ ส่งเสียงอื้ออึงประหนึ่งผึ้งพันตัว ลำพังบรรยากาศก็ชวนให้แข้งขาอ่อนแรง

ทว่า สัตว์ร้ายสีแดงกลับชะงักแน่นิ่งโดยมิได้สัมผัสร่างกายมนุษย์

มนุษย์เป็นฝ่ายเอื้อมมือออกไปหา

ดวงตามนุษย์มองเข้าไปในภูตชีวิตที่กำลังคลุ้มคลั่ง

รอยสักรูปเขี้ยวสัตว์สีแดงบนหลังมือมนุษย์ส่องแสง

เพื่อควบคุมชีวิต เท่านี้ก็เพียงพอ

* * *

สำนักเวทมนตร์ที่เกี่ยวกับความตายมักมีตำแหน่งสำคัญในจักรวรรดิ

เพราะกล่าวกันว่า นี่คือศาสตร์เดียวที่สามารถยับยั้งปีศาจ

ทว่า แม้แต่จอมเวทความตายเองก็ตระหนักดี ว่าพวกตนไม่มีพลังนั้น

เป็นที่ทราบกันว่า มีเพียงบุคคลเดียวในโลกที่สามารถใช้งานเวทมนตร์ในตำนาน — เวทสื่อวิญญาณคนตาย

สมัยยุคทอง ชายคนหนึ่งเกิดมาในร่างมนุษย์

เขาเอาชนะอุปสรรคทุกรูปแบบจนกระทั่งก้าวข้ามขีดจำกัด และในที่สุดก็ไขปริศนาเวทสื่อวิญญาณสำเร็จ

กล่าวกันว่าแม้จะเป็นมนุษย์ แต่เขาเข้าใจและสามารถใช้รูน ‘ทัล’

กล่าวกันว่า เขาดำรงอยู่มาเป็นเวลานานเหลือคณานับ

ตัวตนในตำนานจากยุคทอง

เหล่าสำนักเวทมนตร์เรียกขานกันว่า

เอล·เดอร์·ลิช

EL DE LICH

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (2/4)

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด