ตอนที่ 6-10 คร่ากุมตัว
ห้องโถงหลักของตระกูลเด็บส์ตกอยู่ในความสับสน
"นี่ ... นี่ ... "
ขุนนางมากมายล้วนตกอยู่ในความมึนงงเมื่อเห็นอลิซช่างโชคร้ายที่ทักษะแกะสลักของลินลี่ย์อยู่ในระดับสูงสุดยอดไม่อาจโทษพวกเขาที่สามารถจดจำอลิซในฐานะแรงบันดาลใจของ 'ตื่นจากฝัน' ได้อย่างง่ายดาย
ลินลี่ย์ได้ส่งผ่านระดับของ 'ทักษะ' นั้น ผ่านรูปแกะสลักของเขาไปแล้วเขาสามารถนำเอาเสน่ห์ชวนลุ่มหลงของหญิงงามนางนี้ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบขุนนางเหล่านี้ทุกคนเพียงชำเลืองมองครั้งเดียวก็สามารถมั่นใจได้เต็มสิบส่วนว่าอลิซคือ'เทพธิดา' ในฝันของพวกเขา
ขุนนางมากมายมองไปยังอลิซ แล้วก็หันไปจ้องมองลินลี่ย์
เงียบ!
ผู้คนทั่วทั้งห้องโถงหลักเงียบกริบลงในทันทีราวกับว่าขุนนางทั้งหมดพลันบรรลุความเข้าใจบางอย่างขณะเดียวกับที่กำลังทำความเข้าใจอยู่นั้นเวลานี้กลับไม่ใช่เวลาพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้
แต่ความเงียบนี้ ... ทำให้อลิซคลั่งใจและอับอายมากยิ่งขึ้นไปอีก
อลิซชำเลืองมองลินลี่ย์ด้วยหางตาของนาง เขากำลังยืนอยู่ทางขวามือด้านข้างราชาแห่งเฟนไลอย่างสงบนิ่งเหมือนทุกครั้งเขากำลังมองมาที่นางอย่างเงียบๆ
สำหรับเรื่องลินลี่ย์ ...
ความรู้สึกของอลิซต่อลินลี่ย์นั้นสับสนเป็นอย่างยิ่ง มีทั้งความรู้สึกเสียใจทั้งความรู้สึกเกลียดชังเกลียดความจริงที่ว่ารูปแกะสลักของเขาทำให้นางไม่ได้เป็นภรรยาหลวงและกำลังทำให้นางรู้สึกอับอายในเวลานี้อีกด้วยแต่ในเวลาเดียวกัน รูปแกะสลักนั้น ... ก็ทำให้นางเข้าใจความรู้สึกที่ลินลี่ย์มีต่อนางอย่างแท้จริง
คาลันเองก็รู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน
"แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ข้าขอประกาศว่า"เสียงของเบอร์นาร์ดดังออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม "บัดนี้คาลันลูกชายของข้าได้หมั้นหมายกับคุณหนูโรว์ลิ่งและคุณหนูอลิซอย่างเป็นทางการแล้ว"
ในขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้น เบอร์นาร์ดเดินเข้าไปอยู่ข้างๆคาลันและผายมือไปยังโรว์ลิ่ง เขากล่าวว่า"นี่คือคุณหนูโรว์ลิ่งภรรยาหลวงของคาลันลูกชายของข้าและคนนี้คือคุณหนูอลิซ"
ทันใดนั้นห้องโถงหลักเต็มไปด้วยเสียงพึมพำเบาๆ บางคนแอบมองลินลี่ย์อย่างมีนัยยะบ่อยๆ
"แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน งานเลี้ยงฉลองเริ่มต้นแล้ว!"เบอร์นาร์ดส่งเสียงหัวเราะอย่างสำราญออกมา
ขุนนางทุกคนในห้องโถงหลักเข้าไปยังพื้นที่จัดเลี้ยง ระหว่างงานเลี้ยงฉลองสมาชิกของตระกูลเด็บส์ให้การต้อนรับอย่างเป็นมิตรและอบอุ่นต่อทุกคนเป็นอย่างยิ่งแต่กระนั้นก็ยังคงมีขุนนางอีกหลายคนที่ยังชำเลืองมองอลิซสลับกับลินลี่ย์ต่อไป
ลินลี่ย์ที่กำลังถือแก้วไวน์เดินไปยังมุมเงียบๆของห้องโถงหลักทำตัวตามสบายขณะที่เขากำลังนั่งลงบนโซฟา
"เจ้านาย ข้าได้ยินเสียงผู้คนมากมายกำลังพูดคุยเรื่องของท่านอยู่"บีบีกระโดดลงไปอยู่บนขาของลินลี่ย์
ลินลี่ย์จิบไวน์ในแก้วของเขาช้าๆ"ปล่อยพวกเขาพูดคุยกันไปจนกว่าพวกเขาจะพอใจเถอะ ข้าไม่เป็นไรหรอก เพียงแต่...เป็นไปได้อย่างมากที่อลิซกำลังเป็นทุกข์กับมัน"
ความรู้สึกของลินลี่ย์ที่มีต่ออลิซในปัจจุบันคือความใจเย็นและสงบนิ่ง
เพียงแต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าอิทธิพลอันมหาศาลของรูปแกะสลัก 'ตื่นจากฝัน' มีผลอะไรต่อชีวิตของอลิซบ้าง
ลินลี่ย์นั่งดื่มไวน์ของเขาพร้อมกับเฝ้ามอง คาลัน, อลิซและโรว์ลิ่งที่กำลังเดินไปทักทายแขกจากโต๊ะหนึ่งไปอีกโต๊ะหนึ่งอยู่ที่มุมนั้นอย่างเงียบๆ
"ใต้เท้าลินลี่ย์ เหตุใดท่านจึงมานั่งดื่มไวน์อยู่ที่นี่เพียงลำพังละ?" สาวงามผู้มีผมสีเขียวราวกับหยกและผิวขาวราวกับหิมะเดินมานั่งลงอย่างเป็นธรรมชาติข้างๆลินลี่ย์ขณะที่กำลังยื่นแก้วไวน์ของนางไปหาลินลี่ย์
ลินลี่ย์ชนแก้วกับนาง
"ข้ามีนามว่าซาช่า ก่อนงานเลี้ยงจะเริ่มข้าหวังว่าจะมีโอกาสได้พูดคุยกับท่าน ใต้เท้าลินลี่ย์แต่ดูเหมือนว่าท่านมีเสน่ห์ยิ่งนักจึงดึงดูดความสนใจจากเด็กสาวพวกนั้นทำให้ข้าสิ้นโอกาสนั้นไป" ซาช่าหัวเราะออกมา
ลินลี่ย์มองซาช่า
ซาช่าตัวสูง รูปร่างสมส่วน และนางเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและมีชีวิตชีวาดวงตาอันมีเสน่ห์ของนางที่กำลังมองมาด้วยสายตาที่ทำให้ผู้คนเคลิบเคลิ้มมึนเมาเทียบกับเหล่าคุณหนูผู้สูงส่งเหล่านั้นแล้วสตรีเช่นนางเต็มไปด้วยเสน่ห์ของอิสตรีเหนือกว่ามากนัก
"เด็กสาวพวกนั้นงั้นรึ? ซาช่า ตัวท่านเองก็ยังเป็นเด็กสาวไม่ใช่รึ?" ลินลี่ย์ถามด้วยความ 'อยากรู้อยากเห็น'
ซาช่ายกไวน์ขึ้นมาจิบเล็กน้อยแล้วหัวเราะ "เด็กสาวคนหนึ่งงั้นรึ? ตอนนี้ข้าแต่งงานได้แปดปีแล้วข้ายังเป็นเด็กสาวอยู่อีกหรือไม่? "
ฟังแล้วลินลี่ย์อดแสดงความตกใจออกมาไม่ได้
"อย่างไรก็ตาม... สามีของข้าก็เสียชีวิตไปในวันที่เรากำลังเข้าพิธีแต่งงานกัน"ซาช่าชำเลืองมองลินลี่ย์ ขณะที่นางพูดด้วยเสียงกระซิบ
"เอ่อ ... ." สายตาของลินลี่ย์มองซาช่าเต็มไปด้วยความพิศวง
ซาช่าที่กำลังมองสีหน้าของลินลี่ย์อยู่อดที่จะเริ่มหัวเราะออกมาด้วยเสียงหัวเราะอันมีเสน่ห์ไม่ได้และแล้วนางก็ยกแก้วไวน์ของนางขึ้นมาจิบไวน์สีแดงอีกครั้ง นางพูดกับลินลี่ย์ขณะที่กำลังยิ้มแย้มว่า"ใต้เท้าลินลี่ย์ ท่านน่ะ... น่ารักมากจริงๆ"
ลินลี่ย์อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้เช่นกัน
ซาช่าคนนี้ช่างเป็นสตรีที่น่าสนใจจริงๆ
"ซาช่า เจ้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่?" ดยุคแพตเตอร์สันเดินเข้ามาพร้อมกับเสียงหัวเราะ
ซาช่า ชำเลืองมองกลับมาที่ดยุคแพตเตอร์สัน นางแกล้งทำเป็นโกรธกล่าวว่า"ท่านดยุค การสนทนาระหว่างข้ากับใต้เท้าลินลี่ย์เพิ่งจะเริ่ม ดี, ดี เชิญท่านกับเขาคุยกันตามสบายเลย" นางขยิบตาให้ลินลี่ย์ขณะพูดแล้วจากไป
ดยุคแพตเตอร์สันจ้องมองเงาหลังของซาช่าที่กำลังเดินจากไปชั่วขณะหนึ่งก่อนที่จะนั่งลงข้างลินลี่ย์
"ลินลี่ย์ เจ้าคิดว่าไง?" ดยุคแพตเตอร์สันพูดกับลินลี่ย์
"ข้าคิดว่ายังไงเรื่องอะไรงั้นรึ?"
"แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่อง ซาช่า" ดยุคแพตเตอร์สันมองลินลี่ย์อย่างมีนัยยะ"ลินลี่ย์ในแวดวงของขุนนาง ซาช่าเป็นสาวงาม ที่มีผู้คนตามตื้อมากมายนักมองดูเรือนร่างของซาช่าสิ ดวงตาของนาง ริมฝีปากจิ้มลิ้มของนาง โอ้... "
ลินลี่ย์ทำได้เพียงส่งเสียงหัวเราะออกมา
"ข้าขอบอกเจ้า ซาช่าดูจะสนใจในตัวเจ้าเป็นอย่างยิ่งหากเจ้าฉวยโอกาสนี้ไว้ เจ้าอาจจะคว้านางเอาไว้ในมือเจ้าได้"แพตเตอร์สันตบไหล่ลินลี่ย์เบาๆ
ลินลี่ย์เหลือบไปมองแพตเตอร์สัน "ข้าขอผ่านละกัน"
แพตเตอร์สันจ้องมองลินลี่ย์ด้วยความแปลกใจ
"ลินลี่ย์" แพตเตอร์สันลดเสียงของเขาลงขณะที่เขาพูดกับลินลี่ย์"คืนนี้หลังจากจบงานเลี้ยงแล้ว อย่าเพิ่งรีบกลับข้ามีเรื่องบางอย่างต้องการหารือกับเจ้า"
ลินลี่ย์สะดุ้งตกใจ
หรือว่านี่จะเป็นการหารือลับ?
"เจ้าคงไม่หักหน้าข้าใช่หรือไม่?" แพตเตอร์สันแกล้งทำเป็นมีโทสะ
ลินลี่ย์ปรายตามองแพตเตอร์สัน พึมพำกับตัวเองว่า"ข้าเองก็อยากรู้ว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่" อย่างไรก็ตามลินลี่ย์เองก็อยากมีโอกาสเข้าใกล้ตัวแพตเตอร์สันให้มากขึ้น...อีกนิด...เช่นกัน
"ไม่ต้องห่วง ท่านดยุค คืนนี้ ข้าจะรอพบท่านแน่นอน" ลินลี่ย์ยิ้มในขณะที่เขาตอบรับคำเชิญ
คืนนั้นเวลาสองทุ่ม ขุนนางมากมายกลับไปหมดแล้ว แต่ลินลี่ย์ยังไม่รีบร้อนอะไรเขายังจำคำเชิญจากแพตเตอร์สันได้
"ข้าอยากรู้ว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่"
ลินลี่ย์รออยู่เงียบๆในห้องโถงหลัก
"ลินลี่ย์, ข้าจะกลับแล้ว" เคลย์บอกลินลี่ย์ว่าเขาจะกลับแล้วผู้คนในห้องโถงหลักค่อยๆลดน้อยลงและน้อยลง ลินลี่ย์เดินออกไปสู่ระเบียงด้านนอกเพื่อคลายอารมณ์และเพลิดเพลินไปกับลมหนาวยามค่ำคืน
ขณะนั้นเองบ่าวรับใช้เดินอย่างเงียบสงบเข้าไปหาเขา
"ใต้เท้า ลินลี่ย์ ท่านดยุคให้มาเชิญท่าน" บ่าวรับใช้พูดเสียงเบา
"การหารือลับใช่ใหม?" ลินลี่ย์แปลกใจเล็กน้อย
"นำทางไป" มองอย่างผิวเผิน ลินลี่ย์ดูสงบบีบียังคงขดตัวอยู่ภายในเสื้อคลุมของลินลี่ย์ บ่าวรับใช้นำทางลินลี่ย์ไปตามทางมืดๆของซอยเปลี่ยวดูจากลักษณะของเส้นทางแล้ว นี่เป็นสถานที่ซึ่งผู้คนไม่ค่อยจะมากัน
"เรากำลังจะไปที่ใดกัน?" ลินลี่ย์ถามด้วยเสียงเบา
บ่าวรับใช้กล่าวอย่างเคารพว่า "ใต้เท้าลินลี่ย์ นี่เป็นคำสั่งของท่านดยุคห้ามมิให้ผู้ใดเห็นท่าน ใต้เท้าลินลี่ย์"
"โอ้?"
ลินลี่ย์ ขมวดคิ้วของเขา แต่ลินลี่ย์ไม่ได้กลัวเขายังคงเดินตามบ่าวรับใช้ต่อไป ขณะที่พวกเขาทั้งสองกำลังเดินไปตามทางผ่านความมืดในซอยเปลี่ยว แล้วเดินผ่านพุ่มไม้เล็กๆ ประตูลับเปิดอยู่และพวกเขาได้เดินทางมาถึงอาคารขนาดเล็ก
"เช่นนั้นตระกูลเด็บส์มีสถานที่ลับเช่นนี้" ลินลี่ย์พูดกับตัวเอง
เว้นแต่ว่าจะเป็นผู้มีประสบการณ์มากพอมันเป็นเรื่องยากมากที่จะพบอาคารเล็กๆที่ซ่อนอยู่ที่นี่
บ่าวรับใช้เดินนำลินลี่ย์ตรงเข้าไปยังห้องโถงหลัก
"ท่านดยุค ใต้เท้าลินลี่ย์มาถึงแล้ว"บ่าวรับใช้ตะโกนบอกว่าพวกเขามาถึงประตูทางเข้าห้องโถงหลักแล้ว
"ฮ่าๆ ลินลี่ย์มาถึงแล้วงั้นรึ?" ดยุคแพตเตอร์สันอยู่ในชุดคลุมยาวสีดำก้าวออกมาจากห้องโถงหลักดยุคแพตเตอร์สันกำลังมองลินลี่ย์ด้วยดวงตาเหยี่ยวที่เต็มไปด้วยประกายของความตื่นเต้นและเขาเดินอย่างเร่งรีบเข้ามา "เร็วเข้า ลินลี่ย์เข้ามาเถอะ"
บ่าวรับใช้กล่าวอย่างเคารพว่า "ท่านดยุค เช่นนั้นบ่าวจะออกไปก่อน"
"อ้อ เจ้าออกไปได้แล้ว" แพตเตอร์สันกล่าวอย่างไม่แยแส
บ่าวรับใช้คารวะแล้วหมุนตัวเดินออกไป แต่แล้วจู่ๆดยุคแพตเตอร์สันก็ปล่อยบางสิ่งออกไปจากแขนขวาของเขาด้วยความเร็วสูงสิ่งคล้ายมีดเจาะผ่านแผ่นหลังทะลุหน้าอกของบ่าวรับใช้อย่างโหดเหี้ยม
"อั่ก!"บ่าวรับใช้หันหน้ากลับมาและจ้องมองดยุคแพตเตอร์สันอย่างไม่อยากเชื่อเขาไม่อาจทำความเข้าใจได้ว่าทำไมดยุคแพตเตอร์สันผู้แข็งแกร่งถึงได้ลดตัวลงไปฆ่าคนต้อยต่ำเช่นเขา!
ช่างโชคร้าย ด้วยหัวใจที่ฉีกขาดเป็นเสี่ยงๆของเขา ใช้เวลาเพียงไม่วินาทีประกายชีวิตในดวงตาของเขาก็ปลิวหายไป
"ท่านดยุค นี่หมายความว่ายังไง... ?" ลินลี่ย์, ขยับตัวหลบออกไปด้านข้าง ยังพยายามสงบใจเอาไว้
ดยุคแพตเตอร์สันเป็นถึงนักรบระดับ 7สำหรับเขาแล้วการจะฆ่าบ่าวรับใช้ผู้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพียงนักรบระดับ 1 หรือ 2นั้นย่อมง่ายดาย
ดยุคแพตเตอร์สันดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากอกเสื้อและใช้มันเพื่อเช็ดเลือดออกจากมือของเขาและจากนั้นเขาโยนมันทิ้งอย่างไม่ใส่ใจไปบนพื้น
"ลินลี่ย์ มันไม่มีอะไรมากข้าเพียงไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเจ้ามาพบปะกับข้า" ดยุคแพตเตอร์สันหัวเราะเบาๆ
ลินลี่ย์มองดยุคแพตเตอร์สันด้วยความสงสัย"ท่านไม่อยากให้ใครรู้อย่างงั้นรึ?"
ดยุคแพตเตอร์สันพยักหน้าอย่างมั่นใจ "ไม่ต้องห่วงที่นี่เป็นห้องประชุมลับที่สร้างโดยเบอร์นาร์ดตามคำสั่งของข้าเองมีเพียงเบอร์นาร์ดเท่านั้นที่รู้ว่าข้าจะใช้ที่นี่ แต่เขาไม่ทราบว่าคนที่ข้านัดพบนั้นคือผู้ใดมีเพียงบ่าวรับใช้ที่ตายไปแล้วคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าเราพบปะกันดังนั้นไม่มีใครรู้ว่าเราพบปะกัน"
ลินลี่ย์ตัดสินใจก้าวเข้าไปในห้องโถงหลัก
"ดยุคแพตเตอร์สัน ดูท่าเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องสำคัญมากสินะ"ลินลี่ย์ยิ้มให้ดยุคแพตเตอร์สัน
แพตเตอร์สันพยักหน้า "ถูกต้อง และข้าจัดการวางแผนหลอกอีกด้วยในสายตาของคนอื่นๆ ข้าได้กลับไปยังคฤหาสน์ของข้านานแล้ว นอกจากเบอร์นาร์ดและพ่อบ้านของข้าแล้วข้าเกรงว่าเจ้าเป็นผู้เดียวที่รู้ว่าข้าอยู่ที่นี่"
"แผนหลอกงั้นรึ?" ลินลี่ย์สงสัยในใจ
"ดยุคแพตเตอร์สัน ท่านตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ท่านถึงได้นัดพบปะลับๆกับข้าที่นี่?" ลินลี่ย์ถามด้วยความสงสัย
ดยุคแพตเตอร์สันมองไปรอบๆ ก่อนจะปิดประตูเข้าห้องโถงหลัก
"มา เข้ามาคุยกันข้างใน" ดยุคแพตเตอร์สันใช้มือดึงลินลี่ย์มุ่งหน้าไปยังห้องเล็กภายในห้องโถงหลักหลังจากที่เข้ามาในห้องดยุคแพตเตอร์สันเปิดใช้งานกลไก ด้วยเสียงหินเสียดสีกัน, กำแพงหินเริ่มเคลื่อนออกเผยให้เห็นทางเดินหิน
ดังนั้นภายในอาคารลับเล็กๆหลังนี้ยังจะมีห้องลับใต้ดินซ่อนอยู่อีก
"ลินลี่ย์ เข้ามา"แพตเตอร์สันยิ้มให้ลินลี่ย์
ลินลี่ย์พยักหน้าและก้าวเข้าไปข้างใน
ภายในห้องใต้ดินมืดมากแพตเตอร์สันจุดเทียนสามเล่มบนเชิงเทียนสามง่ามแล้วหันไปยิ้มให้ลินลี่ย์
"ก็ไม่มีอะไรมากไม่ว่าจะคฤหาสน์ดยุคของข้าหรือคฤหาสน์ของเจ้าเองไม่เหมาะกับการพูดคุยเรื่องนี้มีสายลับมากเกินไปในสถานที่ทั้งสอง มันไม่ปลอดภัย"ดยุคแพตเตอร์สันปล่อยลมหายใจยาวๆออกมา
ลินลี่ย์เองก็รู้ว่าคฤหาสน์ของเขาอยู่ภายใต้การเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องจากวิหารเจิดจรัสรวมถึงเคลย์ด้วย
เพราะคฤหาสน์นี้ถูกมอบให้กับเขาโดยเคลย์ ข้ารับใช้ก็เป็นคนของเคลย์เช่นกันมันค่อนข้างเป็นเรื่องปกติหากสถานที่นี้จะเต็มไปด้วยสายลับของเคลย์ในขณะเดียวกันองครักษ์ของเขาเองก็เป็นคนของวิหารเจิดจรัสพูดตรงๆคือกิจกรรมต่างๆของลินลี่ย์ทั้งหมดภายในคฤหาสน์ของเขานั้นอยู่ภายใต้การจับตามองอย่างต่อเนื่องจากทั้งสองกลุ่ม
"ดยุคแพตเตอร์สันหัวข้อของการสนทนาในวันนี้ของเราน่าจะเป็นเรื่องสำคัญมากเอาเลยเล่าให้ข้าฟังสิว่าทั้งหมดนี่มันเรื่องอะไรกันแน่?" ลินลี่ย์ยิ้ม
แพตเตอร์สันดึงเอาการ์ดผลึกเวทออกมาจากอกเสื้อของเขา "ลินลี่ย์การ์ดใบนี้มีเงินอยู่สิบล้านเหรียญทองอยู่ข้างใน"
"สิบล้านเหรียญทองงั้นรึ?" ลินลี่ย์รอฟังคำอธิบายจากแพตเตอร์สัน
แพตเตอร์สันกล่าวอย่างจนปัญญา "ลินลี่ย์ ข้าจะบอกความจริงกับเจ้าหลังจากที่พระเชษฐาของข้าได้มอบหมายตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงการคลังของอาณาจักรให้กับข้านั้นข้าใช้อำนาจหน้าที่ของข้าเพื่อเพิ่มพูนความมั่งคั่งให้กับตัวข้าเองจนถึงตอนนี้กิจการของข้าถูกปกปิดเอาไว้ได้อย่างแนบเนียนแต่ตอนนี้กิจการลักลอบขนสินค้าหนีภาษีที่ข้าเข้าไปข้องเกี่ยวร่วมกับตระกูลอื่นนั้นมีขนาดใหญ่มากเกินไปจากที่แหล่งข่าวของข้าบอกมานั้น, เป็นไปได้ว่าพระเชษฐาของข้า...ได้พบเจอมันเข้าแล้ว"
แพตเตอร์สันยังคงปิดบังเรื่องบางอย่างไว้เรื่องที่เขาไม่ได้เปิดเผยคือตระกูลอื่นๆนั้นก็คือตระกูลเด็บส์
"การลักลอบขนสินค้าหนีภาษีขนาดใหญ่มากเกินไปงั้นหรือ? แต่เรื่องนี้มีอะไรที่ข้าทำได้ยังงั้นรึ?"ลินลี่ย์หัวเราะขณะที่เขามองแพตเตอร์สัน
แพตเตอร์สันรีบกล่าวว่า "มีบางเรื่องที่เจ้าทำได้แน่นอน ถึงแม้ว่าตัวข้าจะเป็นอนุชาของราชาเคลย์ข้ารู้ดีว่าเมื่อไหร่ที่เขาลงมือเอง เขาจะไม่มีความปราณีใดๆทั้งสิ้นข้าจะต้องหาหนทางถอนตัว ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตลอดหลายปีที่ผ่านมาข้าได้ทำหลายอย่างมากเกินไป เมื่อเรื่องนี้ถูกเปิดเผยกิจการอื่นๆอีกมากมายจะถูกเปิดเผยออกมาด้วยเช่นกัน"
"ดังนั้น ... ข้าอยากให้เจ้าเป็นตัวแทนข้าพูดกับคุณชายเยลของหอการค้าดอว์สันข้ารู้ว่าเจ้าเป็นเพื่อนสนิทกับเยล"แพตเตอร์สันไม่อาจซ่อนรอยยิ้มบนหน้าเขาได้
"พี่ใหญ่เยลงั้นเหรอ?" ลินลี่ย์เริ่มจะเข้าใจเจตนาของแพตเตอร์สัน
แพตเตอร์สันกล่าวอย่างจนปัญญา "ในอนาคต เมื่อเหตุการณ์เหล่านี้มาถึงไม่มีผู้มีอำนาจท้องถิ่นคนไหนสามารถช่วยข้าหนีออกจากเมืองเฟนไลได้ แต่หอการค้าดอว์สันนั้นทำได้อย่างแน่นอนเพราะอาณาจักรเฟนไลไม่กล้าบาดหมางกับหอการค้าดอว์สัน! ในเวลาเดียวกัน, วิหารเจิดจรัสจะไม่ทำเรื่องโง่ๆอย่างการไปทะเลาะกับหอการค้าดอว์สันเพียงเพื่อลงโทษขุนนางทุจริตฉ้อฉลอื้อฉาวเล็กๆนี่"
"ตราบเท่าที่หอการค้าดอว์สันเต็มใจที่จะออกหน้าพวกเขาสามารถช่วยชีวิตของข้าได้อย่างง่ายดาย แต่ข้าได้พูดคุยกับหอการค้าดอว์สันแล้วและพวกเขาก็ไม่เต็มใจที่จะบาดหมางกับราชาเคลย์เพราะเรื่องของข้า"สายตาของแพตเตอร์สันมองไปยังลินลี่ย์เต็มไปด้วยความหวัง
"ลินลี่ย์ คุณชายเยลนั้นเป็นบุตรชายของประธานหอการค้าดอว์สันคำพูดของเขามีอิทธิพลอย่างยิ่ง ยิ่งกว่านั้น หอการค้าดอว์สันตีค่าของเจ้าไว้ค่อนข้างสูงเช่นกันตราบเท่าที่เจ้าเต็มใจที่จะช่วยข้า พวกเขาย่อมไม่ปฏิเสธแน่นอน"ดยุคแพตเตอร์สันขอร้อง "หากไม่ได้เจ้าช่วยมีโอกาสมากที่ข้าจะตายได้โปรดข้าขอร้องเจ้า ข้ารับรองว่าจะไม่มีใครรู้ว่าเจ้ากับข้าเคยสนทนากัน"
"ตราบเท่าที่เจ้าเต็มใจช่วยข้าเงินสิบล้านเหรียญทองนี่จะกลายเป็นของเจ้า ลินลี่ย์ข้าขอร้อง" คำพูดของแพตเตอร์สันจริงใจ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวัง!
ลินลี่ย์หัวเราะออกมา
"ไม่มีใครรู้เรื่องนี้?" รอยยิ้มของลินลี่ย์เจิดจ้าขึ้นมา
"ใช่ จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้" แพตเตอร์สันรีบพยักหน้ารับ ดวงตาของเขาดูมีความสุข
ทันใดนั้นร่างกายของลินลี่ย์เริ่มเปลี่ยนแปลงด้วยความเร็วสูงเกล็ดมังกรดำเริ่มออกมาจากร่างกายของเขาในขณะเดียวกันเขาสีดำหนึ่งอันได้งอกออกมาจากหน้าผากของเขา มือทั้งสองข้างของเขาเปลี่ยนเป็นกรงเล็บมังกรนัยน์ตาทั้งสองข้างของเขายังเปลี่ยนไปจากสีเดิมเเป็นสีทองเข้มของมังกรเกราะหนาม
"จะ เจ้า... " หน้าของดยุคแพตเตอร์สันเปลี่ยนสีเขารู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขารีบเร่งโคจรพลังลมปราณของเขาและเริ่มเกร็งกล้ามเนื้อทุกมัดทั่วร่างของเขา
"ควับ!"
หางเหล็กเหมือนแส้ของลินลี่ย์หวดผ่านอากาศส่งเสียงดังน่ากลัว ต่อให้ดยุคแพตเตอร์สันมีเวลาตอบโต้และหลบหลีกเขาก็ไม่อาจหลบมันได้ และมันกระหน่ำฟาดลงบนร่างของเขาอย่างโหดเหี้ยม
"พลั่ก!"
แพตเตอร์สันนักรบระดับ 7 ถูกฟาดกระเด็นลอย เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว
แต่แล้วหางกลายเป็นแส้พันรอบตัวของแพตเตอร์สันต่อในทันทีเสียงของกระดูกเสียดสีดังออกมาจากทั่วทั้งร่างของแพตเตอร์สันกำลังขัดขวางเขาไม่ให้ขยับตัวได้แม้แต่กระดิกนิ้ว แพตเตอร์สันพยายามอย่างหนักเท่าที่เขาสามารถทำได้แต่แขนทั้งสองข้างของเขาไม่อาจทำลายพันธนาการนี้ได้
ลินลี่ย์ควบคุมหางมังกรของเขาให้ดึงตัวแพตเตอร์สันให้มาอยู่ตรงหน้าเขา
ลินลี่ย์ได้กลายร่างเป็นมังกรเต็มตัวสายตาที่เย็นชาและเลือดเย็นภายใต้ดวงตาสีทองเข้มมองจ้องไปยังดวงตาของแพตเตอร์สันลินย์ลีย์ผุดรอยยิ้มที่โหดร้ายขึ้นที่มุมปาก "ฮ่า ฮ่าเจ้าบอกว่า...จะไม่มีใครรู้เรื่องในวันนี้ มันช่างเหมาะอะไรเช่นนี้ ข้ารอคอยโอกาสเช่นนี้มานานเหลือเกินแล้ว""เจ้า...เจ้า" แพตเตอร์สันในตอนนี้รู้สึก"เจ้า... เจ้า"แพตเตอร์สันในตอนนี้รู้สึกหวาดกลัวจนกลายเป็นคนโง่งมอย่างสมบูรณ์หวาดกลัวจนกลายเป็นคนโง่งมอย่างสมบูรณ์