(ฟรี)ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 85 องค์ชายราชวงศ์ฮั่นไห่
ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 85 องค์ชายราชวงศ์ฮั่นไห่
เซียวอี้รีบปิดปากหลังจากรู้ตัวว่าเขาพ่นอะไรออกมา เขายังคงติดตามเย่ชิวต่อไปในส่วนลึกของดินแดนรกร้าง
ไม่มีใครรู้ว่าเย่ชิวกำลังมองหาอะไร เขาค้นหาศพของสัตว์อสูรและหยิบกระดูกออกมา
“ผู้อาวุโส นี่คืออะไรหรือ”
มันเป็นเพียงกระดูกธรรมดา ไม่ใช่กระดูกสมบัติ เนื่องจากกระดูกสมบัติได้ถูกพรากไปแล้ว เซียวอี้อดไม่ได้ที่จะสงสัยเมื่อเขาเห็นเย่ชิวสังเกตกระดูกอย่างจริงจัง
“นี่คือกระดูก” เย่ชิวตอบอย่างจริงจัง
เซียวอี้กลอกตา แน่นอนเขารู้ว่านี่คือกระดูก… เป็นกระดูกของกิเลนลายทาง
เมื่อมองไปยังกระดูกนี้ เย่ชิวครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานานและมองไปอีกทาง ทันใดนั้น เสียงของการต่อสู้ที่รุนแรงก็ดังอยู่ไม่ไกล ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน
“อืม… ดูเหมือนว่าจะมีการต่อสู้อยู่ข้างหน้า ไปกันเถอะ” เย่ชิวยืนขึ้นและบินไปในยังทิศทางที่เกิดการต่อสู้ เซียวอี้ก็รีบเดินตามหลังมาไม่ห่าง
ทั้งสองมาถึงทะเลทรายเกอปี่อย่างรวดเร็ว
จากมุมมองด้านบน สามารถมองเห็นกลุ่มคนกำลังล้อมรอบกิ้งก่ามังกรเขี้ยวยักษ์ได้อย่างชัดเจน กิ้งก่ามังกรเขี้ยวยักษ์ตัวนั้นอยู่ในขอบเขตอนันตะมรรคา การที่คนกลุ่มนี้จะจัดการมันก็เป็นเรื่องที่ลำบากไม่น้อย
เย่ชิวสังเกตอย่างระมัดระวัง มีชายชราสองสามคนในฝูงชนที่ยังไม่ได้โจมตีออกไป ความแข็งแกร่งของพวกเขาอยู่ขอบเขตชีวาเร้นลับขั้นที่ 5 เป็นอย่างน้อย คาดว่าเป็นยอดฝีมือจากตระกูลใหญ่ที่นำรุ่นเยาว์ของตระกูลออกมาฝึกฝน
“เอ๊ะ ผู้อาวุโส ดูเสื้อผ้าของพวกเขาสิ ต่างจากเสื้อผ้าของราชวงศ์ลี่หยางเรามากนัก เหมือนจะเป็นเสื้อผ้าของราชวงศ์ฮั่นไห่ทางตอนเหนือมากกว่า” ในขณะนี้ เซียวอี้ที่มีดวงตาเฉียบคมสังเกตเห็นคนนอกและตักเตือนเย่ชิว
“ฮั่นไห่” เย่ชิวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เหตุใดคนจากฮั่นไห่ถึงมาที่ลี่หยาง
ในขณะนี้ ปรมาจารย์ยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดในฝูงชนรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่วนเวียนอยู่รอบตัวเขา เขากล่าวกับชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “หลานชาย เรามีแขก”
“อืม” ทั่วป๋าจวินตะลึงไปครู่หนึ่ง เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและพบว่ามีเย่ชิวและ เซียวอี้อยู่ในอากาศ
ในฐานะองค์ชายรองแห่งราชวงศ์ฮั่นไห่ ทั่วป๋าจวินเติบโตภายในราชวังและมีสถานะสูงส่ง เขากลายเป็นคนเย่อหยิ่งและเย็นชาเพราะการเป็นบุตรผู้ที่สองนั้นไม่มีสิทธิในการครองราชบัลลังก์ สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดในชีวิตคือการที่มีใครบางคนกล้าดูถูกเขา
การที่เห็นว่ามีคนกล้าลอยอยู่เหนือหัวเขาทำให้เขาไม่พอใจอย่างมากและกล่าวว่า “ใครกันที่อยู่ข้างบน เหตุใดพวกเจ้าไม่ลงมาคุกเข่าคำนับเมื่อเห็นข้ากัน”
เย่ชิวรู้สึกขบขันเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาส่งสัญญาณให้เซียวอี้อดีตนายน้อยผู้เสเพลให้ไปพบอีกฝ่าย
เซียวอี้ยิ้มเมื่อได้รับสัญญาณ
เซียวอี้เผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายในขณะที่วางมาดใหญ่โต เจ้านี่เป็นใครใคร ช่างหยิ่งผยองยิ่งนัก รู้หรือไม่ว่าผู้ที่ยืนอยู่ข้างข้าคือใคร เจ้าต้องการให้พวกเราคุกเข่าหรือ
เซียวอี้ค่อย ๆ ร่อนลงมาจากท้องฟ้าและกล่าวด้วยความดูถูกเหยียดหยามว่า “เจ้าเป็นองค์ชายแห่งราชวงศ์ใดกัน กล้าดีอย่างไรมาสั่งให้ข้าคุกเข่า”
ทั่วป๋าจวินมองไปยังสีหน้าที่เย่อหยิ่งของเซียวอี้และความโกรธของเขาก็พุ่งสูงขึ้นทันที เขาหยิบกระบี่ในมืออย่างเงียบ ๆ หากนี่เป็นเขตราชวงศ์ฮั่นไห่ เจ้าบัดซบนี่คงตายไปแล้วหลายพันรอบ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบผู้ที่ยโสโอหังเช่นนี้
“ดี ดีมาก เจ้าหนู จงตั้งใจฟังให้ดี ข้าคือองค์ชายรองแห่งราชวงศ์ฮั่นไห่ ทั่วป๋าจวิน”
ทั่วป๋าจวินคิดว่าเซียวอี้คงจะหวาดกลัวจนหัวหดหลังจากที่เขาแนะนำตนเอง ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายกลับหัวเราะออกมาแทน
“ฮ่าฮ่า ข้านึกว่าจะเป็นผู้ที่โดดเด่นกว่านี้ องค์ชายแห่งฮั่นไห่ เจ้าเบิกตาดูให้ดี ที่นี่คือลี่หยาง จงละทิ้งความเย่อหยิ่งของเจ้าไป ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะเป็นองค์ชายแห่งฮั่นไห่หรือไม่ แม้ว่าเจ้าจะเป็นองค์รัชทายาท เจ้าก็ต้องซุกหางไว้หว่างขาเมื่อมาถึงลี่หยาง เหตุใดเจ้าถึงกล้าหยิ่งผยองเมื่ออยู่ที่นี่ เจ้าคิดว่าลี่หยางของข้าอ่อนแอหรือ” เซียวอี้ตอบโต้อย่างตรงไปตรงมา
ในตอนแรกเขารู้สึกตกใจเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นองค์ชาย อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกโล่งใจเมื่อรู้ว่าเขาเป็นองค์ชายแห่งราชวงศ์ฮั่นไห่
การกระทำของทั่วป๋าจวินเหมือนกับการใช้กระบี่ของราชวงศ์รุ่นเก่าฟาดฟันไปยังผู้ทรงำนาจของราชวงศ์ปัจจุบัน ที่นี่คือลี่หยาง ไม่ใช่ฮั่นไห่ ไม่ว่าราชวงศ์ฮั่นไห่จะทรงพลังเพียงใด ก็ไม่สามารถวางโมดใหญ่โตเมื่อมาเยือนที่นี่ได้
“เจ้า…” ทั่วป๋าจวินโมโหจนแทบจะกระอักเลือดออกมา หากชายชราที่อยู่ข้าง ๆ ไม่หยุดเขา เขาใช้กระบี่สังหารเซียวอี้ทันที
ใครกันที่กล้าดูถูกเขาผู้เป็นองค์ชายเช่นนี้นอกจากบิดาและองค์รัชทายาท
“หลานชาย อย่าโกรธเกรี้ยว! เรามาที่นี่ในนามของราชวงศ์ฮั่นไห่ ไม่สมควรที่จะมีความขัดแย้งกับผู้คนจากราชวงศ์ลี่หยาง” ชายชราในชุดสีเทากล่าวเตือน สายตาของเขาไม่เคยละทิ้งร่างสีขาวบนท้องฟ้า
เขารู้สึกว่าชายคนนี้… อันตรายอย่างยิ่ง ในฐานะปรมาจารย์ยุทธแล้วเขาแทบจะไม่เคยพบความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวที่ความรู้สึกดังกล่าวจะปรากฏขึ้น อีกฝ่าย… จะต้องแข็งแกร่งกว่าเขา
เย่ชิวลอยอยู่ด้านบน แม้ว่าเขาจะไม่ได้กล่าวอะไรสักคำ ทว่าเขากลับสามารถให้ปลดปล่อยแรงกดดันที่มองไม่เห็นออกมาได้ เป็นแรงกดดันราวกับเผชิญหน้ากับความตายก็ว่าได้
ชายชรารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก มียอดฝีมือมากมายในลี่หยาง ไม่รู้ว่าชายคนนี้อยู่เบื้องหลังสมาชิกในตระกูลขุนนางคนใด
ทั่วป๋าจวินระงับความโกรธในใจของเขาได้ทันเวลาหลังจากที่เขาได้ยินคำเตือนของชายชรา เขาจ้องมองเซียวอี้อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ดีมาก ข้าจะจดจำเจ้าเอาไว้! บอกชื่อของเจ้ามาหากเจ้ามีความกล้า”
“ชิ เจ้าคนขี้ขลาด ฟังให้ดี ข้าเซียวอี้ไม่เคยเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนแซ่”
ทั่วป๋าจวินทนไม่ได้อีกต่อไปหลังจากได้ยินคำกล่าวเหล่านี้ “บัดซบ วันนี้เจ้าต้องตาย!”
ทั่วป๋าจวินชักกระบี่ของเขาทันที และกลิ่นอายขอบเขตสวรรค์ขั้นที่ 8 ก็ปะทุขึ้น พร้อมจู่โจม…
ทันใดนั้น เจตนากระบี่ที่น่าตกตะลึงก็เพ่งเล็งมายังเขาเขา ทั่วป๋าจวินดูเหมือนจะเสียสติไปชั่วขณะ ในไม่กี่วินาทีสั้น ๆ เขามองเห็นความตายของตนเอง ทำให้เปียกโชกไปด้วยเหงื่อทันที ใบหน้าของเขาดูซีดและอ่อนแออย่างมาก กระบี่มือกำลังสั่นเทาราวกับจะหลุดไปได้ทุกเมือ เขามองดูร่างสีขาวบนท้องฟ้าอย่างงุนงง
ชายที่ยืนนิ่งอยู่กลางเวหานั้นราวกับกระบี่ที่ทิ่มแทงทะลุความหวาดกลัวในจิตใจของผู้คน
ในขณะนี้ ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าเหตุใดเซียวอี้ถึงกล้าที่จะทำตัวเช่นกัน
“ขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสมบูรณ์…” ชายชรากล่าวด้วยความประหลาดใจ
เมื่อทั่วป๋าจวินได้ยินสิ่งนี้ใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวลง “ขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ ขั้นสมบูรณ์ เป็นไปได้อย่างไร…”
ไม่คาดคิดว่าจะพบเจอคนที่อยู่ในขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสมบูรณ์ในดินแดนรกร้างเช่นนี้
ทั่วป๋าจวินไม่อยากจะเชื่อแม้แต่น้อย ความมั่นใจของเขาล้วนมาจากทั่วป๋าหงที่อยู่ข้างกาย ทว่าตอนนี้… แม้แต่ทั่วป๋าหงก็แสดงความหวาดกลัวออกมา ทำให้รับรู้ได้ว่าชายคนนี้… แม้แต่เขาก็ไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองได้
ดูเหมือนว่าบิดดาของเขาจะกล่าวถูก มียอดฝีมือมากมายในลี่หยาง ดังนั้นเขาจึงต้องเก็บตัวเอาไว้ ตอนแรกเขาคิดว่าบิดาของเขาเพียงแค่ขู่เท่านั้น ไม่คาดคิดเลยว่าจะเกิดขึ้นกับตนเอง
“ท่านลุง เราควรทำอย่างไรดี” เมื่อครู่เขายกกระบี่ขึ้นมาเพราะความหุนหันพลันแล่นเกินไป อีกฝ่ายดูเหมือนจะปลดปล่อยเจตนาสังหารออกมา ทำให้บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมา
ทั่วป๋าหงมองทั่วป๋าจวินอย่างลึกซึ้ง รู้สึกโมโหเล็กน้อยที่อีกฝ่ายเองขาดความสงบ เขาจึงทำได้เพียงลดความภาคภูมิใจลงและกล่าวกับเย่ชิวบนท้องฟ้าว่า “ข้าคือองค์ชายแห่งราชวงศ์ฮั่นไห่ ทั่วป๋าหง ขอทราบนามของท่านและภูเขาเซียนใดที่ท่านสังกัดได้หรือไม่”
ทว่าผ่านไปนานก็ไม่มีการตอบสนองกลับมา
ทั่วป๋าหงไม่พอใจเล็กน้อย ยอดฝีมือทั้งหมดของลี่หยางต่างหยาบคายเช่นนี้หรือ
บรรยากาศหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ในขณะนี้ รถม้าก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกมาจากทะเลเพลิง
“เอ๊ะ นั่นคือราชรถของราชวงศ์ลี่หยาง…”
เซียวอี้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาเคยเห็นรถม้าคันนี้มาก่อน โดยปกติแล้ว มีเพียงราชวงศ์เท่านั้นที่สามารถนั่งรถม้าประเภทนี้ได้
ในตอนนั้นจ้าวว่านเอ๋อก็ได้ขึ้นรถม้าคันแบบนี้เช่นกัน เป็นเพราะรถม้าจึงทำให้นางสามารถเดินทางได้ไกลและไม่พบเจอกับอันตรายใด ๆ