ตอนที่ 6-18 เยี่ยมเยือน
อลิซรู้สึกว่าหัวใจนางสั่นสะท้านทันที ความรู้สึกอบอุ่นแล่นเข้ามาในใจนาง เป็นความรู้สึกสำนึกบุญคุณระคนเสียใจไม่มีสิ้นสุด
“พี่ลินลี่ย์! ขอบคุณ,ขอบคุณท่านจริงๆ” อลิซได้แต่พูดย้ำอย่างช่วยไม่ได้ น้ำตานางเริ่มคลอเบ้าเป็นน้ำตาแห่งความตื่นเต้นดีใจ
ลินลี่ย์ยิ้ม “กลับไปเถอะ บ่ายนี้ ข้าจะเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าฝ่าบาท”
ลินลี่ย์รู้สึกได้ในตอนนี้ว่าหัวใจเขาสงบมากยามเขามองอลิซ เมื่อเห็นอลิซในสายตาเขาก็เหมือนมองดูสหายสตรีที่มีไมตรีที่ดีต่อกัน ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
“ค่ะ, ขอบคุณ” อลิซชายตามองลินลี่ย์อีกครั้งจากนั้นก็หันศีรษะแล้วเดินจากไป ความคิดของนางซับซ้อนยิ่งขึ้น
แต่แรกทีเดียวอลิซเกรงว่าเพราะในอดีตนางทำร้ายจิตใจลินลี่ย์ ลินลี่ย์คงรู้สึกเกลียดคาลันและน่าจะเป็นเหตุให้ลินลี่ย์ไม่ยอมช่วยคาลัน แต่ท่าทีของลินลี่ย์ผิดจากที่นางคาดสิ้นเชิง ลินลี่ย์ไม่มีอาการตื่นเต้นแม้แต่น้อย เขาสงบนิ่งมาก
เมื่อเห็นอลิซกลับไปแล้วลินลี่ย์นั่งลง คว้าผลไม้มากินตามปกติ ตอนนี้บีบีโผล่ออกมาเช่นกัน
“เจ้านาย, ท่านจะช่วยอลิซนั่นจริงๆ เหรอ? ถ้าเป็นข้านะข้าคงตะเพิดนางออกไปนานแล้ว ฮึ, ดีแค่ไหนแล้วที่ท่านไม่ตบนางจนตายในฝ่ามือเดียว”บีบีบ่นอย่างไม่พอใจ
ลินลี่ย์ชำเลืองมองบีบี “บีบี! มนุษย์ไม่เหมือนอสูรเวทหรอกนะ”
ขณะนั้นเดลินโคเวิร์ทลอยออกมาจากแหวนมังกรขนด มองลินลี่ย์ด้วยสายที่เห็นชอบด้วย เขาพูด “ลินลี่ย์! เจ้าทำได้ดีมาก, ข้ายังกังวลใจอยู่บ้างว่า เจ้าจะใช้อารมณ์แบบเด็กๆ ไล่นางออกไปแล้วขว้างก้อนหินไล่ตามเสียอีก”
“อารมณ์แบบเด็กๆ ?” ลินลี่ย์สะดุ้ง
ในสายตาของเดลินโคเวิร์ท พฤติกรรมอย่างนั้นเป็นการกระทำของเด็กแน่นอน
“ถูกแล้ว พวกผู้หญิงมีอยู่ทั่วทุกที่นั่นแหละ” เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะหึหึ
ลินลี่ย์พูดไม่ออกทันที เขาไม่ค่อยเห็นด้วยต่อมุมมองเรื่องสตรีของเดลินโคเวิร์ทซึ่งค่อนข้างจะคล้ายกับมุมมองของเยลและเรย์โนลด์
“เอาล่ะ, คุยกันพอแล้ว ข้าต้องฝึกต่อไป” ลินลี่ย์ลุกขึ้นทันทีและกลับเข้าไปที่สวนน้ำพุร้อน
เท่าที่ลินลี่ย์ใคร่ครวญดู อลิซไม่มีอะไรมากไปกว่าฉากชีวิตฉากหนึ่งที่ไม่ส่งผลต่ออารมณ์ของเขา ในตอนนี้สิ่งเดียวที่อยู่ในใจลินลี่ย์ก็คือล้างแค้นให้บิดาของเขา
…..
“ฝ่าบาทอยู่ในห้องทรงอักษรกำลังตรวจข้อราชการอยู่ ใต้เท้าลินลี่ย์โปรดตามข้ามาห้องทรงอักษร” มหาดเล็กพูดด้วยความเคารพ
ลินลี่ย์พยักหน้า
บีบียืนอยู่บนไหล่ของเขา ลินลี่ย์เดินตามมหาดเล็กตรงเข้าไปห้องหนังสือ ผ่านไปไม่นานพวกเขาก็มาถึง
“ฝ่าบาท!ใต้เท้าลินลี่ย์มาถึงแล้ว” มหาดเล็กส่งเสียงทูลบอกจากนอกห้องหนังสือ
เคลย์ที่หมกมุ่นกับการอ่านหนังสือบางเล่มก็เงยหน้าขึ้นเมื่อสายตาที่คล้ายพยัคฆ์มองเห็นลินลี่ย์ นัยน์ตาเขาเป็นประกายตื่นเต้น เขากล่าว “ลินลี่ย์, รีบเข้ามา ระหว่างเราไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตรองอะไรมาก”
“พะย่ะค่ะ, ฝ่าบาท” ลินลี่ย์หัวเราะเบาๆพลางเดินเข้าห้องหนังสือ เคลย์ในสายตาลินลี่ย์เป็นคนกล้าหาญ, ตรงไปตรงมาและสุภาพเหลือเชื่อเมื่อแสดงออกต่อลินลี่ย์ไม่เคยใช้สถานะราชาเพื่อข่มเหงเขา
“ถ้าไม่ใช่เพราะความตายของบิดาเรา”ลินลี่ย์นึกในใจ “บางทีท่านกับข้าคงกลายเป็นสหายกันได้ แต่ไม่วันใดวันหนึ่งข้าต้องฆ่าท่าน เพียงแต่ตอนนี้ข้ายังไม่มีโอกาส” ลินลี่ย์ไม่เคยลังเลใจเลยในการตัดสินใจฆ่าเคลย์
ทันทีที่เขามีโอกาสเขาจะฆ่าเคลย์แน่นอน
เคลย์ชนแก้วไวน์อวยพรกับลินลี่ย์พอจิบเสร็จจึงกล่าวว่า “ลินลี่ย์, ยากนักนะที่เจ้าเป็นฝ่ายมาเยี่ยมข้าถึงในวัง มีธุระอะไรหรือเปล่า,อธิบดีศาลจอมเวทของข้าถึงมีเรื่องมาปรึกษาข้าในวันนี้?”
ลินลี่ย์หัวเราะเบาๆ
ความจริงตำแหน่งอธิบดีศาลจอมเวทมีหน้าที่รับผิดชอบไม่กี่อย่าง แต่ลินลี่ย์ไม่เคยมาดำเนินการหน้าที่เหล่านั้นเขาจะปล่อยให้นักเวทประจำศาลคนอื่นๆ รับผิดชอบแทน และเคลย์ก็ไม่เคยกดดันอะไรเขา ที่สำคัญลินลี่ย์รับราชการในอาณาจักรแต่เพียงในนาม ทั้งหมดที่เขาทำก็คือแสดงตัวว่าเขาเองอยู่ฝ่ายเดียวกับเคลย์
“เป็นความจริงที่ข้ามาวันนี้เพื่อปรึกษาบางอย่าง” ลินลี่ย์ยิ้มขณะมองดูเคลย์ “เกี่ยวกับเรื่องที่ตระกูลเด็บส์ต้องสงสัยลักลอบค้าหยกวารี ฝ่าบาทรับสั่งให้คร่ากุมคาลันและเบอร์นาร์ดใช่ไหม?”
“เป็นเช่นนั้นจริง” เคลย์ขมวดคิ้วขณะมองดูลินลี่ย์ “อะไรกัน,เจ้ามาคุยเรื่องพฤติกรรมของพวกเขาหรอกหรือ?”
ช่วงเวลาเช่นนี้มีขุนนางน้อยมากที่จะมาช่วยพูดแก้ต่างให้ตระกูลเด็บส์ เหตุผลที่พวกเขาทำเช่นนี้เพราะตระกูลเด็บส์กระทำการมิชอบ
“ถ้าเจ้าต้องการช่วยตระกูลพวกเขาจริงๆ ข้าย่อมเห็นแก่หน้าเจ้าแน่นอน”เคลย์พูดอย่างตรงไปตรงมา
สิ่งเดียวที่เคลย์ต้องการก็คือทำลายโครงสร้างอำนาจที่แพตเตอร์สันน้องชายเขาได้สร้างไว้ สำหรับตระกูลเด็บส์ เขาจะกำจัดพวกเขานั้นเป็นเรื่องปกติ เขายินดีจะอภัยให้ตระกูลเด็บส์เพื่อแลกกับความพอใจของลินลี่ย์ ที่สำคัญแม้ว่าเขาจะนิรโทษให้ตระกูลเด็บส์ เขายังสามารถบีบพวกเขาได้โดยปรับมูลค่าให้หนักตามกระบวนการ
“ไม่ใช่” ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ“ข้าไม่ได้มาพูดแก้ต่างแทนพวกเขา”
“ว่าไงนะ?” เคลย์มองลินลี่ย์ด้วยความฉงน
ลินลี่ย์พูดแบบสบายๆว่า"ฝ่าบาท ข้อกล่าวหาเรื่องตระกูลเด็บส์ มีเอี่ยวกับการลักลอบขนหยกวารีหนีภาษีนั้นเป็นเรื่องปกติที่ต้องจัดการอย่างยุติธรรมและตรงไปตรงมา"
"โฮ่?"เคลย์มองลินลี่ย์ด้วยความสงสัย "ถ้ายังงั้น ลินลี่ย์เหตุที่เจ้ามาวันนี้เป็นเพราะ ... "
ลินลี่ย์หัวเราะออกมา"ตามความเห็นของข้านั้น พระองค์เพียงคุมขังเบอร์นาร์ด ประมุขของตระกูลไว้ก็น่าจะเพียงพอแล้วเนื่องจากท่านสงสัยว่าตระกูลเด็บส์มีเอี่ยวกับการลักลอบขนหยกวารีหนีภาษีส่วนลูกชายของเขาไม่มีความจำเป็นต้องคุมขังไว้ จริง ๆ แล้วมีความจำเป็นอะไรต้องคุมขังทายาทเอาไว้กันเล่า? หากท่านคุมขังคนที่หนึ่งไว้พวกเขาก็ยังมีคนที่สอง ตราบเท่าที่ตระกูลของพวกเขาไม่ได้ถูกทำลายจนหมดสิ้นก็จะมีคนสืบทอดสายเลือดต่อไป"
"ลินลี่ย์ที่เจ้าพูดหมายความว่า ... " เคลย์มองลินลี่ย์
ลินลี่ย์มองเคลย์กลับ"ฝ่าบาท ข้าหวังว่าท่านสามารถปล่อยคาลันได้"
"โฮ่ ปล่อยคาลันงั้นรึข้าได้ยินข่าวลือมาว่าเจ้ากับคาลันนั้น...?" เคลย์นั้นได้ทำการตรวจสอบเรื่องของลินลี่ย์อย่างละเอียดเป็นเรื่องธรรมดา ที่เขาจะรู้เรื่องราวอันซับซ้อนในอดีตระหว่าง ลินลี่ย์,คาลัน และ อลิซ
ลินลี่ย์ได้แต่หัวเราะอย่างจนปัญญาออกมา"ฝ่าบาท,เรื่องนั้นมันผ่านไปนานแล้ว"
เคลย์กล่าวเตือนว่า"ลินลี่ย์ ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้ก่อนว่า จากการสืบสวนของข้าสหายคาลันของเจ้าคนนี้เป็นคนโหดเหี้ยม และจิตใจคับแคบ เจ้าคิดเจ้าแค้น"
"ข้าทราบดี" ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
ด้วยการเจอกันกับคาลันเพียงไม่กี่ครั้งลินลี่ย์ก็สัมผัสได้แล้วว่ามุมมองของคาลันที่มีต่อเขานั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังและ ... ลินลี่ย์ยังรู้อีกด้วยว่าในระหว่างการจัดแสดงรูปแกะสลัก"ตื่นจากฝัน" เป็นเวลาเจ็ดวันนั้น เขาคือใครบางคนที่ปรารถนาจะทำลายมัน
การทำลายรูปแกะสลักทิ้งไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ใด
นอกจากคาลันแล้ว ลินลี่ย์คิดไม่ออกว่าจะยังมีใครที่ต้องการจะทำลาย'ตื่นจากฝัน' อีก
"แล้วเจ้าช่วยเขาด้วยเหตุอันใดเล่า?" เคลย์ถามต่อ
"ฝ่าบาทท่านคิดว่าข้าต้องเป็นกังวลกับคนจิตใจคับแคบและไร้ซึ่งวิสัยทัศน์เช่นเขาจริง ๆหรือ?" ลินลี่ย์ยิ้มพลางมองเคลย์เคลย์กระพริบตาและหัวเราะออกมาเช่นกัน
"ใช่แล้ว.เมื่อก่อน อาจกล่าวได้ว่าเจ้าและคาลันเป็นคนคุ้นเคย แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่เขาไม่ต้องการที่จะเป็นเพื่อนกับเจ้า เขากลับจงเกลียดจงชังเจ้าแทนมีเพียงบิดาของเขาที่ยังคงพยายามผูกมิตรกับเจ้าต่อไปเมื่อเปรียบเทียบกับบิดาของเขาแล้ว ตัวคาลันนั้นก็นับได้ว่าไร้วิสัยทัศน์จริง ๆ" เคลย์หัวเราะเสียงดัง
เคลย์ตบไหล่ลินลี่ย์เบาๆ "ไม่ต้องห่วง ข้าจะสั่งให้เมอร์ริทจัดการคดีนี้อย่างยุติธรรมและตรวจสอบหลักฐานอย่างละเอียดตระกูลเด็บส์จะได้รับความยุติธรรมแน่นอนแต่หากตระกูลเด็บส์มีความผิดฐานลักลอบขนหยกวารีหนีภาษีจริงข้าจะลงโทษพวกเขาไม่ให้หนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียวเช่นกัน" "ใช่แล้วตัดสินคดีอย่างยุติธรรม" ลินลี่ย์พยักหน้า
ในรถม้าระหว่างทางกลับบ้านบีบีนอนอยู่บนต้นขาของลินลี่ย์
"ว้าว เจ้านายท่านช่างร้ายกาจนัก ประมุขของตระกูลเด็บส์มีเอี่ยวในการลักลอบขนของหนีภาษีแน่นอนอีกไม่นาน ตระกูลของเขาย่อมจบสิ้นลง แม้ว่าคาลันจะสามารถหลบหนีไปได้ในตอนนี้แต่ในอนาคต เขาจะยังจมอยู่ในฝันร้ายจากความคับแค้น!" บีบีกล่าวอย่างตื่นเต้น
บีบีปรารถนาจะทำลายคาลันมาตั้งนานแล้วลินลี่ย์ส่ายหน้าพร้อมกับเสียงหัวเราะ"ยังยากที่จะพูดว่าตระกูลเด็บส์จะจบสิ้นหรือไม่ ตัวอย่างเช่นพวกเขาสามารถมอบทรัพย์สินส่วนใหญ่ของตระกูลให้กับราชาเคลย์โดยตรงและบางทีเคลย์อาจมอบโอกาสให้แก่พวกเขา แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญเท่าตอนนี้พวกเขาตกอยู่ในกำมือของเคลย์แม้ว่าพวกเขาจะไม่ตาย พวกเขาจะต้องถูกขย้ำทะลุผิวหนังไปถึงเนื้อจนได้"
ลินลี่ย์เข้าใจด้านมืดในโลกของขุนนางดีว่าเป็นอย่างไรแม้ว่าบนเบื้องหน้า พวกเขาจะพูดคุยการตัดสินคดีอย่างยุติธรรมนั่นล้วนเป็นการโป้ปดหลอกลวงทั้งสิ้น "เทียบกับเคลย์แล้วตระกูลเด็บส์ช่างอ่อนแอนัก" ลินลี่ย์ส่ายหน้า
คาลันผู้อ่อนแอและต่ำต้อยนั่นไม่ใช่คนที่ลินลี่ย์เป็นห่วงคาลันไม่ใกล้เคียงแม้กระทั่งอยู่ในระดับเดียวกับลินลี่ย์ด้วยซ้ำ หนึ่งเดียวที่ลินลี่ย์ปรารถนาจะต่อกรด้วยนั้นคือเคลย์!
"นายท่าน, ถึงแล้วขอรับ" คนขับรถพูดอย่างนอบน้อม
ลินลี่ย์เปิดประตูรถและเดินออกไปบีบีกระโดดลงบนไหล่ของลินลี่ย์เช่นเคย ขณะที่ลินลี่ย์กำลังจะเข้าไปในคฤหาสน์ของเขายามเฝ้าประตูกล่าวอย่างนอบน้อมว่า"ใต้เท้ามีอาคันตุกะมาขอพบท่าน เขากำลังรอท่านอยู่ในห้องโถงขอรับ"
"อาคันตุกะ?ในห้องโถงงั้นเหรอ?" ลินลี่ย์รู้สึกแปลกใจ
เหล่าขุนนางมักจะมาเยี่ยมลินลี่ย์บ่อยๆ แต่หากไม่ได้รับอนุญาตจากเขาให้เข้ามา พวกเขาทั้งหมดจะรออยู่ข้างนอกเงียบ ๆมีเพียงบุคคลที่มีสถานะสูงมากเช่น ดยุคแพตเตอร์สัน, ราชาเคลย์ หรือคาร์ดินัลกิลเยโม เท่านั้น ที่จะมุ่งตรงไปที่ห้องโถงแทนการรออยู่ด้านนอก
"ผู้ใดกัน?"ลินลี่ย์อดถามออกมาไม่ได้
"ไม่ทราบขอรับแต่เขาถือครองเหรียญตราของคาร์ดินัลอยู่ในมือขอรับ" ยามกล่าวอย่างนอบน้อมในฐานะที่เป็นอัศวินแห่งวิหารเจิดจรัส เขาย่อมคุ้นเคยกับเหรียญตราประจำตำแหน่งของคาร์ดินัลเป็นอย่างดี
คาร์ดินัลแต่ละคนจะได้รับเหรียญตราเพียงหนึ่งเหรียญเท่านั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา โยคีบางคนที่ทรงพลังก็มีเหรียญตราเช่นกันการมีเหรียญอยู่ในความครอบครองย่อมแสดงว่าบุคคลผู้นั้นมีฐานะไม่ด้อยไปกว่าคาร์ดินัล
"ตราประจำตำแหน่ง?"ลินลี่ย์สะดุ้ง
ลินลี่ย์รีบเดินตรงไปยังห้องโถงโดยไม่ลังเลทันทีขณะที่ลินลี่ย์กำลังผ่านทางเดินก่อนถึงห้องโถง เขาก็ตกใจเพราะคนที่เขาเห็นนั้น
ในห้องโถงมีชายวัยกลางคนผมดำ สวมเสื้อคลุมหลวมยาว มองเผิน ๆ เขาดูเหมือนชายวัยสามสิบหรือสี่สิบเขาปล่อยกลิ่นอายเฉื่อยชาเกียจคร้านออกมา
ขณะที่ลินลี่ย์มองชายวัยกลางคนผู้นี้ดูราวกับว่าจะรู้สึกถึงเขาเช่นเดียวกัน เขาหันกลับมามองลินลี่ย์เช่นกันตาของเขาเปล่งประกายตื่นเต้นออกมา "อาจารย์ลินลี่ย์ ท่านกลับมาแล้ว"
"อาจารย์ลินลี่ย์?"จิตใจของลินลี่ย์เต็มไปด้วยสงสัย แต่เขายังรีบเดินเข้าไปในห้องโถง
"ท่านคือ ... โฮ่ข้านึกออกแล้ว ท่านคือคนที่เสนอราคาประมูล 10 ล้านเหรียญทองคนนั้น"ตอนนี้ลินลี่ย์จำได้แล้ว ในระหว่างการประมูลรูปแกะสลัก 'ตื่นจากฝัน'ชายวัยกลางคนผู้นี้เป็นผู้เสนอราคาประมูล 10 ล้านเหรียญ
ชายวัยกลางคนพยักหน้ารัวๆอย่างตื่นเต้น"ข้าคาดไม่ถึงมาก่อนเลยว่า อาจารย์ลินลี่ย์จะจดจำข้าได้มันทำให้ข้าตื่นเต้นยิ่งนัก โอ้ ใช่แล้ว ข้าลืมแนะนำตัวเองไป เรียกข้าว่า ...ซีซาร์”
"ซีซาร์?"ลินลี่ย์ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
"ซีซาร์งั้นเรอะ?!"เสียงของ เดลิน โคเวิร์ท จู่ ๆ ก็ดังขึ้นมาในใจของลินลี่ย์"ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เจ้าตัวประหลาดน้อยซีซาร์จะยังคงอยู่ในดินแดนของทวีปยูลานนี่"
ลินลี่ย์สะดุ้งตกใจ
ปู่เดลิน รู้จักซีซาร์คนนี้งั้นเหรอ? ปู่เดลินมาจากยุคอดีตเมื่อนานมาแล้ว!หากเขารู้จักชายคนนี้ แล้วซีซาร์คนนี้อายุเท่าไรล่ะ?
"ลินลี่ย์ เจ้าซีซาร์คนนี้เป็นตัวประหลาดอย่างแท้จริงความแข็งแกร่งของเขาพัฒนาเร็วมากและเขาฆ่าโดยไม่กระพริบตาตอนที่ข้ายังมีชีวิตอยู่เขาเลื่อนเป็นระดับเซียนแล้ว แม้ว่าหลังจากนั้นเขาจะเป็นเพียงเซียนขั้นต้นเท่านั้น หลังจากผ่านไปห้าพันปีด้วยความเร็วในการพัฒนาของเขาแล้ว เป็นไปได้ว่าตอนนี้เขาจะแข็งแกร่งกว่าเดิมมากนัก"
หัวใจของลินลี่ย์บีบรัดจนอึดอัด
ชายที่อยู่เบื้องหน้าเขาดูเหมือนจะเพิ่งอายุสามสิบหรือสี่สิบเท่านั้นแต่แท้จริงแล้วกลับเป็นนักสู้ระดับเซียนในยุคของเดลิน โคเวิร์ท เดลินโคเวิร์ทมีชีวิตอยู่แค่พันกว่าปีก่อนจะตายไป แต่ซีซาร์คนนี้ หากนับดูจริง ๆ แล้วเขามีชีวิตมาจนถึงบัดนี้ยาวนานถึงเกือบหกพันปีแล้ว
เฒ่าประหลาดอายุหกพันปี!
"อาจารย์ลินลี่ย์มันเกิดอะไรขึ้น?"ซีซาร์กล่าวด้วยความกังวล"หน้าของท่านดูค่อนข้างจะไม่พอใจ"
"ไม่มีอะไรหรอกท่านซีซาร์ เชิญนั่ง" ลินลี่ย์บังคับตัวเองให้ใจเย็นลงแต่เมื่อใดก็ตามที่เขาคิดว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้เป็นใครเขาก็อดที่จะตื่นตระหนกไม่ได้
เฒ่าประหลาดอายุหกพันปีเป็นสุดยอดนักสู้ที่รอดชีวิตมาได้จากยุคสมัยของจักรวรรดิพูเอนท์จนถึงยุคสมัยใหม่ตอนนั้นเขาก็เป็นนักสู้ระดับเซียนแล้ว แล้วตอนนี้ล่ะ?
"อาจารย์ลินลี่ย์ข้ารู้สึกว่าทักษะในการแกะสลักของท่านน่าทึ่งมาก ถ้าไม่ได้เป็นเพราะแม่หนูดีเลียคนนั้นขอร้องข้าละก็วันนั้นข้าจะต้องประมูลรูปแกะสลักของท่านมาครอบครองได้แน่นอน" ซีซาร์จีบปากจีบคอพูดออกมาแต่แล้วตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา "แล้วอาจารย์ลินลี่ย์ ท่านกับแม่หนูดีเลียจะแต่งงานกันเมื่อไหร่หรือ?"
"แต่งงานงั้นหรือ?"ไม่ว่าลินลี่ย์จะตกตะลึงกับซีซาร์อย่างไรก็ตามแต่เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ออกมา ตาของลินลี่ย์เบิกกว้างจนแทบจะหลุดออกจากเบ้าเขาได้แต่เหม่อมองซีซาร์โดยไม่ปริปาก