ตอนที่แล้วตอนที่ 6-16 เหลือทน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6-18 เยี่ยมเยือน

ตอนที่ 6-17 คำวิงวอน


ณ คฤหาสน์ของลินลี่ย์ ผู้มีตำแหน่งเป็นอธิบดีศาลจอมเวท บริเวณสวนน้ำพุร้อน

ปรากฏประกายแสงแห่งการใช้เวทธาตุดิน– สนามสุดยอดแรงโน้มถ่วง ลินลี่ย์ในยามฝึกฝนขณะนี้สวมเพียงกางเกงขายาวเปลือยกายท่อนบน

มัดกล้ามเนื้อบนร่างกายท่อนบนของเขาทั้งหมดดูราวกับเป็นริ้วระลอกคลื่นไม่พบไขมันส่วนเกินเลย ขณะนี้ร่างกายทุกส่วนอวัยวะและเส้นเลือดทั่วร่างของเขากำลังถูกฝึกโดยต้านทานแรงโน้มถ่วงที่มากกว่าปกติถึง4 เท่า

เรื่องน่ายินดีภายหลังจากเขาได้กลายเป็นนักรบมังกรคือดูเหมือนว่าความสามารถด้านพละกำลังก็มีมากขึ้นตามไปด้วย

ท่ายืนของเขาโค้งโก่งคล้ายคันธนูที่ถูกดึงรั้งมือทั้งสองข้างถูกยกขึ้นมาขนานลำตัวแต่ละข้างปรากฏศิลาก้อนขนาดใหญ่ซึ่งมีน้ำหนักกว่าร้อยปอนด์ต่อก้อนเมื่อประกอบกับการฝึกในสภาวะที่แรงโน้มถ่วงมากขึ้น ทำให้น้ำหนักที่เขากำลังรับอยู่ณ ปัจจุบัน มีมากถึงเกือบหนึ่งพันปอนด์

ท่อนขาของเขาแข็งแรงราวกับท่อนเหล็ก ร่างกายเหยียดสูงตั้งตรงกระทั่งสายตาของเขาก็มุ่งตรงไปด้านหน้า ไม่มีแววสั่นไหว

หยาดเหงื่อหยดแล้วหยดเล่าไหลกลิ้งไปตามลำตัวของเขาจนทั่วทั้งร่าง แต่ลินลี่ย์หาได้ใส่ใจไม่

นอกเหนือจากภาระงานของอธิบดีศาลจอมเวท ลินลี่ย์ได้ฝึกฝนตัวเองอย่างต่อเนื่องทุกวันบริเวณด้านนอกสวนน้ำพุร้อน มีทหารยามยืนเฝ้าอยู่และมีหญิงรับใช้ 2คนที่รอพร้อมรับคำสั่งจากเขาอยู่ตลอดเวลาแต่ประตูที่จะเข้ามายังลานน้ำพุร้อนถูกปิดไว้ภายในบริเวณลานฝึกฝนมีเพียงเขาผู้เดียว

ยามที่ลินลี่ย์กำลังฝึกฝน ไม่อนุญาตให้ใครก็ตามเข้ามา

ครั้งหนึ่งราชาเคลย์ได้เสด็จมายังคฤหาสน์แห่งนี้มหาดเล็กจากในวังไม่สนใจคำเตือนจากทหารที่เฝ้าอยู่ด้านนอกและมุ่งตรงเข้ามายังลานน้ำพุร้อนเพื่อแจ้งให้ลินลี่ย์มาพบกับองค์ราชา ลินลี่ย์สั่งลงโทษชายคนนั้นทันทีโดยให้โบย20 ไม้ ร่างกายของชายผู้นั้นไม่อาจทนทานได้จึงเสียชีวิตลงในที่สุด

ราชาเคลย์หาได้ใส่ใจต่อการกระทำของลินลี่ย์แม้แต่น้อย ตรงกันข้ามยังได้ย้ำอีกว่าเมื่ออยู่ ณ ลานน้ำพุแห่งนี้ ทุกคนต้องเคารพกฎของลินลี่ย์

“ใต้เท้าลินลี่ย์ได้ฝึกหนักอยู่เสมอ เขาใช้เวลาทั้งวันอยู่ในลานนั้นเมื่อเขาไม่ได้ฝึกฝนศาสตร์แห่งนักรบ เขาก็ฝึกฝนศาสตร์แห่งจอมเวทข้าคิดว่าช่วงเวลาเดียวที่เขาจะพักผ่อนก็คือยามที่เขาแกะสลักหินเท่านั้น” หญิงรับใช้ผู้หนึ่งกล่าวเสียงเบาหญิงรับใช้อีกคนผงกหัวรับคำ “ข้าไม่เคยพบกับขุนนางที่ขยันมากเท่านี้มาก่อนข้าเคยรับใช้ใต้เท้าที่เป็นอาจารย์ผู้ฝึกสอนศาสตร์แห่งนักรบ ยังฝึกฝนเพียงวันละ 4ชั่วโมงเท่านั้น”

อัศวินจากวิหารเจิดจรัสที่ยืนอยู่ไม่ไกลต่างรู้สึกนับถือลินลี่ย์อย่างมากอัจฉริยะส่วนมากจะมีชื่อเสียงโด่งดังในระยะแรก แต่ภายหลังจะค่อย ๆ ดับหายไป ทุก ๆปีวิหารเจิดจรัสจะสนับสนุนอัจฉริยะมากมายอย่างไรก็ตามพวกเขากลับไม่เคยเจอใครโดดเด่นเท่าลินลี่ย์มาก่อนส่วนใหญ่แล้วเมื่อฐานะทางสังคมของพวกเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วก็มักจะไขว้เขวไปกับปัจจัยภายนอกอื่นๆ พัฒนาการจึงค่อย ๆถดถอยลง

“หากใต้เท้าลินลี่ย์ยังคงฝึกฝนต่อเนื่องเช่นนี้ เขาต้องกลายเป็นนักรบระดับ 9ที่อายุน้อยที่สุดเท่าที่เคยมีมาเป็นแน่และรวมถึงบรรลุระดับเซียนที่อายุน้อยที่สุดเช่นกัน” หนึ่งในองครักษ์กล่าว

ทหารองครักษ์คนอื่น ๆ ล้วนเห็นด้วย

ทุกคนในที่นี้ต่างยอมรับในความเพียรพยายามและอุตสาหะที่ลินลี่ย์มีให้ต่อการฝึกฝน

เพียงแค่ว่า... “ใต้เท้าลินลี่ย์ออกจะเข้มงวดและน่ากลัวอยู่บ้าง”หญิงรับใช้ผู้หนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงอมทุกข์

ในใจของพวกนาง ลินลี่ย์คือชายที่หล่อเหลา เยาว์วัย ทั้งยังแข็งแกร่งเขากำลังจะมีอนาคตที่รุ่งโรจน์! ทุกสิ่งอย่างล้วนไร้ที่ติ เพียงแต่มนุษยสัมพันธ์ที่เขามีต่อผู้อื่นนั้นแย่มากกระทั่งกับหญิงรับใช้อย่างพวกนาง เขาไม่แสดงออกถึงความเป็นสุภาพหรือแสดงความอ่อนโยนแม้เพียงนิด

แต่สิ่งที่ผู้อื่นไม่รู้ นั่นก็คือกระทั่งตอนเขากำลังแกะสลักหินเขาไม่ได้พักแต่อย่างใด แต่กำลังเพิ่มพลังจิต ในอัตราเร็วขั้นสูงสุด! ลินลี่ย์กำลังเพิ่มความแข็งแกร่งอยู่ทุกชั่วขณะ!

ภายในสวนน้ำพุร้อน

“ฟู่ว”

ตลอดเวลาหนึ่งชั่วโมงเต็มแห่งการฝึกฝนด้านพละกำลังสิ้นสุดลง ลินลี่ย์เริ่มต้นเดินลมปราณนักรบเลือดมังกรภายในร่างความเหนื่อยล้าจางหายลง เขาค่อย ๆ ชักเหล็กสกัดตรงออกมาจากนั้นเดินตรงไปยังศิลาก้อนใหญ่ที่เขาวางทิ้งไว้บนผืนหญ้า  เขากำลังจะลงมือแกะสลัก

จ้องมองไปยังศิลาทั้งสองก้อน สำรวจดูลายเส้นและโครงสร้างของหิน ลินลี่ย์เริ่มต้นออกแบบการแกะสลักของเขาในใจพริบตาเดียวภาพใบหน้าของนักรบในจินตนาการก็ปรากฏขึ้นในจิตใจ

รอยยิ้มถูกส่งออกมาบนใบหน้า เหล็กสกัดตรงในมือของลินลี่ย์เริ่มขยับอย่างเป็นจังหวะราวกับกำลังล่องลอยอยู่และฟาดฟันไปบนหินสลักทำให้เกิดเศษหินกระเด็นกระดอนไปทั่ว ลินลี่ย์ลงมืออย่างตั้งใจ ไร้ซึ่งความลังเลน้ำหนักที่ถ่ายลงในการแกะสลักก็เหมาะเจาะไม่มีความผิดพลาดแม้แต่น้อย

ช่างเป็นความรู้สึกที่แสนวิเศษเสียจริง!

จิตวิญญาณของลินลี่ย์เริ่มที่จะจมดิ่งไปในกระแสแห่งธาตุดินที่สั่นไหวรายล้อมรอบข้างทำให้เขาสัมผัสถึงทุกเส้นสายและรอยแตกของหินเบื้องหน้าได้อย่างชัดเจนขณะเดียวกันก็ยังทำให้เขาลงมือทุก ๆครั้งของเขาเป็นไปได้อย่างแม่นยำไร้ที่ติ

ราวกับเป็นเรื่องธรรมดา!

ลินลี่ย์ในตอนนี้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติท่ามกลางบรรยากาศแห่งธรรมชาติโอบล้อมซึ่งเป็นเหมือนดั่งพระแม่แห่งความกรุณาปราณีได้มอบความแข็งแกร่งให้กับเขาเติบโตขึ้น

“ฟู่ว”

เมื่อผ่อนลมหายใจออกจนหมด ลินลี่ย์ลดเหล็กสกัดตรงในมือลง

ผ่านไปสองชั่วโมง ศิลาขนาดใหญ่ได้กลายเป็นรูปสลักอย่างหยาบ ๆเขาตั้งใจจะแกะสลักลงรายละเอียดต่อในวันถัดไป เนื่องจากทุก ๆวันเขาได้กำหนดเวลาที่จะใช้ไปกับการแกะสลักโดยเฉพาะไม่ให้เกินไปกว่าที่ตั้งใจไว้

เขาจำเป็นจะต้องจัดสรรองค์ประกอบในการฝึกให้เป็นไปอย่างเหมาะสมเพื่อให้ได้มาซึ่งการเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้

การฝึกฝนเช่นนี้เกิดขึ้นทุกวันตั้งแต่ตีห้า จวบจนขณะนี้เป็นเวลาแปดนาฬิกาซึ่งเป็นเวลาอาหารเช้าแล้ว

เมื่อลดเหล็กสกัดตรงในมือลง ลินลี่ย์ถอดกางเกงออก และก้าวลงไปยังบ่อน้ำพุร้อนรับรู้ได้ถึงความร้อนตามลำตัวไล่เรียงไปทั่วทุกมัดกล้ามเนื้อ ลินลี่ย์ปิดตาลงอย่างผ่อนคลายในที่สุดก็เป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนที่แท้จริง

“เข้ามาได้” ลินลี่ย์ตะโกนบอก

หญิงรับใช้สองคนที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกมาตลอดได้ยินดังนั้นก็ก้าวเข้ามาพร้อมถาดในมือสองถาด  ภายในเต็มไปด้วยอาหารและผลไม้อย่างพรักพร้อม

“ใต้เท้าลินลี่ย์” หญิงรับใช้ทั้งสองวางถาดลงบนโต๊ะที่ตั้งอยู่ไม่ไกลและยืนรอรับคำสั่งต่อไปของลินลี่ย์อย่างนอบน้อม

เมื่อต้องยืนอยู่ด้านข้าง พวกนางต่างอดไม่ได้ที่จะชำเลืองตามองไปยังลินลี่ย์ ลินลี่ย์ตอนนี้ที่กำลังเปลือยกายอยู่ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อกำลังเอนกายอยู่เบื้องหน้าช่างเป็นอะไรที่น่าตื่นตาอย่างมาก

“พวกเจ้าไปได้แล้ว”

ลินลี่ย์กล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง

“เจ้าค่ะใต้เท้า” หญิงรับใช้ทั้งสองออกไปทันทีอย่างนอบน้อม

ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามา ลินลี่ย์ไม่ได้เหลือบตามองพวกนางแม้เพียงสักครั้ง

จากนั้นเขาก้าวขึ้นจากบ่อน้ำพุสวมชั้นในตามด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ถูกจัดเตรียมไว้ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้และเริ่มรับประทานอาหารเช้า

“ฟุ่บ” เงาสีดำตรงมาจากผืนหญ้าที่อยู่ห่างออกไป หนูเงาบีบีที่งีบหลับยามลินลี่ย์กำลังฝึกฝนการแกะสลักอยู่ได้พุ่งตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“เจ้านาย นี่เป็นเวลาอาหารเช้าแล้วหรือ อา เช่นนั้นแล้วเนื้อย่างชิ้นใหญ่นั่นข้าขอก็แล้วกัน” บีบีกล่าวจ้องมองเนื้อที่ตนหมายตาไม่กระพริบ

ลินลี่ย์หัวเราะในลำคอ

‘ท่านปู่เดลิน ท่านคิดว่าพวกเราพอจะมีวิธีจัดการกับเคลย์ในตอนนี้หรือไม่?’ ลินลี่ย์กล่าวกับปู่เดลินในใจ

เดลิน โคเวิร์ท ลอยออกมาจากแหวนมังกรขนด นั่งลงบนเก้าอี้อีกตัวหนึ่งยิ้มให้กับลินลี่ย์ “ลินลี่ย์ เคลย์น่ะเป็นถึงนักรบขั้นที่ 9ช่องว่างระหว่างเจ้าทั้งสองยังมากเกินไปต่อให้เจ้าอยู่ในสภาวะนักรบมังกรแบบเต็มรูปแบบแล้วก็ยังมีพลังเทียบเท่ากับนักรบขั้นที่8 ระดับต้น ๆเท่านั้น เดี๋ยวนะ ไม่สิ ตอนนี้เจ้าเป็นนักรบขั้นที่ 6ระดับปลายแล้วจึงเทียบได้กับนักรบขั้นที่ 8 ระดับปลายเมื่อเจ้าอยู่ในรูปแบบนักรบมังกรเต็มขั้นแต่อย่างไรก็ดี เจ้าก็นับว่าห่างจากเคลย์อยู่มาก”

ลินลี่ย์แม้รู้สึกไม่อยากจะยอมรับ แต่เขาก็รู้ดีว่า ณ ตอนนี้เขายังไม่อาจเป็นคู่มือให้กับผู้ที่เป็นคนออกคำสั่งให้ดยุคแพตเตอร์สันลักพาตัวมารดาของเขาไปหรือก็คือราชาเคลย์ นั่นเอง

“ข้ามีเพียงทางเลือกเดียวคือ ต้องฝึกหนักต่อไปเท่านั้น”  ลินลี่ย์กำหมัดโดยไม่รู้ตัวส้อมในมือถูกบิดให้งอด้วยพละกำลัง

ในระดับขั้นต้น ๆพละกำลังที่ถูกเสริมขึ้นมาจากการเปลี่ยนเป็นนักรบมังกรนั้นมีผลอย่างมากเมื่อวัดจากปริมาณการฝึกฝนของเขาซึ่งตอนนี้เป็นนักรบขั้นที่ 6 ระดับปลายแล้วภายในครึ่งปีนี้เขามีโอกาสอย่างมากที่จะเลื่อนระดับเป็นนักรบขั้นที่ 7หากเมื่อเวลานั้นมาถึงภายใต้สภาวะแห่งนักรบมังกรเขาจะสามารถก้าวไปถึงการเป็นนักรบขั้นที่ 9 ระดับต้นได้

“ใต้เท้าลินลี่ย์” เสียงจากหญิงรับใช้ลอยเข้ามาจากภายนอกลานน้ำพุ

“เข้ามา” ลินลี่ย์กล่าวอย่างสงบ

เพียงแต่คราวนี้หญิงรับใช้รีบเข้ามา กล่าวอย่างนอบน้อมว่า “ใต้เท้าลินลี่ย์ด้านนอกมีหญิงสาวผู้หนึ่งนามว่าอลิซมาขอเข้าพบกับใต้เท้าเจ้าค่ะ”

“อลิซ?” เปลือกตาของลินลี่ย์กระตุกเขามองไปยังหญิงรับใช้ที่มาแจ้งข่าว “พานางไปห้องรับแขก ข้าจะตามไปที่นั่น” ลินลี่ย์ยืนขึ้นขณะพูด

“เจ้าค่ะใต้เท้าลินลี่ย์” หญิงรับใช้ผู้นี้ไม่กล้าที่จะเหลือบมองลินลี่ย์แม้แต่น้อยนางรู้ดีว่าลินลี่ย์เข้มงวดต่อผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเพียงใด

……

อลิซบีบกระชับแก้วน้ำในมือ นางมีท่าทีทุกข์ใจ การที่นางจะมาขอร้องให้ลินลี่ย์เข้าช่วยเหลือช่างเป็นอะไรที่ลำบากใจสำหรับนาง หากแต่ตอนนี้นางมีเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้น

เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา

ร่างกายของอลิซแข็งทื่อ นางหันหน้ามองไปยังทิศทางนั้นทันที

ลินลี่ย์ในชุดลำลองเรียบง่าย ยิ้มและก้าวเข้ามาในห้องโถงรับแขก เห็นอลิซกำลังมองมาที่เขาเขาก็ได้แต่พยักหน้าและยิ้มตอบกลับ “อลิซ นานแล้วที่เราไม่ได้พบกัน” ลินลี่ย์กล่าวขณะทิ้งตัวลงนั่งในเก้าอี้ประธาน

อลิซเห็นได้ชัดว่าอากัปกิริยาของลินลี่ย์ได้เปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อเทียบกับหนึ่งปีก่อนหน้าหนึ่งปีก่อนนางยังรู้สึกว่าเขายังเด็กและไม่ประสีประสาเท่าไรนัก

แต่ตอนนี้ ลินลี่ย์เต็มไปด้วยกิริยาท่าทางที่สง่างามของชนชั้นสูงแค่รอยยิ้มบางๆ ที่เขาส่งมา ไม่ว่าใครก็สามารถสัมผัสได้ถึงราศีที่ไม่ธรรมดาของเขาราศีที่บ่งบอกถึงฐานะอันสูงส่ง

“พี่ลินลี่ย์” อลิซพยายามบังคับเสียงของนางให้สงบลงแต่พบว่ามันยังคงสั่นเครืออยู่เล็กน้อย

“เจ้าต้องการทานผลไม้หรือไม่ ข้ายังพอจำได้ว่าผลไม้โปรดของเจ้าคือผลมะกอก” ลินลี่ย์เหลือบตาไปยังหญิงรับใช้ที่อยู่ไม่ไกลเพียงหนึ่งครั้ง

ในเวลาไม่นาน หญิงรับใช้คนนั้นก็กลับมาพร้อมกับจานผลไม้

“ขอบคุณ” อลิซหยิบผลมะกอกขึ้นมากัดคำเล็ก ๆ ช่วงขณะนั้นเองนางอดที่จะคิดถึงช่วงเวลาที่นางกับลินลี่ย์ทานผลมะกอกด้วยกันไม่ได้ และตอนนั้นลินลี่ย์เป็นผู้ป้อนมันให้แก่นางด้วยตัวเอง

อลิซอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองลินลี่ย์ และพบว่าเขาเองก็กำลังยิ้มให้นางอยู่

“พี่ลินลี่ย์” อลิซลดมือที่ถือผลไม้ลงมา มองตรงไปยังชายที่นั่งข้างหน้านาง“มีบางเรื่องที่ข้าต้องขอความช่วยเหลือจากท่าน”

“เจ้าต้องการความช่วยเหลือจากข้างั้นหรือ?” ลินลี่ย์เองได้คาดเดาถึงสาเหตุเบื้องหลังในการมาเข้าพบเขาของอลิซไว้อยู่แล้ว

“เชิญกล่าวออกมาได้เลย” ลินลี่ย์กล่าวออกมาตรง ๆ

อลิซสูดหายใจเข้าลึก มองไปยังลินลี่ย์อย่างจริงจัง “พี่ลินลี่ย์ท่านน่าจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลของคาลันดี ข้าคิดว่าคาลันกับคนอื่นๆในตระกูลเป็นผู้บริสุทธิ์ พวกเขากำลังถูกใส่ความ ข้าหวังว่าท่านจะช่วยเหลือพวกเขาด้วยการเจรจากับองค์ราชาเคลย์ข้าหวังว่าท่านจะสามารถช่วยล้างมลทินและช่วยกอบกู้ชื่อเสียงจากคำครหานี้ให้แก่พวกเขาได้ข้ามั่นใจว่าองค์ราชาย่อมเห็นแก่หน้าท่าน”

ลินลี่ย์อดที่จะหัวเราะออกมาอย่างจนปัญญาไม่ได้

บริสุทธิ์งั้นหรือ?

ผู้อื่นอาจไม่รับรู้ แต่ย่อมไม่ใช่เขาผู้ซึ่งได้ลงมือสังหารแพตเตอร์สันยามนั้นแพตเตอร์สันได้บอกกล่าวแก่เขาเองเกี่ยวกับการลักลอบขนหยกวารีหนีภาษีครั้งนี้เขามั่นใจว่าโอกาสที่ตระกูลเด็บส์มีจะส่วนร่วมกับการลักลอบขนหยกวารีหนีภาษีครั้งนี้มีมากกว่า80-90 เปอร์เซ็นต์

“ล้างมลทินอันไม่เป็นธรรม? เหตุใดเจ้าจึงคิดว่าพวกเขาบริสุทธิ์ล่ะ? อลิซ เจ้าคิดหรือว่าเจ้ารู้จักตระกูลเด็บส์ดีแล้ว?” ลินลี่ย์มองอลิซ

อลิซตื่นตระหนก

นางต้องใช้ความกล้าอย่างมากในการกล่าวถ้อยคำเหล่านั้นออกมา แต่จากคำพูดที่ลินลี่ย์ตอบกลับนางด้วยคำถามเมื่อครู่ทำให้นางรู้สึกได้ว่า... ลินลี่ย์ไม่มีความคิดจะช่วยเหลือแม้แต่น้อย

นางพลันรู้สึกอยากร้องไห้ และทุกข์ใจอย่างมาก

อลิซลุกขึ้นยืน กล่าวกับลินลี่ย์ “พี่ลินลี่ย์ ข้าขออภัย ข้าไม่ควรมาที่นี่เลยข้ารู้ดีว่าในอดีตข้าได้ทำเรื่องผิดพลาด ไม่น่าให้อภัยและการที่ข้ามาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากท่านเพื่อตระกูลเด็บส์มันเป็นคำขอที่มากเกินไปสำหรับข้าไม่เป็นไรหากท่านไม่คิดช่วยเหลือ ข้าก็ไม่คิดโทษท่านแม้แต่น้อย” จากมุมมองของอลิซ ลินลี่ย์กับคาลันเป็นคู่แข่งกันในด้านความรักดีแค่ไหนแล้วที่ลินลี่ย์ไม่ได้กระทำสิ่งใดซ้ำเติมตระกูลเด็บส์ยามที่พวกเขาตกสู่สถานะเช่นในปัจจุบัน

ลินลี่ย์มองดูอลิซ ในยามนี้จิตใจของเขาสงบนิ่งอย่างมาก

เรื่องที่รักครั้งแรกของเขาล้มเหลวนั้นบัดนี้หลงเหลือเพียงภาพฝันที่ได้ล่วงพ้นมาแล้ว ลินลี่ย์ในตอนนี้ได้ผ่านประสบการณ์เฉียดตายจากหุบเขาแห่งเมฆหมอกได้กลายเป็นนักรบเลือดมังกร และด้วยการจากไปของบิดาเขาตอนนี้เขากำลังมุ่งหน้าไปสู่หนทางแห่งการล้างแค้น!

ด้วยจุดมุ่งหมายในการล้างแค้นของเขา ลินลี่ย์ได้แต่ขัดเกลาร่างกายและจิตใจให้บังเกิดความโหดร้ายทารุณความเย็นชา ไม่ให้ขาดไปแม้เพียงนิด ความพร้อมทางด้านจิตใจของลินลี่ย์ในตอนนี้เหนือล้ำยิ่งกว่าตัวเขาในปีก่อนหน้าอย่างทาบไม่ติดเขาโตขึ้นมากในช่วงเวลาที่ผ่านมาทั้งด้านพละกำลัง ความแข็งแกร่งและทางด้านจิตใจก็ด้วยเช่นกันลินลี่ย์เมื่อปีก่อนไม่อาจเทียบเท่ากับตัวเขาในยามนี้ได้เลย เขาไม่ใช่ลินลี่ย์คนเดิมที่อลิซคิดว่าเขาเคยเป็นอีกต่อไป

ด้วยประสบการณ์ที่เขาได้สั่งสมมา บัดนี้เขาได้เติบใหญ่แล้ว ลินลี่ย์ได้ผ่านพ้นเหตุการณ์ต่างๆ มาอย่างมากมาย

“พี่ลินลี่ย์ ข้าขอตัว” อลิซกล่าวและลุกขึ้นเตรียมตัวกลับนางรู้สึกได้ถึงน้ำตาที่กำลังจะกลั้นไว้ไม่ไหว

“อลิซ” ลินลี่ย์ยืนขึ้นเช่นกัน ยืดแขนออกมาวางไว้บนบ่าของอลิซ

อลิซหันกลับมาหาลินลี่ย์ด้วยความประหลาดใจ ลินลี่ย์มองนางตรงๆกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “อลิซ ยังมีเรื่องอีกมากที่เจ้าไม่รู้ตระกูลเด็บส์จะบริสุทธิ์หรือไม่ นั่นไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะตัดสินได้ อย่างไรก็ตามในเมื่อเจ้าตัดสินใจมาพบข้าเพื่อขอให้ข้าช่วยเหลือข้าก็จะไม่นิ่งดูดายหรือเพิกเฉยต่อเรื่องนี้แต่...ข้าจะสามารถช่วยพวกเขาไว้ได้สำเร็จหรือไม่นั้น นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด