ตอนที่ 6-15 ถูกใส่ร้าย
ต้องการสนทนากับอลิซเป็นการส่วนตัวงั้นหรือ? ตระกูลเด็บส์จะมีส่วนในการลักลอบขนหยกวารีหนีภาษีหรือไม่การสนทนากับอลิซเป็นการส่วนตัวจะถูกใช้เป็นการตัดสิน? เห็นได้ชัดว่าเมอร์ริทคนนี้ไม่ได้คิดแค่สนทนากับนางเป็นแน่ นีมิทซ์นั้นผ่านโลกมามากเป็นธรรมดาที่เขาจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
นีมิทซ์หยีตาขณะที่จ้องมองเมอร์ริท
แต่เมอร์ริทเพียงเอนหลังไปบนเก้าอี้ของเขาอย่างสบายใจเขาทำแม้กระทั่งหลับตาในขณะที่เขาผ่อนคลายตัวเอง เขาไม่แม้กระทั่งมองนีมิทซ์ด้วยซ้ำท่าทางของเมอร์ริทราวกับกำลังบอกว่า : หากเจ้าต้องการล้าง 'มลทิน' ของตระกูลเจ้าแล้ว จงให้อลิซเป็นผู้มาคุยเรื่องนี้กับข้าโดยตรง
นีมิทซ์เงียบไปครู่หนึ่งแล้วหัวเราะออกมา "เช่นนั้นใต้เท้าเมอร์ริทก็เป็นผู้คลั่งไคล้'ตื่นจากฝัน' ของท่านอาจารย์ลินลี่ย์เช่นนั้นย่อมเป็นที่เข้าใจได้หากท่านต้องการสนทนากับอลิซ ก็ได้ ข้าจะกลับไปคุยกับนางให้"
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ตาของเมอร์ริทเปิดขึ้น ยิ้มให้นีมิทซ์ "ฮ่า ๆเช่นนั้น นีมิทซ์ ตอนนี้เจ้ากลับไปได้แล้ว หากอลิซประสงค์จะสนทนากับข้า ข้าคิดว่าข้าจะได้เข้าใจตระกูลเด็บส์ของเจ้าได้ดีขึ้น"
นีมิทซ์ลุกขึ้นยืนคารวะอย่างสุภาพทันที "เช่นนั้นใต้เท้าเมอร์ริทข้าต้องขอตัวลาก่อน ข้าขอฝากเรื่องของตระกูลเด็บส์เราไว้กับท่านด้วย"
เมอร์ริทพยักหน้าเล็กน้อย
นีมิทซ์จากไปทันที
ปล่อยให้ดยุคเมอร์ริทให้อยู่เบื้องหลังไว้เพียงลำพังในห้องนั่งเล่น
เมอร์ริทที่กำลังคลึงแก้วไวน์ของเขาพึมพำออกมาเบา ๆ "อลิซ...แม่เทพธิดา...ของข้า"สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความพึงพอใจและคาดหวัง
ในฐานะที่เป็นอัครมหาเสนาบดีขวาของอาณาจักรเฟนไล และยังเป็นดยุค เมอร์ริทอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งเป็นอย่างยิ่งจำนวนคนอยู่เหนือเขาในอาณาจักรเฟนไลนั้นสามารถนับจำนวนได้ด้วยมือข้างเดียวเท่านั้น
คนอย่างเขาผ่านประสบการณ์กับสตรีทุกรูปแบบที่เขาปรารถนามาแล้ว
แท้จริงแล้วเมอร์ริทเป็นผู้มักมากในกามตัณหา แม้ว่าเขาจะมีอายุ 70 ปีแล้วก็ตามนักรบระดับเขาจะมีอายุขัยยาวนานกว่าสามร้อยปี ตอนนี้ อายุของเขาเพิ่งจะ 70ปีเท่านั้นและอยู่ในจุดสุดยอดของชีวิตเขา เป็นที่รู้กันทั่วว่าเมอร์ริทมีภรรยา 12คน แต่ก็เป็นมุมมองที่พบได้บ่อยในหมู่ขุนนาง
ภรรยาที่บ้านของตัวเองไม่น่าสนใจเท่าคนรักนอกบ้านแต่มีคนรักอยู่นอกบ้านก็ไม่น่าสนใจเท่าคนที่ท่านไม่อาจเอื้อมถึงเหล่าผู้ที่ท่านไม่อาจคว้ามาเชยชมได้นั้นย่อมดีที่สุด
แต่ด้วยฐานะของเมอร์ริทมีสตรีน้อยคนนักที่เขาไม่อาจคว้ามาได้ขณะเดียวกันก็มีสตรีไม่มากนักที่สามารถทำให้เขาหวั่นไหว
และแน่นอนว่าอลิซเป็นหนึ่งในนั้น
นับตั้งแต่ที่รูปแกะสลัก 'ตื่นจากฝัน' มีชื่อเสียงขึ้นมาในหัวใจของผู้ชายมากมาย สตรีในรูปแกะสลักได้กลายมาเป็นเทพธิดาที่ไม่อาจแตะต้องได้เทพธิดาผู้สูงส่ง สำหรับคนที่มีฐานะสูงส่งเช่นเมอร์ริทเป็นเรื่องธรรมดาที่เขามีความปรารถนาเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เทพธิดาเช่นอลิซมาเชยชมแต่เรื่องนี้ในความเป็นจริงนั้นเป็นไปได้ยากมาก
แต่ตอนนี้ อยู่ ๆ ก็มีคนเสนอโอกาสมาให้ถึงที่
"อลิซ แม่เทพธิดา?" เมอร์ริทไม่อาจกลั้นยิ้มเอาไว้ได้ เขาเงยหน้าขึ้นดื่มไวน์แดงจนหมดแก้ว
นีมิทซ์กำลังนั่งอยู่ภายในรถม้ามุ่งหน้ากลับคฤหาสน์คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันจนเป็นปม
อลิซเป็นคู่หมั้นของคาลัน!
ถ้าเขาขอให้อลิซไปพบกับเมอร์ริทเป็นการส่วนตัวแล้ว มันก็เหมือนกับเขากำลังผลักไสอลิซให้ตกลงไปในปลักโคลนด้วยเองแท้ๆ ในอนาคต, เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำถามของคาลัน, มันจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ถ้าหากเรื่องนี้แพร่ออกไป, ย่อมเกิดผลกระทบใหญ่หลวงต่อจุดยืนของตระกูลเด็บส์.
"อึ่ก. หากว่าตระกูลจบสิ้นแล้ว เกียรติภูมิจะยังสำคัญอะไรอีกเล่า?" นีมิทซ์ส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจออกมา
ตอนนี้ตระกูลเด็บส์กำลังตกอยู่ในช่วงวิกฤตครั้งใหญ่หากตระกูลเด็บส์ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานลักลอบขนสินค้าหนีภาษีคนทั้งตระกูลจะถูกกำจัดและทรัพย์สินทั้งหมดจะถูกริบเข้าคลังหลวงของราชาแห่งเฟนไลแม้ว่าตระกูลเด็บส์จะเหลือทรัพย์สินบางส่วนไว้นอกราชอาณาจักรเป็นการป้องกันไม่ให้ถูกริบทรัพย์สินทั้งหมดแต่สมบัติเกือบทั้งหมดล้วนแล้วแต่อยู่ในอาณาจักรเฟนไลทั้งสิ้น
ถ้าหากสูญเสียทุกอย่าง ใครจะรู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใดกว่าที่ตระกูลเด็บส์จะกลับสู่ความรุ่งเรืองเช่นในอดีตได้อีกครั้ง?
เมื่อเทียบกับอนาคตของตระกูลแล้ว การถูกเยาะเย้ยและรับความอัปยศอดสูเล็ก ๆน้อย ๆ ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่แต่อย่างใด ที่สุดแล้วในหมู่ขุนนางเคยขาดแคลนเรื่องราวน่าอับอายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
" แต่เรื่องนี้อยู่ที่การตัดสินใจของอลิซ" นีมิทซ์เป็นกังวลเล็กน้อย"สุดท้ายแล้ว ข้าก็ไม่อาจบังคับนางแล้วส่งไปคฤหาสน์ของเสนาบดีขวาได้"
นีมิทซ์ไม่ได้สนใจเรื่องความบริสุทธิ์ของอลิซเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายแล้วนางก็เป็นได้แค่สตรีเท่านั้น!
แต่นีมิทซ์รู้ดีว่า.....
"อลิซนั้นมีความเกี่ยวพันธ์กับลินลี่ย์เป็นพิเศษหากข้าใช้กำลังบีบบังคับนาง แล้วลินลี่ย์รู้เข้า ... "แค่คิดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้นีมิทซ์กลัวจนหัวหด ลินลี่ย์นั้นมีฐานะสูงส่งเป็นพิเศษในอาณาจักรเฟนไล
แม้ว่าเขาจะมีตำแหน่งมาร์ควิส แต่แท้จริงแล้วลินลี่ย์ขึ้นตรงกับวิหารเจิดจรัสก่อนหน้านี้ เวลาที่เคลย์เชิญลินลี่ย์เข้าร่วมประชุมขุนนางในอาณาจักรเฟนไล เขาบอกได้ว่าการสนทนาระหว่างทั้งสองคนนั้นไม่จำเป็นต้องระมัดระวังคำพูดเช่นเดียวกับการสนทนาระหว่างราชากับขุนนางเลย
เห็นได้ชัดว่าเคลย์ต้องการที่จะดึงลินลี่ย์มาอยู่ฝ่ายเขา
และบรรดาขุนนางของอาณาจักรเฟนไลต่างรู้ดีว่า หากลินลี่ย์ต้องการ เขาจะขึ้นเป็นนักบวชของวิหารเจิดจรัสได้ไม่ยากและอีกไม่กี่สิบปีให้หลังการที่ลินลี่ย์จะขึ้นเป็นคาร์ดินัลก็จะเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ฐานะของคาร์ดินัลนั้นอยู่เหนือกว่าราชา!
"ห้ามบีบบังคับนางเด็ดขาด" นีมิทซ์รู้สึกได้ถึงปัญหาชวนปวดหัวขึ้นมาทันทีเขาเป็นกังวลว่าอลิซจะบอกปัด เขาคิดอ่านเรื่องจากมุมมองของลินลี่ย์ด้วย
ไม่ว่าอย่างไรอลิซก็เป็นอดีตรักแรกของลินลี่ย์! ถ้าหากเขา, นีมิทซ์บีบบังคับให้อลิซไปพบปะกับเมอร์ริทและนางจะต้องถูกพรากพรหมจรรย์ไป ลินลี่ย์จะไม่ระเบิดความโกรธอันบ้าคลั่งออกมาได้อย่างไร?
ภายในคฤหาสน์ของตระกูลเด็บส์
ห้องโถงตระกูลเต็มไปด้วยคนของตระกูลเด็บส์มากมายอลิซและโรว์ลิ่งก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน ทุกคนกำลังรอการกลับมาของนีมิทซ์
ทุกคนล้วนกำลังเป็นกังวลเรื่องอนาคตของตระกูลเด็บส์!
"ท่านลุงรองกลับมาแล้ว! ท่านลุงรองกลับมาแล้ว!"ชายวัยกลางคนที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูเห็นนีมิทซ์และเริ่มร้องบอกทุกคน
คนของตระกูลเด็บส์ทั้งหมดรีบวิ่งออกไปหานีมิทซ์ทันที อลิซและโรว์ลิ่งสบตากันจากนั้นก็ลุกขึ้นและตามออกไปต้อนรับเขาเช่นกัน
"ท่านลุงรอง สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?"
นีมิทซ์มองกลุ่มคนด้านหน้าเขา แค่นยิ้มออกมาแล้วกล่าวว่า"สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่ย่ำแย่เท่าไหร่นักพวกเจ้าทุกคนกลับไปรอฟังข่าวที่ห้องพักเถอะ อลิซเจ้าอยู่ก่อนข้ามีเรื่องจำเป็นต้องปรึกษาเจ้า"
ในตระกูลตอนนี้ นีมิทซ์ถือว่ามีอำนาจสูงสุด หลังจากฟังที่เขาพูดทุกคนล้วนจากไปอย่างรวดเร็ว
อลิซรู้สึกสับสนงุนงง นางสับสนเพราะไม่รู้ว่านีมิทซ์มีเรื่องอะไรอยากจะปรึกษากับนาง
"เช่นนั้นพี่อลิซ ข้าขอตัวกลับไปรอที่ห้องนะ"โรว์ลิ่งโบกมือให้อลิซและพูดด้วยเสียงค่อนข้างเบา ไม่นานนักก็เหลือเพียงอลิซอยู่ในห้องโถง
นีมิทซ์เดินเข้ามาในห้องโถง
"ท่านปู่รอง กะ...เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?" อลิซถามด้วยน้ำเสียงติด ๆ ขัด ๆ
นีมิทซ์มองอลิซ ทันใดนั้นเขาส่งรอยยิ้มอันอบอุ่นให้นาง "อลิซไม่ต้องเครียดไป นั่งลงก่อน มา มานั่งสนทนากันๆดีเถอะ" นีมิทซ์เองก็นั่งลงในขณะที่พูดอยู่เช่นกัน
นีมิทซ์ ผู้ที่ไม่เคยญาติดีกับนาง ผู้ที่ดูเหมือนจะมองนางด้วยสายตาดูแคลนเสมอทำไมอยู่ ๆ ก็มาทำดีกับนางตอนนี้เล่า?
อลิซอดรู้สึกสงสัยขึ้นมาไม่ได้
"มา มา นั่งลงเถอะ" รอยยิ้มของนีมิทซ์ดูใจดีและอบอุ่นมาก
อลิซนั่งลงอย่างเป็นกังวล
นีมิทซ์ระบายลมหายใจออกมายาว ๆ หว่างคิ้วของเขาแฝงไปด้วยความกังวล "อลิซเราไม่ได้คาดคิดว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นทันทีหลังจากที่เจ้าและคาลันเสร็จพิธีหมั้นข้าเองก็ไม่ทราบว่าใครเป็นคนแอบใส่ร้ายตระกูลเด็บส์ของเรา หากข้ารู้ข้าจะฆ่ามันทิ้ง" สีหน้าของนีมิทซ์ปล่อยกลิ่นอายดุร้ายออกมาแต่แล้วมันก็เปลี่ยนเป็นท่าทางอับจนปัญญา "แต่ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือการล้างมลทินให้กับตระกูลของเราและช่วยคาลันกับเบอร์นาร์ด"
อลิซพยักหน้า
แต่ในหัวใจของนาง อลิซเต็มไปด้วยความสงสัย"ทำไมท่านปู่รองถึงได้เอาเรื่องนี้มาคุยกับข้า?"
นีมิทซ์จ้องมองอลิซพูดด้วยความจริงใจว่า "อลิซ มีบางเรื่องที่ข้าจำเป็นต้องขอร้องให้เจ้าช่วย"
"ขอร้องให้ข้าช่วย" อลิซตื่นตระหนก นางยืนขึ้นทันที
คนที่มีจุดยืนอย่างนีมิทซ์นั้น กระทั่งผู้นำตระกูลยังต้องเคารพเขา แต่ตอนนี้นีมิทซ์กำลังพูดว่ามีเรื่องบางอย่างที่เขาจำเป็นต้องขอให้นางช่วย อลิซจะไม่ตื่นตระหนกได้อย่างไร?
"อลิซ ใต้เท้าเมอร์ริทเป็นผู้รับผิดชอบในการสืบสวนคดีของตระกูลเด็บส์ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการลักลอบขนหยกวารีหนีภาษีใต้เท้าเมอร์ริทสนใจในตัวเจ้ามากและต้องการพบปะกับเจ้าเป็นการส่วนตัว"
นีมิทซ์รีบกล่าวต่อว่า "อลิซนี่นับเป็นโอกาสที่หาได้ยากที่จะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเรากับเขามีเพียงการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับใต้เท้าเมอร์ริทเท่านั้นเจ้าช่วยตระกูลของเราได้หรือไม่? อลิซ เจ้ากับคาลันโตมาด้วยกันเจ้าเองก็คงไม่ต้องการเห็นเขาจบชีวิตลงในคุกเช่นเดียวกับข้าใช่หรือเปล่า?"
อลิซตกตะลึง
พบปะเป็นการส่วนตัวยังงั้นหรือ?
อลิซเองก็เติบโตมาในตระกูลขุนนางเช่นกันและรับรู้เรื่องน่าอับอายที่เกิดขึ้นในหมู่ขุนนางเหล่านี้ดีนางสามารถคาดเดาได้ทันทีว่าการพบปะกับใต้เท้าเมอร์ริทครั้งนี้นั้นย่อมเป็นมากกว่าการพบปะพูดคุยธรรมดาๆ
"ข้า... ข้า... " อลิซตะกุกตะกัก
นีมิทซ์ขอร้องอีก "อลิซ ตระกูลเด็บส์ของเราทั้งตระกูลต้องพึ่งพาเจ้าแล้วข้าขอเอาหัวเป็นประกันว่าตราบเท่าที่เจ้าสามารถดึงใต้เท้าเมอร์ริทมาอยู่ข้างเราได้เจ้าจะได้เป็นภรรยาหลวงของคาลันแน่นอน"
อลิซรู้สึกได้ว่าจิตใจของนางกำลังเดือดดาล
อลิซยังคงเป็นสาวพรหมจรรย์
นางปฏิเสธที่จะปล่อยให้ลินลี่ย์และคาลันข้ามปราการด่านสุดท้ายมาได้แม้หลังจากหมั้นกับคาลันแล้ว อลิซก็ยังคงยืนกรานที่จะแต่งงานก่อนและนางจะขึ้นเตียงกับเขาในคืนส่งตัวเท่านั้น
แต่ตอนนี้นางต้องไปทำข้อตกลงกับใต้เท้าเมอร์ริทอะไรนั่น ...
"อลิซ ถือว่าข้าขอร้องเจ้า" นีมิทซ์กัดฟันลุกขึ้นจากเก้าอี้และคุกเข่าลงต่อหน้านาง "อลิซชีวิตของคาลันขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว"
"ชีวิตของคาลัน?" อลิซตัวสั่นเทิ้ม
คาลันโตมาด้วยกันกับนาง ไม่กี่วันก่อน คนในตระกูลเด็บส์ต่างมีสีหน้าเยาะเย้ยและดูถูกนางก็มีเพียงคาลันที่คอยปกป้องนาง
"ตกลง ข้ายอมรับข้อเสนอ" อลิซกัดฟันรับปาก
สีหน้าของนีมิทซ์ปรากฏความสุขปนแปลกใจ เขารีบพูดว่า "เยี่ยมมาก เช่นนั้นพรุ่งนี้ตอนเย็น ข้าจะส่งเจ้าไปยังคฤหาสน์ของใต้เท้าเมอร์ริท"
แต่ตอนนี้ สีหน้าของอลิซว่างเปล่า นางไม่มีการตอบสนองใด ๆ อีกเลย
เย็นวันรุ่งขึ้นรถม้าที่ถูกอัศเวินสิบสองคนคุ้มกันเดินทางออกจากคฤหาสน์ของตระกูลเด็บส์มุ่งหน้าไปทางคฤหาสน์ของเมอร์ริทอย่างช้า ๆในรถม้ามีเพียงอลิซเป็นผู้โดยสารคนเดียวเท่านั้น
อลิซกำลังนั่งกัดริมฝีปากเงียบ ๆ อยู่ในรถม้าด้วยความเครียดมือของนางกำชายกระโปรงเอาไว้แน่น
รถม้ายังคงมุ่งตรงไปข้างหน้า ไม่นานนัก ก็มาถึงประตูทางเข้าคฤหาสน์ของอัครเสนาบดีขวาเมอร์ริท
"คุณหนูอลิซ เรามาถึงแล้ว" เสียงของคนขับรถม้าดังขึ้นจากข้างนอก
ได้ยินคำพูดของเขา หัวใจของอลิซสั่น มือขวาของนางลูบคลำลงไปที่เอวของนางกุมด้ามมีดเหล็กกล้าข้างเอวไว้แน่น นั่นช่วยให้จิตใจของนางสงบลงเล็กน้อย
พอสูดลมหายใจเข้ายาว ๆ แล้วอลิซก็ผลักเปิดประตูรถม้าและก้าวออกมา
ภายในห้องรับแขกของคฤหาสน์ของเสนาบดีขวาเมอร์ริท
สวมเสื้อหนังคลุมกระโปรงเอาไว้ข้างใต้, ชุดที่อลิซสวมค่อนข้างอนุรักษ์นิยม ก้าวทีละก้าวสุดท้ายอลิซก็เดินเข้าสู่ห้องรับแขกอย่างสงบ อลิซมองไปรอบ ๆ ตัวนางแต่ไม่เห็นผู้ใดอยู่ในห้องรับแขก
"หืม?" อลิซอดขมวดคิ้วด้วยความสงสัยไม่ได้
ขณะเดียวกันนี้เอง สาวใช้คนหนึ่งวิ่งเข้ามา นางกล่าวอย่างนอบน้อมว่า"คุณหนูอลิซ ท่านใต้เท้าอยู่ในห้องหนังสือและอยากจะเชิญท่านไปที่นั่นค่ะ"
"ห้องหนังสือของเขางั้นเหรอ?" อลิซสะดุ้งเล็กน้อย
แต่ภายใต้การมองที่เร่งเร้าของสาวใช้ อลิซได้แต่เริ่มก้าวเดินตามหลังนางไป
ห้องหนังสืออยู่ในความเงียบสงบและเป็นพื้นที่แยกออกมาโดดเดี่ยวมีคนอยู่ที่นี่เพียงไม่กี่คน เมื่อมาถึงประตูห้องหนังสืออลิซเห็นชายผมทองวัยกลางคนกำลังยืนอยู่หน้าโต๊ะหนังสือกำลังอ่านเอกสารบางอย่างอยู่
"นี่คือเมอร์ริทงั้นหรือ?" เมื่อเห็นเมอร์ริท ความประทับใจครั้งแรกของอลิซรู้สึกว่านี่คือชายป่าเถื่อนคนหนึ่งแม้ว่าตอนนี้เขานั่งอยู่ที่โต๊ะของเขาหลังของเขาตั้งตรงและแววตาคู่นั้นของเขาก็คมกริบ
"ท่านดยุค คุณหนูอลิซมาถึงแล้วค่ะ" สาวใช้คนนั้นกล่าวอย่างนอบน้อม
ตอนนี้เมอร์ริทเพียงเงยหน้าขึ้นมา เมื่อเห็นอลิซเขาก็ยืนขึ้นอย่างตื่นเต้น"ฮ่าฮ่า คุณหนูอลิซ ท่านมาแล้วจริง ๆ? ข้ารอท่านนานแล้ว มา คุณหนูอลิซ เชิญนั่ง"ขณะที่เขาพูดเขาก็ลุกจากเก้าอี้และเดินไปหาอลิซ
อลิซก้าวเข้าไปในห้องหนังสือ
อลิซมองไปรอบตัวนาง ด้านขวาของห้องหนังสือนั้นมีชั้นวางหนังสือมากมายวางเต็มไปด้วยหนังสือนับไม่ถ้วน ด้านซ้ายของห้องหนังสือนั้น มีเตียงหนึ่งหลัง
"ข้าอ่านหนังสือหรือข้อราชการ หากข้าหนื่อย ข้าจะพักผ่อนที่นั่น"ใต้เท้าเมอร์ริทกล่าวด้วยรอยยิ้มในเวลาเดียวกันเขาเดินไปที่ประตูห้องหนังสือและปิดมันลง
เห็นประตูห้องหนังสือถูกปิดลง ทิ้งไว้เพียงนางและเมอร์ริทอยู่ภายในห้องสองคนอลิซเริ่มเครียด"ใต้เท้าเมอร์ริทมันจะไม่ดีกว่าหรือ หากว่าเราปล่อยให้ประตูห้องหนังสือเปิดไว้เช่นนั้นข้าไม่คุ้นเคยกับสถานที่มืด ๆ" อลิซรีบกล่าว