ตอนที่ 127 ตะลุยห้องสิบแปดมนุษย์ทองแดง
เจ้าของร้านตรวจดูทุกส่วนแต่ละส่วนอย่างระมัดระวัง แต่หยุดดูตรงที่หนังของงูภูตดวงดาว หยาหยาถลกหนังมันได้อย่างสมบูรณ์ หนังงูถูกถลกเป็นผืนเดียวกันอย่างสวยงาม ด้านบนของมันเป็นเกล็ดบรอนซ์ประณีตซึ่งมีเสียงคลิกทุกครั้งที่ขยับ
เจ้าของร้านอ้าปากค้าง "หนังงูตัวนี้สภาพดีที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมาเพราะเป็นงูระดับหก นี่น่าจะเป็นงูภูตดวงดาวที่ดูดกินจิตวิญญาณพลังยุทธโบราณและเปลี่ยนมันเป็นงูที่มีลักษณะประหลาด แม้ว่าแก่นพลังของมันไม่ค่อยได้ราคานัก แต่คุณภาพหนังของมันดีกว่างูภูตดวงดาวธรรมดามากนัก หนังงูตัวนี้ข้าขอซื้อไว้ที่ราคาสามแสนเหรียญดวงดาว สำหรับเขี้ยวงูคู่นี้ ข้าให้ราคาสองหมื่นเหรียญดาว ส่วนเอ็นงูให้ราคาห้าหมื่นเหรียญดาวรวมทั้งหมดก็สามแสนเจ็ดหมื่นเหรียญดาว เจ้าคิดว่ายังไง?"
สามแสนเจ็ดหมื่นเหรียญดาว ราคานี้มากกว่าที่เขาคาดเอาไว้มาก เขาตกลงราคานี้โดยไม่พูดอะไรต่อ
"ชื่นใจจริงๆ" เถ้าแก่ร้านค้ายินดี จากนั้นยื่นการ์ดเหรียญดาวให้"ทำไมเจ้าไม่ไปร้านอื่นและตรวจสอบราคาดูเล่า ร้านข้าให้ราคาสมเหตุผลเป็นปกติ ข้าหวังว่าเมื่อเจ้าได้ผลเก็บเกี่ยวที่ดีอีก เจ้าจะกลับมาที่ร้านของข้าก็ได้นะ"
"ไม่มีปัญหา!" ถังเทียนพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา และรับการ์ดเหรียญดาวไว้ จากนั้นถาม"ภายในเมืองสามวิญญาณ มีร้านขายการ์ดไหนที่น่าเชื่อถือมากบ้าง?"
เถ้าแก่ร้านคุ้นเคยกับเมืองสามวิญญาณ เขาตอบว่า "ร้านห้องการ์ดสมบัติ แม้ว่าจะราคาแพงมาก แต่ก็เป็นของชั้นดี"
เมื่อคิดถึงครั้งสุดท้ายตอนที่นกกระจอกเทศบรอนซ์กลได้รับเสียหายได้ อวี้เป่าเคยพูดถึงชื่อร้านนี้ไว้แล้ว ดูเหมือนร้านห้องการ์ดสมบัติจะค่อนข้างมีชื่อเสียง
ถังเทียนพยักหน้าและประสานมือขอบคุณเถ้าแก่ร้าน "ขอบคุณท่านมาก"
"ด้วยความยินดี" เถ้าแก่ร้านคำนับตอบ
ถังเทียนออกจากร้านมุ่งหน้าไปร้านห้องการ์ดสมบัติหลังจากได้รับรางวัลจากการเดินทาง ร้านห้องการ์ดสมบัติ หาได้ง่ายในเมืองสามวิญญาณไม่ต้องเสียเวลามากเขาก็เข้าไปในร้าน
ที่จริงเป็นร้านที่หรูดูดี ร้านห้องการ์ดสมบัติไม่อาจเทียบกับร้านโกโรโกโสของเซรีนได้
กลิ่นกำยานหอมลอยอยู่ในห้อง มีโซฟานุ่มและโต๊ะน้ำชาและขนมหวาน ชายังคงร้อนมีควันลอยหอมกรุ่นพนักงานต้อนรับอยู่ในชุดกี่เพ้าคอยยิ้มต้อนรับ ถังเทียนกังวลว่าถ้าพวกนางไม่ระมัดระวังพอชุดกี่เพ้าที่พวกนางสวมใส่อาจฉีกขาดก็เป็นได้
"เชิญค่ะ"
เสียงของหญิงงามไพเราะและนุ่มนวลฟังดูแล้วเป็นกันเองทำให้ผู้ฟังคลายความระมัดระวัง
ถังเทียนกวาดตามองดูไปรอบๆ ตรวจดูราคาน้ำโซดา, ค่าธรรมเนียมชา ค่าใช้จ่ายสาวงามและกังวลว่าหินดวงดาวในกระเป๋าเขาจะมีเพียงพอหรือเปล่า
"มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?" สุภาพสตรีคนหนึ่งในชุดกี่เพ้าชมพูเดินเข้ามาหา
"ข้ามาที่นี่เพื่อดูว่ามีการ์ดวิญญาณอะไรบ้างที่เหมาะสม"ถังเทียนไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ เขาแค่มองไปรอบๆ ด้วยความสงสัยนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าร้านหรูหรา แต่เขาไม่รู้ตัวว่าตนเองแสดงความเปิ่นเหมือนเด็กบ้านนอกออกไป
แต่แม้ว่าเขาจะรู้ตัว ถังเทียน เด็กหนุ่มนี้ก็คงไม่ใส่ใจ
พนักงานร้านไม่ได้ดูถูกถังเทียนเพราะหน้าตาบ้านนอกของเขา พวกนางเห็นโลกมามากและใบหน้าพวกนางก็ยังฉาบด้วยรอยยิ้ม"ขอถามหน่อยเถิด ท่านกำลังมองหาการ์ดแบบไหน?"
ถังเทียนตั้งใจจะซื้อการ์ดวิญญาณใบหนึ่ง แต่จู่ๆ ก็นึกไม่ออก
ไม่ว่าจะเป็นในห้องสิบแปดมนุษย์ทองแดง หรือการต่อสู้ในวันนี้เขาพบว่าจุดอ่อนของเขาก็คือ ปราณเที่ยงแท้ เขาบรรลุพลังระดับห้าไปแล้วและปราณเที่ยงแท้ของเขาแข็งแกร่งมากกว่าแต่ก่อน แต่ในด้านอื่นๆ จะถูกจำกัดไปด้วย
"มีการ์ดมังกรฟ้าระดับห้าไหม? หรือคัมภีร์ปราณกระเรียนระดับห้า?"
การ์ดทั้งสองนี้เป็นสิ่งที่ถังเทียนต้องการมากที่สุดในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นปราณมังกรฟ้าระดับห้าหรือพลังร่างกระเรียนระดับห้า ทั้งสองอย่างมีประโยชน์มาก
พนักงานมิได้ประหลาดใจ ถ้ามีใครบางคนสามารถขายของแถวนี้ได้ พวกเขาต้องไม่ถูกไล่ออกไปง่ายด้วยการ์ดวิญญาณธรรมดา นางคุ้นเคยกับการ์ดในร้านมากอยู่แล้ว และสามารถเชื่อมโยงราคาได้ทันที"ใช่ค่ะ, เรามีพลังมังกรฟ้าระดับห้าเป็นการ์ดชั้นทองราคาหกล้านเหรียญดาว ข้ารับรองได้เลยว่าท่านจะเข้าใจพลังมังกรฟ้าได้ทันที นอกจากนี้เรายังมีการ์ดคัมภีร์ปราณกระเรียนระดับห้า แต่เป็นการ์ดเงินราคาสามแสนเหรียญดาว"
ถังเทียนรู้สึกประหลาดใจ ราคาทั้งสองแตกต่างกันมาก แต่หลังจากนั้น เขาก็เข้าใจ
หนึ่งในนั้นเป็นการ์ดทองและอีกหนึ่งเป็นการ์ดเงิน ที่สำคัญที่สุดพลังร่างกระเรียนต้องฝึกฝนอย่างหนัก เป็นธรรมดาของสองโลกที่แตกต่างกัน แต่สำหรับถังเทียนพลังร่างกระเรียนมีประโยชน์มากกว่าพลังมังกรฟ้า หลังจากเชี่ยวชาญพลังสั่นสะเทือนพลังงานร่างกระเรียนก็ชัดเจนยิ่งขึ้นซึ่งเหมาะกับเขามากกว่าพลังระเบิดของปราณมังกรฟ้า
"ข้าชอบคัมภีร์กระเรียนระดับห้า" ถังเทียนล้วงเงินมากกว่าครึ่งหนึ่งของเขาออกมาตรงๆ
เขาดีใจจริงๆ ราคาเหรียญดาวนับว่าโหดจริงๆสามารถแลกการ์ดวิญญาณของสำนักกระเรียนได้ ก็นับว่าประทับใจจริงๆ
หลังจากแลกเปลี่ยนแล้ว ถังเทียนกลับมาที่ฐานทัพทันที
เมื่อกลับมาที่ฐานทัพ ถังเทียนไม่ได้ใช้การ์ดทันที เขานั่งเดินปราณอยู่บนพื้น
เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์เขาล้วงการ์ดวิญญาณของปราณคัมภีร์กระเรียนระดับห้าออกมา ทันใดนั้นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้เข้ามาอยู่เต็มหัวใจเขา มีทางหลายเส้นทางที่ปรากฏอยู่ในใจของเขา
ถังเทียนคุ้นเคยกับสถานการณ์เช่นนั้น เขาทำความเข้าใจบทสรุปภายในการ์ดวิญญาณทั้งหมด แต่เขาก็ขมวดคิ้วทันที
บางอย่างไม่ถูกต้อง
โดยไม่รู้ตัว เขารู้สึกเสมอว่าความเข้าใจอย่างนั้นถูกบิดเบือนไปหลายจุด
เขาใช้ปราณกระเรียนมามากที่สุดและเข้าใจเนื้อหาอย่างลึกซึ้ง มีลักษณะบางอย่างที่เขาไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนแต่เขารู้สึกได้เสมอว่าถูกหรือผิด ทันใดนั้น หัวใจถังเทียนตกวูบ เขาคิดทันทีว่าผู้เฒ่าเว่ยเคยพูดครั้งหนึ่งว่าวิชาร่างกระเรียนหายสาบสูญมาเป็นเวลานานแล้ว เป็นไปได้ว่า...
เขาหล่อหลอมความเข้าใจที่ซับซ้อนและเริ่มศึกษาเส้นทางด้วยพลังปราณเที่ยงแท้
ความเข้าใจที่แตกต่างเป็นอย่างหนึ่ง แต่ด้วยปราณเที่ยงแท้แล้วมันไม่เคยเปลี่ยน หลังจากผ่านไปสองสามวันและหลายสัปดาห์แห่งการพยายามใช้ปราณเที่ยงแท้ ถังเทียนก็ตระหนักได้ว่าความเข้าใจในการ์ดวิญญาณนั้นผิด
เขาพยายามครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ปราณเที่ยงแท้ของเขาจะรวมกันและสลายหมดไปในทันที เขาพยายามสร้างร่างกระเรียน
ตลอดสามวันมานี้ถังเทียนขังตัวอยู่ในห้องเพื่อฝึกฝนคัมภีร์ปราณกระเรียน
ทันใดนั้นนัยน์ตาวาววับปรากฏขึ้นในความมืด ปราณเที่ยงแท้ของถังเทียนเพิ่มขึ้นและโดยไม่ทันได้คิดเสียงหวีดดังออกมาจากลำคอของเขา ช่างเหมือนกับเสียงร้องของนกกระเรียน!"
ถังเทียนกระโดดขึ้นและหัวเราะ
"พลังงานร่างกระเรียนระดับห้า!ฮ่าฮ่าฮ่า! นี่มันยอดเยี่ยมมาก!"
"ความรู้สึกนี้สุดยอด!"
"ว้าว....ความจริงข้าก็คือหนุ่มน้อยชาวฟ้า"
"ฮะฮะฮ่า, พลังงานร่างกระเรียน,ในที่สุดข้าก็ฝึกได้สำเร็จเสียที!
……
เซรีนตกใจที่เนื่องจากเสียงร้องโวยวายกระทันหันของถังเทียนมือของนางสั่นจนกดผิดปุ่ม นางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟและหยิบสิ่งของรอบๆ ขว้างปาทันที"เจ้างี่เง่าบัดซบ!”
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
ถังเทียนคลานออกมาจากห้องสิบแปดมนุษย์ทองแดงอย่างบอบช้ำ หน้าของเขาขาวซีดแต่ตาของเขายังคงร้อนแรงดุจไฟ เขาท้าทายผ่านด่านห้องสิบแปดมนุษย์ทองแดงเพราะคิดว่าเนื่องจากเขามีพลังปราณร่างกระเรียนแล้วเขาจะปลอดภัย เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะถูกเจ้าหมายเลขเก้าหยุดไว้ได้อีก!
บัดซบ!
"ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเปล่าประโยชน์ เจ้าต้องรู้จักวิชาพวกภูษาหมอง พลังสั่นสะเทือนมีประโยชน์แน่นอน แต่ถ้าเจ้าพึ่งพาแต่พลังปะทะพลังแล้วทั้งสองฝ่ายก็มีพลังสูงส่งคล้ายกัน แน่นอนว่าพื้นฐานอย่างเจ้า เจ้าต้องเข้าใจวิธีใช้พลังสู้กับพลัง ซึ่งมันยากมาก อย่างไรก็ตามในด้านนี้ยังมีหวังเล็กน้อย..."
น้ำเสียงปิงเยาะเย้ยเขาอย่างเห็นได้ชัด
หน้าถังเทียนดำเหมือนก้นหม้อ เขาไม่ใช่คนที่ใจกว้างอยู่แล้ว พลาดท่าซ้ำสองในที่แห่งเดียวกันก็ว่าน่าอายแล้ว ล้มเหลวในที่แห่งเดียวกันนับไม่ถ้วนครั้งยิ่งน่าละอายน่าอัปยศอดสู เขาไม่เคยพบความล้มเหลวยาวอย่างนี้มาก่อนและสิ่งที่ยากจะยอมรับจนถึงตอนนี้ก็คือ เขายังหาทางออกไม่ได้
โธ่เว้ย!
ถังเทียนกัดฟันความอัปยศอดสูที่เขาสั่งสมมาทั้งมวลกำลังเผาไหม้ เหตุผลทั้งหมดกำลังถูกเผาไหม้
บัดซบ....
เราเอาชนะเจ้าพวกบัดซบนี้ไม่ได้เพราะอะไร...
ถ้าเรายังไม่อาจเอาชนะเจ้าพวกบัดซบนี้ แล้วเราจะผ่านถนนไปได้อย่างไร?
ถ้าเราไม่สามารถเอาชนะพวกบัดซบนี่ เราจะไปช่วยเชียนฮุ่ยได้อย่างไร?
ถ้าเราไม่สามารถเอาชนะพวกบัดซบเหล่านี้ได้ เราจะกลายเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดได้อย่างไร?
ถ้าเราไม่สามารถเอาชนะพวกบัดซบนี้ได้...
จะทำยังไงดี!
"ไปตายซะไป!แกเจ้าพวกบัดซบทั้งหลาย!"
ตาของถังเทียนแดงฉานเป็นเลือดทันที หน้าของเขาดูเจ้าเล่ห์และในมือของเขามีการ์ดมากกว่าสามใบ ทั้งหมดเป็นการ์ดทอง การ์ดสีทองส่องประกาย
การ์ดชุดนี้เขาได้มาเมื่อเขาตกลงแลกเปลี่ยนกับจิ่งหาวในรอยแยกพลังขณะแลกเปลี่ยนเครื่องฝึกพลังจิตวิญญาณการ์ดทองสามใบนี้เป็นวิทยายุทธระดับห้าทั้งหมด ประทับหัตถ์ใหญ่, วิชาถานถุ่ยและวิชาสลายวังวน
ขณะที่ปิงประหลาดใจ ถังเทียนใช้การ์ดทั้งหมดโดยไม่พูดอะไร
พร้อมกับเสียงคำราม ถังเทียนวิ่งกลับเข้าไปที่ห้องสิบแปดมนุษย์ทองแดง
"เจ้าบ้านี่...."ปิงหน้าซีด
ปัง ปัง ปัง ปังถังเทียนถูกโยนกลับออกมาอีกครั้ง น่วมไปทั้งตัว
เขานั่งเดินปราณโดยไม่พูดอะไร!
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ถังเทียนกระโดดขึ้นมา ชูแขนตะโกนลั่นจากนั้นวิ่งกลับเข้าไปในห้องสิบแปดมนุษย์ทองแดงอีกครั้ง
"มาเลย!"
ปัง ปัง ปัง ปังถังเทียนถูกโยนออกมาจากห้องสิบแปดมนุษย์ทองแดงอีกครั้ง
ถังเทียนตะเกียกตะกายลุกขึ้นมานั่งเดินปราณโดยไม่พูดอะไรสักคำ..
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เสียงคำรามก็ดังลั่นอีกครั้ง
……
ยี่สิบครั้ง
……
สี่สิบครั้ง
……
ปิงมองดูถังเทียนผู้บ้าบิ่นเหมือนเสาไม้ ตลอดชีวิตการเป็นทหารของเขาเขาไม่เคยพบคนดื้อรั้นบ้าบิ่นอย่างนั้นมาก่อน
เขาได้พบพวกหยิ่งในศักดิ์ศรี, เห็นแก่ตัว ได้พบพวกบ้าบิ่นผิดธรรมดาคนพวกนั้นจะสามารถผ่านห้องสิบแปดมนุษย์ทองแดงได้ในที่สุด แต่ไม่เคยมีใครใช้วิธีที่สิ้นหวังอย่างนั้นบุกเข้าห้องสิบแปดมนุษย์ทองแดง
เอาเลย! ลุยเลย!
เขาบุกด้วยความดุดันโดยไม่มีพัก
ไม่เลยสักครั้ง
บุรุษผู้นี้เคยท้อแท้บ้างไหม? เขาไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่าความหดหู่ใจหรือ?เขาไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่าความเจ็บปวดหรือ? เขาไม่รู้จักเมื่อยล้า? เขาไม่รู้ว่าเบื้องหน้าเขายังเหลือเวลาอยู่อีกมาก?
ไม่มีความจำเป็นต้องใช้วิธีที่หมดหวังเช่นนั้นเลย
ตราบใดที่เขาพยายาม เขาจะเอาชนะพวกมันได้! ทุกคนผู้เดินทางมาตรงนี้ก็จะมีผลออกมาเป็นอย่างนี้ เจ้าอ่อนแอกว่าพวกเขาตั้งแต่แรก ดังนั้นเป็นธรรมดาที่ต้องเจออะไรที่หนักกว่าเจ้าจำเป็นต้องใช้เวลามากกว่าพวกเขา นั่นเป็นเรื่องธรรมดา
ทำไมเจ้าถึงต้อง...
พวกมันก็เป็นแค่หุ่นบรอนซ์กลุ่มหนึ่ง...
เว้นเสียแต่...เมื่อเผชิญหน้ากับหุ่นบรอนซ์... เจ้าเกลียดความล้มเหลวมากกว่าสิ่งใดใช่ไหม?
ปิงมองดูถังเทียนอย่างงุนงง มองใบหน้าที่เจ้าเล่ห์ ดื้อรั้นเพลียและบอบช้ำนั้น
หน้ายังอ่อนนักแต่กลับมีดวงตาฉายแววดุจเปลวไฟ
ดวงตาที่ร้อนแรงของเด็กหนุ่มสบตาของปิง
โดยไม่ทันรู้ตัวเขาอดที่จะใจลอยมิได้