ตอนที่ 121 ดาบพิรุณสวรรค์
ทั่วทั้งสถานที่เงียบเป็นป่าช้า
พลังกรงเล็บที่ผู้อาวุโสกรงเล็บภูตพรายปล่อยออกไปนั้นสร้างความหวาดหวั่นขวัญผวาให้กับทุกคน อย่างไรก็ตาม เขาแค่ยืนคุ้มกันถังเทียนเหมือนชายชราธรรมดา เขาไม่ได้แสดงท่าทางอะไรอีก
สายตาทุกคนเปลี่ยนไปจ้องถังเทียนแทนทันที
ไม่แน่ใจว่าเป็นความสงสัยกลัว เคารพหรือสับสนกันแน่
คนผู้นี้มีเบื้องหลังเช่นไรกันแน่?
ภายใต้การโจมตีที่ทรงพลังน่าตระหนกทั้งสองครั้ง ความตั้งใจต่อต้านของตระกูลอวี่ทั้งหมดหายไปเหมือนควัน นอกจากมีเสียงต่อสู้ให้ได้ยินเป็นระยะๆสมาชิกตระกูลอวี่ที่เหลือทุกคนมีสีหน้าเหมือนกับยอมรับชะตากรรมแล้ว
หมิงจื่อฉวนและพวกที่เหลือหน้าไม่มีสีเลือด ในใจพวกเขารู้สึกยินดีอย่างไม่มีที่สุดเมื่อคิดดูอีกที ถ้าถังเทียนปล่อยขุนพลวิญญาณของเขาออกมาตั้งแต่แรก ทั่วทั้งลานคงนองไปด้วยเลือดไม่มีใครรอดชีวิตเป็นแน่
ดีแล้วแค่นั้นก็ดีแล้ว...
ซ่างกวนเฉียนมีสีหน้าตกตะลึง ขณะที่มีความสุขไปพร้อมกัน แต่เขาถอนหายใจ เนื่องจากเขาคิดว่าคุณชายอาเทียนต้องประสบกับหลายเรื่องที่อื่นไม่ล่วงรู้
ถังเทียนไม่สนอะไรอื่นเขาวิ่งไปหาหานปิงหนิงและสหายที่เหลือเพื่อตรวจสอบทันที
โชคดีที่เกือบทุกคนบาดเจ็บเล็กน้อยและแทบไม่เป็นอุปสรรคต่อพวกเขา
"นี่คือผู้อาวุโสหนงกรงเล็บภูตพรายหรือนี่?" บุรุษเท้าเปล่าร่างใหญ่ถามด้วยความเคารพเขามีผมกระเซิงและเครารุงรัง ใบหน้ามอมแมม แต่มีกลิ่นอายของจอมยุทธผู้กล้า
ผู้อาวุโสกรงเล็บภูตพรายยังยืนอยู่ห่างๆเหมือนกับไม่ได้ยินอะไร
ถังเทียนผงกศีรษะ"อืม"
จากนั้นจิ่งหาวจึงเดินเข้ามาและทักทายบุรุษร่างใหญ่เท้าเปล่า"คารวะอาจารย์อา!"
"ฮ่าฮ่า!"บุรุษร่างใหญ่เท้าเปล่าหัวเราะลั่น "จิ่งหาวน้อย เราไม่ได้เจอกันหลายปีแล้วเจ้าเติบใหญ่มากแล้ว"
เติบใหญ่...
จิ่งหาวนัยน์ตากระตุกเล็กน้อยเขาหลบตาลง พยายามจะไม่เหลือกตา
ข้าจะสามสิบขวบอยู่แล้วท่านยังพูดอย่างนั้นกับข้าอีก...
"นี่คือน้องถังเป็นผู้สืบทอดและรับมรดกของผู้อาวุโสหนงกรงเล็บภูตพราย และเป็นหนึ่งในพวกเรา"จิ่งหาวตัดสินใจเบี่ยงเบนหัวข้อสนทนา
บุรุษร่างใหญ่เท้าเปล่าดูเหมือนจะเข้าใจได้ทันทีเขาตบศีรษะตนเอง ฝุ่นและผงนับไม่ถ้วนฟุ้งออกจากตัวเขา
เมื่อเห็นเช่นนั้นทุกคนรีบถอยไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัว
"อ้อ..เจ้าคือถังเทียนสินะ"บุรุษตัวโตเท้าเปล่าขึ้นเสียงสูง เขารู้สึกทึ่ง ขณะที่เขาจ้องดูถังเทียน เขาพูดอย่างพอใจ "พื้นฐานของเจ้าแข็งแกร่งมาก เจ้ามีศักยภาพยิ่งใหญ่"
จิ่งหาวไร้อารมณ์ น้ำเสียงของเขาแนะนำถังเทียนอย่างเสียไม่ได้"นี่คืออาจารย์อาของข้า นามอู่กวง เจ้าไม่ต้องใส่ใจเขามากนักหรอก"
อู่กวงไม่พอใจ"จิ่งหาวน้อย เจ้าหมายความว่าไง ที่ว่าอย่าสนใจข้ามากนัก? นี่คือวิธีแนะนำตัวอาจารย์อาของเจ้าหรือ?"น้ำเสียงเขาเปลี่ยน แต่เต็มไปด้วยความคุ้นเคย "พ่อหนุ่มถังรอจนกว่าเราคุ้นเคยกันและกัน เจ้าจะรู้ว่าข้าน่าเชื่อถือแค่ไหน เมื่อมีธุรกิจใดๆ ในอนาคตเจ้าต้องจำไว้ให้นึกถึงข้า"
"ธุรกิจเหรอ?" ถังเทียนสับสน
"ถูกแล้ว ฆ่าคนวางเพลิง ทำลายบ้าน ก่อการวิวาทและปล้นทรัพย์ ทั้งห้าอย่างนี้ข้าไม่ทำแน่นอน"อู่กวงพูดเสียงกึกก้อง เขาตบหน้าอกกล่าวว่า "เจ้ามีเรื่องกับสมาคมรวมตระกูล ตราบใดที่เจ้ายินดีใช้บริการ ข้าสามารถช่วยเจ้าฆ่าพวกสมาคมรวมตระกูลให้หมดและสัญญาได้ว่าพวกมันจะไม่กล้าโผล่หน้ามาที่หมู่ดาวเพอร์ซูสอีกเลย"
"สมาคมรวมตระกูล?" นี่เป็นครั้งแรกที่ถังเทียนได้ยินชื่อเช่นนั้น
"เพิ่งจะเรืองอำนาจขึ้นมาเมื่อไม่นานนี่เอง" อู่กวงมีสีหน้าดูแคลน"คนกลุ่มนี้ไม่ได้ฝึกวิทยายุทธในวิถีที่ควรทำ ไม่ได้ฝึกอย่างถูกต้องแต่ต้องการจะหาวิธีลัดอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า ทำตัวเองจนไม่ใช่ทั้งคนไม่ใช่ทั้งผี"
จิ่งหาวสังเกตว่าถังเทียนยังมีสีหน้างงอยู่และรู้ว่าถังเทียนไม่ได้รับรู้ข่าวสารภายนอก จึงตัดสินใจอธิบาย "สมาคมรวมตระกูลเป็นกลุ่มพันธมิตรร่วมที่มีการทำงานซับซ้อนพวกเขามักค้นคว้าเรื่องการผสานรวมตัวกับขุนพลวิญญาณ ดูเหมือนพวกเขาจะประสบความสำเร็จ"
"เราสามารถผสานเข้ากับขุนพลวิญญาณได้หรือ?" ถังเทียนสงสัยมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินหลายเรื่องในวันเดียวกัน ทุกเรื่องไม่เคยได้ยินมาทั้งนั้น
"อืม"หน้าของจิ่งหาวกลายเป็นเคร่งเครียด "นี่เป็นเรื่องต้องห้ามอยู่เสมอขุนพลวิญญาณร่างหนึ่งจะผสานโดยวิธีกลืนขุนพลวิญญาณตนอื่นและกลายเป็นขุนพลวิญญาณที่แข็งแกร่งขึ้น"
ถังเทียนตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น"นั่น... นั่นเป็นไปได้ด้วยหรือ?"
จิ่งหาวเห็นสีหน้าถังเทียนแล้วอดยิ้มไม่ได้"พวกเขายังได้ก่อตั้งโรงเรียนแห่งหนึ่ง นอกจากค้นคว้าเรื่องขุนพลวิญญาณแล้วยังมีการค้นคว้าเรื่องสมบัติดวงดาวและค้นคว้าเรื่องสายเลือด สมาพันธ์ชาวยุทธของเราจะค้นคว้าเรื่องสมบัติดวงดาว เราจะนำเอาพลังของสมบัติดวงดาวออกมาใช้ได้ดีกว่า ขณะที่องค์การวิญญาณมืดจะดีเด่นในเรื่องดึงพลังสายเลือดออกมใช้ ยังมีโรงเรียนค้นคว้าสองแห่งที่ใหญ่ที่สุดนอกจากนั้น ยังมีการค้นคว้าแต่เก่าก่อนนั้น พวกเขาหมกมุ่นอยู่กับการค้นคว้าเครื่องกลโบราณและพยายามรื้อฟื้นงานวิศวกรรมเครื่องกล คนพวกนี้มีน้อยมาก ในโลกนี้มีสถาบันค้นคว้าที่แปลกประหลาดมากมาย"
"อย่าไปฟังเขาไอ้เรื่องสถาบันค้นคว้าบ้าบอนั่น" อู่กวงคำราม "พวกเขาก็แค่พยายามหาวิธีลัด พวกเขาหลงทางกันทั้งนั้นขุนพลวิญญาณที่พวกเขาเอามาใช้ ล้วนมีผลข้างเคียงทั้งนั้น มรรคาวิชาบู๊คือเส้นทางชีวิตของข้า"
"ถูกแล้ว"จิ่งหาวพูดด้วยความเคารพ "พวกเขาต้องใช้จิตวิญญาณพลังยุทธตนเองในตอนแรกเพื่อประทับและสร้างการ์ดวิญญาณจากขุนพลวิญญาณและจากนั้นใช้ผลของเทคนิคกลืนโดยการกลืนและผสานกับขุนพลวิญญาณอื่นๆ อย่างต่อเนื่องแต่เพราะเหตุนั้น เมื่อมองดูขุนพลวิญญาณดูเหมือนว่าพลังของมันจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดก็จริง แต่จิตวิญญาณพลังยุทธของขุนพลวิญญาณจะผสมปนเปกันมากเกินไปและจะเป็นเหตุให้เกิดเรื่องยุ่งยากไม่มีที่สิ้นสุด"
แล้วถังเทียนก็เข้าใจและพยักหน้า จิ่งหาวพูดถูกให้จิตวิญญาณพลังยุทธบริสุทธิ์ดีกว่า จากนั้นก็จะเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้น จากจุดนี้เขาได้ประสบมาด้วยตนเอง
"ฮืมม..นั่นไม่ใช่ทั้งหมดเสียทีเดียว" อู่กวงสั่นศีรษะ"ขุนพลวิญญาณนี้เกิดมาจากแบบพิมพ์จิตวิญญาณพลังยุทธของตนเองเพื่อที่ว่าจะได้ควบคุมขุนพลวิญญาณได้ พวกเขาจะทำความคุ้นเคยและสนิทกับขุนพลวิญญาณเมื่อขุนพลวิญญาณถูกสร้างมากไปมันจะกลืนกินเจ้าของตน
อู่กวงโบกมือและเปลี่ยนเรื่องคุยขณะมองถังเทียนอย่างคาดหวัง "แล้วเจ้าจะเอายังไง? เจ้าต้องการทำธุรกิจไหม? สบายใจได้น่า ข้ามีผลงานน่าเชื่อถือได้นะ ไม่เชื่อถามจิ่งหาวน้อยดูก็ได้"
จิ่งหาวมองจนใจขณะที่เขาก้มหน้ามองเท้าตนเอง "เจ้าไม่ต้องรบกวนเขาก็ได้"
อู่กวงตื่นเต้นและโกรธทันทีและจี้สะเอวจิ่งหาวและด่า "จิ่งหาวน้อย!เจ้าทำอย่างนี้กับอาจารย์อาได้ยังไง?"
จิ่งหาวยังคงจ้องดูเท้าตนเองต่อไปและพูดว่า "อย่าไปสนใจเขา"
อู่กวงโวยวายลั่น"จิ่งหาวน้อย! อย่านึกว่าเจ้าโตแล้วจะปีกกล้าขาแข็งนะ ข้าขอบอกซะก่อน เมื่อเจ้ายังตัวกะเปี๊ยก ข้าเป็นคนซื้อขนมให้เจ้ากิน"
"ชัดเจนเลยท่านอาไปขโมยเขามา" จิ่งหาวพูดเสียงในลำคอ แต่ทันทีที่เขาพูดถึง หน้าของเขากลับแดง
น่าขายหน้ามาก!
เป็นไปตามคาดเขาไม่อาจตอแยกับอาจารย์อาจอมวุ่นผู้นี้..
สีหน้าของจิ่งหาวกลับเป็นปกติ "ทำไมน้องถังจะต้องหาท่านด้วยเล่า? เว้นเสียท่านแข็งแกร่งกว่าผู้อาวุโสกรงเล็บภูตพราย ผู้อาวุโสกรงเล็บภูตพรายคือผู้บัญญัติวิชากรงเล็บเคียวเพลิงภูตพราย ท่านบัญญัติวิชาอะไรได้บ้าง?"
อู่กวงคำรามทันทีเสียงดังจนดูเหมือนลมที่รั่วจากลูกโป่ง
วิชากรงเล็บของผู้อาวุโสกรงเล็บภูตพรายก่อนนั้น แม้แต่อู่กวงก็รู้สึกทึ่ง ถังเทียนมีผู้ช่วยที่แข็งแกร่งคงไม่จำเป็นต้องได้ความช่วยเหลือจากเขาเลย
เมื่อครูก่อนนี้ธุรกิจจะสำเร็จอยู่แล้วถ้าขืนเป็นไปแบบนี้ ข้าคงได้จนตาย...
"ไม่ใช่ว่าเราจะไม่สามารถคุยธุระกันได้นี่"ถังเทียนลูบคาง เหมือนกับว่ากำลังคุยกับตนเอง
อู่กวงนัยน์ตาเป็นประกาย แค่เพียงถลันตัววูบเดียวเขาก็มาอยู่ข้างตัวถังเทียนแล้ว "โอ โอ โอ! พ่อหนุ่มเจ้าช่างมีอะไรพิเศษจริงๆ ชายหนุ่มอารมณ์ดี มีความเข้าใจโลกที่สมบูรณ์แบบจะทำให้มองเห็นโลกได้ปรุโปร่งทุกอย่าง"
จิ่งหาวอึกอักกล่าว "แต่ไม่สามารถมองทะลุผิวท่านได้...."
"จิ่งหาวน้อย, แม้ว่าเจ้าจะเป็นคนที่ข้าเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ แต่ถ้าเจ้าก้าวก่ายธุรกิจของข้า เจ้าคือศัตรูของข้า!"ตาของอู่กวงเป็นประกายแข็งกร้าว "อย่าบังคับให้ข้าต้องชักดาบ!"
"ดาบของท่านสนิมกินจนผุแล้วเมื่อท่านชักออกมา อย่านึกว่าข้าไม่เห็นนะ..." จิ่งหาวตอบเสียงเย็นชา
อู่กวงเกือบร้องไห้และโผเข้าหาจิ่งหาวแล้ว เมื่อถังเทียนยื่นนิ้วออกมาและกันร่างอู่กวงทันที อู่กวงหันมาดูนิ้วของถังเทียน
"สหายของข้านี้ตั้งใจจะร่วมกับกลุ่มของเรา แต่พวกเขาอยู่ในความดูแลของรัฐมนตรีข่ง เราจะทำยังไงดี?" ถังเทียนหันไปถามอู่กวง
จิ่งหาวกระชับกระบี่ของเขากล่าว"เรื่องนี้ปล่อยให้ข้าจัดการเอง..."
อู่กวงลืมตาโพลงในใจเต็มไปด้วยความเสียดาย เมื่อครู่ทำไมเขาถึงไม่ควงดาบและเตือนเจ้าเด็กบ้านี่? มันน่าฟันให้ตายนัก
อู่กวงกัดฟันกล่าว"ข้าจะจัดการให้เจ้าเดี๋ยวนี้ก็ได้"
ทันใดนั้นเขาขึ้นเสียงตะโกน"รัฐมนตรีข่ง ขอเชิญออกมาสนทนากันหน่อย"
สตรีร่างสูงโปร่งคล่องแคล่วเหินและร่อนลงมาอยู่ชายคาใกล้ๆ ข่งอี้หวี่ในชุดไหมยิ้มเฉิดฉันท์ "ดาบพิรุณสวรรค์อู่ต้าเริ่น(ท่านอู่) ข้าเชื่อเหลือเกินว่าเราจะต้องพบกันจนได้"
นางรักษาระยะห่างอย่างระมัดระวัง นางเพิ่งได้เห็นประจักษ์ถึงความร้ายกาจของพลังดาบอู่กวงแล้วและเขาขึ้นชื่อว่าเป็นคนไม่ถือเหตุผล
"รัฐมนตรีข่งเฒ่าอู่มีเรื่องให้ท่านช่วย" อู่กวงพูดเสียงดัง "เด็กๆเหล่านี้ทุกคนอยู่ในความดูแลของท่าน ข้าไม่แน่ใจว่ารัฐมนตรีข่งจะวางมือจากพวกเขาได้ไหม?"
สีหน้าของข่งอี้หวี่เปลี่ยนแปลงไปมา
แม้ว่าทั้งสี่คนจะเพิ่งแพ้ในการต่อสู้มาและไม่สะดุดตาเท่าถังเทียน แต่นางสามารถบอกได้ว่าทั้งสี่คนมีแนวโน้มและศักยภาพที่ดีและแม้ในตอนแรกนางก็คิดจะดึงถังเทียนเข้ามารวมในกลุ่มเด็กทั้งสี่ด้วย
แต่ดูเหมือนตอนนี้คงไม่มีหวังแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางเห็นสายตาแข็งกร้าวของอู่กวง นางยิ้มตอบรับ "พวกเขาสามารถได้รับความสนใจของดาบพิรุณสวรรค์ได้ก็ถือว่าเป็นโชคดีแล้ว ข้าหวังว่าอู่ต้าเริ่นจะดูแลพวกเขาเป็นอย่างดีเนื่องจากพรสวรรค์ของพวกเขาทุกคนไม่เลวเลย"
ทันทีที่นางโบกมือเสร็จการ์ดสี่ใบก็พุ่งเข้าหาทั้งสี่คน
ราวกับว่าการ์ดอ่อนทั้งสี่ใบถูกควบคุมด้วยมือที่มองไม่เห็นมันบินอยู่หยุดอยู่ต่อหน้าของทั้งสี่คน
“ทุกคนจะได้รับคนละ 10 คะแนนถือว่าเป็นของขวัญของข้า” ข่งอี้หวี่พูดอย่างธรรมดาด้วยสีหน้าปกติ
ข่งอี้หวี่เห็นแก่หน้ามากแล้วอู่กวงมีความสุขมากหันหน้ามาทางจิ่งหาวคล้ายๆ จะเย้ยว่าเห็นฝีมือหรือยัง
“ตกลง ข้าขอรับไว้”อู่กวงประสานมือคำนับข่งอี้หวี่และพูดเสียงดัง “ขอบคุณรัฐมนตรีข่งถ้ามีอะไรจะให้ข้าช่วยในวันหน้า แค่ส่งข่าวให้เฒ่าอู่ทราบก็พอ”
ข่งอี้หวี่ยังคงยิ้ม“เรื่องเล็กน้อยไม่ควรแก่การเอ่ยอ้าง อู่ต้าเริ่นจริงจังเกินไปแล้ว”
อู่กวงหันไปมองถังเทียนและตบหน้าอก“เรื่องเล็กแค่นั้น ไม่ต้องพูดถึงแล้ว”
จิ่งหาวยังพูดหน้าเย็นชาต่อไป“ใช่แล้ว มันเรื่องเล็ก”
อู่กวงยิ้มค้างบนใบหน้า
ถังเทียนถามต่อ“ข้าไม่ต้องการให้สมาคมรวมตระกูลเข้ามาเหยียบหมู่ดาวเพอร์ซูส”
“คิด 1000 คะแนน” อู่กวงยินดีอู่กวงทุบอกตัวเองอีกครั้งและประกาศลั่น “ตราบใดเจ้ายินดีจ่ายให้ข้า 1000 คะแนนข้ารับรองได้ว่าสมาคมรวมตระกูลจะไม่มีทางย่างเท้าเข้ามาในหมู่ดาวเพอร์ซูสได้เลยแม้สักครึ่งก้าว”
“ระวังนักธุรกิจไร้ยางอายด้วยล่ะ”เสียงเย็นชาของจิ่งหาวดังขึ้นมาอีกครั้ง
อู่กวงจ้องเขา
จิ่งหาวทำท่าเหมือนไม่เห็นอะไรและยังคงพูดต่อไป “ภายในกลุ่มยังมียอดฝีมือว่างอยู่หลายคน...”
อู่กวงคำรามทันที หน้าของเขามีแวววิงวอน “800 คะแนน! ราคาขาดตัวยอดฝีมืออย่างข้า ถ้าเรียกราคาต่ำขนาดนั้น ข้าก็แทบไม่เหลือหน้าแล้ว”
“ข้าให้ท่าน 1500 คะแนน” ถังเทียนส่ายหน้า แต่ท่านต้องแน่ใจนะว่ารับมือได้”
สำหรับถังเทียน 1500คะแนน ถือว่าถูกมาก เพราะผู้อาวุโสกรงเล็บภูตพรายถ้าออกมาแต่ละครั้ง ก็ต้องใช้ถึง1000 คะแนน และเขาสามารถอยู่ได้ครั้งละสามวันเท่านั้น ขืนออกมาสองสามครั้ง เขาคงไม่สามารถรับภาระได้
อู่กวงตะลึง แต่แล้วกลับมีความสุขทันที รังสีฆ่าฟันแผ่เต็มใบหน้าของเขา“ดี...ข้าจะถอนรากถอนโคนฐานก่อการของสมาคมรวมตระกูลในหมู่ดาวเพอร์ซูสแถวๆนี้ให้เรียบ และข้าจะไม่ยอมปล่อยให้พวกหนูเล็ดรอดหนีไปได้”รังสีอำมหิตกระจายอยู่ในอากาศเป็นจำนวนมากทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยน