ตอนที่แล้วตอนที่ 136 – ตอนที่ 132 ถ้าเจ้าต้องการสู้ ข้าก็จะสู้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 138 – ตอนที่ 134 ปลดผนึกอสุรกายดำ

ตอนที่ 137 – ตอนที่ 133 ข้าจะส่งเจ้าไปสุขาวดี


แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่สามารถฆ่านักรบหัววัว อสูรเงินระดับ 6 ได้ทันที แต่การจู่โจมอย่างเยือกเย็นของเขากลับทำลายตาทั้งสองของมันได้

ในอากาศ นักรบหัววัวสูญเสียกำลังเคลื่อนไหวและตาทั้งสองของมันถูกทำลาย มันถูกฮุยไท่หลางกระโจนใส่เล่นงาน มันฝังเขี้ยวแหลมคมลงที่ขาของนักรบหัววัว มันยืมแรงเหวี่ยงจากตัวของมันพร้อมกับระเบิดพลังออกมา จากนั้นพุ่งเข้าใส่นักรบหัววัวและเหวี่ยงมันกระเด็นออกไป ความเคลื่อนไหวแบบนี้เป็นผลจากการฝึกพิเศษที่ฮุยไท่หลางได้รับจากเย่ว์หยางหลังจากเขาได้ศึกษาจุดอ่อนของอสูรชนิดต่างๆ

ยิ่งอสูรอยู่ห่างจากเจ้านายของตน ผลจากการควบคุมของเจ้านายมันก็อ่อนตามไปด้วย

ถ้าการเคลื่อนไหวของอสูรโง่อย่างนักรบหัววัวถูกเจ้านายควบคุมเบ็ดเสร็จ พลังต่อสู้ของมันจะมากขึ้นเหมือนกับเสือติดปีก

ตรงกันข้าม ถ้ามันล้มเหลวในการรับคำสั่งที่เจ้านายสัตว์อสูรส่งออกมา และควบคุมนัยน์ตามันไม่ได้เหมือนเคย มันกลายเป็นอสูรตาบอดไปแล้ว ฝีมือในการต่อสู้ของนักรบหัววัวจึงสูญเสียประสิทธิภาพไปมากมาย

นักรบหัววัวล้มลงกับพื้นและมันโดดลุกกลับมาทันที

ตาทั้งสองของมันมีเลือดพุ่งออกมา อย่างไรก็ตาม ร่างกายที่ทรงพลังของมันยังมีความสามารถในการต่อสู้สูง

“งั้นมันก็ไม่ใช่อสูรพิทักษ์ ตายเสียเถอะ” เย่ว์หยางมีความคิดว่านักรบหัววัวเป็นอสูรพิทักษ์ในตอนแรก ใครจะรู้กันว่าผู้อาวุโสเทียนเจิ้นไม่ได้ควบคุมนักรบหัววัวไร้สมองตัวนี้ รังสีฆ่าฟันบนใบหน้าของเย่ว์หยางปรากฏหนาขึ้นและด้วยท่าร่างที่เหมือนหงส์ทองเหินลงมาจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เขาเตะเข้าที่หน้าของนักรบหัววัวจนมันกระเด็นไป 10 เมตร ตอนนี้นักรบหัววัวคลุ้มคลั่งไปแล้ว มันเหวี่ยงขวานอย่างบ้าคลั่ง แต่มันจะเคลื่อนไปฟันเย่ว์หยางขณะที่มันยังตาบอดได้อย่างไร?

“กรรรร..” ฮุยไท่หลางคำราม ด้วยพลังเสียงดังกึกก้อง มันกระแทกใส่เอวของนักรบหัววัวอีกครั้งจนมันถอยหลังไปหลายเมตร

เย่ว์หยางกับฮุยไท่หลางร่วมมือกันขณะเข้าทำร้ายนักรบหัววัว โดยไม่สนใจผู้อาวุโสเทียนเจิ้น ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นโกรธจัดเพราะเขาถูกหักหน้า

ภายใน 10 วินาทีนักรบหัววัวก็กระเด็นกลับไปเกินกว่าร้อยเมตรด้วยฝีมือเย่ว์หยางและฮุยไท่หลางร่วมกัน

ที่ด้านข้างของศูนย์รักษาพยาบาลมีหน้าผาสูงร้อยเมตร ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นเห็นดังนั้น ก็เข้าใจแผนรบของศัตรูเขาได้ทันที พวกเขาวางแผนทำลายดวงตาของนักรบหัววัวก่อน และจากนั้นไล่ต้อนทำร้ายให้มันตกหน้าผาสูง ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นเรียกอสูรสายเสริมพลังออกมาอีก 2 ตัวรวดเดียว และผสานร่างเข้ากับพวกมัน จากนั้นเขายกดาบวิ่งเข้าใส่ศัตรูราวกับสายฟ้า “เจ้าหนูสกปรก อย่านึกว่าเจ้าจะหนีไปแบบนี้ได้นะ”

พอเห็นท้องฟ้าเต็มไปด้วยเงาดาบ สีหน้าของเย่ว์หยางดูสงบลงขณะโยนวัตถุชิ้นหนึ่งออกมา

นี่เป็นของที่เขาเก็บมาจากพ่อมดปีศาจซอร์จ “ลูกบอลมิติมรณะ” เมื่อมันแตกออก เจ้าสิ่งนี้จะเทเลพอร์ตผู้ใช้และคู่ต่อสู้เข้าสู่สมรภูมิดวลมรณะ

เมื่อเย่ว์หยางเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสเทียนเจิ้นผู้หยิ่งยโสที่สุดเท่าที่เคยพบมานี้ เขาก็ได้ลอบกำหนดแผนสังหารไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว ถ้าผู้อาวุโสเทียนเจิ้นไม่มีการป้องกันจากโล่พลังของคัมภีร์อัญเชิญ เย่ว์หยางรู้ว่าการฆ่าคนผู้นี้จะเป็นงานสุดง่าย แต่ตราบเท่าที่เขาละทิ้งการป้องกันและเอาตัวเข้ามาเสี่ยง อย่างนั้นก็จะถึงเวลาตายของเขาทันที

ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นนี้เป็นนักรบผู้กล้าแน่นอน เขาเชี่ยวชาญในการใช้อสูรสายเสริมพลัง เย่ว์หยางคาดว่า อสูรทั้งสองของเขาไม่ได้อ่อนแอกว่า “หมีมาตุภูมิ” อสูรชั้นทองที่อยู่ในตัวของผู้เฒ่าเย่ว์ไห่

ความจริงมีแนวโน้มเป็นไปได้ว่า เขามีทักษะรบของนักสู้ระดับ 7 (เหนือมนุษย์) เหมือนกับจุนอู๋โหย่วฮ่องเต้แห่งอาณาจักรต้าเซี่ย

เจ้าผู้นี้เป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือยากแน่นอน เทียบกับอาจารย์ผู้สอนของเย่ว์เฟิง, ผู้เฒ่าหมิง ความแข็งแกร่งของเขาจะมากกว่าถึง 2-3 เท่า

เย่ว์หยางเคยได้ยินมาก่อนว่าภายใต้การนำของประมุขนิกายไป่หยุน นิกายภูเขาหมอกมี 2 ปรมาจารย์ และ 4 ผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ เขาคาดว่าผู้อาวุโสเทียนเจิ้นนี้ มีพลังมากและสามารถมองข้ามอาณาจักรต้าเซี่ยได้ อาจเป็น 1 ใน 4 ผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ได้มากที่สุด ถ้าเขาไม่ใช้กระบี่ไร้ลักษณ์ปราณก่อกำเนิดของเขา อย่างนั้นคงเป็นเรื่องยากที่จะเอาชนะเจ้าผู้นี้ได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าศัตรูไม่ตายหลังจากเขาใช้กระบี่ไร้ลักษณ์ปราณก่อกำเนิดแล้วยังหลบหนีไปได้ ความจริงที่ว่าเย่ว์หยางเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดจะถูกรายงานไปยังประมุขนิกายไป่หยุนทันที

ดังนั้น เขาจะต้องตาย เย่ว์หยางใช้ลูกกลมมิติมรณะอย่างไม่เต็มใจนัก

ประกายแสงสีม่วงเข้มกระจายออก ในทันทีที่ดาบของเขากระแทกลูกกลมมิติมรณะจนแหลกและปล่อยคลื่นแสงกระจายออกมาโดยรอบ

ขณะที่ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นถูกคลื่นกระแทกปกคลุม เขาไม่สามารถโดดหลบได้ทันเวลา ร่างของเขาถูกลำแสงกวาดใส่เต็มที่แล้วเขาก็หายเข้าไปอยู่ใน “สมรภูมิดวลมรณะ”.. เย่ว์หยางก็หายไปในเวลาเดียวกัน แต่ฮุยไท่หลางหลบหนีไปทางตรงกันข้าม และมันกระโจนห่างออกมาอย่างประหลาดใจ เมื่อการเทเลพอร์ตเสร็จสิ้นลง มันหลอกล่อให้นักรบหัววัวตามมาที่ขอบหน้าผา จากนั้นก็ใช้ตัวมันกระแทกใส่นักรบหัววัวจนสุดกำลังของมัน ทำให้นักรบหัววัวร่วงตกหน้าผาสูงลงไป มันรีบวิ่งกลับมาและพุ่งเข้าใจปีศาจหมอกที่ห่อหุ้มหมอหญิงสูงวัยไว้ในหมอก ไม่มีเย่ว์หยางอยู่ที่นี่ เห็นชัดว่ามันไม่ต้องเกรงใจใครแล้ว มันเริ่มกระทำนอกคำสั่งทันที

ในอีกด้านหนึ่งของศูนย์การแพทย์ บุรุษตาอินทรีใช้ดาบใหญ่ฟันใส่งูขาวยักษ์ที่พยายามขดรอบตัวเขาอย่างดุเดือด

แต่งูขาวยักษ์ตัวนั้นเจ้าเล่ห์ ใช้ขนดหางของมันรัดบุรุษตาอินทรี มันรัดรอบเขาอย่างแรง เกราะดำของบุรุษตาอินทรีถูกทำลาย และร่างของเขาถูกบีบรัดทรมาน โชคดีที่การป้องกันตัวของเขาดีเยี่ยมและอาการบาดเจ็บที่เขาได้รับก็ยังไม่หนักมาก เขายังคงสู้ต่อไปได้

บุรุษตาอินทรีเจ็บปวดใจจนไม่อาจพูดออกมาได้

เขาไม่สามารถเรียกอสูรของเขาออกมาได้เพราะอสูรประเภทงูยักษ์ที่เขาเจอมันอยู่นี้เป็นดาวข่มของอสูรของเขา เขาจึงจำใจต้องใช้พลังของตนเองสู้กับงูยักษ์อสูรเงินระดับ 8

ในแผ่นดินมังกรทะยาน ผู้ใช้ลูกกลมมิติมรณะ จะถูกเทเลพอร์ตส่งไปยังสมรภูมิดวลมรณะพร้อมกับคู่ต่อสู้

สมรภูมิดวลมรณะนี้ จะแตกต่างจากสมรภูมิดวลมรณะในแดนปีศาจเล็กน้อย

พื้นที่แห่งนี้ใหญ่กว่าและสว่างกว่าเล็กน้อย ต่างจากสนามรบดวลมรณะในแดนปีศาจที่จะมืดกว่า ซึ่งจะช่วยให้เผ่าพันธุ์ปีศาจได้เปรียบในการต่อสู้ สนามรบดวลมรณะอย่างนี้เหมาะกับการต่อสู้ระหว่างนักรบมนุษย์กันเอง

“ดี, ทำได้ดีนี่ เจ้าหนูสกปรก” ตอนนี้ ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นโกรธจนได้ เขารู้สึกขายหน้า และนี่คือการขายหน้าที่มาจากการรู้ตัวว่าตนเองต้องเล่นตามบทที่คนอื่นกำหนด

“เจ้าหมาแก่! นี่คือคำพูดสุดท้ายของเจ้าใช่ไหม?” เย่ว์หยางยังจะทำเป็นมีมารยาทต่อเขาทำไม? เขาเรียกนางพญากระหายเลือดและโคเงาออกมาทันที

“นางพญากระหายเลือดหรือ? จ้าวอสูรทอง นางพญากระหายเลือดหรือนี่?” หน้าของผู้เฒ่าเทียนเจิ้นเปลี่ยนแปลงทันที หัวใจเขาเต้นรัว ไม่สามารถทำใจเชื่อได้ว่าเจ้าเด็กนี่จะเรียกอสูรทองในระดับที่เขาไม่สามารถครอบครองได้ ความริษยาเกิดขึ้นในใจเขา รังสีฆ่าฟันฉายแววอยู่ในดวงตาของเขามากกว่าเดิม ถ้าเขาไม่ฆ่าเจ้าเด็กนี่ในตอนนี้ เขาจะผ่านคืนวันได้อย่างยากลำบาก

โชคดีที่นางพญากระหายเลือดยังมีระดับที่ไม่สูงนัก นางเป็นแค่อสูรทองระดับ 4

มิฉะนั้น ในวันนี้ ไม่มีใครมั่นใจว่าเป็นฝ่ายชนะ

นางพญากระหายเลือดบินขึ้นไปอยู่กลางท้องฟ้า อย่างไรก็ตาม ภายใต้การควบคุมของเย่ว์หยาง โคเงายังไม่เริ่มเปิดฉากโจมตีทันที มันตามเย่ว์หยางอยู่ข้างหลังอย่างใกล้ชิด รอโอกาสเคลื่อนไหวโจมตี สำหรับต้นดอกหนาม, เสี่ยวเหวินหลี, และอสูรทองตัวเล็ก เย่ว์หยางสำรองเอาไว้ เขากะไว้ว่าจะเอาไว้เป็นไม้ตายระหว่างลอบโจมตี

ผู้เฒ่าเทียนเจิ้นดูเหมือนจะมีประสบการณ์ในการต่อสู้มามาก เขาไม่สามารถอัญเชิญคัมภีร์ของเขาได้อีก แต่เขาไม่ได้ใส่อสูรทั้งหมดของเขาลงในคัมภีร์ชั้นแพลตตินัม

เขาล้วงเอาแก้วผลึกที่เปล่งแสงออกมาจากนั้นเรียกอสูรภูผา อสูรทองแดงระดับ 7 ออกมาสู้กับโคเงาเถื่อนอสูรทองแดงระดับ 5 สำหรับนางพญากระหายเลือด เขาเรียกค้างคาวปีศาจสายฟ้า อสูรทองแดงระดับ 7 ค้างคาวปีศาจตัวนี้มี 2 หัวเคลื่อนไหวด้วยความเร็วดุจสายฟ้า และสามารถรับมือนางได้ ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นในตอนแรกคิดว่าเย่ว์หยางจะซ่อนตัวอยู่ภายในโล่แสงแทนที่จะออกมาสู้ แต่ใครเล่าจะคิดกันว่าเย่ว์หยางกลับออกมา อยู่ห่างจากคัมภีร์อัญเชิญของเขา

พอเห็นว่าเย่ว์หยางอยู่ห่างจากคัมภีร์ของเขา ผู้เฒ่าเทียนเจิ้นหัวเราะอย่างผยอง “เจ้าคิดว่าสามารถเอาชนะข้าได้ด้วยนางพญากระหายเลือด อสูรทองระดับ 4 ของเจ้าหรือ? ตลกจริงๆ!”

เย่ว์หยางไม่ตอบ เขากลับยกดาบวิเศษฮุยจินในมือแทน

เปลวเพลิงสีม่วงพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า

ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นฟาดฟันดาบโจมตีอย่างโหดเหี้ยมและมันใจในฝีมือตนเอง เย่ว์หยางหายไปราวกับกลุ่มควัน ขณะที่เขาเข้าจู่โจมอสูรศิลาทันที

“เจ้าโง่! เจ้ากำลังหาที่ตาย” ผู้เฒ่าเทียนเจิ้นคิดว่าต้องการฆ่าอสูรศิลาของเขาด้วยความละโมบก่อน จากนั้นจึงร่วมมือกับโคเงาของเขามารุมสังหารตัวเขาเอง เขาแค่นเสียงดูถูกพลางใช้ดาบทันที เขากวัดแกว่งดาบไล่ฟันเย่ว์หยางอย่างกระชั้น

ขณะที่อสูรศิลายกกระบองยักษ์ของมันฟาดไปรอบๆ อย่างโง่เขลา

โคเงาที่อยู่ต่อหน้ามันหลบการโจมตีตามตำแหน่งที่เย่ว์หยางส่งกระแสจิตบอกนาง ดาบสังหารยักษ์ในมือของนางฟันลงเข้าที่เอวของอสูรศิลาอย่างหนักหน่วง ตัดจนก้อนหินกระเด็นออกไป เย่ว์หยางก้าวมาถึงก็เหยียบหลังของโคเงาก่อนที่จะกระโจนขึ้นไปในอากาศ โคเงาเคลื่อนไหวประสานเข้ากับเขา และขณะที่นางหมุนตัว นางใช้มือดันส่งให้ร่างเย่ว์หยางบินสูงขึ้นไปกว่าเดิม

ร่างของเย่ว์หยางพุ่งข้ามท้องฟ้าเหมือนกับดาวตก ตรงเข้าหาค้างคาวปีศาจสายฟ้าและนางพญากระหายเลือดที่กำลังสู้อยู่กลางอากาศ

ดาบของผู้อาวุโสเทียนเจิ้นฟันใส่อากาศ เมื่อเขาตระหนักว่าเจ้าเด็กเจ้าเล่ห์หลบไปได้ เขาคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว แล้วย่อตัวกระโจนขึ้นไปในอากาศไล่ตามเย่ว์หยางราวกับพยัคฆ์ดุร้าย

เขารู้สึกว่าตราบใดที่มันยังเป็นแค่วิทยายุทธ์ ไม่มีผู้เยาว์แม้แต่คนเดียวที่จะรับการไล่ล่าของเขาถึง 3 ครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเพิ่มความแข็งแกร่งจากอสูรสายเสริมพลังถึง 2 ตัว ตราบใดที่เขาบีบให้เจ้าเด็กเปรตลงไปอยู่กับพื้นได้สักครั้ง แล้วมันจะถูกฆ่าทันทีอย่างแน่นอน

แต่เจ้าเด็กเปรตนั่นก็หลบได้ครั้งแล้วครั้งเล่า มันตั้งใจหลบแทนที่จะหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา

ค้างคาวปีศาจสายฟ้าไม่กลัวการโจมตีของเย่ว์หยางเลย มันมั่นใจในความเร็วของมัน และมันใช้คลื่นเสียงตรวจสอบตำแหน่งของศัตรูได้ก่อน

ตอนแรกมันใช้หัวทั้งสองผลัดกันยิงลูกกลมไฟฟ้าที่มีกระแสไฟหุ้มอยู่รอบมีเสียงเหมือนผีผา (กีตาร์จีน) จากนั้นใช้ปีกยักษ์ของมันสร้างคลื่นไฟฟ้านับไม่ถ้วนขณะที่มันกระพือไปรอบๆ การโจมตีก่อนนั้นเป็นทักษะธรรมชาติของค้างคาวปีศาจสายฟ้า ขณะที่การโจมตีเสริมครั้งหลังถูกควบคุมโดยผู้อาวุโสเทียนเจิ้น ในสายตาของผู้อาวุโสเทียนเจิ้น ตราบเมื่อเจ้าจิ้งจอกน้อยนี่แตะต้องคลื่นไฟฟ้าแม้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจะโดนไฟฟ้าดูดจนเป็นอัมพาตทันทีแล้วร่วงลงพื้น หมดหวังที่จะกลับมาได้อีก ผู้เฒ่าเทียนเจิ้นไม่มั่นใจว่าการโจมตีด้วยกระแสไฟฟ้าจะฆ่าศัตรูของเขาได้หรือไม่ แต่เมื่อร่างกายของเจ้าเด็กนี่เป็นอัมพาต แม้ว่าจะเป็นเพียงชั่วครู่ดาบของเขาสามารถเปลี่ยนเย่ว์หยางให้กลายเป็นผีได้…

“เจ้ามาได้ถูกเวลาทีเดียว” จู่ๆ เย่ว์หยางก็หมุนดาบวิเศษฮุยจินอย่างลึกลับ

เขาปลดปล่อยพลังทรงกลม พลังโจมตีที่เขาค้นพบด้วยตนเอง ปลาแฝดหยินหยางที่ไล่กวดกันและกัน

พลังคลื่นไฟฟ้าถูกตัดผ่านทันทีที่มันสัมผัสดาบที่หมุนวนของเขา ขณะที่ลูกบอลไฟฟ้าทั้ง 2 ลูกเข้าโจมตี มันเปลี่ยนรูปเป็นวงกลมหยินหยางในทันใด คลื่นไฟฟ้าที่ยุ่งเหยิงสับสนในท้องฟ้าก่อนหน้านี้ถูกดูดซึมเข้าไปตามแรงหมุนวนของดาบ และเปลี่ยนเป็นวงกลมหยินหยางที่สวยงามสมบูรณ์ เย่ว์หยางใช้มือขวาควบคุมวงกลมไฟฟ้าให้มารับดาบที่ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นเล็งมาที่หลังของเขา

ผู้เฒ่าเทียนเจิ้นถึงกับตะลึง วิทยายุทธ์ที่ลึกซึ้งเหมือนมีมนต์ขลัง สำหรับเขาไม่เคยแม้แต่จะได้ยินมาก่อน

นี่…เป็นแบบนี้ได้อย่างไรกัน?

นี่คือยอดวิชาใดกันแน่?

ในท้องฟ้า นางพญากระหายเลือดเคลื่อนไหวทันทีด้วยความเร็วที่เขาไม่สามารถเห็นชัดได้ด้วยตาเปล่า

นางบินโฉบลงแล้วใช้ดาบจันทร์เสี้ยวฟันลงตรงกลางหัวข้างหนึ่งของค้างคาวปีศาจสายฟ้าที่สูญเสียพลังไฟฟ้าไปจนขาดกลาง

มีดทองฆ่ามังกรในมือของนางพญากระหายเลือดอีกข้างหนึ่ง แทงเข้าที่ไหล่ขวาของค้างคาวปีศาจสายฟ้า ซึ่งเป็นจุดที่ตั้งหัวใจของมัน จากนั้นแทบจะทันที เย่ว์หยางมาถึงก็ฟันที่อกของค้างคาวปีศาจสายฟ้าด้วยดาบวิเศษฮุยจิน จากนั้นใช้มืออีกข้างจับค้างคาวยักษ์เหวี่ยงมันตรงไปที่ผู้เฒ่าเทียนเจิ้น ที่เพิ่งจะหลบดาบที่แฝงพลังหยินหยางตามมา

ประกายดาบของเขาจำแนกไม่ได้ว่าใครเป็นมิตรหรือศัตรู มันฟันเข้าใส่ค้างคาวปีศาจสายฟ้าที่บาดเจ็บหนักอยู่แล้ว จนขาดเป็นสองส่วน

เย่ว์หยางพุ่งมาถึงและด้วยความช่วยเหลือจากนางพญากระหายเลือด เขากระโดดต่อโดยใช้ซากของค้างคาวปีศาจสายฟ้าที่ถูกฆ่าตายไปแล้วเป็นที่หยั่งเท้า

ขณะที่ผู้เฒ่าเทียนเจิ้นต้านรับการโจมตีด้วยท่าทีหยิ่งยโส เย่ว์หยางและนางพญากระหายเลือดร่วมกันบุกใส่เขาทันที นางพญากระหายเลือดไปทางด้านขวาใกล้หูของผู้เฒ่าเทียนเจิ้นแล้วอ้าปากปล่อยคลื่นเสียงกรีดร้องทันที

“ฮ้าาาาาาาาาาาา……….”

ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นรู้สึกว่าสมองของเขาว่างเปล่า ทั้งที่มีอสูรเสริมพลังไว้คอยปกป้องแล้ว เขาไม่สามารถต่อสู้กับพลังโจมตีได้ขณะที่เขายังรู้สึกมึน

ในที่สุดเมื่อเขาหมดความรู้สึกมึนงง จู่ๆ เขาก็มองเห็นรูปวงกลมหยินหยางไฟฟ้าพุ่งมาหาเขาอย่างเร่งร้อน เขาไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่ตกใจอย่างหนัก และตาของเขาพยายามดูรอบๆ ขณะพยายามหลบมัน…

เย่ว์หยางพูดอย่างเย็นชา “สายไปแล้ว ข้าจะส่งเจ้าไปแดนสุขาวดี”

*********************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด