883 - เผชิญหน้ากับหลี่เสี่ยวม่าน
883 - เผชิญหน้ากับหลี่เสี่ยวม่าน
ในอีกด้านหนึ่ง รถศึกสีดำยาวหนึ่งนิ้วในมือของเย่ฟ่านกลายเป็นรถศึกยาวสีดำราวกับหมึกโดยมีมังกรและเฟิ่งหวงสลักอยู่บนรถ และตอนนี้เขาได้บินขึ้นไปยืนบนรถทันที
นี่คือรถศึกที่เขาชิงมาจากน้องชายของหวังเถิงทรราชน้อยวัยเก้าขวบ ในเวลานั้นเขาได้ใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้าเพื่อปราบฝ่ายตรงข้าม มิฉะนั้นมันจะยุ่งยากจริงๆ
ตอนนี้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดถูกมอบให้กับผังป๋อ และเขาเป็นเจ้าของราชรถมังกรดำคันนี้ อย่างไรก็ตามนี่คืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างแน่นอน
“ฮั่วอวิ๋นเฟยอย่าดันทุรังอีกเลย อันที่จริงเจ้าควรจะพ่ายแพ้ไปนานแล้ว การใช้ทักษะฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องนั้นรังแต่จะทำให้เจ้าพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวชยิ่งกว่าเดิม”
เย่ฟ่านยืนบนรถศึกมังกรดำถือแส้ศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือ นัยน์ตาของเขาเบ่งบานด้วยแสงเย็นเหยียบราวกับราชาสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่
“การต่อสู้ในวันนี้บั่นทอนพลังงานของข้าจริงๆ ทักษะการฟื้นฟูนี้ใช้แก่นแท้ของข้าไปเกือบหมด และข้าคงต้องพักฟื้นเป็นเวลานานหลายปีกว่าจะฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติได้
ร่างศักดิ์สิทธิ์เทียนโบราณของเจ้าสมกับที่เป็นร่างศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งของโลกอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตามหาข้าสามารถกินเจ้าลงไปได้รับรองว่าสิ่งที่สูญเสียไปในวันนี้จะต้องคุ้มค่าอย่างแน่นอน”
ปากของฮั่วอวิ๋นเฟยยังคงมีหยดเลือดห้าสีไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่จิตวิญญาณของเขายังคงเต็มเปี่ยมและพุ่งเข้าหาเย่ฟ่านด้วยความแข็งแกร่งที่ไม่ลดลงแม้แต่น้อย
ดาวดวงใหญ่ที่เต็มท้องฟ้า ปล่อยกฎหมื่นวิถีลงมา แต่ละลำแสงสามารถฆ่าผู้ที่แข็งแกร่งในระดับเดียวกันได้
ราชรถสีดำก็พุ่งเข้าสู่รอยเต๋าที่ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งแต่ละรอยนั้นเหมือนเป็นเหมือนมังกรที่แท้จริงซึ่งพร้อมจะสังหารทุกสิ่งที่ขวางหน้า
อาวุธศักดิ์สิทธิ์ของราชาปะทะกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของราชา!
ในเวลาเดียวกันเย่ฟ่านเหวี่ยงแส้ของเขาเพื่อปิดผนึกสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลางหน้าผากของฮั่วอวิ๋นเฟย
ในระหว่างขั้นตอนนี้วงกลมกสีทองและแจกันเต๋าก็มีปฏิกิริยาเช่นกัน เย่ฟ่านใช้ทักษะเพิ่มพลังสิบเท่าปะทะกับทักษะเซียนโบยบินและบุปผาหมื่นกลีบอย่างสุดกำลัง
นี่เป็นการต่อสู้แบบเอาเป็นเอาตาย ทั้งสองใช้ทุกวิถีทางและไม่เก็บซ่อนมันไว้อีกต่อไป
เย่ฟ่านคำรามออกมา เขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะตัดศีรษะของฮั่วอวิ๋นเฟยให้ได้ แส้ทำลายเทพถูกฟาดออกไปเป็นร้อยๆ ครั้งในลมหายใจเดียวซึ่งทำให้สวรรค์พิภพสั่นไหวอย่างรุนแรง
“แค่ก”
ฮั่วอวิ๋นเฟยกระอักเลือดออกมา ร่างกายครึ่งหนึ่งของเขาถูกย้อมเป็นสีแดงที่ส่องประกายด้วยแสงห้าสี แม้ว่าเขาจะมีทักษะการฟื้นฟูมันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะฟื้นฟูความแข็งแกร่งอย่างไม่รู้จบ
“บูม”
เจดีย์เก้าชั้นของฮั่วอวิ๋นเฟยพังทลายลงเหลือเพียงห้าชั้นเท่านั้น อย่างไรก็ตามมันยังคงปลดปล่อยความกดดันที่น่าสะพรึงกลัวออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน
“อาวุธศักดิ์สิทธิ์หรือ?...” ดวงตาของเย่ฟ่านเป็นประกาย และเขากล่าวว่า “ถ้าเจ้ายังมีอาวุธของปราชญ์โบราณชิ้นอื่นอีกทำไมไม่หยิบออกมาตอนนี้เลย!”
รถศึกสีดำพุ่งไปข้างหน้า สั่นสะเทือนดาวดวงใหญ่อย่างหนัก เขาเหวี่ยงแส้ทำลายเทพสลับกัน แล้วโจมตีออกไปรวดเร็วราวกับสายฟ้า
“แค่ก”
ฮั่วอวิ๋นเฟยกระอักเลือดด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าตัวเองไม่สามารถทำได้อีกต่อไปเขาจึงเริ่มคิดที่จะหนีแล้ว
“เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก ข้าจะกลับมาเร็วๆ นี้ มียาเซียนมากมายในโลกที่ข้าหลอมไว้ แล้วเจ้ายังห่างไกลจากการเป็นคู่ต่อสู้ของข้า”
“ในโลกนี้ สิ่งที่ทรงพลังที่สุดไม่ใช่ร่างกาย ไม่ใช่คัมภีร์โบราณ ไม่ใช่ยาวิเศษ แต่เป็นใจของเจ้าเอง วิถีของเจ้า เมื่อเจ้าขาดความกล้าหาญสุดท้ายเจ้าก็ต้องตายอยู่ดี!” เย่ฟ่านแค่นเสียงเบาๆ
ในขณะที่ทั้งสองกำลังต่อสู้กันอยู่นั้นได้มีหญิงงามสวมชุดขาวราวหิมะบินเข้ามาในทิศทางนี้ราวกับปุยเมฆ นางเป็นหญิงงามที่มีร่างกายละเอียดอ่อนเพียงพอที่จะสร้างความลุ่มหลงให้ผู้คนจนตายได้
“ศิษย์น้องเสี่ยวม่านฆ่าเขาซะ ตอนนี้เขาใกล้จะหมดแรงแล้ว” ฮั่วอวิ๋นเฟยกล่าว
เย่ฟ่านยืนอยู่บนรถศึกโบราณสีดำ ถือแส้ทำลายเทพอยู่ในมือ ดวงตาของเขาเปล่งประกายอย่างเย็นชา
เขามองไปที่หลี่เสี่ยวม่านอย่างเงียบๆ พวกเขาทั้งสองคนล้วนเป็นผู้ที่มาจากอีกฟากหนึ่งของทะเลแห่งดวงดาว หากนางไม่ลงมือเขาก็ไม่คิดจะมองว่านางเป็นศัตรู
แต่หากหลี่เสี่ยวม่านสอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อไหร่รับรองว่าเขาจะไม่ปราณีอย่างแน่นอน
ภูเขาถล่ม หินทะลุก้อนเมฆ แผ่นดินจมลง ป่า เขา แม่น้ำ และทะเลสาบถูกทำลายล้าง ทุกหนทุกแห่งกลายเป็นเศษดินที่ไหม้เกรียม
หลี่เสี่ยวม่านสวมชุดสีขาวเดินเข้าสู่สนามรบยามสงบ ชุดสีขาวบริสุทธิ์ของนางโบกสะบัด ผมสีดำของนางปลิวไสว ดวงตาของนางกระจ่างใสชัดเจน และนางกำลังลอยตัวอยู่ในอากาศ
เย่ฟ่านไม่ได้กล่าวอะไรเพียงแค่เฝ้าดูอย่างสงบ ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีหรือการล่าถอย ความเป็นมิตรหรือความแค้น ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความคิดต่อไปของอีกฝ่าย
หลี่เสี่ยวม่านเข้ามาใกล้ หยุดอยู่ในความว่างเปล่าโดยไม่กล่าวอะไร แต่มีร่องรอยของความเย็นชาในดวงตาของนาง ซึ่งทำให้บรรยากาศละเอียดอ่อนขึ้นไปอีก
แม้ว่าฮั่วอวิ๋นเฟยจะได้รับบาดเจ็บหนักแต่เขาก็ยังสงบและเยือกเย็นมาก ในแง่ของความเป็นบุรุษ การใช้สตรีกำจัดศัตรูค่อนข้างไม่สมเหตุสมผล
หัวใจของเย่ฟ่านสั่นสะท้าน คิดว่าชายคนนี้ต้องรู้ความสัมพันธ์ระหว่างหลี่เสี่ยวม่านกับเขา สิ่งนี้รบกวนจิตใจของเขา และทำลายสภาพจิตใจที่สงบสุขของเขา
อดีตคนรักหันหลังให้กัน ชีวิตกับความตายต้องเผชิญหน้ากัน และไม่มีใครสามารถเผชิญหน้ากันอย่างสงบสุขได้
นี่ควรเป็นการโจมตีทางจิตใจของฮั่วอวิ๋นเฟยและเป็นการจงใจทำอย่างแน่นอน
“ศิษย์น้องเสี่ยวม่าน หากเจ้าต้องการบรรลุความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เจ้าต้องตัดขาดจากอดีตโดยสิ้นเชิง เพื่อที่จะได้เข้าใจหัวใจของเจ้า จงทำลายอดีตเพื่อพิสูจน์เต๋า” เสียงของฮั่วอวิ๋นเฟยสงบนิ่ง
ท่ามกลางภูเขาที่กลายเป็นดินแดนรกร้างและแห้งแล้งที่นี่ไม่มีแม้แต่ลมพัดเข้ามา
“ชิ้ง”
เสียงเบาๆ แทรกผ่านความเงียบและกระจายออกไปกว้างไกล เกราะดอกบัวชั้นหนึ่งปรากฏขึ้นบนร่างของหลี่เสี่ยวม่านแวววาวแบบโลหะศักดิ์สิทธิ์ เปี่ยมล้นด้วยประกายแห่งสวรรค์ทั้งห้าสี
“เคร้ง เคร้ง...”
เสียงยังคงดังต่อเนื่อง เกราะดอกบัวสั่นเบาๆ ชัดเจนและเสียงดัง ประกายโลหะห้าสีไหลออกมา หลี่เสี่ยวม่านสูงสง่า สวมชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์และถือทวนสีเงินไว้ในมือ
นางค่อยๆ ยกแขนขึ้น แสงสีเงินไหลเหมือนแสงจันทร์ที่ตกลงมา เสียงร้องของเฟิ่งหวงดังขึ้น ชัดเจนและไพเราะ
ร่างกายของนางปกคลุมด้วยเสื้อผ้าศักดิ์สิทธิ์ห้าสี นางทวนชี้ปลายทวนไปที่เย่ฟ่าน เผยให้เห็นรังสีแห่งการสังหาร
“ข้าไม่คาดคิดมาก่อนว่าเจ้าจะชี้ปลายทวนมาที่ข้า” เย่ฟ่านมองดูนาง จ้องมองไปยังคนคุ้นเคยแต่ไม่คุ้นเคยคนนี้
จากอีกด้านหนึ่งของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวพวกเขาเคยมีความรักต่อกันในอดีต แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากันอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่เคยคาดคิดว่าความสัมพันธ์จะพลิกกลับมันกลายเป็นแบบนี้ได้
หลี่เสี่ยวม่านไม่ได้กล่าวอะไรสักคำ แต่ก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว ทวนสีเงินชี้ไปที่หน้าอกของเย่ฟ่านซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายของการสังหาร
เย่ฟ่านรู้ว่าทุกอย่างระหว่างพวกเขาสองคนเป็นอดีตไปนานแล้ว เขาคิดว่าแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถกล่าวคุยอย่างราบรื่นเหมือนอดีตแต่มันก็ไม่ควรกลับกลายเป็นศัตรูเช่นนี้
“เจ้าคิดจะเป็นศัตรูกับข้าจริงๆ?” เย่ฟ่านมองนางอย่างใจเย็น
มีความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง และตามด้วยเสียง "เคร้ง" หลี่เสี่ยวม่าน วางทวนสีเงินลงแล้วกล่าวเรียบๆ ว่า “เจ้าไปเถอะ”
“ทำไมข้าต้องไป ข้ายังไม่ได้ฆ่าฮั่วอวิ๋นเฟย”
“ถ้าอย่างนั้นหรือเจ้าต้องการเป็นศัตรูกับข้า?” น้ำเสียงของหลี่เสี่ยวม่านสงบแต่ก็มีความเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ
“เป็นศัตรูกับเจ้าแล้วอย่างไร!”
เย่ฟ่านยืนอยู่บนรถศึกสีดำเผชิญหน้ากับคนสองคนที่อยู่ข้างหน้าโดยไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย
“เจ้าบังคับให้ข้าต้องใจร้าย”
ชุดเกราะดอกบัวของหลี่เสี่ยวม่านส่องแสง ระลอกคลื่นแห่งความแวววาวผันผวน และทวนสีเงินในมือของนางก็เจิดจรัสมากขึ้นเรื่อยๆ
เย่ฟ่านหัวเราะ แต่ค่อนข้างเศร้าโศก ท้ายที่สุดพวกเขาก็เคยมีอดีตร่วมกัน ต่อให้สิ่งนั้นจะไม่สามารถหวนคืนมาแต่อย่างน้อยความสัมพันธ์ระหว่างสหายก็ยังมีอยู่
“ข้าจะเป็นคนส่งพวกเจ้าออกเดินทางเอง!” เย่ฟ่านแค่นเสียงอย่างเฉียบขาด
“ศิษย์พี่โปรดต้านทานรถศึกมังกรดำนั้น”
หลี่เสี่ยวม่านกล่าวกับฮั่วอวิ๋นเฟย นางหวั่นเกรงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนั้นอยู่เล็กน้อย อย่างไรก็ตามความหวั่นเกรงนั้นไม่ได้มีมากเกินไปเพราะทวนศักดิ์สิทธิ์ในมือของนางก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน
“ตกลง!”
ฮั่วอวิ๋นเฟยพยักหน้า ดาวดวงใหญ่ที่ห้อยอยู่เหนือหัวของเขาสว่างจ้าขึ้นเรื่อยๆ เบียดเสียดเจดีย์ขนาดใหญ่ และเบียดเข้าหารถศึกโบราณสีดำ