ตอนที่แล้วตอนที่ 6-11 จอมบงการหลังม่าน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6-13 เปิดโปงความลับ

ตอนที่ 6-12 การสืบสวน


ในที่สุดแพตเตอร์สันก็เข้าใจก่อนตายว่าเพราะอะไร

เขาได้เดินทางไปร่วมงานศพบิดาของลินลี่ย์ เขาย่อมรู้ว่าบิดาของลินลี่ย์นั้นตายแล้ว

เรื่องตลกก็คือตอนนี้เขาหวังแค่เพียงว่า เขาจะได้ไปจากที่นี่อย่างมีชีวิตแต่บัดนี้เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าทำไม ลินลี่ย์ถึงได้ทำเรื่องเหล่านี้ในใจลึกๆของแพตเตอร์สันเองก็ไม่อยากจะตายจากไปเช่นนี้ ความจริงแล้วด้วยพลังของเขาในฐานะนักรบระดับ7 ไม่มีอะไรยากเลยกับการมีชีวิตอยู่อีก 200 - 300 ปี

เขาควรจะได้มีชีวิตอยู่อีกนาน

"ข้ากำลังจะตาย แต่เคลย์ เจ้าเองก็มีชีวิตอยู่อีกไม่ได้นานนักหรอก"ในขณะที่วิญญาณของแพตเตอร์สันกำลังจะถูกดึงลงไปยังแดนเบื้องล่างเขาปล่อยเส้นด้ายแห่งความเกลียดชังทิ้งไว้ ให้กับพี่ชายผู้น่าชิงชังของเขา เคลย์

…..

หลังจากยืนมองแพตเตอร์สันตาย ลินลี่ย์กลับคืนสู่ร่างปกติของเขา

"เคลย์ คนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ทั้งหมดก็คือเคลย์สินะ"ลินลี่ย์ ขมวดจนคิ้วชนกัน

ตัวเคลย์เองนั้นเป็นนักสู้ระดับ 9 แม้ว่าลินลี่ย์อยู่ในร่างมังกรแปลงเต็มตัวเขาก็มีพลังมากที่สุดอยู่ประมาณนักสู้ระดับ 8 ขั้นต้นเท่านั้น

พลังของเคลย์อยู่เหนือกว่าเขาอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าลินลี่ย์ลอบโจมตีเขาเขาก็ไม่อาจทำอันตรายใดๆต่อนักรบระดับ 9 ได้ระดับพลังของพวกเขาห่างชั้นกันมากเกินไป

และ เคลย์ยังมีพลังมหาศาลมากพอจะกำจัดเขาให้หายไปได้อีกด้วย

ในฐานะผู้ปกครองที่ได้รับความเคารพนับถือของเฟนไลเขาจะไม่มีนักรบชั้นแนวหน้าจำนวนมากภายใต้ร่มธงของเขาได้อย่างไรกัน? และการเป็นผู้ปกครองของอาณาจักรเฟนไลมาเป็นเวลานานหลายปีในบรรดา 6 อาณาจักรชั้นนำของสหภาพศักดิ์สิทธิ์ เขากับวิหารเจิดจรัสมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันและหยั่งรากไว้ลึกมาก

ในแง่ของความแข็งแกร่งและกองกำลังที่มีอยู่ตอนนี้ ลินลี่ย์ไม่อาจเทียบกับเคลย์ได้เลย

"บางทีข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียวของข้าในตอนนี้ก็คือข้านั้นแอบปฏิบัติการในเงามืดเท่านั้น"ลินลี่ย์ครุ่นคิดหาวิธีการต่อกรกับเคลย์อย่างต่อเนื่อง

เดลิน โคเวิร์ท ปรากฏกายออกมาจากแหวนมังกรขนด เขากระตุ้นเตือนลินลี่ย์ทันที"ลินลี่ย์อย่ามัวแต่เสียเวลาอยู่ที่นี่นานกว่านี้ ตอนนี้เจ้าต้องทำลายหลักฐานทุกอย่างที่อาจสาวมาถึงตัวเจ้าได้ให้หมดสิ้นและรีบกลับไปคฤหาสน์เจ้าทันที ไม่อย่างนั้นหากเจ้ากลับไปถึงช้าเกินไปเมื่อพวกเขาเริ่มทำการสืบสวนว่าผู้ใดฆ่าแพตเตอร์สันพวกเขาอาจจะสงสัยเจ้าได้"

ลินลี่ย์สะดุ้งตื่นจากภวังค์

ใช่แล้ว!

ข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียวของเขานั้นคือการที่เขาปฏิบัติการในเงามืดไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาไม่อาจปล่อยให้เคลย์เกิดความสงสัยระมัดระวังต่อเขาขึ้นมา

"ถึงเวลาเผาหลักฐานให้เป็นเถ้าถ่านแล้ว" ลินลี่ย์สร้างลูกบอลไฟหลายสิบลูกขึ้นมารายล้อมร่างกายของแพตเตอร์สันทันทีด้วยพลังจิตของเขาในตอนนี้ ลูกบอลไฟของเขามีอุณหภูมิค่อนข้างสูง

ร่างกายของแพตเตอร์สันเริ่มถูกแผดเผาอย่างรวดเร็วขณะที่ในเวลาเดียวกันก็มีกลิ่นเหม็นไหม้คละคลุ้งกระจายไปทั่ว ไม่นานนักที่ยังเหลืออยู่ก็มีเพียงกระดูกที่ถูกเผาจนเป็นสีเหลืองไม่กี่ท่อนและขี้เถ้าเท่านั้น

กลิ่นเหม็นคละคลุ้งมากจนทำให้ลินลี่ย์ถึงกับขมวดคิ้ว

"ลินลี่ย์ เสื้อผ้าของเจ้าด้วย" เดลิน โคเวิร์ท เตือน

ลินลี่ย์มองดูเสื้อผ้าของเขา จริงด้วย หลังจากเปลี่ยนร่างไปใช้ร่างมังกรแปลงเสื้อผ้าของเขาฉีกขาดเป็นริ้วๆจนไม่เหลือสภาพปกติแล้ว ลินลี่ย์ดึงเอาเศษผ้าออกแล้วจากนั้นก็ถอดเสื้อชั้นนอกและกางเกงขายาวของเขาออกมาโดยไม่ลังเลเลยสักนิดเขาเผาเสื้อผ้าจนกลายเป็นเถ้าถ่านทันที

ลินลี่ย์เปิดใช้งานกลไกทันที

"กึง กึง" ประตูหินเปิดขึ้นมาอีกครั้ง ลินลี่ย์รีบเดินออกไปแล้วปิดประตูลงทันที

ไม่ว่าอย่างไร การที่ประตูหินปิดอยู่มันย่อมที่ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นแล้วด้วยประตูที่เปิดอยู่กลิ่นเหม็นของเนื้อหนังที่ถูกเผาไหม้จะดึงดูดความสนใจของผู้คนได้อย่างรวดเร็ว

"ในห้องนี้น่าจะมีเสื้อผ้าให้ข้าผลัดเปลี่ยนบ้าง" ลินลี่ย์เหลือบมองลงไปดูชุดชั้นในของเขาเขาไม่อาจเดินออกไปโดยใส่เพียงชุดชั้นในที่ขาดวิ่นของเขาเช่นนี้แน่นอนเช่นนั้นมันย่อมกระตุ้นความสงสัยของผู้คนเป็นแน่ลินลย์รีบเดินต่อไปยังห้องอื่นที่แอบซ่อนอยู่ เปิดลิ้นชักตู้เพื่อหาสิ่งที่ต้องการ

ในลิ้นชักของตู้เต็มไปด้วยเสื้อผ้าหลากหลายรูปแบบ

ลินลี่ย์เลือกเสื้อผ้าสีดำมาหนึ่งชุดมันดูคล้ายคลึงกับชุดที่เขาสวมใส่มาในงานหมั้น ลินลี่ย์สวมเสื้อผ้าแล้วร่ายเวทธาตุวายุอีกครั้งเพื่อระเบิดความเร็วหนีออกไปจากบริเวณซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและกลิ่นเหม็นของเนื้อที่ถูกเผาจนไหม้เกรียมนี้

"รีบกลับไปให้ถึงคฤหาสน์ก่อนที่จะมีคนระแคะระคายสงสัยตั้งแต่เนิ่นๆย่อมดีที่สุด"ลินลี่ย์เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงเขาพุ่งผ่านลานบ้านมาถึงลานหน้าบ้านในเวลาไม่กี่นาที

ณ เวลานี้ ยังมีขุนนางเหลืออยู่อีก 2-3 คน กำลังร่วมวงสนทนาเรื่องไร้สาระกันอยู่

"โอ้ ใต้เท้าลินลี่ย์ ท่านยังไม่กลับอีกหรือ?" เคาท์จูโนกำลังมุ่งหน้าออกไปด้วยเช่นกัน กำลังมองดูลินลี่ย์ไม่ไกลออกไปมากเขาทักทายลินลี่ย์อย่างเป็นกันเอง

ลินลี่ย์ ยิ้ม "ใช่แล้ว เมื่อสักครู่ ท้องไส้ของข้าปั่นป่วนเล็กน้อยดังนั้นข้าจึงไปทำธุระส่วนตัวมา"

เคาท์จูโนเดินเข้ามาเคียงบ่าเคียงไหล่กับลินลี่ย์

"ใต้เท้าลินลี่ย์ ข้าต้องขอบอกว่า ข้านั้นเป็นแฟนพันธุ์แท้รูปแกะสลักของท่านข้าคือคนที่ซื้อรูปแกะสลัก 3 รูปแรกของท่านซึ่งจัดแสดงที่ห้องโถงใหญ่ของหอศิลป์พรูกซ์"เคาท์จูโนกล่าวอย่างภาคภูมิใจกับลินลี่ย์เรื่องที่เคาท์จูโนรู้สึกภาคภูมิใจที่สุดก็คือ ความจริงที่ว่าเขาได้ซื้อรูปแกะสลัก3 รูปของลินลี่ย์ ซึ่งเขาได้นำไปจัดแสดงเป็นครั้งแรกนั่นเอง

รูปแกะสลักทั้ง 3 รูปของลินลี่ย์นั้น หากให้คนนอกทั่วๆไปตัดสินอาจจะมีมูลค่าเพียง 6,000 - 7,000 เหรียญทองต่อรูปเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ... ตอนนี้ฐานะของลินลี่ย์นั้นแตกต่างจากตอนนั้นมากเขาเป็นนักแกะสลักระดับอาจารย์ผู้แกะสลัก 'ตื่นจากฝัน' ด้วยฐานะของเขาในตอนนี้ไม่ได้อยู่ห่างจากระดับของพรูกซ์และโฮปเจนเซ่นมากนัก เช่นนั้นแล้วราคาของรูปแกะสลัก 3 รูปแรกของลินลี่ย์จะมีราคาต่ำได้อย่างไร?

จากการคำนวณอย่างตรงไปตรงมาของเขามูลค่าของรูปแกะสลักทั้งสามที่เคาท์จูโนได้ครอบครองนั้นอย่างน้อยก็มีราคาหนึ่งแสนเหรียญทองต่อรูป!

บางทีนี้อาจจะเป็นของสะสมซึ่งทำให้เคาท์จูโนยินดีมากที่สุดตลอดกาลเคาท์จูโนตัดสินใจแล้วว่าทั้งรูปแกะสลักทั้ง 3รูปต้องถูกเก็บรักษาเอาไว้เป็นของสะสมของเขา เขาเชื่อว่า ... ความสำเร็จในอนาคตของลินลี่ย์จะมีแต่เพิ่มมากขึ้นและมากขึ้นมูลค่าของทั้งรูปแกะสลักทั้ง 3 ก็มีแต่จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

"ใต้เท้าลินลี่ย์, ขอให้ท่านเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ"พ่อบ้านของตระกูลเด็บส์พูดอย่างเคารพหน้าประตูของคฤหาสน์ตระกูลเด็บส์

ลินลี่ย์พยักหน้าเชิงอำลาให้กับเคาท์จูโน เขาเข้าไปนั่งในรถม้าของตัวเอง

"กลับคฤหาสน์" ลินลี่ย์ออกคำสั่งอย่างใจเย็นเมื่อเข้ามานั่งในรถม้า

"ขอรับ นายท่าน"

นักรบระดับ 7 จากวิหารเจิดจรัส ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนขับรถคารวะแสดงว่ารับคำสั่งแล้วเริ่มบังคับรถม้ามุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของลินลี่ย์ทันที

"ข้าน่าจะเสียเวลาไปกับแพตเตอร์สันประมาณสิบห้านาทีหรือมากกว่านั้น"ลินลี่ย์เอานาฬิกาออกมาจากกระเป๋าของเขาและกวาดตามองหน้าปัดผ่านๆ

สิ่งนี้เป็นหนึ่งในของขวัญอวยพรซึ่งหนึ่งในผู้หวังดีจำนวนมากของเขาได้มอบให้กับเขาเมื่อตอนที่เขาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์มาร์ควิส

"สิบห้านาทีหรือมากกว่านั้นเคาท์จูโนและบรรดาแขกกลุ่มสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่กำลังกลับหากพวกเขาไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดมาก ก็ย่อมเป็นไปได้ยากที่พวกเขาจะตั้งข้อสงสัยต่อข้า"ลินลี่ย์พูดกับตัวเอง "ส่วนปัญหาอื่นคือแพตเตอร์สันบอกพ่อบ้านของเขาให้ทราบว่าเขากำลังจะไปพบปะกับใครบางคนแต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร"

ลินลี่ย์ ขมวดคิ้ว " แต่ข้าไม่อาจเชื่อคำพูดของเขาได้ทั้งหมดบางทีพ่อบ้านของเขาอาจจะรู้ความจริงก็ได้ว่าเขากำลังจะไปพบข้าแต่แพตเตอร์สันต้องการให้ข้าผ่อนคลายและไว้ใจ ดังนั้นเขาจึงกล่าวอ้างว่าไม่มีใครรู้เรื่องนี้"

ลินลี่ย์พิจารณาถึงความเป็นไปได้นี้

พ่อบ้านของแพตเตอร์สัน!

นี่ต้องเป็นตำหนิแน่นอน

ยิ่งกว่านั้น...หากมีการสอบสวนจริงๆ ผู้คนอาจพบว่าลินลี่ย์หายตัวไปสิบห้านาทีก่อนกลับแต่ในช่วงเวลานั้น เหล่าขุนนางทั้งหมดต่างเข้าร่วมวงสนทนาแบบสบายๆและกำลังออกเดินทางกลับตามอำเภอใจ มันจึงเป็นเรื่องยากเป็นอย่างยิ่งหากจะตรวจสอบใครสักคนให้ชัดเจนในสถานการณ์แบบนั้น

"อย่างน้อยก็ไม่มีใครเป็นพยานรู้เห็นเรื่องการประชุมลับของข้ากับแพตเตอร์สันผู้ที่รู้เห็นเรื่องนี้เพียงคนเดียวก็ถูกแพตเตอร์สันฆ่าตายไปแล้ว" ลินลี่ย์พูดกับตัวเอง

อย่างมาก คนอื่นๆอาจจะสงสัยเขา แต่ก็ไม่มีหลักฐานใดนำมาใช้เอาผิดเขาได้

"เจ้านายท่านคิดเรื่องอะไรอยู่?" บีบีกำลังนอนเล่นอยู่บนขาของลินลี่ย์ ยกหัวเล็กๆของมันขึ้นมามองลินลี่ย์

"ไม่มีอะไรหรอก" ลินลี่ย์ลูบหัวเล็กๆของบีบีอารมณ์ขุ่นมัวอันตรธานหายไปหมดสิ้น

"นายท่าน เรากลับมาถึงคฤหาสน์แล้ว"

ลินลี่ย์ผลักม่านรถม้าให้เปิดออกแล้วเงยหน้าขึ้นและจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอันเวิ้งว้างไร้ที่สิ้นสุดยามนี้ท้องฟ้ายามค่ำคืนนั้นเต็มไปด้วยดวงดาวมากมาย ลินลี่ย์อดรู้สึกถึงความสุขจนล้นปรี่เต็มหัวใจของเขาไม่ได้ขณะเดียวกัน การตัดสินใจในการฆ่าเคลย์ของเขามีแต่แน่วแน่มากยิ่งขึ้น"แพตเตอร์สันตายวันนี้ เคลย์ เจ้าคือคนต่อไป"

หลังจากแพตเตอร์สันหายตัวไป 1-2 วัน นอกเหนือจากพ่อบ้านของแพตเตอร์สันแล้วไม่มีใครระแคะระคายว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ภายในคฤหาสน์ของตระกูลเด็บส์มีเพียงเบอร์นาร์ดกับชายผมเขียววัยกลางคน

"เบอร์นาร์ด ในคืนพิธีหมั้นของคาลัน ท่านดยุคเดินทางออกจากคฤหาสน์ของท่านหรือไม่?" ชายผมเขียววัยกลางคนถามผู้ชายคนนี้เป็นพ่อบ้านของดยุคแพตเตอร์สันชื่อโลดิ

เบอร์นาร์ดถูกกดดันให้แบกรับความรู้สึกผิดของเขา เขาข่มใจแล้วพูดว่า"ดยุคของท่านหายตัวไป และท่านมาถามข้าเรื่องนี้อย่างนั้นรึ?" คืนนั้นแพตเตอร์สันไม่ได้บอกแม้แต่เบอร์นาร์ดว่าเขาจะไปพบกับใคร เมื่อเขากลับไปก็ไม่ได้บอกกล่าวอะไรสักคำ แล้วเขา, เบอร์นาร์ดจะรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?

"ท่านดยุคกลับไปแล้ว ท่านดยุคไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์ของข้าแน่"เบอร์นาร์ดตอบตามตรง

พิธีหมั้นผ่านมาหลายวันแล้ว เบอร์นาร์ดได้ส่งคนไปจัดการศพของข้ารับใช้บ่าวรับใช้ของเขาไม่พบร่องรอยใดๆของแพตเตอร์สันในอาคารขนาดเล็กเลยแม้แต่น้อย

"โฮ่" โลดิเลิกคิ้วแล้วจ้องมองไปยังเบอร์นาร์ด "เบอร์นาร์ดหากท่านพบเจอร่องรอยท่านดยุคของข้า รบกวนท่านแจ้งให้ข้าทราบทันทีด้วย นี่อาจเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือมันอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ก็ได้ และหากมันกลายเป็นเรื่องใหญ่แม้แต่การลักลอบขนของหนีภาษีที่ตระกูลเด็บส์ของเจ้าทำอยู่ก็อาจถูกเปิดเผยออกมาด้วยก็ได้"

สีหน้าของเบอร์นาร์ดเปลี่ยนทันที

"เอาล่ะ ตอนนี้ข้าจะกลับไปก่อน" โลดิจากไปด้วยหัวใจอันหนักอึ้ง

เมื่อมองตามหลังโลดิที่กำลังจากไป, เบอร์นาร์ดรู้สึกว่ากำลังจะเกิดเรื่องยุ่งเหยิงขึ้นและทำให้เขาตัดสินใจที่จะไปตรวจสอบอาคารที่แพตเตอร์สันเคยใช้นัดพบทันที

ภายในอาคารลับซึ่งอยู่ในพื้นที่ของตระกูลเด็บส์

เบอร์นาร์ดเข้ามาตามลำพังศพของบ่าวรับใช้ถูกกำจัดและนำออกไปแล้วโดยคนที่เบอร์นาร์ดส่งมาขณะที่กำลังมองอาคารอยู่นั้น เบอร์นาร์ดขมวดคิ้ว"ดยุคแพตเตอร์สันบอกว่าเขากำลังจะไปพบปะกับแขก แต่สุดท้ายแล้วเขากลับไม่ถึงบ้าน หรือว่าจะ…"

ทันใดนั้นเบอร์นาร์ดคิดถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง

มีคนน้อยมากแม้แต่คนในตระกูลเด็บส์เองที่รู้เรื่องห้องลับชั้นใต้ดินมันเป็นเรื่องธรรมดา ที่คนซึ่งเขาส่งมากำจัดศพจะไม่ทราบทั้ง 2 เรื่องนี้และพวกเขาย่อมไม่ตรวจสอบด้วย

แต่เบอร์นาร์ดบอกดยุคแพตเตอร์สันเรื่องห้องลับชั้นใต้ดินนอกจากนี้เขายังได้บอกกับดยุคว่า ไม่มีใครสามารถดักฟังการสนทนาใด ๆภายในห้องนี้ได้อย่างแน่นอน

"เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเรื่องแบบนี้ไม่น่าเกิดขึ้นได้"เบอร์นาร์ดรีบวิ่งเข้าไปในห้องโถงใหญ่แล้วตรงไปเปิดกลไกทันที

"ครืน ครืน"

ผนังคล้ายกับ 'ประตูหิน' เปิดออกช้าๆ ขณะเดียวกัน, กลิ่นเหม็นเน่า กลิ่นคาวเลือดผสมกับกลิ่นเนื้อไหม้ฟุ้งกระจายออกมา

ใบหน้าของเบอร์นาร์ดบิดเบี้ยวจนน่าเกลียด

เขารีบเดินเข้าไปในห้องลับ เขาเห็นว่าบนพื้นหินแกรนิตยังคงมีรอยเลือดและรอยขีดข่วนด้านข้างมีกองกระดูกมนุษย์ที่ถูกเผาจนเกรียมพร้อมด้วยกองขี้เถ้า

"มีคนถูกฆ่าที่นี่" เบอร์นาร์ดมั่นใจมาก

แล้วคนที่ถูกฆ่าซึ่งถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านคือใครกันละแม้แต่เบอร์นาร์ดเองก็ไม่อาจบอกได้ว่าเขาเป็นใคร มันไม่มีหนทางยืนยันได้เลย

"แหวนนั่น!" ทันใดนั้นเบอร์นาร์ดมองเห็นแหวนสีเทาเงินอยู่ภายในกองเถ้าสกปรกเมื่อมองเห็นแหวนนั้น เบอร์นาร์ดรู้สึกว่ามันดูคล้ายกับแหวนที่ดยุคแพตเตอร์สันใส่อยู่เป็นประจำเป็นอย่างมาก

ใบหน้าของเบอร์นาร์ดซีดขาวลงทันที

"เป็นไปได้อย่างมากว่าผู้ตายคือแพตเตอร์สัน"ความคิดของเบอร์นาร์ดดูสับสนวุ่นวาย

ตระกูลเด็บส์ได้ทุ่มเททรัพย์สินมากกว่าครึ่งและกำลังคนมหาศาลของพวกเขาเพื่อดำเนินการลักลอบขนหยกวารีหนีภาษีภายใต้ความช่วยเหลือของดยุคแพตเตอร์สันนี่คือกิจการที่สำคัญที่สุดของตระกูลเด็บส์แต่หากการลักลอบขนของหนีภาษีถูกเปิดโปง...มันจะไม่จบแค่เสียทรัพย์สินเงินทองตระกูลเด็บส์ทั้งตระกูลจะถูกทำลายโดยราชาผู้โกรธเกรี้ยว เคลย์!

เป็นไปได้ว่า....ตระกูลเด็บส์ทั้งตระกูลจะถูกขุดรากถอนโคน

"ไม่ เป็นไปไม่ได้ ดยุคแพตเตอร์สันเป็นถึงนักรบระดับ 7เขาจะตายง่ายๆได้อย่างไร? ยิ่งเป็นคนขี้ระแวงอย่างเขาด้วยแล้วไม่มีทางที่เขาจะตอบรับการนัดพบส่วนตัวกับคนที่แข็งแกร่งกว่าเขาแน่"เบอร์นาร์ดทำใจยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้

มันเป็นเรื่องจริงที่แพตเตอร์สันเป็นคนขี้ระแวงมากแต่น่าเสียดายที่แพตเตอร์สันประเมินพลังที่แท้จริงของลินลี่ย์ผิดไป

…..

ทั่วทั้งเมืองเฟนไลยังคงสงบสุข ลินลี่ย์ยังคงขยันฝึกฝนอย่างเงียบๆอยู่ภายในคฤหาสน์ของเขาทุกวันแต่แล้ว หลังจากที่ดยุคแพตเตอร์สันได้หายตัวไปครึ่งเดือนราชาเคลย์ที่สุขุมและใจเย็นก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็เริ่มที่จะออกคำสั่งขั้นแรกคือจับพ่อบ้านของดยุค โลดิ ต่อด้วยการสืบหาเบาะแสของดยุคในวงกว้าง

ภายในห้องโถงหลักของคฤหาสน์ลินลี่ย์

"ใต้เท้าลินลี่ย์ องค์ราชามีราชโองการ เรียกตัวท่านเข้าเฝ้า"

ขณะที่กำลังมองดูราชโองการที่นำมาโดยมหาดเล็ก ลินลี่ย์รู้สึกสับสนเล็กน้อยราชาเคลย์เรียกตัวเขาเข้าพบทำไม?

"กรุณารอสักครู่ ขอให้ข้าผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วหลังจากนั้นข้าจะมุ่งหน้าไปยังพระราชวังทันที" ลินลี่ย์ยิ้มในขณะที่ตอบรับราชโองการ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด