ตอนที่ 6-13 เปิดโปงความลับ
เข้าสู่ช่วงเวลายามค่ำ
เสียงรถม้าเคลื่อนที่ดังชัดบนถนนที่มุ่งตรงไปยังพระราชวัง ลินลี่ย์นั่งอยู่ด้านในรถม้าตามลำพังมีเพียงเจ้าบีบีอยู่บนตัก บริเวณรอบๆปรากฏร่างอัศวินกว่า 10คนบนหลังม้าโดยมีมหาดเล็กที่มาเชิญเขาที่ปราสาทเป็นผู้นำขบวนนี้
ภายในรถม้า
ลินลี่ย์กำลังครุ่นคิด “นี่ค่อนข้างมืดค่ำแล้วแต่ราชาเคลย์กลับเชิญข้าไปที่วังอย่างกะทันหันจะเป็นเพราะเหตุใดกัน” ในช่วงเวลาแบบนี้ คงมีเพียงผู้ที่ไม่ได้ไปทำความผิดใดมาจึงจะสามารถใจเย็นอยู่ได้
ลินลี่ย์แม้เพิ่งสังหารดยุคแพตเตอร์สันไป แต่ผู้บงการในการลักพาตัวมารดาของเขาที่แท้จริงแล้วคือราชาเคลย์ถ้าจะพูดให้ถูก ระหว่างเขากับเคลย์นับว่ามีความเป็นปฏิปักษ์ต่อกันอย่างลึกซึ้งและยาวนาน
เขาเพิ่มการระวังตัวอย่างมากในทุกย่างก้าวที่มีเคลย์เข้ามาเกี่ยวข้อง
“ข้าได้ยินมาว่าเมื่อ 2 วันที่ผ่านมาเคลย์จับตัวพ่อบ้านประจำคฤหาสน์ของดยุคแพตเตอร์สันและเริ่มทำการสืบสวนในวงกว้างเกี่ยวกับการหายตัวไปของแพตเตอร์สัน...แม้ว่าดยุคแพตเตอร์สันกล่าวว่าไม่ได้บอกผู้ใดเรื่องที่นัดพบกันกับข้าก็จริงแต่คำพูดเหล่านั้นจะเชื่อถือได้หรือ?” ลินลี่ย์ไม่มั่นใจ
ไม่แน่ว่าเจ้าพ่อบ้านนั่นอาจรู้เรื่องการนัดพบของเขากับตัวดยุคก็เป็นได้
หากพ่อบ้านคนนั้นแจ้งให้เคลย์รู้ ลินลี่ย์อาจตกอยู่ในอันตรายอันน่าหวาดหวั่น
“ลินลี่ย์ อย่าได้กังวลไป”
เสียงเดลินโคเวิร์ทดังขึ้นขณะกล่าวให้ความมั่นใจแก่เขา “ลินลี่ย์ต่อให้ดยุคแพตเตอร์สันบอกเรื่องการนัดพบกับเจ้าแก่พ่อบ้านของเขาจริงเจ้าก็ยังสามารถสบายใจได้”
“สบายใจได้งั้นหรือ?” ลินลี่ย์จ้องเดลินด้วยสีหน้าสงสัย
เดลินโคเวิร์ทพยักหน้าอย่างมั่นใจ “ต่อให้เคลย์กำลังสงสัยว่าเจ้าเป็นผู้ลงมือสังหารแพตเตอร์สัน เขาก็ไม่เปิดเผยมันออกมาหรอก”
“นั่นก็เพราะ...เคลย์ยังไม่รู้ถึงสาเหตุที่ทำให้เจ้าลงมือสังหารแพตเตอร์สันยังไงล่ะ” เดลินโคเวิร์ทกล่าวอย่างมั่นใจ
ลินลี่ย์ยังคงไม่วางใจแม้ว่าเคลย์อาจไม่รู้เหตุผลที่เขาสังหารแพตเตอร์สันก็จริง แต่เขาก็ยังรู้ว่าลินลี่ย์เป็นผู้ลงมืออยู่ดี
“เท่าที่ได้ยินจากบทสนทนาระหว่างเจ้ากับแพตเตอร์สันในห้องลับใต้ดินความสัมพันธ์ระหว่างแพตเตอร์สันกับเคลย์ไม่ค่อยดีนัก ขณะที่เขายังดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดีคลังแพตเตอร์สันได้ทำการทุจริตในหน้าที่อย่างมากมาย ตัวเคลย์เองน่าจะไม่ได้มีความห่วงใยอะไรแก่แพตเตอร์สันมากนักยิ่งไปกว่านั้นเคลย์ไม่ได้รับรู้เรื่องความไม่ลงรอยระหว่างเจ้าทั้ง 2 คนดังนั้นเขาจะไม่ทำการต่อต้านเจ้าอย่างไม่มีสาเหตุเพราะต่อให้เขาต้องการลงโทษหรือสังหารเจ้าก็ตาม เขาจะต้องได้รับการอนุมัติจากวิหารเจิดจรัสก่อน”สายตาของเดลิน โคเวิร์ทเป็นประกายขณะจับจ้องมายังลินลี่ย์
“อืมมม, เจ้าเคลย์นี่ยังนับว่าเป็นราชาได้อีกงั้นหรอในเมื่อวิหารเจิดจรัสมีอำนาจที่จะปลดเขาออกจากบัลลังก์ได้และในเมื่อเจ้าคือผู้ที่วิหารเจิดจรัสประเมินค่าไว้สูง เคลย์จะกล้าแสดงตัวเป็นปรปักษ์กับเจ้างั้นหรือ?” เดลิน โคเวิร์ทกล่าวปลอบใจ
ลินลี่ย์พยักหน้าเห็นด้วย
เขาเข้าใจแนวคิดข้อนี้ดี
อย่างไรก็ตาม...
ลินลี่ย์ไม่ต้องการให้เคลย์เกิดความระแวงในตัวเขาไม่เช่นนั้นการสืบสวนเรื่องการหายตัวไปของมารดาเขา หรือกระทั่งการล้างแค้นครั้งนี้จะเป็นไปอย่างยากลำบาก
“เปิดประตู! นี่ข้าเอง” ผู้ดูแลประตูวังตะโกนเสียงแหลมดังกังวาน
ได้ยินเช่นนี้ทำให้ลินลี่ย์รับรู้ว่าพวกเขาได้เดินทางมาถึงยังทางเข้าพระราชวังแล้วประตูทางเข้านี้ใหญ่โตราวกับอสุรกาย ในเวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงก็มีรถม้าแล่นเข้า-ออกประตูเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน
หนึ่งในนั้นคือรถม้าของลินลี่ย์ อีกคันเป็นของเบอร์นาร์ดและยังมีของเหล่าชนชั้นสูงคนอื่นๆอีกมากมาย
ภายในท้องพระโรงที่ว่าราชการของราชา
นอกเหนือจากทหารอารักขา 2 คนยืนประจำที่ทางเข้าออกของท้องพระโรงแล้วทุกคนในท้องพระโรงขณะนี้ต่างเป็นขุนนางระดับสูงรวมทั้งหมด 8 คนเบอร์นาร์ดผู้นำตระกูลเด็บส์ ลินลี่ย์, ผู้พิพากษาสูงสุด, อัครเสนาบดีซ้าย, ดยุคโบนัลด์. ผู้ตรวจการ, แฮมป์ตัน…
“ลินลี่ย์ เจ้ามาถึงแล้ว” เบอร์นาร์ดกล่าวต้อนรับเขาอย่างอบอุ่น
เหล่าขุนนางคนอื่นๆต่างเข้ามาทักทายเขาทันทีเช่นกัน ลินลี่ย์เห็นดังนี้ก็อดที่จะรู้สึกโล่งใจไม่ได้ดูเหมือนว่าไม่ได้มีเพียงเขาที่ถูกเรียกตัวมาอย่างเจาะจง
“ใต้เท้า ข้าอดสงสัยไม่ได้ว่าพวกท่านรู้หรือไม่ ทำไมองค์ราชาถึงเรียกตัวเราเข้ามาในวันนี้?” ลินลี่ย์เริ่มต้นบทสนทนาทันที
ดยุคโบนัลด์ อัครมหาเสนาบดีซ้าย รู้ถึงเหตุผลการเรียกประชุมครั้งนี้ดี
“ข้าคิดว่าที่องค์ราชาเรียกประชุมในครั้งนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของดยุคแพตเตอร์สันนะ”ดยุคโบนัลด์ตอบกลับพร้อมหัวเราะอย่างเป็นกันเอง
เบอร์นาร์ดที่ยืนอยู่ด้านข้างถามต่อทันทีว่า “ท่านดยุคไม่ทราบทำไมการหายตัวไปของดยุคแพตเตอร์สันถึงเกี่ยวข้องกับข้าด้วยข้าหาได้มีหน้าที่สำคัญใดๆในราชสำนักเลยนะขอรับ”
“ในวันนี้ องค์ราชาไม่ได้เรียกตัวเหล่าขุนนาง? เข้ามาทั้งหมด จึงน่าจะเป็นการสืบสวนนี้มากกว่า ไม่เช่นนั้นทำไมถึงมีเพียงข้า แต่ไม่มีอัครมหาเสนาบดีขวาและยังมีผู้ตรวจการเพียงแค่คนเดียวอีกด้วย?” ดยุคโบนัลด์มองออกได้ค่อนข้างชัดเจน
เบอร์นาร์ดพยักหน้ารับ
แต่ว่าในใจจะรู้สึกกังวล
นับตั้งแต่แพตเตอร์สันหายตัวไป เบอร์นาร์ดได้แต่รู้สึกไม่วางใจเขาเกรงว่าการลักลอบขนส่งหยกวารีที่ตระกูลของเขาได้ร่วมมือกับแพตเตอร์สันจะไม่เป็นความลับอีกต่อไปหากเรื่องนี้ถูกเปิดโปงขึ้นมา ตระกูลเด็บส์คงจบสิ้น
“องค์ราชาเสด็จ!”
เสียงประกาศดังขึ้นจากผู้ดูแลที่อยู่ประตูด้านข้างของท้องพระโรงราชาเคลย์ก้าวเข้ามา ตรงมาประทับยังบัลลังก์ด้านหน้าข้ารับใช้สองคนเข้ามาประจำตำแหน่งที่ด้านข้างบัลลังก์อย่างนอบน้อม
ขอฝ่าบาททรงพระเจริญ!
เหล่าขุนนางต่างโค้งคำนับอย่างพร้อมเพรียง
เคลย์กวาดสายตามองทุกคนตรงหน้า จากนั้นพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม“เวลานี้เข้าสู่ยามค่ำแล้ว ข้าเองก็ไม่ได้อยากจะรบกวนพวกท่านเท่าใดนักแต่ปัญหานี้เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของดยุคแพตเตอร์สันนั้นสำคัญมากข้าจึงต้องเรียกตัวพวกท่านให้มายังที่นี่ในเวลานี้”
"เช่นนั้นแล้ว ข้าขอถามได้หรือไม่ฝ่าบาทว่าการหายตัวไปของดยุคแพตเตอร์สันเกี่ยวข้องอะไรกับการเชิญพวกเราในวันนี้”
ในบรรดาคนหน้าทั้ง 8 คนตรงหน้าเคลย์ อาจมีเพียงลินลี่ย์เพียงคนเดียวที่กล้าพูดกับเขาอย่างนี้เนื่องจากตำแหน่งของคนที่เหลือทั้งหมมดเป็นเพียงขุนนางภายใต้การบังคับบัญชาของเคลย์แต่ในความเป็นจริงแล้วลินลี่ย์นั้นถูกแต่งตั้งและขึ้นตรงกับวิหารเจิดจรัสเพียงแต่มารับใช้อาณาจักรเฟนไลแต่ในนามเท่านั้น
“ลินลี่ย์ ข้าเพียงแต่อยากจะให้การสืบสวนนี้เป็นไปอย่างยุติธรรมและโปร่งใส”เคลย์ยิ้มจากนั้นกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า “นำตัวโลดิพ่อบ้านประจำคฤหาสน์ของดยุคแพตเตอร์สันออกมา”
โลดิ พ่อบ้านประจำคฤหาสน์ของดยุคแพตเตอร์สัน?
ลินลี่ย์และเบอร์นาร์ด ผู้นำตระกูลเด็บส์ต่างพากันใจเต้นแรงระรัว
ท้องพระโรงเต็มไปด้วยความเงียบสงัดทุกคนต่างเฝ้ารอพบกับโลดิที่กำลังจะถูกนำตัวออกมาให้การ ลินลี่ย์ยังคงยืนอยู่ที่เดิมโดยมีเจ้าบีบี หนูเงาบนบ่าของเขา
ชั่วครู่ต่อมา
ชายวัยกลางคนผมสีเขียว ถูกคุมตัวมาโดยทหารองครักษ์ ชายผู้นี้ดูเปราะบางผมเผ้ายุ่งเหยิง ท่าทางเลิกลั่กสับสนอยู่ในที
เบอร์นาร์ดจดจำชายคนดังกล่าวได้ทันทีด้วยการกวาดตามองเพียงรอบเดียวชายผู้นี้คือโลดิ พ่อบ้านของดยุคแพตเตอร์สันตัวจริง
“โลดิ เจ้าจงอธิบายรายละเอียดทุกสิ่งที่รู้ออกมา” เคลย์กล่าวน้ำเสียงตะคอก
โลดิได้เล่าเรื่องที่ตนรู้แก่ราชาเคลย์ไปแล้วรอบหนึ่งแต่เพื่อให้ทุกคนได้รับรู้เหมือนกันเขาจึงเล่าเหตุการณ์อีกรอบโลดิกล่าวด้วยท่าทีจริงจังไม่กลับกลอก “ฝ่าบาท ในวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมาตระกูลเด็บส์ได้จัดงานเลี้ยงฉลองพิธีหมั้นขึ้น ดยุคแพตเตอร์สันเองก็ได้รับเชิญและเข้าร่วมงานดังกล่าวเพียงแต่หลังงานเลี้ยงฉลองสิ้นสุด ท่านไม่ได้กลับมา”
“โลดิ เจ้าไปยืนด้านข้างได้” เคลย์กล่าวเสียงเย็น
“พะยะค่ะ ฝ่าบาท” เห็นได้ชัดว่าโลดิหวาดกลัวเคลย์เพียงใดเขารีบรุดไปยังมุมห้องท้องพระโรงอย่างลนลาน
เคลย์กวาดสายตาไปยังขุนนางทั้งแปด
“จากข้อมูลที่ข้าได้สืบทราบมาพวกเจ้าทั้งหมดเป็นแขกชุดท้ายที่ออกจากงานเลี้ยงพิธีหมั้นของตระกูลเด็บส์ที่ข้าต้องการถามคือ มีผู้ใดได้พบเจอดยุคแพตเตอร์สันหรือไม่”
“ในวันงาน หลังจากงานเลี้ยงต้อนรับจบลง ดยุคแพตเตอร์สันเดินทางกลับทันที”ดยุคโบนัลด์กล่าวออกมา
ลินลี่ย์พยักหน้ารับเช่นกัน “ข้าก็ด้วยเห็นดยุคแพตเตอร์สันเดินทางกลับค่อนข้างเร็ว”
ผู้อื่นหากไม่ตอบว่าไม่ทันได้เห็นต่างก็บอกไปในทำนองเดียวกันว่าเห็นว่าดยุคแพตเตอร์สันเดินทางกลับจากงานเลี้ยงค่อนข้างเร็ว
หลังจากได้ฟังที่ทุกคนตอบคำถามแล้ว เคลย์ยิ้ม ผงกศีรษะเล็กน้อยแล้วหันไปกล่าวกับโลดิ “โลดิ เจ้าเล่าต่อสิ”
“พะยะค่ะ” โลดิเล่าต่อว่า “ในคืนนั้น ก่อนที่ท่านดยุคจะเดินทางไปยังงานเลี้ยงท่านได้บอกกับข้าน้อยว่าท่านจะไปพบกับแขกคนสำคัญแต่การนัดคุยครั้งนี้จะต้องถูกเก็บเป็นความลับ มิให้ผู้ใดรู้ท่านจึงให้ข้าน้อยเตรียมการให้มีผู้คนมาสวมบทบาทเป็นท่านดยุคว่าได้เดินทางออกจากงานเลี้ยงแล้วแต่แท้จริงท่านดยุคแพตเตอร์สันยังคงอยู่ในงานเลี้ยงต่อ”
“ท่านดยุคยังได้กล่าวอีกว่าฝ่ายตระกูลเด็บส์ได้จัดเตรียมสถานที่ลับและปลอดภัยในการนัดคุยครั้งสำคัญนี้”
เบอร์นาร์ดหน้าซีดเผือดเมื่อได้ยินคำพูดของโลดิ
“ฝ่าบาท! ฝ่าบาท!”
เขารีบก้าวออกมาและกล่าว “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับกระหม่อมท่านดยุคได้กล่าวกับกระหม่อมแค่ว่าต้องการพบกับใครบางคน ข้าไม่อาจปฏิเสธได้ที่ข้าทำมีเพียงจัดเตรียมสถานที่ให้”
“เบอร์นาร์ด อย่าได้ร้อนรนไป ข้าจะไม่รีบด่วนตัดสินหากเรื่องราวยังไม่กระจ่าง”เคลย์ยิ้ม
“ขอบพระทัย ฝ่าบาท” เบอร์นาร์ดรีบกลับไปยืนตำแหน่งเดิม แต่ใบหน้ายังคงซีดขาว
เคลย์หันกลับมามองไปยังลินลี่ย์และคนที่เหลือ“หากแพตเตอร์สันกำลังจะนัดพบกับใครสักคนข้าคิดว่าคนผู้นั้นควรจะต้องเป็นกลุ่มผู้ร่วมงานที่กลับเป็นกลุ่มสุดท้ายจริงหรือไม่”
ลินลี่ย์ใจกระตุก
ดยุคโบนัลด์ เคาท์จูโน มาร์ควิสแฮมป์ตันและคนอื่นๆต่างจ้องไปยังเคลย์ด้วยความประหลาดใจระคนตกใจตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่าราชาเคลย์เรียกพวกเขามาเข้าเฝ้าด้วยเหตุใด
องค์ราชาคิดว่าพวกเขาเป็นผู้ต้องสงสัย!
“ฝ่าบาท ข้าขอสาบานว่าไม่ได้พบกับดยุคแพตเตอร์สันพะยะค่ะ” เคาท์จูโนมาร์ควิสแฮมป์ตัน และคนอื่นๆรีบกล่าวออก
เคลย์ยิ้ม “ข้าเพียงแต่ตั้งข้อสงสัยเท่านั้น หากพวกเจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิดเหตุใดจึงร้อนรน? ดูสิ ลินลี่ย์ตรงนี้ดูสงบนิ่งมากที่สุดแล้ว”
ลินลี่ย์เพียงยิ้มรับแต่ไม่ได้กล่าวอะไร
เคลย์จับจ้องไปยังกลุ่มคนเบื้องหน้า ลอบหัวเราะอย่างเย็นชาอยู่ในใจ “อันที่จริง ข้าเองไม่ได้ใส่ใจมากนักหรอกกับการหายตัวไปของแพตเตอร์สัน ข้าต้องขอขอบคุณคนผู้นั้นด้วยที่ให้โอกาสนี้ในการถอนรากถอนโคนการกระทำลับๆของแพตเตอร์สันที่เขาได้ก่อไว้”
ด้วยการดำรงตำแหน่งเสนาบดีคลังมาอย่างยาวนานแพตเตอร์สันได้ลักลอบสร้างเครือข่ายเส้นสายไว้มากมายอิทธิพลของเขากระจายออกในวงกว้างตัวเคลย์เองยังไม่อาจสืบสวนเบื้องหลังของแพตเตอร์สันได้อย่างง่ายดายนักเพราะแพตเตอร์สันก็ระวังไม่ให้ก่อปัญหาอย่างเห็นได้ชัดในอาณาจักร
และนี่ก็เป็นเหตุผลให้ตระกูลเด็บส์ตัดสินใจร่วมมือกับดยุคแพตเตอร์สัน
แต่บัดนี้ แพตเตอร์สันได้หายตัวไปแม้เป็นกลุ่มมังกรแต่หากขาดผู้นำย่อมระส่ำระส่าย
ที่แพตเตอร์สันสร้างมาอย่างยาวนานโดยไม่เลือกวิธีการการลงมือของเคลย์ครั้งนี้กระทำลงอย่างรวดเร็วฉับไวนักราวกับสายฟ้าฟาด
เมื่อขาดการชี้นำจากแพตเตอร์สันเหล่าผู้ที่ฝักฝ่ายในตัวแพตเตอร์สันย่อมรู้สึกไม่มั่นคง ไม่อาจต้านทานแรงกดดันจากราชาเคลย์ได้อีกต่อไป
เคลย์มองมาที่ลินลี่ย์และคนอื่นๆ หัวเราะ แล้วกล่าว“การหายตัวไปของน้องชายคนรองของข้า ดยุคแพตเตอร์สันนี้เป็นสิ่งที่ข้าต้องตรวจสอบอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ข้าประหลาดใจคือข้ากลับค้นพบบางสิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความลับที่โลดิได้เปิดเผยออกมา”
ลินลี่ย์อดไม่ได้ที่จะมองไปยังโลดิ
“โลดิ บอกพวกเขา”เคลย์ยิ้มให้กับโลดิ
ณ เวลานี้ ราชาเคลย์รู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่งการตายของน้องชายสำหรับเขาไม่ใช่เรื่องใหญ่ และที่สำคัญบัดนี้อำนาจในอาณาจักรเฟนไลได้กลับสู่มือเขาอย่างสมบูรณ์
โลดิกล่าวอย่างนอบน้อม “ทูลฝ่าบาทในวันที่ดยุคแพตเตอร์สันเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองที่ตระกูลเด็บส์ เหตุผลที่เขาต้องการพบกับบุคคลปริศนานั้นเป็นเพราะว่าต้องการสร้างเครือข่ายเส้นสายกับหอการค้าดอว์สันฉะนั้นบุคคลที่ดยุคได้นัดพบควรเป็นผู้ที่มีเส้นสายกับหอการค้าดอว์สันอย่างแน่นอน”
“หอการค้าดอว์สัน?”
ลินลี่ย์รู้สึกได้ถึงหัวใจที่กำลังเต้นระรัวของเขา
“มีผู้ใดต้องการทราบบ้างว่าเหตุใดน้องชายคนรองของข้าจึงประสงค์จะเริ่มต้นความสัมพันธ์กับหอการค้าดอว์สัน?” เคลย์หัวเราะขณะมองไปยังกลุ่มคนเบื้องหน้า “โลดิ พูดต่อไป”
“พะยะค่ะ” เห็นได้ชัดว่าโลดิเกรงกลัวอำนาจของราชาเคลย์เพียงใดได้แต่พูดตามที่ได้ถูกกำกับไว้ “ตลอดหลายปีมานี้ดยุคแพตเตอร์สันได้ทรยศต่ออาณาจักรของเราในหลากหลายทางเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์และทรัพย์สินส่วนตน โดนเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่กี่เดือนมานี้เขาได้เริ่มโครงการใหญ่อย่างลักลอบขนส่งหยกวารี?โดยร่วมมือกับตระกูลเด็บส์หากนับดูแล้วในประวัติศาสตร์อาณาจักรของเรานี่จะเป็นโครงการหยกวารีที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา”
“ตุ้บ!”
เบอร์นาร์ดผู้นำตระกูลเด็บส์คุกเข่าลงกับพื้นแทบในทันที เขารีบกล่าว “ฝ่าบาทข้าถูกใส่ความ! ตระกูลเด็บส์เราประกอบธุรกิจอย่างโปร่งใสมาโดยตลอดพวกเราไม่เคยกระทำในสิ่งใดที่เป็นภัยต่อประโยชน์สุขของแผ่นดินตระกูลเด็บส์ของเราถูกใส่ความพะยะค่ะ!”
“ถูกใส่ความงั้นหรือ?” เคลย์ตวัดสายตาจ้องไปยังเบอร์นาร์ดอย่างเย็นชา
“นำตัวพี่น้องแลนเซียเข้ามา!”เพียงแค่ได้ยินชื่อ‘พี่น้องแลนเซีย’ ใบหน้าเบอร์นาร์ดก็ขาวซีดแทบไม่เห็นสีเลือด