ตอนที่ 6-11 จอมบงการหลังม่าน
ทั่วร่างกายของลินลี่ย์ถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำบริเวณข้อศอกและหัวเข่าปรากฏหนามแหลมคมสีดำยื่นออกมาทั่วแผ่นหลังของเขาก็มีหนามแหลมแบบเดียวกันนี้เรียงเป็นแถวตามแนวกระดูกสันหลังนัยน์ตาของลินลี่ย์เปลี่ยนเป็นสีทองเข้มทอประกายความเย็นชาสร้างความหวาดหวั่นแก่ดยุคแพตเตอร์สันยิ่งนัก
“เจ้าคือ..เจ้าคือใครกันแน่?” ดยุคแพตเตอร์สันกลัวจนหน้าซีดเผือด ขณะกล่าวอย่างตะกุกตะกัก
ตัวประหลาดเบื้องหน้าเขาเป็นตัวอะไรกันแน่?
“ข้าเป็นใครงั้นหรือ” ลินลี่ย์พูดพร้อมจ้องไปยังดยุคแพตเตอร์สันอย่างเย็นชา
กร๊อบ กร๊อบ เสียงกระดูกถูกบดดังออกมาจากร่างแพตเตอร์สัน เมื่อลินลี่ย์เพิ่มแรงที่หางซึ่งกำลังรัดร่างแพตเตอร์สันอยู่ให้มากขึ้นไม่ว่าแพตเตอร์สันจะพยายามดิ้นรนอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด
ความเจ็บปวดเริ่มแผ่ขยายจากแขนทั้งสองข้างลามไปทั่วทั้งร่างของเขา
“เจ้ามาจากดินแดนอื่นอย่างนั้นหรอ” แววตาของแพตเตอร์สันเต็มไปด้วยความขลาดกลัวจากรูปลักษณ์ของลินลี่ย์ ณ ตอนนี้ มีเพียงชนต่างเผ่าพันธุ์จากดินแดนอื่นเท่านั้นที่จะสามารถทำในสิ่งที่ลินลี่ย์เพิ่งกระทำได้“ลินลี่ย์ ข้าขอร้องท่าน ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะข้าจะไม่เผยความลับของท่านให้ใครรู้แน่นอน”
แพตเตอร์สันสูญเสียความเยือกเย็น ชะงักงันทันที เพียงแค่ถูกลินลี่ย์จ้อง
“ไว้ชีวิตเจ้า?” รอยยิ้มเย็นชาปรากฏบนหน้าลินลี่ย์“นั่นคงเป็นไปไม่ได้ แต่ข้ามีบางเรื่องอยากถามเจ้า เมื่อประมาณ 12-13 ปีก่อนเจ้าได้ส่งคนไปลักพาตัวสตรีคนหนึ่งมาใช่หรือไม่”
แพตเตอร์สันสะดุ้งเฮือก
เขาพยายามนึกถึงเรื่องราวเมื่อ12-13ปีก่อน แต่เวลาก็ผ่านมาตั้ง 12-13ปีแล้วมันนานมากเกินไป “ลินลี่ย์ ไม่สิ ใต้เท้าลินลี่ย์ ข้า..ข้านึกไม่ออก”
“เวลาผ่านมานานเหลือเกินและตลอดเวลาที่ผ่านมาข้ามักจะส่งคนไปนำตัวสตรีที่ข้าถูกใจมาที่ปราสาทเสมอข้าไม่แน่ใจว่าท่านกำลังพูดถึงสตรีคนใด”
รังสีอำมหิตของลินลี่ย์เพิ่มสูงขึ้น
นี่เจ้าแพตเตอร์สันลักพาตัวสตรีบ่อยจนเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วงั้นรึ?
จากหน้าตาของลินลี่ย์ แพตเตอร์สันไม่สามารถบอกได้เลยว่าลินลี่ย์กำลังคิดอะไรอยู่การอยู่ในร่างมังกรแปลงเต็มตัวทำให้ลินลี่ย์ดูเย็นชา ไร้อารมณ์ และน่าเกรงขาม
“สตรีนางนั้นเพิ่งให้กำเนิดบุตรได้ไม่นานนางโดนลักพาตัวไปขณะเดินกลับโรงแรมหลังจากการอธิษฐานขอพรที่วิหารเจิดจรัสเสร็จแล้ว”ลินลี่ย์ยังคงจ้องมองแพตเตอร์สันด้วยสายตาเย็นชาเขาไม่ได้เพิ่มเสียงให้ดังขึ้นเลยแม้แต่น้อย
ได้ยินที่ลินลี่ย์กล่าว แพตเตอร์สันตัวแข็งทื่อ จากนั้นก็มองไปยังลินลี่ย์ด้วยความประหลาดใจ
“นึกออกแล้วสินะ”
แน่นอนเขาย่อมจำได้ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเคยลักพาสตรีที่เพิ่งคลอดบุตรได้ไม่นานเพียง 2 ครั้งเท่านั้นเขาจึงจำได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเมื่อ 13 ปีก่อนครั้งนั้นเขาถูกย้ำเตือนให้เปิดเผยร่องรอยให้น้อยที่สุดจากผู้ที่สั่งให้เขาลงมือ
“ข้าจำไม่ได้แล้วจริงๆ” แพตเตอร์สันกล่าวอย่างหวาดกลัว “ใต้เท้าลินลี่ย์ ข้าขอร้องท่านได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด ข้าไม่รู้เรื่องที่ท่านพูดมาจริงๆต้องมีการเข้าใจผิดเป็นแน่”
ตาของลินลี่ย์เกิดประกายวาบขึ้นมา
“เจ้าอยากตายอย่างนั้นหรือ” ลินลี่ย์กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชากว่าเดิม
“อ๊ากกกกกกก” แพตเตอร์สันร้องเมื่อหางของลินลี่ย์เพิ่มแรงบีบรัดมากกว่าเดิมเสียงกระดูกใกล้จะแตกหักทำให้เขาใจสั่นระรัว แต่ลินลี่ย์ยังคงมองอย่างเย็นชา
“กร๊อบบบ” “อ๊ากกกก”เสียงบดกระดูกจนใกล้หักใครได้ยินคงใจสั่นสะท้าน
แต่ลินลี่ย์ยังคงจ้องดูแพตเตอร์สันอย่างเย็นชา
“กร๊อบ”
“อ๊าคคค!”
เสียงกระดูกหักผสมกับเสียงร้องโหยหวนด้วยความทรมานดังออกมาจากแพตเตอร์สันกระดูกแขนซ้ายของเขาถูกบดละเอียดจากแรงบีบรัด
“ไม่เลว” ริมฝีปากลินลี่ย์กระตุกเล็กน้อยขณะที่มุมปากของเขายกขึ้นราวกับกำลังยิ้ม
แต่แพตเตอร์สันกลับไม่ได้มองว่านั่นเป็นรอยยิ้ม เมื่ออยู่ในสภาวะร่างมังกรแปลงมุมปากที่กำลังยกขึ้นอยู่นั้นกลับทำให้เขายิ่งดูน่าสยดสยองกว่าเดิม
“หืม เจ้าเองก็รู้นี่ว่าอวัยวะใดที่ต้องปกป้องไว้ลมปราณส่วนใหญ่ของเจ้าถูกใช้เพื่อปกป้องอวัยวะสำคัญเอาไว้เหลือเอาไว้ปกป้องแขนเพียงเล็กน้อย มันก็จริงที่ว่าแขนหักไปสักข้างย่อมไม่ทำให้เจ้าถึงตาย แต่หากอวัยวะสำคัญถูกทำลายเจ้าย่อมไม่อาจรักษาชีวิตไว้ได้” ลินลี่ย์พูดอย่างใจเย็น
แพตเตอร์สันคอแห้งผาก
เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าลินลี่ย์จะมีด้านที่น่ากลัวเช่นนี้
“ตอนนี้ เจ้านึกออกรึยัง” ลินลี่ย์ถามอีกครั้ง
แพตเตอร์สันกำลังจะตอบคำถาม แต่เมื่อคิดถึงบทลงโทษที่เขาจะต้องเผชิญหากเขาตอบก็ได้แต่ปิดปากเงียบขณะที่ใจสั่นกลัวสีหน้าของเขาชวนสงสาร เขาร้องออกมาอย่างอนาถใจว่า “ใต้เท้าลินลี่ย์ ข้าขอร้องท่านได้โปรดอย่าได้ทรมานข้าอีกเลย ข้าไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ ถึงแม้ท่านจะฆ่าข้าข้าก็ยังขอยืนยันว่าข้าไม่รู้เรื่องนี้”
เขาเชื่อว่าในเมื่อเรื่องราวผ่านมาถึง13 ปีแล้ว ลินลี่ย์ในสมัยนั้นยังเด็กมากเกินไปไม่มีทางเลยที่ลินลี่ย์จะล่วงรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้อย่างแม่นยำ
เขาสันนิษฐานว่าตัวลินลี่ย์เองน่าจะได้ยินรายละเอียดมาคร่าวๆและไม่แน่ใจในเรื่องราวนักตราบใดที่เขายังยืนยันปฏิเสธ ไม่แน่ว่าลินลี่ย์อาจจะเชื่อเขา
“ใต้เท้าลินลี่ย์ หากข้ารู้ข้าก็คงบอกท่านไปนานแล้วเพื่อจะได้หลุดพ้นจากความทรมานนี้ ใต้เท้าลินลี่ย์ข้าขอร้องล่ะ ได้โปรดตรวจสอบเรื่องราวนี้ใหม่โดยละเอียดอีกครั้งเถอะ”หยาดน้ำตาไหลรินจากตาแพตเตอร์สัน เขาแสดงสีหน้าอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร หากว่าลินลี่ย์ไม่ได้อ่านจดหมายของพ่อเขาเขาคงเกิดความลังเลใจ
เมื่อจ้องมองไปยังแพตเตอร์สัน ริมฝีปากลินลี่ย์แสยะยิ้มกว้างกว่าเดิม
แพตเตอร์สันเห็นดังนั้น จึงเริ่มมีความหวังและผ่อนคลายมากขึ้น
“ดี ดีมาก” ทันใดนั้นเองหางของลินลี่ย์ที่ยังรัดร่างของแพตเตอร์สันไว้ก็สะบัดขึ้นยกร่างแพตเตอร์สันขึ้นแล้วฟาดลงมากระแทกพื้นหินอย่างแรง ยังดีที่เอาเท้าลง ไม่ได้เอาหัวลง
ลินลี่ย์ออกแรงใช้หางมังกรของเขาอย่างเต็มที่
ฝ่าเท้าของแพตเตอร์สันกระแทกพื้นหินเต็มแรง
“กร๊อบ”
เสียงกระดูกหักผสมผสานกับเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น
เข่าซ้ายของแพตเตอร์สันปรากฏให้เห็นแง่งกระดูกสีขาวทะลุผิวหนังและกางเกงออกมาภายนอกเข่าขวาของเขากลับแย่ยิ่งกว่า มันทิ้งตัวอยู่อย่างแน่นิ่งบนพื้นขณะที่กางเกงบริเวณข้อเท้าเต็มไปด้วยรอยเลือด
“อ๊ากกกกกกกกก” แพตเตอร์สันร้องโหยหวนไม่หยุด
ความเจ็บปวดในครั้งนี้กำลังทำให้เขาทรมานราวกับกำลังจะตายอย่างไรก็ตามลมปราณของเขายังคงปกป้องอวัยวะสำคัญจากอันตรายเอาไว้ได้เขาจึงยังไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
“ปีศาจชัดๆ” แพตเตอร์สันเอาแต่ก่นด่าสาปแช่งลินลี่ย์อยู่ในใจ เขาตระหนักดีถึงพลังอำนาจที่ลินลี่ย์ครอบครองเมื่อเทียบกับตัวเขาที่อยู่ในนักรบขั้น 7อย่างมากเขาทำได้ก็แค่เพียงป้องกันอันตรายเฉพาะส่วนสำคัญภายในเท่านั้น
เขายังไม่อยากตาย
ขาพิการงั้นหรอ?
ไม่ใช่ปัญหา ขอเพียงมีเงินมากพอ เขาย่อมสามารถเชิญจอมเวทขั้นที่ 9 จากวิหารเจิดจรัสมาให้ใช้‘บทเพลงแห่งชีวิต’เพื่อรักษาเขาได้ ตราบใดที่เขายังไม่พร้อมที่จะตายไม่ว่าบาดแผลจะร้ายแรงเพียงใด ก็สามารถรักษาได้!
“จำได้แล้วหรือไม่? หญิงนางนั้นที่เจ้าสั่งให้ลักพาตัว” น้ำเสียงของลินลี่ย์ยังคงสงบอยู่
แต่กลับยิ่งทำให้แพตเตอร์สันกลัว
“ข้าจำได้ ข้าจำได้แล้ว” เม็ดเหงื่อซึมออกมาบนใบหน้าแพตเตอร์สันไม่ใช่จากความเจ็บปวด แต่เป็นความกลัว
แพตเตอร์สันรู้ดีว่าที่ด้านนอกคงไม่มีผู้ใดได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้นภายในห้องลับใต้ดินที่เขาอยู่นี้ไม่ว่าเขาจะกรีดร้องดังแค่ไหน และถึงแม้จะมีคนอยู่ด้านนอกต่อให้ยืนอยู่ใกล้จนแนบชิดประตูหินก็ยังอาจได้ยินเสียงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่..จะมีผู้ใดอยู่ในบริเวณหน้าห้องลับนี้แล้วบังเอิญแนบหูฟังที่ประตูอยู่อย่างพอดิบพอดีเขารู้ดีว่า
นั่นเป็นไปไม่ได้ ไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้ต่อให้เขาร้องดังขนาดไหน
“หากเจ้ายอมรับเร็วกว่านี้ ก็คงไม่ต้องเจ็บตัวเช่นนี้ ทีนี้จงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด”
แพตเตอร์สันพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว “ใต้เท้าลินลี่ย์ ในปีนั้นหญิงสาวนางนั้นงดงามเป็นอย่างมาก ข้าถูกสะกดด้วยความงามของนางจึงคิดแผนร้ายในการลักพาตัวนางมาที่พักของข้าเพื่อร่วมหลับนอนกับนาง แต่ผิดคาดนางกลับดื้อรั้นกว่าที่ข้าคิดไว้มาก สุดท้ายนางฆ่าตัวตายโดยการโขกหัวกับผนังหิน”
เขาพูดอย่างตะกุกตะกัก แพตเตอร์สันมองดูลินลี่ย์
ในความเห็นของแพตเตอร์สันนั้นเห็นว่ามีคนไม่กี่คนที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงกับสตรีผู้นั้น ลินลี่ย์คงไม่ได้เบาะแสใดๆ
“เจ้ายังคงโกหก!!”
ในที่สุดลินลี่ย์ก็เริ่มเกิดโทสะ ดวงตาของลินลี่ย์คล้ายกับเปลี่ยนเป็นสีแดงเขาตวัดหางดึงแพตเตอร์สันเข้ามาใกล้ตัว จ้องเข้าไปยังนัยน์ตาของแพตเตอร์สัน
เมื่ออยู่ต่อหน้าลินลี่ย์ที่อยู่ในรูปลักษณ์ของนักรบมังกรที่เต็มไปด้วยเกล็ดสีดำและเขามังกรบนหน้าผาก แพตเตอร์สันได้แต่หวาดหวั่น
“ข้าไม่ได้โกหกท่านนะ” แพตเตอร์สันกล่าวอย่างลนลาน
ฝ่ามือของลินลี่ย์ที่บัดนี้กลายเป็นกรงเล็บตวัดเข้าที่ใบหน้าของแพตเตอร์สันอย่างแรง
"แควก!" ชิ้นเนื้อทั้ง 5 ชิ้นฉีกขาดออกจากใบหน้า เลือดไหลเป็นสายแต่เนื่องจากลินลี่ย์ไม่ต้องการจะสังหารแพตเตอร์สันไม่อย่างนั้นเขาคงจะบดขยี้สมองของแพตเตอร์สันด้วยการโจมตีนี้แล้ว
"โอ๊ย..โอ๊ย...โอ๊ย"ความเจ็บปวดในครั้งนี้มีมากจนเขาไม่อาจบรรยายได้
ลินลี่ย์จ้องแพตเตอร์สันอย่างเย็นชา “ฟังนะแพตเตอร์สัน ข้ารู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดีเจ้าควรเลิกพูดโกหกกับข้าได้แล้วไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่ได้เจอเพียงแค่กรงเล็บเมื่อครู่นี้หรอก ข้าจะบอกให้รู้ไว้หญิงที่เจ้าลักพาตัวคนนั้น คือมารดาของข้า!”
“...มารดา” แพตเตอร์สันได้แต่นิ่งงัน ลืมแม้กระทั่งความเจ็บปวด
“ข้าพยายามสืบค้นหาเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาตลอดชีวิตข้าจงพูดความจริงมาไม่อย่างนั้น...อย่าหวังว่าข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” ลินลี่ย์กล่าวอย่างเยือกเย็น
อันที่จริง ไม่ว่าแพตเตอร์สันจะพูดอะไร ลินลี่ย์ก็ไม่คิดจะไว้ชีวิตเขาอยู่แล้ว
เพราะแพตเตอร์สันยังไม่รู้ว่าชายที่เขาส่งลูกน้องออกไปไล่ล่าจนเสียชีวิตคือบิดาของลินลี่ย์หากเขารู้เรื่องนี้ก็คงไม่ยอมบอกความจริงออกมาง่ายๆ
“บอกข้ามา เจ้าส่งตัวมารดาข้าให้กับผู้ใด”
“เจ้ารู้?” ใบหน้าแพตเตอร์สันซีดลงทันที
ลินลี่ย์รู้กระทั่งว่าเขาส่งตัวนางให้กับผู้อื่นงั้นหรือ
“บอกชื่อของเขามา แต่อย่าได้บังอาจพูดโกหกกับข้าถ้าข้ารู้ว่าที่เจ้าพูดไม่ใช่ความจริง ข้าจะทำให้ชีวิตเจ้ามีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย” ลินลี่ย์กลับมาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบอีกครั้ง
แพตเตอร์สันลังเลอยู่ชั่วขณะ
“ข้าบอกไป เจ้าก็ทำอะไรชายผู้นั้นไม่ได้หรอก” แพตเตอร์สันพูดเสียงต่ำ
“เจ้าคิดอย่างนั้นรึ ฟังนะแพตเตอร์สัน ที่เจ้าต้องทำคือบอกข้ามาว่าเขาเป็นใครข้าจะสามารถแก้แค้นได้หรือไม่นั้นไม่เกี่ยวกับเจ้าเจ้าคิดหรือว่านี่คือความสามารถทั้งหมดของข้าแล้ว”
ได้ยินเช่นนั้น แพตเตอร์สันก็แอบเห็นด้วยในใจ
‘ลินลี่ย์’ ที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นน่าหวั่นเกรงจนเกินไป เพียงแค่ความสามารถของลินลี่ย์ที่คนทั่วไปรู้ก็นับว่าเขาเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งได้แล้วแต่ลินลี่ย์ ณ ตอนนี้ เขามั่นใจว่าในด้านพละกำลังนั้นเลยนักรบขั้นที่ 7 ไปมากแล้วเขาไม่อาจขัดขืนต่อพละกำลังนั้นได้แม้แต่น้อย
แพตเตอร์สันเริ่มไตร่ตรองในใจ
ลินลี่ย์ไม่ได้เร่งเขา เพียงแต่จับจ้องไปยังแพตเตอร์สัน
หลังจากที่คิดคำนวณอยู่นาน แพตเตอร์สันขบฟันขณะมองมายังลินลี่ย์ “ลินลี่ย์ข้าจะบอกว่าเขาคือใคร แต่เจ้าต้องรับปากว่าจะไม่ให้ใครรู้ว่าเจ้าได้ยินเรื่องนี้มาจากข้าและเจ้าต้องสัญญาว่าจะไว้ชีวิตข้า”
ใบหน้าของลินลี่ย์ยังคงไว้ด้วยความเยือกเย็น “ได้ ข้ารับปากเจ้าว่าจะไม่บอกใครและสัญญาจะไม่ฆ่าเจ้า”
สิ้นคำพูดของลินลี่ย์ แพตเตอร์สันลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เมื่อราวๆ 12 ปีก่อน พวกเราในฐานะสมาชิกของราชวงศ์เฟนไลได้ไปเยี่ยมชมวิหารเจิดจรัสตอนนั้นเองที่พวกเราได้พบกับมารดาเจ้า หลังจากนั้นข้าได้ส่งคนไปลักพาตัวนางมา”แพตเตอร์กล่าวต่อทันทีว่า “แต่นั่นไม่ใช่ความตั้งใจของข้าเพียงผู้เดียวข้าถูกสั่งมาจากคนอื่นอีกที”
“ใคร” ลินลี่ย์ถาม
แพตเตอร์สันเหลือบมองลินลี่ย์ เขากล่าวออกมาอย่างช้าๆว่า “คำสั่งนั่นมาจากพี่ชายของข้าเองราชาองค์ปัจจุบันของอาณาจักรเฟนไล ราชาเคลย์
“เคลย์?” ลินลี่ย์ตื่นตระหนก
ความภาคภูมิแห่งอาณาจักรเฟนไล ราชสีห์ทองคำ ‘เคลย์’ นักรบขั้นที่ 9คนนั้นน่ะรึ?
“ใช่ เคลย์นั่นแหละ” แพตเตอร์สันกล่าวอย่างมั่นใจ“ข้ารู้แค่เคลย์ประเมินค่ามารดาเจ้าไว้สูงมาก เขากำชับข้า ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามบอกใครเกี่ยวกับเรื่องมารดาของเจ้าเป็นอันขาดไม่อย่างนั้น เขาจะฆ่าข้า”
ลินลี่ย์มองดูแพตเตอร์สัน
“เขาน่าจะพูดความจริง” เสียงเดลิน โคเวิร์ทดังขึ้นในหัวของลินลี่ย์“ข้าเห็นความสั่นสะเทือนในจิตวิญญาณของเขา
ลินลี่ย์ได้ข้อสรุปแล้ว
แพตเตอร์สันมองลินลี่ย์ด้วยสายตาอ้อนวอน “ลินลี่ย์เจ้าจะไว้ชีวิตข้าใช่หรือไม่ข้ารับปากว่าจะไม่หลุดปากเรื่องในวันนี้ไม่ว่าจะกับใครแม้แต่คำเดียว”
“แน่นอน ข้าย่อมรักษาสัญญา” ลินลี่ย์คลายหางมังกรที่รวบตัวแพตเตอร์สัน
ร่างของแพตเตอร์สันร่วงหล่นลงบนพื้น สีหน้ายินดีปรากฏบนใบหน้าของเขา เขามองลินลี่ย์ด้วยแววตาซาบซึ้ง
ในตอนนั้นเอง เงาสีดำผาดผ่านไปรวดเร็ว
"กร้วม "
เจ้าบีบีพุ่งเข้าไปกัดลงที่คอของแพตเตอร์สันแพตเตอร์สันเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัวมายังบีบีเขาเพิ่งรู้สึกก้าวพ้นจากประตูแห่งความตายมาได้แต่บัดนี้ก็เหมือนกับได้ตกลงไปยังประตูบานที่สองแพตเตอร์สันจำเจ้าหนูเงาตัวนี้ได้เป็นอย่างดี มันมักจะอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์เสมอ
แพตเตอร์สันจ้องลินลี่ย์ด้วยสายตาคาดไม่ถึง
“ข้าบอกว่า ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าก็จริง แต่อสูรเวทของข้านั้นไม่ได้ถูกนับรวมไปด้วย”ลินลี่ย์จ้องแพตเตอร์สันที่ตอนนี้กำลังมีเลือดไหลท่วมบริเวณลำคออย่างเย็นชา“ข้าจะบอกอะไรให้เจ้าฟังอีกอย่าง เมื่อหลายเดือนก่อนมีชายคนหนึ่งแอบลักลอบเข้าไปยังคฤหาสน์ของเจ้าเจ้าได้ส่งคนตามล่าจนกระทั่งเขาถูกสังหารในที่สุด ชายคนนั้น...คือบิดาของข้า!”