ตอนที่ 6-9 งานหมั้น
"ใต้เท้าใบไม้ร่วง"เมื่อเห็นว่าลินลี่ย์ทำตัวเสียมารยาท กิลเยโมรีบเอ่ยขอโทษ "ใต้เท้าใบไม้ร่วง ลินลี่ย์ยังคงเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุ17 ปี ใต้เท้าใบไม้ร่วงได้โปรดอภัยให้กับความก้าวร้าวของเขาด้วย"
กิลเยโมทราบดีว่าโยคีใบไม้ร่วงนั้นมีอิทธิพลในวิหารเจิดจรัสมากมายเพียงใดโยคีใบไม้ร่วงนั้นเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของฝ่ายโยคีทั้งหมด แม้แต่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เองก็ยังไม่อาจบังคับให้เขาทำตามความต้องการของเขาได้
โยคีใบไม้ร่วงใช้มือขวาอันเต็มไปด้วยผิวหนังเหี่ยวย่นราวกับหนังตีนไก่ของเขาลูบเคราขาวของเขาพร้อมกับใช้ความคิดเขามองแผ่นหลังที่กำลังเดินจากไปของลินลี่ย์ "ก้าวร้าวงั้นรึ? ไม่หรอก ไม่ใช่เช่นนั้นแน่ เขาไม่ได้ทำตัวก้าวร้าวแน่นอนสมควรกล่าวว่าเด็กคนนี้มีความมุ่งมั่นและแน่วแน่จะถูกต้องกว่า"
กิลเยโมตระหนกเมื่อได้ยิน
เขาคาดไม่ถึงเลยว่าใต้เท้าใบไม้ร่วง ผู้ที่ดูเหมือนไม่ประทับใจในตัวลินลี่ย์กลับกำลังกล่าวชมเชยเขาเช่นนี้
"กิลเยโม" โยคีใบไม้ร่วงมองกิลเยโม
"ใต้เท้าใบไม้ร่วง ข้าน้อยพร้อมรับคำสั่งสอน"กิลเยโมตอบด้วยความเคารพ
โยคีใบไม้ร่วงเผยรอยยิ้มพร้อมกล่าวว่า "ตอนนี้ในหัวใจของลินลี่ย์เต็มไปด้วยจิตสังหารและเขายังคงมุ่งมั่นและแน่วแน่ข้าคิดว่าคนแบบเขาไม่ว่าจะเป็นการสังหารหรือจะกระทำการใดๆก็ตามย่อมไม่มีความลังเลบุคคลเช่นนี้เหมาะสมกับการเป็นกระบี่อันคมกริบให้กับวิหารเจิดจรัสเป็นอย่างยิ่ง"
กิลเยโมเข้าใจดีว่าสิ่งที่โยคีใบไม้ร่วงพูดหมายความว่าอย่างไร
แม้ว่าวิหารเจิดจรัสจะพยายามกระตุ้นให้ผู้คนทำแต่สิ่งดีๆแต่กับคนต่างลัทธิแล้ว วิหารเจิดจรัสจะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างโหดเหี้ยมและไม่มีความปรานีแม้แต่น้อยเป็นธรรมดาที่งานแบบนี้ต้องการคนโหดเหี้ยมและเลือดเย็นมาจัดการนี่คือเหตุผลที่ทำให้ฝ่ายคุมกฏของวิหารถูกสร้างขึ้น
"บางทีอนาคตของเด็กคนนี้ ลินลี่ย์อาจจะกลายมาเป็นหัวหน้าผู้คุมกฏของฝ่ายคุมกฏก็เป็นได้"โยคีใบไม้ร่วงพูดเสียงเบา
กิลเยโมอดหันไปมองแผ่นหลังของลินลี่ย์ที่กำลังเดินจากไปไม่ได้
กลายมาเป็นหัวหน้าผู้คุมกฏยังงั้นรึ?
กิลเยโมทราบดีว่าตำแหน่งหัวหน้าผู้คุมกฏของฝ่ายคุมกฏนั้นผู้ที่ดำรงตำแหน่งนี้ถูกจัดให้อยู่ในระดับสูงสุดของขั้น 2 ของวิหารเจิดจรัสในบางแง่มุมของความเป็นจริงแล้วมันอาจบอกได้ว่าตำแหน่งหัวหน้าผู้คุมกฏของฝ่ายคุมกฏนั้นเท่าเทียมกับจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เลยทีเดียว
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้นำของวิหารเจิดจรัสผู้ซึ่งกุมอำนาจสูงสุดเบื้องหน้า
แต่หัวหน้าผู้คุมกฏแห่งฝ่ายคุมกฏนั้นเป็นผู้นำสูงสุดของกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในวิหารเจิดจรัสผู้ซึ่งกุมอำนาจสูงสุดเบื้องหลังของวิหาร!
"ใต้เท้าใบไม้ร่วง ท่านยังมีความประสงค์จะสั่งสอนเขาหรือไม่ขอรับ?" กิลเยโมถามทันที
แต่โยคีใบไม้ร่วงยังคงส่ายหน้า
"ทำไมละขอรับ?" กิลเยโมสับสน ในเมื่อโยคีใบไม้ร่วงเล็งเห็นคุณค่าของลินลี่ย์เหตุใดเขาจึงไม่เต็มใจฝึกฝนเขา?
โยคีใบไม้ร่วงส่ายหน้า "วิธีการฝึกฝนของข้าไม่เหมาะกับเขา วิถีของข้าต้องการจิตใจอันบริสุทธิ์และเหมาะกับผู้ที่มีจิตใจอันดีงาม แต่กับเขาแล้ว...วิถีทางของเขาเป็นวิถีแห่งการเข่นฆ่า"
กิลเยโมพยักหน้ารับ
"กิลเยโม เจ้าไม่จำเป็นต้องหาอาจารย์ให้กับเขาผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงจะค้นหาหนทางที่เหมาะสมที่สุดกับตัวเขาได้เองคำสอนของคนอื่นๆนั้น สุดท้ายแล้วก็ล้วนแต่เป็นวิถีทางของพวกเขาเอง"
โยคีใบไม้ร่วงมองกิลเยโม "เจ้าเป็นมหาจอมเวทระดับ 9 เจ้าเคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมข้าจึงไม่เคยให้คำแนะนำใดๆแก่เจ้าเลย? นี่คือเหตุผลแม้ว่าข้าจะบอกสิ่งที่ข้าเข้าใจและการรู้แจ้งของข้าต่อเจ้าเจ้าก็ยังไม่อาจเข้าใจมันได้เจ้าต้องผ่านประสบการณ์มากมายด้วยตัวเจ้าเองเท่านั้นจึงจะเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณของเจ้าช่วยให้เจ้าเข้าใจความลึกลับอย่างลึกซึ้งเจ้าจะประสบความสำเร็จได้ด้วยหนทางนั้นเท่านั้น"
"จดจำไว้ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนเอง" โยคีใบไม้ร่วงยิ้ม
กิลเยโมพยักหน้ารับ
เขายังไม่ได้เข้าสู่ระดับเซียน ดังนั้นไม่มีทางที่เขาจะเข้าใจว่าความแตกต่างระหว่างระดับเซียนและระดับ 9 คืออะไรถึงแม้ว่าเขาจะสงสัยว่าตอนนั้นโยคีใบไม้ร่วงมีเจตนาไม่ได้ให้คำแนะนำอันล้ำค่าใดๆแก่เขาแต่เมื่อมองเห็นสายตาที่จริงใจของโยคีใบไม้ร่วงและได้ฟังน้ำเสียงที่ซื่อสัตย์ของเขาเขาก็เชื่อโยคีใบไม้ร่วง
"บางที ข้าคงต้องพึ่งพาตัวเองจริงๆ เสียที"
กิลเยโมเป็นจอมเวทที่ติดอยู่ในระดับ 9 มานานมากแล้ว ตอนนี้เขามีความต้องการอย่างยิ่งที่จะทะลวงผ่านไปสู่ระดับเซียนให้จงได้
สุดท้ายแล้ว ความแตกต่างระหว่างระดับ 9 และ ระดับเซียนมีช่องว่างห่างกันราวท้องฟ้ากับผืนดิน
คฤหาสน์ของลินลี่ย์ อุทยานบ่อน้ำพุร้อน
ลินลี่ย์นั่งกรรมฐานเงียบๆอยู่ใกล้ๆกับบ่อน้ำพุร้อน
"กึก กึก กึก" ทั่วทั้งร่างของลินลี่ย์ส่งเสียงดังแปลกๆออกมาอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกันกับกระดูกและกล้ามเนื้อของเขาที่ยังคงสั่นอย่างต่อเนื่องเหงื่อเม็ดโป้งไหลออกมาจากร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง
การฝึกฝนลมปราณตามคัมภีร์ลับเลือดมังกรมีประสิทธิภาพสูงกว่าเป็นสิบเท่าของวิธีการฝึกฝนลมปราณตามปกติ
แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่สุดแล้วคุณสมบัติของผู้ที่สามารถฝึกฝนตามคัมภีร์ลับเลือดมังกรได้นั้นต้องผ่านความยากลำบากแสนเข็ญไปให้ได้ก่อน
"ทำไมการฝึกฝนนี้ถึงยากสำหรับมนุษย์? คัมภีร์ลับทุกประเภทเจ้าจำเป็นต้องมีร่างกายที่แตกต่างกันไป"เจ้าบีบีตัวจ้อยกำลังนอนกลิ้งไปมาข้างๆลินลี่ย์ หัวเล็กๆของบีบีหันไปมองลินลี่ย์ในใจของเขาเต็มไปด้วยคำถามมากมาย
เขาเป็นอสูรเวท และการฝึกฝนของเขานั้นง่ายมาก เขาแค่ดูดซับแก่นธาตุความมืดจากโลกภายนอกตรงๆดึงดูดมันลงไปในร่างกายและแก่นเวทของเขา
นั่นไม่ใช่ความลับใดๆ มันเป็นเพียงขั้นตอนการดูดซับที่เป็นไปตามธรรมชาติที่สุด
…..
ลินลี่ย์ยังคงใช้ชีวิตเงียบสงบนี้ต่อไปใช้เวลาส่วนใหญ่ของเขาในแต่ละวันไปกับการฝึกฝน
ด้วยวิธีการฝึกฝนด้วยเคล็ดลับชั้นยอดมากมายในเวลาเดียวกันเขาได้ผลักดันศักยภาพร่างกายของเขาไปจนถึงขีดสุดเพื่อการล้างแค้น
แค่พริบตาเดียวก็ผ่านไปสิบกว่าวัน
"ฟุ่บ!"
ลินลี่ย์กำลังกวัดแกว่งกระบี่เทพเลือดม่วงในมือเขากำลังทดสอบการโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า
เพื่อค้นหาแง่มุมในการการฟาดฟันกระบี่ให้เร็วที่สุด
ใช้วีธีใดในการควบคุมการสั่นของกระบี่เลือดม่วงเพื่อลดแรงเสียดทานอากาศตามธรรมชาติและเพื่อให้เขาฟาดฟันกระบี่ได้เร็วมากขึ้น?
เขาฝึกฟาดฟันกระบี่ของเขาอย่างหนัก ครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ละครั้งที่ลินลี่ย์ขยับประกายแสงสดใสดุดันจะปรากฏขึ้น
ความเร็วของการฟาดฟันเหล่านี้มากพอที่จะทำให้หัวใจของคนผู้หนึ่งสั่นกลัว
แต่ลินลี่ย์ยังคงไม่พอใจเขามุ่งมั่นปรับปรุงอย่างไม่หยุดพักจนกว่ามันจะสมบูรณ์แบบ เขากำลังใช้เวทธาตุลมจากความเข้าใจในธาตุลมของเขา เขาฝึกฝนอย่างหนักเพื่อทำให้กระบี่เลือดม่วงขยับเร็วขึ้นและลื่นไหลมากขึ้น
"นายท่านเจ้าคะ!" เสียงเรียกดังเข้ามาจากด้านนอกอุทยานบ่อน้ำพุร้อน
ลินลี่ย์หยุดขยับมือของเขาชั่วคราว กระบี่เทพเลือดม่วงในมือของเขาหายไปไม่มีใครสังเกตุว่ากระบี่เลือดม่วงพันอยู่รอบเอวของลินลี่ย์ในตอนนี้
ถึงแม้ว่าคนทั่วไปให้ความสนใจกับเข็มขัดของเขาพวกเขาก็จะคิดว่ามันเป็นเพียงเข็มขัดสีม่วงเท่านั้น
"เข้ามา" ตอนนี้ลินลี่ย์พูดเพียงเท่านี้
แม่บ้านสาวงามวิ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงทันที สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความเคารพเมื่อนางเห็นลินลี่ย์ นางจึงโค้งศีรษะลงต่ำพร้อมกับพูดอย่างสุภาพว่า"นายท่านเจ้าคะ ตระกูลเด็บส์ได้ส่งคนนำบัตรเชิญมาเจ้าค่ะ"ในขณะที่นางพูด นางยื่นบัตรเชิญให้กับลินลี่ย์
ลินลี่ย์มองดูบัตรเชิญ
บัตรเชิญมีสีแดงตัดด้วยอักษรสีทองเป็นคำว่า 'บัตรเชิญ' ด้วยอักษรตัวหนาส่องประกายสดใสซึ่งถูกเขียนไว้ด้านบน
"บัตรเชิญงั้นรึ?"
ลินลี่ย์รับบัตรเชิญมาแล้วเปิดดูอันที่จริงเขาพอจะคาดเดาข้อความข้างในบัตรได้อยู่แล้ว
"ในวันที่ 18 มิถุนายน คาลัน,โรว์ลิ่ง และอลิซ พวกเขาจะประกอบพิธีหมั้นหมายกัน โรว์ลิ่งนี่ใครกัน?" ลินลี่ย์ขมวดคิ้วจ้องมองบัตรเชิญ
"เจ้าไปได้แล้ว" ลินลี่ย์พูดอย่างใจเย็น
"เจ้าค่ะ นายท่าน" หญิงรับใช้กล่าวอย่างนอบน้อมแล้วนางก็เดินออกจากอุทยานบ่อน้ำพุร้อน
"เจ้านาย นั่นคือกำหนดการพิธีหมั้นของอลิซกับตระกูลเด็บส์หรือ?" บีบีพุ่งขึ้นไปยืนบนไหล่ของลินลี่ย์ แล้วยืดหัวเล็กจ้อยของมันไปมองข้อความในบัตร
"อือ โรว์ลิ่ง? โรว์ลิ่งคือใครกัน?" บีบีมองลินลี่ย์อย่างสงสัย
เดลิน โคเวิร์ทเองก็ปรากฏตัวขึ้นด้านข้างลินลี่ย์และกำลังมองบัตรเชิญด้วยหน้าของเขาเผยรอยยิ้มออกมา
"ปู่เดลิน" ลินลี่ย์หันไปมองเดลิน โคเวิร์ท
"เจ้าสงสัยว่าใครคือโรว์ลิ่งงั้นเหรอ?" เดลินโคเวิร์ทนั้นจริงๆแล้วก็เป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ผู้หนึ่ง เขาเข้าใจได้ทันที"เรื่องนี้ง่ายมาก รูปแกะสลัก 'ตื่นจากฝัน' ของเจ้าทำให้ผู้คนมากมายคุ้นเคยกับรูปลักษณ์ของอลิซ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ทราบว่าใครคืออลิซ แต่เมื่อพิธีหมั้นถูกประกาศออกไปผู้คนมากมายจะเห็นอลิซ จากนั้นพวกเขาจะจำนางได้ทันทีในฐานะที่เป็นแบบของ 'ตื่นจากฝัน' ของเจ้าแน่นอนเรื่องราวความรักที่ถ่ายทอดผ่านรูปแกะสลักของเจ้านั้นสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนต่อทุกคนซึ่งเคยวิเคราะห์การแกะสลักหินของเจ้าและด้วยเหตุนี้เอง ตระกูลเด็บส์ย่อมไม่เต็มใจที่จะให้อลิซกลายมาเป็นภรรยาหลวงของคาลันแน่นอนแม่นางโรว์ลิ่งคนนี้มีแนวโน้มเป็นอย่างยิ่งที่จะแต่งเข้ามาเป็นภรรยาหลวงของคาลัน"
ลินลี่ย์ตกตะลึง
อลิซ จะไม่ได้เป็นภรรยาหลวงของคาลันยังงั้นหรือ?
ในทวีปยูลาน ภรรยาหลวงอยู่ในฐานะที่สูงส่งในครอบครัวขณะที่ภรรยารองอยู่ในฐานะที่ต่ำกว่ามาก
"เป็นเพราะข้ายังงั้นเหรอ?" อารมณ์ของลินลี่ย์เริ่มซับซ้อนขึ้นทันที
เป็นเพราะรูปแกะสลักของเขา อลิซจึงไม่อาจเป็นภรรยาหลวงของคาลันได้อีก
"ลินลี่ย์ เจ้าตั้งใจจะไปงานหมั้นหรือไม่?" เดลิน โคเวิร์ทถาม
"ไปสิ ไปแน่นอน" แววตาของลินลี่ย์แข็งกร้าวและแล้วเขาก็หัวเราะออกมา "เบอร์นาร์ดอุตส่าห์เชิญข้าตั้งหลายครา ตอนนี้เวลานี้ เขาเจาะจงส่งบัตรเชิญมาให้ข้า ข้าจะปฏิเสธได้อย่างไร?"
ลินลี่ย์จ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีครามที่ซึ่งปุยเมฆราวกับสายไหมกำลังล่องลอยอยู่บนนั้น
เมื่อนานมาแล้ว เขาเคยนั่งอยู่บนพื้นหญ้าเคียงข้างอลิซและจ้องขึ้นไปบนท้องฟ้าสีครามแบบเดียวกันนี้
วันที่ 18 มิถุนายน
ตามที่บาทหลวงของวิหารเจิดจรัสได้บอกกล่าวไว้ วันนี้ถือเป็นวันมหามงคลดังนั้นตระกูลเด็บส์จึงเลือกประกอบพิธีหมั้นขึ้นในวันนี้
วันนี้ หน้าคฤหาสน์ตระกูลเด็บส์เต็มไปด้วยรถม้าและผู้คน
เหล่าขุนนางสำคัญ เหล่าพ่อค้าร่ำรวย เหล่าท่านผู้หญิงหน้าตางดงามคุณหนูผู้สูงส่งเปล่งประกายความงามของพวกนาง เหล่าคุณชายหน้าตาหล่อเหลา...วันนี้อาจกล่าวได้ว่าคฤหาสน์ตระกูลเด็บส์กลายเป็นสถานที่ที่ได้ต้อนรับขุนนางมากมายที่สุดในเมืองเฟนไล
"มาร์ควิส ลินลี่ย์ มาถึงแล้ว!"
เสียงคนต้อนรับของตระกูลเด็บส์ดังขึ้นสองครั้ง ลินลี่ย์แต่งตัวด้วยชุดแต่งกายสุภาพบุรุษสีดำย่างก้าวเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของตระกูลเด็บส์
เหล่าแขกเหรื่อเกือบทั้งหมดในห้องโถงใหญ่หยุดการสนทนาของพวกเขาและหันไปมองลินลี่ย์
ลินลี่ย์กวาดตามองไปทั่วห้อง มีรอยยิ้มเล็กน้อยอยู่บนริมฝีปากของเขาการวางตัวของลินลี่ย์ทั้งหมดนี้เป็นการรักษาภาพลักษณ์ของเขาในสังคมชั้นสูงเอาไว้
"ใต้เท้าลินลี่ย์ ยินดีต้อนรับ!"
เบอร์นาร์ด ผู้ที่ก่อนหน้านี้กำลังพูดคุยกับแขกคนอื่นๆอยู่ รีบเดินเข้าไปทางลินลี่ย์อย่างรวดเร็วคาลันซึ่งเป็นตัวหลักในวันนี้ เข้ามาอยู่ด้านข้างเบอร์นาร์ด
"ท่านเบอร์นาร์ด" ลินลี่ย์ยิ้ม"ข้าขอแสดงความยินดีกับลูกชายของท่านด้วย ที่ได้หมั้นกับสาวงามถึงสองคน"
"ขอบคุณ ขอบคุณ" เบอร์นาร์ดกล่าวตอบอย่างอบอุ่น
คาลันพูดอย่างนอบน้อมว่า "ใต้เท้าลินลี่ย์ ยินดีต้อนรับสู่บ้านของเราข้าหวังว่า ท่านสนุกกับงานในวันนี้ขอรับ"
ลินลี่ย์เบนสายตาไปมองคาลัน แต่แค่พยักหน้าให้ โดยไม่ได้พูดอะไรกับเขา ลินลี่ย์กลับมามองที่เบอร์นาร์ด"ใต้เท้าเบอร์นาร์ด เชิญตามสะดวกไปดูแลแขกคนอื่นๆของท่านเถิดข้าจะเดินชมที่นี่ด้วยตัวเอง"
…
ห้องโถงหลักของตระกูลเด็บส์มีขนาดใหญ่มาก สามารถรับรองขุนนางและพ่อค้านับร้อยๆคนอยู่ข้างในแต่พวกเขากลับไม่รู้สึกแออัดแม้แต่น้อยเหล่าท่านผู้หญิงและคุณหนูผู้ร่ำรวยทั้งหลายล้วนแต่งกายสวยงามเดินเฉิดฉายอย่างงามสง่าผ่านฝูงชนเฉกเช่นนกยูง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ลินลี่ย์มาถึง คุณหนูร่ำรวยมากมายหาทาง 'แอบ' เข้าไปใกล้ชิดเขา
"ใต้เท้าลินลี่ย์ ท่านช่างมหัศจรรย์ ถึงตอนนี้ข้าเองก็ได้ฝึกฝนการแกะสลักหินมาได้สามปีแล้วแต่ข้ากลับไม่อาจแกะสลักได้แม้แต่รูปแบบพื้นฐาน"คุณหนูผมสีน้ำตาลสวยงามกล่าวอย่างตื่นเต้นกับลินลี่ย์ "ใต้เท้าลินลี่ย์ท่านช่างสุดยอดจริงๆ ท่านอายุมากกว่าพวกเราไม่มาก แต่ท่านกลับใกล้บรรลุถึงระดับของปรมาจารย์พรูกซ์และปรมาจารย์โฮปเจนเซ่นแล้ว ใต้เท้าลินลี่ย์ ท่านจะช่วยสอนข้าบ้างได้หรือไม่?"
คุณหนูคนนี้มองลินลี่ย์ ดวงตากลมโตงดงามของนางมีความวาดหวัง
"การแกะสลักหินจำเป็นต้องมีข้อมือที่แข็งแรงมากพอสำหรับคุณหนูงดงามบอบบางเช่นตัวเจ้าแล้ว จะเหมาะมากกว่าหากว่าเจ้าหันไปเรียนรู้การวาดรูปแทน"ลินลี่ย์กล่าวด้วยรอยยิ้มไม่แยแส
ในขณะที่เขาพูด ลินลี่ย์รู้สึกจนปัญญา
มันอาจจะเป็นเพราะ บรรดาคุณหนูทั้งหลายต่างรู้ดีว่าลินลี่ย์ยังไม่ได้แต่งงานพวกนางจึงเข้ามาสร้างความรำคาญให้กับลินลี่ย์คนแล้วคนเล่า
และแน่นอนว่า พ่อแม่ของคุณหนูเหล่านี้มีความสุขกับการนั่งและคอยดูอย่างมีความสุข
เพราะขุนนางเกือบทั้งหมดในอาณาจักรเฟนไลรู้ดีว่าหากใครก็ตามได้ตัวลินลี่ย์ไปเป็นลูกเขยตระกูลของพวกเขาจะผงาดขึ้นมารุ่งเรืองอย่างไร้ขีดจำกัด!
ลินลี่ย์เป็นคนแบบไหน?
เขาเป็นอธิบดีศาลจอมเวทแล้ว แต่ขุนนางโดยทั่วไปทั้งหมดรู้ว่าเขารับใช้ราชอาณาจักรเฟนไลแต่เพียงในนามเท่านั้น ในอนาคตเขาจะต้องเป็นบุคคลสำคัญในวิหารเจิดจรัสแน่นอน ในอนาคตตำแหน่งของเขาอาจใหญ่กว่าผู้ปกครองเฟนไลก็เป็นได้
“ลินลี่ย์” เสียงสดใสดังก้องขึ้น
ลินลี่ย์หันไปมอง “ฝ่าบาท”
สุภาพสตรีสาวชั้นสูงที่รุมล้อมลินลี่ย์ไม่กล้าพัวพันเขาต่อไป ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจขณะที่เขาเดินไปหาราชาเคลย์ เมื่อเขายืนอยู่ข้างพระราชา อย่างน้อยสาวๆชนชั้นสูงก็ไม่กล้ารบกวนเขา
“ลินลี่ย์! เจ้าพบคนถูกใจบ้างหรือยัง?”เคลย์กระซิบหยอกล้อลินลี่ย์ขณะลินลี่ย์เข้ามาใกล้
ลินลี่ย์อดจะชำเลืองไปทางเคลย์ไม่ได้ “ฝ่าบาท, ไม่จำเป็นต้องหยอกล้อข้าแบบนี้ก็ได้”
“ฮ่าฮ่า..” เคลย์อดหัวเราะไม่ได้
ทันใดนั้นทั่วห้องโถงใหญ่ตกอยู่ในความเงียบเคลย์หันไปจ้องดูประตูทำเข้าห้องโถงใหญ่ นัยน์ตาเขาเป็นประกาย “เฮ้,มีการนำสตรีมาตอนกลางคืนด้วย”
ลินลี่ย์หันไปมองดูเช่นกัน
คาลันจับมือสตรีงดงามสองคนข้างละคน สตรีทั้งสองคนนี้สวมชุดงดงามขณะที่เครื่องประดับงดงามที่ผมทองของพวกนางดูสดใส
คนหนึ่งคือโรว์ลิง อีกคืนคืออลิซ
“อลิซ”
สายตาลินลี่ย์มองจับอยู่ที่อลิซชั่วขณะ อลิซแต่งตัวงดงามมากกว่าวันก่อนๆ แต่ตอนนี้คนที่จับมือเธอก็คือคาลัน
“โอว แม่เทพธิดาของข้า,นี่คือแม่เทพธิดาที่อาจารย์ลินลี่ย์สลักไว้ในงานตื่นจากฝันไม่ใช่หรือ?” ทันใดนั้นขุนนางคนหนึ่งก็ตะโกนออกมา
ในห้องโถงใหญ่เต็มไปด้วยเสียงสนทนาเซ็งแซ่ทันที
นอกจากคนไม่กี่คนที่รู้อยู่แล้วว่าอลิซนั้นเหมือนอะไร คนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดถึงลักษณะของอลิซ แต่พวกที่เคยเห็นรูปสลักตื่นจากฝันแต่ก็มีหลายคนที่ตั้งชื่อผู้หญิงในรูปสลักตื่นจากฝันว่าเป็นเทพธิดาในฝันของพวกเขาแต่ในชั่วขณะนี้เทพธิดาในฝันของพวกเขาจู่ๆ ก็มาปรากฏต่อหน้าพวกเขาในพิธีหมั้นนี้